พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า ต้องเรียก "ท่านโด" สิครับ

    .
     
  2. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    ไม่จริ๊งงงงงงงงง ไม่จริงคะ ท่านพี่ใจดีสุดๆคะ คุยสนุกอีกต่างหาก


    อิอิ ขอเก๋งจีนเป็นของรางวัลสำหรับหน้าม้านะคะ อิอิ

     
  3. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    55 ... ครั้งที่ไปประชุมล่าสุด(เป็นครั้งแรกของผม แล้วก็สายเสียด้วย) คิดอยู่ในใจ.คนนี้เป็นคุณน้องนู๋แน่ๆ และเป็นนักปฏิบัติธรรมตัวยงอีก เพราะหน้าท่านจะยิ้มน้อยๆออกมาแบบธรรมชาติหน่อย ซึ่งผมเคยไปปฏิบัติธรรมสายหลวงปู่พุทธทาสทาง บ. ส่งไปสมัยอยู่ซี.พี(บางท่านน่าจะเคยได้ยินโครงการ "ยกวัดมาไว้ที่เซเว่น" ก่อนหน้านี้ชื่อ ยกวัดมาไว้ที่ซี.พี.) อาจารย์ผู้สอนชื่อ พระอาจารย์ดุษฎี เมธงกุโร ท่านจะสอนว่า เวลานั่งสมาธิให้แย้มยิ้มน้อยๆ ... เออ ติดแฮะ จนบางทีเวลารมณ์ไม่ดีหน้าเราก็เผลอยิ้มอยู่นั่นแหละนะ 555 /แล้ววันนั้นผมรบกวนให้คุณน้องนู๋ช่วยดูพระที่พึ่งได้มาให้ พอบอกว่าแรง!เท่านั้นแหละ พระในกระเป๋าที่พกมาเอาไปให้ดูให้เกือบหมด ประทับใจประโยคที่ว่า "ปากน้ำรุ่นแรกๆนี่ผมก็มี แต่ตอนนี้เก็บไว้หมดแล้ว แล้วก็มีคนเสริมว่า ...ตั้งแต่รู้จักพระวังหน้า ฮา..." เอากะท่านรอง2ดิ อิอิ ท่านรอง2 ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ เอ่อ .. เรื่องดูกราฟอ่ะ :) ขอบคุณล่วงหน้าขอรับ .. ส่วนคุณหนุ่มนี่ผมคุ้นเสียงมั่กๆ แต่ก็ต้องกระซิบถามพี่ผู้หญิงข้างๆว่าท่านใดคับ อิอิ เพื่อความแน่ใจครับ .. และพี่มูริญโญ่นี่ผมคุ้นเคยไปเลยโดยที่ไม่รู้หรอกว่าท่านพี่คือพี่มูฯอิอิ อบอุ่นดีครับ ...อ่อ ยินดีด้วยนะครับพี่แหน่ง พี่ท่านได้ค้นพบอภินิหารด้วยตัวของท่านเองแย้ว ...
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 27 คน ( เป็นสมาชิก 8 คน และ บุคคลทั่วไป 19 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+, psombat+, dragonlord+, newcomer+, มูริญโญ่, narin96+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในสมาชิกชมรม ก็มีท่านนึงที่เก่งเรื่องของการทำสวน ทำไร่ มีอะไรสามารถปรึกษาท่านนี้ได้ ไว้วันประชุมชมรม จะเผยให้ทราบว่า เป็นท่านใด


    .
     
  6. psombat

    psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ยินดีครับทั่นรองฯ แสดงว่าคอเดียวกัน ผมก็ชอบเข้มนำ กลิ่นตามครับ หวานนิด มันหน่อย ขอรายละเอียดแมลงดาวด้วยครับผม อ่อ...น่าจะผสมกันได้นะครับเพราะเป็นตระกูลเดียวกัน ตั้งชื่อใหม่เป็น ห้วยดาว อิอิ ขำๆนะครับ และไม่เกี่ยวอะไรกะหลินปิงด้วยเน้อเจ้า ...
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า มาฝากเนื้อฝากตัวกับท่านรองnongnooo ด้วยนะครับ

    ผมยืนยันในคำพูดที่ผมบอกกับคุณpsombat ครับ

    ของจริงต้องพิสูจน์ได้

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ dragonlord [​IMG]
    ไม่จริ๊งงงงงงงงง ไม่จริงคะ ท่านพี่ใจดีสุดๆคะ คุยสนุกอีกต่างหาก


    อิอิ ขอเก๋งจีนเป็นของรางวัลสำหรับหน้าม้านะคะ อิอิ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ผมเป็นห่วงคุณnongnooo จริงๆเลย เดี๋ยวเดินไปตกหลุมแน่นอน

    ผมตกมาบ่อยแล้ว อิอิ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สอนลูกรู้จักเลือก-รู้จักกิน หลอมเด็กไทยสุขภาพดี
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085647
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 กรกฎาคม 2552 12:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"อ.สง่า ดามาพงษ์"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คงจะปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า "เด็กไทย" มีร่างกายไม่ส่วน บ้างก็อ้วนเกินไป บ้างก็ผอมเกินไป นั่นเป็นเพราะเลือกอาหารไม่เป็น และไม่เข้าใจหลักโภชนาการที่ถูกต้อง ทำให้ส่วนใหญ่เลือกกินอาหารแค่บางหมู่ และกินอาหารที่หวาน มัน และเค็ม แต่กินผักและผลไม้ลดลง รวมทั้งไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้เกิดการสะสมของพลังงานส่วนเกินในรูปของไขมัน นำไปสู่ปัญหาโรคอ้วนในที่สุด

    ปัญหาข้างต้น เป็นประเด็นถกเถียงกันหลายเวที เช่นเดียวกับงานเสวนา “ฉลาดกินกับวัยซน” ที่เนสท์เล่จัดร่วมกับกรมอนามัย ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “อ.สง่า ดามาพงษ์” นักวิชาการสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ กรมอนามัย และโฆษกกระทรวงสาธาณสุข บอกว่า

    ทุกวันนี้ผู้ใหญ่จะไปโทษฟาสต์ฟู้ดต่างชาติอย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะฟาสต์ฟู้ดไทยก็ใช่ย่อย เนื่องจากพ่อแม่ยุคใหม่ไม่ชอบทำกับข้าวหรือเตรียมอาหารให้กับลูก ทำให้เด็กหันมากินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไก่ย่างหรือไก่ทอดกันมากขึ้น โอกาสที่จะกินผักจึงมีน้อยมาก ทำให้เด็กไม่กินชินกับผัก หรืออีกส่วนอาจมาจากการตั้งโต๊ะอาหารภายในบ้านที่ขาดสีสันของผัก รวมถึงเมนูที่ทำ ไม่ค่อยมีผักเท่าที่ควร เด็กจึงไม่ชินกับผัก และไม่ชอบกินผักในที่สุด

