พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    555555เค้าไม่ซับซ้อนเท่าท่านเพชรครับ เค้าแค่วางไว้บนหัวนอนเท่านั้นครับ หุ หุ
     
  2. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อวานไปดูหนังสือสมุนไพรต่อที่ร้านเดิมย่านท่าเตียน นอกจากผมได้หนังสือตามต้องการแล้ว ยังได้ CD-MP3 ธรรมเทศนาของหลวงปู่ชาดก ญาณสิทธิเถระ(พระธรรมธีรราชมหามุนี) ป.ธ.๙ ผู้ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จย่าในสายวิปัสสานาธุระ เป็นการได้มาแบบเปล่าๆ มี 4 แผ่น ผมได้มา ๔ แผ่น หัวข้อน่าสนใจมากๆครับ

    เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราฯทรงบรรลุญาณที่ 15


    เรื่องนี้ เล่าโดย พระราชสุทธิญาณมงคล(หลวงพ่อจรัล ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยองค์ของท่านเองครับ...


    <TABLE class=ncode_imageresizer_warning id=ncode_imageresizer_warning_1 width=461><TBODY><TR><TD class=td1 width=20>[​IMG]</TD><TD class=td2 unselectable="on">รูปนี้ถูกลดขนาดลง กดที่เเถบนี้เพื่อดูขนาดเดิม ขนาดเดิมของรูป: 700x531 ขนาดของไฟล์: 112KB</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]


    หลังจากการเสด็จสวรรคตของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่าของ ปวงพสกนิกรชาวไทย เมื่อวันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ เวลา ๒๑ นาฬิกา ๑๗ นาที รวมพระชนมายุได้ ๙๔ พรรษา ๘ เดือน ๗๒ วัน ในวันรุ่งขึ้นหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรีได้รีบสั่งทันที (ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่พระภิกษุกำลังเข้าพรรษา) ว่าให้รีบตั้งโต๊ะถวายเครื่องสักการะ แด่สมเด็จย่า ตามที่ต่าง ๆ ของวัด โดยเฉพาะภายในพระอุโบสถ ท่านได้สั่งโต๊ะถวายเครื่องสักการะชุดใหม่ พร้อมทั้งสั่งพระภิกษุสามเณร และอุบาสกอุบาสิกาภายในวัดว่า
    “เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะขอนำพุทธศาสนิกชนทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ของวัดอัมพวัน สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลให้สมเด็จย่า ไม่จำเป็นจริง ๆ แล้ว เราจะไม่ขาดการลงโบสถ์ เราตั้งใจนำเอาความดีถวายเป็นพระราชกุศลให้กับท่านให ้จงได้

    ”ซึ่งความเป็นจริงแล้ว การทำวัตรสวดมนต์ และการปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศลนั้น หลวงพ่อได้เริ่มทำมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้ว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัวฯ ในโอกาสที่พระองค์ทรงครองราชย์ครบรอบ ๕๐ ปี และนอกจากนั้นทุกวันที่ ๙ ของทุกเดือน หลวงพ่อจัดทำบุญใหญ่ สวดบทพระธรรมจักรถวายเป็นพระราชกุศล

    เริ่มตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อลงนำพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกา ผู้ปฏิบัติธรรมวัดอัมพวัน ทำวัตรสวดมนต์ นั่งเจริญสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน สวดมนต์ถวายพระพร และอุทิศพระราชกุศลถวายสมเด็จย่าทุกวัน โดยแทบไม่มีวันไหนที่หลวงพ่อไม่ลงนำบำเพ็ญกุศลเพื่ออ ุทิศส่วนกุศลเลย นอกเสียจากว่าวันนั้น ท่านมีภารกิจที่ต้องเดินทางไปที่ไกล ๆ กลับไม่ทันจริง ๆ