    "ก่อนจะบอกให้ลูกกินผัก หรืออาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ใช่บอกว่า ลูกต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่นะลูก แต่ควรอธิบายให้ลูกฟังด้วยว่า เมื่อกินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ลูกจะได้สารอาหารประเภทไหนบ้าง เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยวให้แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตนะลูก ถั่วงอก หรือผักใบเขียวที่มากับก๋วยเตี๋ยวให้วิตามิน แถมช่วยให้การขับถ่ายของเราดีขึ้นด้วย หรือไขมันได้มากจากไหน นี่ไง กระเทียมเจียว ซึ่งต้องสอนลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเป็นช่วงที่ได้ผลที่สุด เพื่อที่เขาโตขึ้น จะได้ฉลาดเลือก และฉลาดกิน” อ.สง่าบอก

    นอกจากนี้ ตามที่องค์การอนามัยโลกระบุ เด็กไม่ควรกินน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ทุกวันนี้ อ.สง่าบอกว่า เด็กไทยกินน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 20 ช้อนชาต่อวัน เพิ่มขึ้น 3 เท่า ซึ่งน้ำอัดลม 1 กระป๋องก็มีน้ำตาล 6 ช้อนชาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ เด็กจึงได้แต่พลังงาน ไม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้เกิดการสะสม และเกิดภาวะโรคอ้วน และเป็นเด็กขาดสารอาหารในที่สุด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ขณะที่ยังมีผลวิจัยที่น่าตกใจออกมาอีกว่า เด็กอ้วนมีประสิทธิภาพการเรียนด้อยกว่าเด็กที่มีร่างกายปกติอย่างชัดเจน เนื่องจากหิวบ่อย ขาดสมาธิในการเรียน โดยเฉพาะเด็กอ้วนในช่วงประถมต้น ถ้าไม่ลดน้ำหนัก เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะมีร่างอ้วนถึงร้อยละ 30 และที่หนักกว่านี้คือ ถ้าเลยไปถึงช่วงมหาวิทยาลัย จะมีโอกาสอ้วนถึงร้อยละ 80 ดังนั้นพ่อแม่ที่มีลูก ควรสอนให้ลูกอ่านข้อมูลทางโภชนาการที่ระบุมากับกล่องนม หรือถุงขนมทุกครั้ง เพื่อที่ลูกจะได้เคยชินกับการสังเกตคุณค่าทางอาหาร และเลือกกินได้อย่างเหมาะสม

    อย่างไรก็ดี การส่งเสริมให้เด็กวัยเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็กมีโภชนาการที่เหมาะสมนั้น อ.สง่าบอกว่า สามารถทำได้คือ เสริมให้เด็กกินอาหารว่างวันละ 2 มื้อ เน้นอาหารว่างในช่วงบ่าย เพราะจะช่วยพัฒนาทักษะความจำ และสร้างความพร้อมในการเรียนให้เด็กได้มากขึ้น ซึ่งอาหารว่างที่ดี ควรให้พลังงานไม่เกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวัน นั่นคือ ไม่เกินมื้อละ 150 กิโลแคลอรี่ ซึ่งอาหารว่างที่ดีคือ นมจืด และผลไม้เป็นหลัก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=230 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=230>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>“ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน” </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สอดรับกับคุณแม่ลูกสามแต่ยังแจ๋วอย่าง “ปิ่น-เก็จมณี วรรธนะสิน” หรือ “คุณแม่ปิ่น” ได้เผยเคล็ดลับในการเลือกอาหารว่างที่เหมาะสมให้กับ “เจ้านาย เจ้าขุน และเจ้าสมุทร” ว่า เธอจะดูแลเรื่องอาหารที่ลูกทานเองทั้งหมด และมักจะสอนลูกตั้งแต่เล็กในการกินอาหารที่เหมาะสม และไม่ทำลายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นของมัน หรือของทอด ขนมถุง โดยเฉพาะน้ำอัดลม ซึ่งเธอจะไม่ให้ลูกกินเลย

    รวมไปถึงอาหาร หรือขนมที่มีสีสันฉูดฉาด ที่น้อยครั้งมากที่เธอจะให้ลูกกิน เพราะอาจได้รับสีผสมอาหารที่เกินค่ามาตรฐาน หรืออาจเจอสีสังเคราะห์ ที่ทำให้ลูกเสี่ยงต่อการเป็นเด็กไฮเปอร์ได้ ที่สำคัญเรื่องของการกินผัก เธอจะให้ลูกสัมผัสกับผักตั้งแต่ฟันเพิ่งเริ่มขึ้น ขณะเดี่ยวกัน เวลาที่ตั้งโต๊ะอาหารก็จะมีการตกแต่งจานข้าวของลูกให้ดูน่าทาน โดยมีผักเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ลูกทุกคนไม่ปฏิเสธที่จะกินผักเลย

    เมื่อถามถึงวิธีการเลี้ยงลูก คุณแม่ปิ่น บอกว่า เธอใช้วิธีเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่เลี้ยงแบบเป็นคุณชายมากเกินไป ซึ่งจะสอนให้คิดและทำอะไรเองเป็น ที่สำคัญเธอต้องใช้ความอดทน และความเป็นแม่ในการเลี้ยงดูลูกสูงมาก ต้องเข้าใจลักษณะนิสัยของลูกแต่ละคน และจะให้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า เธอหายไปจากวงการช่วงหนึ่ง เพราะต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่ตอนนี้ลูกบางคนเข้าโรงเรียนไปบางส่วนแล้ว เธอจึงมีเวลาเล่นละครมากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะมีงาน ทุกเย็นหลังเลิกเรียน เธอจะสอนการบ้านลูกเองตลอด และจะเน้นเรื่องออกกำลังกาย เพราะที่บ้านเป็นครอบครัวนักกีฬา ซึ่งคุณพ่อเจ และตัวเธอเองจะเป็นแกนนำ ลูกจึงเล่นกีฬาได้หลายอย่างมาก

    ถึงแม้จะมีเวทีเสวนาเรื่องการบริโภคไม่ถูกต้องมาหลายเวที ซึ่งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายบ้าง ไม่เข้าถึงบ้าง ทำให้ปัญหาที่เกิดจากการกินยังดูเหมือนคงที่อยู่ ดังนั้น ทางบริษัทเนสท์เล่ (ไทย) จำกัด จึงได้จับมือกับกรมอนามัย จัดทำสื่อในรูปแบบ Edutainment ถ่ายทอดสาระความรู้ด้านสุขภาพ และโภชนาการที่เข้าใจง่าย ผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนนิเมชั่น “ฉลาดกินกับวัยซน” ซึ่งออกอากาศทางช่อง 7 ทุกเย็นวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.00 น. เพื่อช่วยให้พ่อแม่ยุคใหม่สามารถสอนลูกในวัยกิน และวัยเรียนได้อย่างเหมะสม เชื่อมสัมพันธ์พ่อแม่ลูกได้เป็นอย่างดี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ประจำเลยแหละครับ น้องรักของคุณหนุ่มท่านนี้ ประมาทไม่ได้จริงๆครับ หุ หุ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ไมเคิล คอลลินส์" นักบินอพอลโล 11 ผู้ถูกลืม ทั้งที่ร่วมก้าวแรกสู่ดวงจันทร์
    Science - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>29 กรกฎาคม 2552 15:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ไมเคิล คอลลินส์ นักบินอวกาศอีกคนที่เดินทางไปกับอพอลโล 11 และต้องสัมผัสกับความโดดเด่นที่มนุษย์คนอื่นๆ ไม่อาจจินตนาการได้ (เรดออร์บิท/นาซา)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>คอลลินส์ตรวจสอบระบบสื่อสารเป้นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นบิน (นาซา/สเปซด็อทคอม)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>คอลลินส์ (ซ้าย) พร้อมด้วยอาร์มสตรอง (กลาง) และอัลดริน (ขวา) เข้าพบจอร์จ ดับเบิลยู บุช อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ (นาซา/สเปซด็อทคอม)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้การต้อนรับและเยี่ยมนักบินอพอลโล 11 ซึ่งอยู่ภายในห้องกักบริเวณเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากนอกโลก (ซ้ายไปขวา) อาร์มสตรอง, คอลลินส์ และ อัลดริน (นาซา/สเปซด็อทคอม) </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ฮีโร่ในปัจจุบัน (ซ้ายไปขวา) อัลดริน , คอลลินส์ , อาร์มสตรอง และ คริส คราฟต์ (Chris Kraft) อดีตผู้อำนวยการศูนย์อวกาศจอห์นสัน และผู้สร้างศูนย์ควบคุมปฏิบัติการของนาซา </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ฮีโร่ในปัจจุบัน (ซ้ายไปขวา) อัลดริน , คอลลินส์ , อาร์มสตรอง และ คริส คราฟต์ (Chris Kraft) อดีตผู้อำนวยการศูนย์อวกาศจอห์นสัน และผู้สร้างศูนย์ควบคุมปฏิบัติการของนาซา (เอพี)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>หลังจากเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ได้เป็นคนแรกแล้วกลับสู่โลก "นีล อาร์มสตรอง" ก็ดังเป็นพลุแตก เขากลายเป็นหนึ่งในข้อสอบที่เด็กๆ ท่องกัน ขณะที่ "บัซ อัลดริน" ผู้ร่วมสำรวจดวงจันทร์กับเขาเมื่อ 40 ปีที่แล้วก็โดดเด่นเคียงคู่กัน

    แต่ทราบไหม? เที่ยวบิน "อพอลโล 11" ครั้งนั้นยังมี "ไมเคิล คอลลินส์" อีกคนที่ร่วมเดินทางไปด้วย แล้วเหตุใดเขาจึงกลายเป็นนักบินอวกาศที่ถูกลืม?

    หลายคนแทบจะนึกชื่อของเขาไม่ออก และไม่ทราบว่า "ไมเคิล คอลลินส์" (Michael Collins) คือนักบินอวกาศอีกคนที่เดินทางไปกับยานอพอลโล 11 (Apollo11) ซึ่งส่งคนไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรกเมื่อ 40 ปีก่อน และคงไม่ทราบถึงความหวาดกลัวที่เกาะกุมหัวใจของเขา ขณะนำยานโคลัมเบียซึ่งเป็นยานแม่ ในเที่ยวบินดังกล่าวบินผ่านพื้นผิวดวงจันทร์ไป

    ตามรายงานของเมลแอนด์การ์เดียนออนไลน์ระบุว่า คอลลินส์รอคอยสัญญาณการทะยานขึ้นจากพื้นผิวดวงจันทร์ ของนีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และ บัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) เพื่อนร่วมเดินทาง หลังจากลงไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จอย่างใจจดใจจ่อ

    ข้อความที่ส่งกลับมา ช่วยขับไล่ความกลัวอยู่ลึกๆ ของคอลลินส์ว่า เขาจะเป็นเพียงคนเดียว ที่รอดชีวิตจากโศกนาฎกรรมอพอลโล 11 และเขาจำต้องเดินทางกลับโลก มุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกาตามเวลาที่กำหนดเพียงลำพัง ในฐานะ "ผู้มีรอยแผล"

    ณ เวลานั้นไม่มีใครที่ตกอยู่ในภาวะกดดันเท่ากับคอลลินส์อีกแล้ว

    เขาถูกทำให้เชื่อมั่นในเครื่องยนต์ของยาน "อีเกิล" (Eagle) ที่นำอาร์มสตรองและอัลดรินสู่พื้นผิวดวงจันทร์ แต่เครื่องยนต์ดังกล่าว ไม่เคยเดินบนพื้นผิวของดวงจันทร์มาก่อน และนักบินอวกาศหลายคน ต่างสงสัยในความสามารถของเครื่องยนต์

    เป็นไปได้ที่เครื่องยนต์จะล้มเหลวในการจุดระเบิด แล้วอาร์มสตรองกับอัลดรินต้องติดอยู่บนดวงจันทร์ และเสียชีวิตเมื่อออกซิเจนของพวกเขาหมด หรือถ้าล้มเหลวในการจุดระเบิดภายใน 7 นาที มนุษย์อวกาศทั้งสองก็มีสิทธิ์โหม่งพื้นดวงจันทร์ หรือไม่ก็ถึงวงโคจรที่ต่ำเกินกว่าจะเชื่อมต่อกับคอลลินส์ในยานโคลัมเบียซึ่งเป็นยานแม่ได้

    มนุษย์อวกาศทั้งสามของอพอลโล 11 เชื่อว่ามีโอกาสที่จะเป็นเช่นนี้ได้ โดยอาร์มสตรองคิดว่าเขามีโอกาส 50-50 ที่จะกลับโลกได้ เช่นเดียวกับคอลลินส์ผู้ขับยานแม่ และเป็นหนึ่งในคนที่มีประสบการณ์บินมากที่สุดในโลก

    ไม่เพียงแค่นักบินอวกาศ แม้แต่ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยุคนั้น ยังได้เตรียมสุนทรพจน์ในกรณีที่ยานอีเกิลเกิดล้มเหลวในการจุดระเบิดเครื่องยนต์ไว้ด้วยว่า "โชคชะตาได้กำหนดให้มนุษย์ทั้งสองไปดวงจันทร์เพื่อสำรวจอย่างสงบ และจะพักอยู่บนดวงจันทร์ต่อไปอย่างสงบ มนุษย์ผู้กล้าทั้งสองอาร์มสตรอง และอัลดริน ต่างทราบดีว่าไม่มีหวังที่จะได้กลับคืนมา แต่พวกเขาต่างทราบดีว่ามนุษยชาติมีความหวังต่อการเสียสละของพวกเขา"

    ดังนั้น คอลลินส์จึงอยู่เพียงลำพังในยานโคลัมเบีย ขณะที่ทั้งโลกพุ่งความสนใจไปที่อาร์มสตรองและอัลดริน ที่เดินย่ำไปบนพื้นผิวของดวงจันทร์

    ส่วนเขาก็ได้แต่กลัดกลุ้มถึงเพื่อนร่วมเดินทางของเขาทั้งสอง ซึ่งอยู่เบื้องล่างลงไปบนพื้นผิวดวงจันทร์ และเขากำลังเหงื่อตกเหมือนเจ้าสาวที่กำลังประหม่า ขณะรอคอยที่จะได้ยินเสียงสัญญาณจากยานอีเกิล อีกทั้งตอนนั้นเขายังได้เขียนแสดงความรู้สึกขณะนั้นด้วย

    "ความหวาดกลัวลึกๆ ของผมตลอด 6 เดือน คือการทิ้งพวกเขาไว้บนดวงจันทร์แล้วกลับสู่โลกเพียงลำพัง และภายในไม่กี่นาทีนั้น ผมกำลังจะได้พบว่ามันจะเป็นจริงหรือไม่ หากพวกเขาล้มเหลวที่จะทะยานขึ้นจากพื้นผิว หรือตกกลับไปโหม่งพื้น ผมไม่สาบานหรอกว่าจะฆ่าตัวตาย ผมจะกลับบ้านในทันที แต่ผมจะกลายเป็น "ผู้มีรอยแผล" ไปตลอดชีวิต และผมรู้ดี" คอลลินส์เขียนระบายความรู้สึกขณะอยู่ในยานแม่เพียงลำพัง

    จากนั้นอาร์มสตรองและอัลดรินได้เตรียมความพร้อมยานลงจอดของพวกเขาเพื่อทะยานขึ้น อาร์มสตรองกดปุ่มจุดระเบิดเครื่องยนต์ และยานอีเกิลก็ส่งเสียงคำรามอย่างสมบูรณ์แบบเหนือพื้นผิวดวงจันทร์ มุ่งหน้ามาหาคอลลินส์ที่คอยอยู่

    ความกล้วอันเลวร้ายที่สุดของเขาไม่กลายเป็นจริง และเขาได้กลับบ้านพร้อมอาร์มสตอรงและอัลดรินเพื่อนร่วมทางอย่างปลอดภัย โดยไม่มีประสบการ์ณอันบอบช้ำ และเขาไม่ต้องเป็นทุกข์กับการเผชิญชื่อเสียงที่ไม่ดีบนโลก

    หากแต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้าม คอลลินส์ถูกลืม ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่รู้จักชื่อมนุษย์ 2 คนแรกบนดวงจันทร์ และคำพูดของอาร์มสตรองซึ่งกล่าวถึงก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

    แต่ชื่อ "ไมเคิล คอลลินส์" ถูกพูดถึงน้อยมาก
    แม้ว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญต่อเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของอพอลโล 11 ก็ตาม ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้น้อยใจและเพิ่งเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า "นั่นเป็นเกียรติแล้ว"

    ชาร์ลส ลินด์เบิร์ก (Charles Lindbergh) นักบินผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกันเขียนถึงคอลลินส์ หลังการกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยว่า คอลลินส์เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ลึกซึ้งยิ่ง และเขายังได้รับรู้ถึงความโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่มีมนุษย์คนไหนได้รับรู้มาก่อน

    ยานอพอลโล 11 ประกอบด้วยงานลงจอดดวงจันทร์ โดย "อีเกิล" และยานแม่ที่อยู่ในวงโคจร "โคลัมเบีย" ทั้งหมดถูกนำขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดแซทเทิร์น 5 (Satern V) ลำใหญ่ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2512 และ 3 วันหลังจากนั้น อาร์มสตรอง อัลดรินและคอลลินส์ก็มุ่งหน้าสู่ดวงจันทร์ด้วยยานโคลัมเบีย ซึ่งตามคำบอกเล่าของอัลดริน พวกเขาต่างจ้องเขม็งผ่านช่องหน้าต่างลงมายังโลกที่เล็กลงๆ พร้อมกับตรวจสภาพยานอวกาศด้วย

    จากนั้นในวันที่ 20 ก.ค.อาร์มสตรองและอัลดรินก็คลานเข้าไปในยานอีเกิล แล้วบินลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ ขณะที่คอลลินส์ได้แต่ส่งเสียงผ่านวิทยุไปยังทั้งสอง ด้วยอาการตระหนกว่า "สื่อสารกับฉันไว้นะพวก" และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ยานโคลัมเบียก็ผ่านไปด้านหลังของดวงจันทร์

    คอลลินส์จึงกลายเป็นนักเดินทางโดดเดี่ยว ผู้เดินทางไกลที่สุดในโลก โดยถูกแยกเดี่ยวจากมนุษ์ทั้งโลกเป็นระยะทาง 400,000 กิโลเมตร ด้วยอวกาศและความใหญ่ของดวงจันทร์ ซึ่งดวงจันทร์นี่เองที่กั้นสัญญาณวิทยุจากศูนย์ปฏิบัติการควบคุม เขาถูกตัดขาดสัญญาณ และขาดการติดต่อกับดาวเคราะห์ที่เป็นบ้านหลังใหญ่ของเขา

    "ตอนนี้ผมโดดเดี่ยวจริงๆ และโดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิงจากสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่รู้จัก ผมคือสิ่งมีชีวิตเดียวที่ผมรู้จัก" คอลลินส์เขียนไว้ ขณะอยู่ในยานอย่างโดดเดี่ยวครั้งนั้น และลินด์เบิร์กได้ย้ำอีกทีว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้น "จริงที่สุด"

    ความโดดเดี่ยวที่ว่า นี้ย่อมทำให้คนส่วนใหญ่ตื่นตระหนก แต่ไม่ใช่สำหรับคอลลินส์ เขาเผยความรู้สึกส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น ในวันที่เขาโดดเดี่ยวอยู่ในวงโคจรของดวงจันทร์ว่า เขารู้สึกปิติยินดี และเพลิดเพลินกับเวลาที่กลายเป็นสมาชิกโดดเดี่ยวที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์

    อีกทั้งหลังจากกลับสู่โลกแล้วคอลลินส์กลายเป็นผู้ที่ไม่มีบาดแผลใดๆ ขณะที่อัลดรินกลายเป็นคนติดเหล้าและหดหู่ ส่วนอาร์มสตรองกลายเป็นคนปลีกตัวจากสังคม และมนุษย์คนแรกผู้เหยียบดวงจันทร์ทั้งสองต่างผ่านการหย่าร้าง

    ส่วนคอลลินส์แตกต่างออกไป เพราะไม่ต้องถูกจดจ้องจากสาธารณะ และยังคงอยู่กับภรรยาที่ "แพทริเชีย" (Patricia) ซึ่งเขาแต่งงานด้วยตั้งแต่ปี 2511 ก่อนได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการอพอลโล 11

    หลังจากกลับสู่โลกคอลลินส์ลาออกจากการเป็นนักบินอวกาศ และหันไปเอาดีด้านงานบริหารและธุรกิจ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศแห่งสหรัฐฯ (National Air and Space Museum) จนถึงปี 2521 ก่อนที่จะเป็นรองประธานบริษัทแอลทีวีแอโรสเปซ (LTV aerospace) ในแอร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย และเขาได้ลาออกในปี 2528 เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว และทุกวันนี้เขายังคงปลื้อมปิติกับบทบาทของตัวเองในอพอลโล 11 แม้เขาจะนิยามตัวเองว่ากลายเป็นคนอารมณ์เสียง่ายขึ้นก็ตาม

    "ด้วยอายุ 78 บางอย่างในสังคมทุกวันนี้ทำให้ผมหงุดหงิด การยกยอปอปั้นเหล่าคนเด่นคนดังและการพองตัวของเหล่าฮีโร่ ฮีโร่มีอยู่มากมาย แต่ไม่นับนักบินอวกาศอยู่ในนั้น เราทำงานหนัก เราทำภารกิจของเราใกล้เคียงความสมบูรณ์ แต่นั่นคือสิ่งที่เราได้รับว่าจ้างให้ทำ" คอลลินส์ให้ความเห็น พร้อมทั้งนิยามตัวเองในทุกวันนี้ว่าค่อนข้างยุ่งกับการวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ตกปลา วาดภาพ ทำอาหาร อ่านหนังสือ ค่อยกังวลเกี่ยวกับตลาดหุ้น และค้นหาไวน์ดีๆ ที่ราคาถูกกว่า 10 เหรียญ.



    คลิกอ่าน ... ประมวลข่าว "รำลึก 40 ปีเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก"
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=baseline><TD vAlign=top width=21 height=19></TD><TD class=hit align=left height=19>ข่าวที่เกี่ยวข้อง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ประมวลข่าว "รำลึก 40 ปีเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก"</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ย้อนรอย "อพอลโล 11" ก้าวเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ตามรอยเส้นทางสู่อวกาศของมวลมนุษยชาติ</TD></TR><TR vAlign=baseline><TD align=middle width=21 height=19>[​IMG]</TD><TD align=left height=19>ดาวเทียม LRO ของนาซาโชว์ร่องรอยเหยียบดวงจันทร์ ยันไม่ได้โม้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอแสดงความเสียใจ และขอให้พังกำไล ไปสู่สุคติด้วยครับ

    -------------------------------------------------------------



    ล้มแล้ว! พังกำไล ไปสงบ ปั๊มหัวใจไม่ฟื้น

    พังกำไล ล้มแล้ว ปั๊มหัวใจไม่ฟื้น


    [​IMG]
    [​IMG]

    ล้มแล้ว!ช้าง พังกำไลไปสงบปั๊มหัวใจไม่ฟื้น (ไอเอ็นเอ็น)

    ช้าง พังกำไล สุรินทร์ ที่ประสบอุบัติเหตุ เสียชีวิตแล้ว จากอาการทรุดหนัก หลังแพทย์พยายามยื้อชีวิตของ พังกำไล แต่ไม่สามารถช่วยได้ ท่ามกลางความเสียใจของผู้ดูแล พังกำไล

    หลังจากที่ พังกำไล ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มีอาการบาดเจ็บ ได้รับการช่วยเหลือจากทางแพทย์ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลช้าง จ.สุรินทร์ เป็นเวลานานร่วม 2 เดือน ระหว่างการรักษา พังกำไล มีอาการดีขึ้นเป็นระยะ จนมาระยะหลัง พังกำไล มีอาการทรุดหนักลง ถึงเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันนี้ พังกำไล มีอาการทรุดหนัก จนแพทย์ต้องระดมกำลังช่วยกันรักษา ปั๊มหัวใจให้ พังกำไล กว่า 30 นาที แต่ก็ไม่สามารถที่จะยื้อชีวิตของ พังกำไล ได้

    พังกำไล สิ้นลมหายใจลง ท่ามกลางความเสียใจของทีมสัตวแพทย์ และนายสมศักดิ์ ศาลางาม เจ้าของช้าง พังกำไล ครบเวลาของการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลช้างเป็นระยะเวลา 2 เดือน






    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก
    หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เจลล้างมือ เป็นสารไวไฟจริงหรือ?

    เจลล้างมือ เป็นสารไวไฟ จริงหรือไม่




    [​IMG]

    เจลล้างมือ


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    หลังจาก ไข้หวัด2009 ระบาด จึงทำให้ช่วงนี้ เจลล้างมือ กำลังเป็นสินค้าที่ฮิตสุดๆ ไม่ว่าไปห้างสรรพสินค้า ธนาคาร หรือที่ไหนๆ ล้วนมี เจลล้างมือ วางไว้ตามโต๊ะ ตามเคาน์เตอร์ให้ใช้ทำความสะอาดมือ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ ไข้หวัด2009 กันทั้งนั้น

    แต่ล่าสุดกลับมีฟอร์เวิร์ดเมล์เกี่ยวกับ เจลล้างมือ ส่งต่อๆ กันมาให้ข้อมูลว่า เจลล้างมือ แท้จริงเป็นสารไวไฟชนิดหนึ่ง โดยในฟอร์เวิร์ดเมล์ได้ระบุเนื้อหาว่า เจลล้างมือ ที่วางขายกันตามท้องตลาด มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% และได้แนะนำให้ผู้ที่ใช้ เจลล้างมือ อย่าเข้าใกล้แหล่งที่เกิดความร้อน หรือประกายไฟ เช่น ไฟแช็ค เครื่องเป่าลมร้อนตามห้องน้ำ ฯลฯ


    [​IMG]


    ทั้งนี้ ในฟอร์เวิร์ดเมล์ ได้นำภาพมือของบุคคลหนึ่ง ที่อ้างว่าใช้ เจลล้างมือ ทำความสะอาด ก่อนจะจุดบุหรี่สูบ โดยใช้มือบังลมไว้ ทันใดนั้นก็เกิดเปลวไฟลุกติดขึ้นมาที่มือ จนได้รับบาดเจ็บถูกไฟลวก

    ฟอร์เวิร์ดเมล์ฉบับนี้ จึงกลายเป็นประเด็นว่า เจลล้างมือ เป็นสารไวไฟจริงหรือ? และแท้จริงแล้วการใช้ เจลล้างมือ เป็นอันตรายหรือไม่ เพื่อคลายข้อสงสัยนี้ ทางทีมงานกระปุกดอทคอม จึงได้สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง เจลล้างมือ โดยทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ให้ข้อมูลมาดังนี้ค่ะ

    สำหรับ เจลล้างมือ ไม่ใช่สารไวไฟ แต่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสารติดไฟได้ แต่ทั้งนี้ ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่ใช้ใน เจลล้างมือ มีไม่เกิน 70% หมายถึง ใน เจลล้างมือ 100 ส่วน จะมีแอลกอฮอล์ 70 ส่วน และน้ำกลั่น 30 ส่วน อย่างไรก็ตามแอลกอฮอล์ใน เจลล้างมือ จะทำหน้าที่แค่ฆ่าเชื้อโรค และช่วยระเหย เจลล้างมือ ให้หมดไปโดยเร็วเท่านั้น

    นอกจากนี้ เจลล้างมือ ยังมีส่วนผสมของสบู่ หรือกลีเซอรีน ซึ่งจะทำให้แอลกอฮอล์ใน เจลล้างมือ ไม่สามารถติดไฟได้ อีกทั้งยังมีปริมาณไม่มากพอ ที่จะทำให้แอลกอฮอล์ใน เจลล้างมือ เกิดปฏิกิริยาด้วย

    ส่วนข้อมูลในฟอร์เวิร์ดเมล์ ที่บอกว่าหากใช้ เจลล้างมือ แล้วไปอังเครื่องเป่าลมร้อนในห้องน้ำจะเกิดเปลวไฟนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยายืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะเครื่องเป่าลมร้อนจะมีแต่ลมออกมาเท่านั้น ไม่ได้มีประกายไฟแต่อย่างใด

    เป็นอันว่า ก็ได้ไขข้อข้องใจเรื่อง เจลล้างมือ ไปเรียบร้อยแล้วนะคะ หากใครยังสงสัย และ อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง เจลล้างมือ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ กองเครื่องสำอาง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โทรศัพท์ 02 590 7441, 02 590 7227-8 ค่ะ





    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)


    ----------------------------------------------------------------------
    ----------------------------------------------------------------------

    ยอดตาย 65 ศพ ป่วย ไข้หวัด2009 ภาคกลางมากสุด

    ไข้หวัดใหญ่2009 คร่าแล้ว 65 ศพ ภาคกลางป่วย ไข้หวัด2009 มากที่สุด


    [​IMG]



    ยอดตาย 65 ศพ ป่วยหวัด 2009 ภาคกลางมากสุด (ไทยรัฐ)

    โดย 41 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง อีก 24 ราย เป็นผู้ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลล่าช้า ด้านกระทรวงสาธารณสุขส่ง 8 เงื่อนไข พร้อมแนวทางรักษาให้คลินิกจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์

    วันนี้ (29 กรกฎาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ. ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา โรงพยาบาลศิริราช พญ.สยมพร ศิรินาวิน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ศาสตราจารย์ นพ.ยง ภู่วรวรรณ ศูนย์ไวรัสวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รศ. นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ แพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะ แถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า

    สำนักระบาดวิทยารายงานข้อมูลในรอบสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 22 –28 กรกฎาคม 2552 มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 65 ราย ใน 27 จังหวัด แยกเป็นภาคกลาง 13 จังหวัด ภาคอีสาน 6 จังหวัด ภาคเหนือ 4 จังหวัด และภาคใต้ 4 จังหวัด เป็นหญิง 30 ราย ชาย 35 ราย พบทุกกลุ่มอายุ โดย 41 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง มากที่สุดคือ โรคหัวใจและหลอดเลือด 14 ราย เบาหวาน 9 ราย อ้วนน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม 9 ราย โรคปอดหรือสูบบุหรี่จัด 7 ราย ไตวายเรื้อรัง 6 ราย กินยากดภูมิต้านทาน 4 ราย โรคระบบเลือดและตั้งครรภ์ อย่างละ 3 ราย โรคตับและพิการแต่กำเนินอย่างละ 2 ราย

    ในส่วนของผู้เสียชีวิตที่เหลืออีก 24 ราย ที่เป็นผู้ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลล่าช้า หลังป่วยแล้วถึง 6 วัน ทำให้การให้ยาต้านไวรัสไม่ได้ผลดี สำหรับข่าวที่ว่ามีผู้เสียชีวิต 66 รายนั้น ผู้ป่วยไม่ได้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ต่อมาโรงพยาบาลรามาธิบดีได้มีการประชุมและแจ้งให้ทราบ กระทรวงสาธารณสุขจึงขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตยืนยันเพียง 65 รายเท่านั้น

    ทั้งนี้ มาตรการลดผู้ป่วยหนักและลดการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ กระทรวงสาธารณสุขได้มีมาตรการตามคำแนะนำของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุขระดับชาติ ซึ่งมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดย 1.เร่งให้ความรู้กับแพทย์ทุกคนในการดูแลรักษาตามแนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และ 2.กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ให้คลินิกทั่วประเทศ ตามมาตรฐานการดำเนินงาน 8 ข้อ ดังนี้

    [​IMG]1.คลินิกทั่วประเทศจะต้องมีแพทย์เป็นผู้ดูแลและเป็นผู้สั่งจ่ายยาได้เท่านั้น

    [​IMG] 2.คลินิกจะต้องจัดส่งรายงานหลักฐานการจ่ายยาและอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหรือกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน

    [​IMG] 3.คลินิกจะต้องมีมาตรการป้องกันการติดเชื้อในคลินิกทุกแห่ง

    [​IMG] 4.คลินิกที่ต้องการยาต้านไวรัสไว้ในคลินิก จะต้องสมัครเข้าร่วมโครงการ และแพทย์ในคลินิกทุกคนจะต้องได้รับการอบรม และประเมินความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ

    [​IMG] 5.ให้คลินิกมีการส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาล

    [​IMG] 6.คลินิกควรมีกลไกในการติดตามผู้ป่วยทุกรายหลังการรักษา

    [​IMG] 7.ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจัดระบบการตรวจสอบคลินิกที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งในเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษา การสั่งจ่ายยา การป้องกันการติดเชื้อในคลินิกทุกเดือน

    [​IMG] 8.คลินิกที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด เนื่องจากโรคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในบ่ายวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะจัดส่งมาตรการดังกล่าว ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ นำไปให้คลินิกทุกแห่งในพื้นที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด


    สำหรับปัญหาการดื้อยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์ ขณะนี้พบ 5 ราย ใน 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น 2 ราย แคนาดา เดนมาร์ค และฮ่องกง แห่งละ 1 ราย แต่ยังไม่พบในไทย การดื้อยาดังกล่าวเป็นสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศต้องเฝ้าระวังการใช้ยาอย่างใกล้ชิด และให้ยาอย่างระมัดระวังอย่างที่สุด โดยใช้รักษาผู้ป่วยเพื่อยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส จะไม่ใช้เพื่อป้องกันเพราะไม่ได้ผล ซึ่งในประเทศไทย ยานี้จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ไม่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป มีเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และคลินิกที่เข้าโครงการเท่านั้น อย่างไรก็ตามประเทศที่มีการดื้อยาก็ยังคงใช้ยาตัวเดิม ขณะเดียวกันต้องมีการสำรองยาต้านไวรัสคือ ยาซานามิเวียร์ (Zanamivir) สำหรับเชื้อดื้อยา เป็นยาตัวที่ 2 ตามมาตรฐานสากล เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ซึ่งไทยได้สั่งซื้อจำนวน 20,000 ชุดใช้งบประมาณทั้งหมด 9 ล้านบาท

    นอกจากนั้น รัฐบาลได้อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มขีดความสามารถของห้องไอซียูในการดูแลผู้ป่วยภาวะวิกฤต โดยเพิ่มเครื่องช่วยหายใจชนิดพิเศษ ให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั่วประเทศ รวม 210 เครื่อง เป็นเครื่องสำหรับผู้ใหญ่ 180 เครื่อง และสำหรับเด็ก 30 เครื่อง ใช้งบประมาณ 180 ล้านบาท เพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    สำหรับการดูแลในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่มีประมาณปีละ 800,000 คน ได้ให้ อสม. ออกแนะนำและคัดกรองหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ประมาณ 80,000 แห่ง สำหรับสถานพยาบาล ให้ปรับการนัดตรวจครรภ์ให้ห่างขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงรับเชื้อในโรงพยาบาลเมื่อมาฝากครรภ์ และจัดระบบเยี่ยมบ้านหรือติดตามอาการทางโทรศัพท์อย่างทั่วถึง ในส่วนของหอผู้ป่วยทุกแห่ง ขอให้ผู้ที่เป็นไข้หวัดงดเยี่ยมผู้ป่วยเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ไปสู่ผู้ป่วย ซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ เด็กอ่อน ผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยในโรงพยาบาล เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มติ ครม. คลอดกฎหมายคุมร้านเกมส์ – ภาพยนตร์ – ร้านคาราโอเกะ

    ����� ���������ҹ ��� ���� ��������� ����ǹ�觴�ԧ��

    [​IMG]



    คุมเวลาร้านเกมห้ามโอเกะสาวดริงก์ (ข่าวสด)

    ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงวธ. จัดระเบียบร้านคาราโอเกะ ห้ามมีเด็กนั่งดริงก์หรือพนักงานอื่นใดนั่งร้องเพลงกับแขก พร้อมจัดแบ่งประเภทภาพยนตร์ 7 ประเภท ตั้งแต่ระดับคนดูทั่วไป คล้ายๆ เรทอาร์-เรทเอ็กซ์ ในต่างประเทศ ขณะที่ร้านเกมกำหนดช่วงเวลาใหม่สำหรับเด็กที่จะเข้าไปเล่น ห้ามจำหน่ายบุหรี่ สารเสพติด รวมทั้งแอลกอฮอล์

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 28 ก.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ครม.ได้พิจารณาร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ... ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมเสนอร่างกฎกระทรวงทั้งสองที่สำนักงานกฤษฎีกาได้ ตรวจพิจารณาแล้วรวมทั้ง 2 ฉบับเพื่อพิจารณา โดยเนื้อหาสาระของร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของประเภทภาพยนตร์ พ.ศ... เป็นการกำหนดประเภทของภาพยนตร์ออกเป็น 7 ประเภท คือ

    1.ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมการเรียนรู้และส่งเสริมให้มีการดู

    2.ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป

    3.ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ดูที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป

    4.ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป

    5.ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

    6.ภาพยนตร์ที่ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ดูคล้ายๆ กับเรทอาร์ในต่างประเทศ

    7.ภาพยนตร์ที่ห้ามเผยแพร่ในราชอาณาจักร ได้แก่ เรทเอ๊กซ์ และรวมถึงภาพยนตร์ที่มีเนื้อหากระทบต่อสถาบัน การเหยียดหยาม กระทบต่อความมั่นคง ซึ่งครม.เห็นชอบในหลักเกณฑ์ร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าว

    น. พ.ภูมินทร์ กล่าวว่า สำหรับร่างกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ พ.ศ.. ซึ่งคำว่า "วีดิทัศน์" หมายรวมถึงเกมออนไลน์ คาราโอเกะ โดยเนื้อหาของร่างฉบับนี้กำหนดเรื่องการขอออกใบอนุญาต การต่อใบอนุญาต กำหนดออกเป็น 2 ส่วน มีหลักเกณฑ์ต่างๆ จำนวนมาก แต่มีกำหนดไว้ใน หมวดที่ 2 การประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ คือ ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการร้านวีดิทัศน์ที่ให้บริการเกมการเล่นต้องปฏิบัติ ตามเงื่อนไขต่อไปนี้

    1.ให้เด็กต่ำกว่า 15 ปี เข้าใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 14.00-20.00 น.ในวันจันทร์-ศุกร์ และตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.ในวันหยุดราชการหรือปิดภาคเรียน

    2.ให้เด็กอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 18 ปีเข้าใช้บริการได้ ตั้งแต่ 14.00-22.00 น.ในวันจันทร์-ศุกร์ และตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.ในวันหยุดหรือปิดภาคการศึกษา

    นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดไว้ว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจะต้องดูแลมิให้มี การจำหน่ายบุหรี่ สารเสพติด หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านวีดิทัศน์ ดูแลมิให้สูบบุหรี่หรือเสพสารเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์ ภายในร้านวีดิทัศน์ ดูแลมิให้มีการเล่นการพนัน ดูแลมิให้มีการจำหน่ายหรือฉายภาพยนตร์ที่ไม่เหมาะสม ดูแลไม่ให้มีสื่อลามกอนาจารในร้านวีดิทัศน์

    "ผู้ประกอบกิจการคาราโอเกะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ซึ่งคล้ายๆ กับร้านวีดิทัศน์ แต่มีเพิ่มขึ้นพิเศษก็คือ ดูแลมิให้มีผู้บริการขับร้องเพลงกับลูกค้า หรือให้พนักงานอื่นใดนั่งกับลูกค้าภายในร้านวีดิทัศน์ ก็หมายถึงห้ามไม่ให้มีเด็กนั่งดริงก์ตามคาราโอเกะต่างๆ ซึ่งทางครม.มีมติอนุมัติตามร่างฯ และให้ทางกฤษฎีกาไปดูเพิ่มเติมว่าจะสามารถมีวงเล็บเพิ่มเติมตามที่นาย อลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เสนอว่า ให้ผู้ที่ได้รับอนุญาตดูแลไม่ให้มีการใช้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญา ซึ่งทางสำนักงานกฤษฎีการับไปดูว่าจะเพิ่มได้หรือไม่ ถ้าเพิ่มได้จะเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ครม.เซ็นในประกาศร่างฯ ทั้งสองฉบับ ส่วนที่มีการถกเถียงกันว่าควรจำกัดชั่วโมงการเล่นของเยาวชนที่อายุน้อยกว่า 18 ปีหรือไม่ ที่กำหนดว่าไม่ให้เล่นเกิน 3 ชั่วโมงนั้น ในที่ประชุมครม.ได้มีมติว่า ขอให้กระทรวงวัฒนธรรมไปดำเนินการเกี่ยวกับเซฟเวอร์กลางให้เรียบร้อยก่อนแล้ว นำเสนอต่อครม.ในโอกาสต่อไป" น.พ.ภูมินทร์ กล่าว

    นอกจากนี้ น.พ.ภูมินทร์แถลงด้วยว่า ครม.ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ฉบับที่พ.ศ...ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ซึ่งเนื้อหาอยู่ที่การแบ่งประเภทของเกมออกเป็น 7 ประเภท ได้แก่

    1.เกมที่เหมาะสมกับผู้เล่นทุกวัย

    2.เหมาะสมกับผู้เล่นอายุ 3-5 ปี

    3.เกมที่เหมาะกับผู้เล่นอายุ 6-12 ปี

    4.เกมที่เหมาะสมกับผู้เล่นอายุ 13 ปีขึ้นไป

    5.เกมที่เหมาะสมกับผู้เล่นอายุ 15 ปีขึ้นไป

    6.เกมที่เหมาะสมกับผู้เล่นอายุ 18 ปีขึ้นไป

    7.เกมที่ห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เล่น

    ทั้งนี้จะเป็นการแบ่งประเภทและกำหนดไว้ชัดเจนว่าผู้ที่จะนำเกมเข้ามาเล่น จำหน่าย จะต้องขออนุญาตเมื่อได้รับการพิจารณาอนุญาตต้องติดสัญลักษณ์หรือเครื่องหมาย ไว้ที่เกมจึงจะสามารถนำมาเผยแพร่ได้ ในกรณีที่ยินยอมให้ผู้เล่นที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ 7 ประเภท เล่นจะมีบทลงโทษชัดเจน ซึ่งคิดว่าตรงนี้จะเป็นการคลายความห่วงใย ความกังวลของผู้ปกครองที่กลัวว่าบุตรหลานไปเล่นเกมที่มีลักษณะอันตราย ชักนำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ครม.จึงอนุมัติในหลักการและส่งเรื่องให้สำนักงานกฤษฎีกาดูแลในเรื่องของ กฎหมายต่อไป

    ส่วนสัญลักษณ์ที่ใช้จัดเรตติ้งและติดหน้าโรงภาพยนตร์ ขณะนี้ วธ.ได้จัดทำเสร็จแล้ว มีทั้งหมด 6 สัญลักษณ์ ดังนี้

    1. ส ส่งเสริม มีข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งเสริมการเรียนรู้และส่งเสริมให้มีการดู

    2. ท ทั่วไป ข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสมกับผู้ดูทั่วไป

    3. น ๑๓+ ข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ ๑๓ ปีขึ้นไป

    4. น ๑๕+ มีข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป

    5. น ๑๘+ ข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และ

    6. ฉ ๒๐+ ข้อความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ห้ามผู้มีอายุต่ำว่า 20 ปีดู

    "อย่างไรก็ตาม วธ.จะนำลักษณ์ดังกล่าวเสนอให้คณะกรรมการภาพยนตร์ และ วีดิทัศน์แห่งชาติ พิจารณาเห็นชอบกลางเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะประกาศใช้อย่างเป็นทางการ" นายธีระ กล่าว



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG] [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มีรายการขอร้องอย่านำมาลง จึงจำเป็นต้องนำบางจุดมาลงเผื่อเข้าตามั่ง..

    วันพรุ่งนี้หากไม่ลืม อยากขอclosedภาพสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าพิมพ์พระประธาน ใครเห็นว่ามีมากมาย อีกหน่อยจะหาไม่เจอ คุณหนุ่มเขาชอบพิมพ์คะแนนร้อย ผมกลับชอบพิมพ์สมเด็จ แบบรักดำนี่ค่อนข้างมีจำนวนน้อย หรือเสือซุ่มเก็บไว้จำนวนมากกันหนา...การชมใกล้ให้ความรู้สึก>ชมไกล บางทีอาจจะมีใครเริ่มชอบพิมพ์นี้เหมือนพวกเราอีกหลายๆคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2009
  16. Naturepass

    Naturepass สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

    สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
    ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ เหมือนเดินเข้าห้องสมุดเลยจริง
    พอดีเหมือนมีบางอย่างดลจิตดลใจให้ อยากรู้เรื่อง
    พระบรมครูพระเทพโลกอุดร เพื่อความสว่าง จากมืดมัว

    ขอบคุณมากครับ
    [​IMG]
     
  17. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    สวัสดี ครับ ท่าน ประธาน,รอง1,รอง2,และท่าน เลขาฯ พร้อมทั้งสมาชิกทุกๆท่าน
    สวัสดีตอนเช้าครับ วันนี้เป็นวันพระ ขออาราธนา บารมีองค์ สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกพระองค์ พระธรรม พระอาริยสงฆ์ทุกองค์ หลวงปู่เทพโลกอุดร ทั้ง 5 ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพุฒาจารย์ โต ฯ ได้โปรดคุ้มครอง ท่านทั้งหลายให้แคล้วคลาดจาก อันตราย และโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมทั้งเจริญในหน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทอง ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ..สาธุ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สวัสดีครับ

    สำหรับประวัติหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ลองไปหาอ่านในกระทู้ หลวงปู่โลกอุดร ดูนะครับ

    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อย่างที่ผมบอก พวกเสี้ยนก็เข้ามาดูเช่นกัน

    ดังนั้น อย่าไปบอกอะไรมาก จะได้ให้พวกเสี้ยน พวกบัวใต้น้ำ ไม่รู้กันต่อไป

    และเกรงว่า จะเป็นการไปปั่นราคาให้กับกลุ่มที่ค้าขายพระวังหน้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...