    หรือเกิดเหตุสุดวิสัยจริง ๆ เท่านั้นนอกจากนั้น ในวาระทำบุญครบ ๗ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วันของสมเด็จย่า หลวงพ่อได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์สวดสดับปกรณ์ พร้อมทั้งเลี้ยงอาหารพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาภายในวัดทั้งหมด และเลี้ยงอาหารแก่ผู้ต้องหาในเรือนจำกลางจังหวัดสิงห ์บุรีตลอดทั้งวัน พร้อมทั้งถวายปัจจัยแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อถวายเข้ามูลนิธิสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชินี อีก ๑๐๐,๐๐๐ บาท

    หลวงพ่อท่านมักนำธรรมะ และ ความดีของสมเด็จย่ามาเทศน์เป็นตัวอย่าง ให้พุทธ ศาสนิกชนทั้งหลายที่มาฟังธรรม และมักมีผู้มาสอบถามหลวงพ่อ ถึงการปฏิบัติธรรมของสมเด็จย่า เมื่อครั้งทรงปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จ.กรุงเทพมหานคร โดยมีพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙) เป็นพระอาจารย์ผู้ถวายกรรมฐาน เนื่องจากหลวงพ่อได้มีโอกาสร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย

    เมื่อท่านพระมหาสุภาพ เขมรํสี เจ้าคณะ ๕ และท่านพระมหาไสว ญาณวีโร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ได้เข้าขอสัมภาษณ์หลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เพื่อสอบถามหลวงพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลวงพ่อได้เล่าถวาย ตามคำสัมภาษณ์ดังนี้

    ผู้ให้สัมภาษณ์ พระราชสุทธิญาณมงคล(หลวงพ่อจรัล ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

    ผู้สัมภาษณ์ พระมหาสุภาพ เขมรํสี ,พระมหาไสว ญาณวีโร

    ถาม สมเด็จย่าทรงเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุเป็นเวลาเท่าไร?

    ตอบ พระองค์ทรงเข้าปฏิบัติและประทับอยู่เป็นเวลา ๑๕ วัน ในระหว่างการปฏิบัติ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถเสด็จทรงเยี่ยมเป็นประจำ

    ถาม ครั้งนั้น พระเดชพระคุณฯ เข้าปฏิบัติอยู่ก่อนแล้วใช่หรือไม่?

    ตอบ ผมไปปฏิบัติก่อนแล้ว คือ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๕ ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ ๑ เดือนผมยังไม่ได้ฟังเทศน์ลำดับญาณเลย

    ถาม คำว่า “หนอ” เป็นของพม่าใช่หรือไม่ คนไทยจึงไม่นิยมปฏิบัติ?

    ตอบ เรื่องนี้มีคนถามมาก ท่านเจ้าคุณอุดมวิชชาญาณ อธิบายว่า คำว่า “หนอ” ไม่ใช่ของพม่า เป็นคำของพระพุทธเจ้า ชาวมคธรัฐใช้พูดกันเรียกว่า วต ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อญฺญา สิ วต โภ โกณฺฑญฺโญ หรือ ดังที่พระยสกุลบุตรกล่าวว่าที่นี่วุ่นวายหนอ ที่นี่ขัดข้องหนอ “หนอ” เป็นภาษาไทย แปลมาจากบาลีว่า วต เป็นภาษาธรรม สมเด็จพระศรีนครินทราฯ ทรงถามว่า

    ไม่ใช้หนอได้ไหม กำหนดเพียง พอง-ยุบ อย่างเดียวหรือใช้พุทโธได้ไหม ท่านเจ้าคุณอาจารย์อธิบายว่า หนอ หรือ วต สามารถตัดกิเลสได้ เพราะเป็นการยึดเหนี่ยวใจให้อยู่กับสติ จึงใส่หนอไว้ ถ้าไม่ใส่หนอไว้จิตมันไม่ค่อยอยู่ มันวิ่งออกไปข้างนอกมากมาย หมายความว่า เพื่อต้องการให้จิตช้าลง ถ้าไม่มี “หนอ” แล้วกำหนดไม่ได้ มคธที่ว่า หนอ นี้ไม่ได้หมายความ พอทำได้แล้วราคาวิเศษหลายล้านจริง ๆ ผมรับรองได้ “หนอ” นี่แหละเป็นการกระตุ้นเตือนให้จิตเข้าไปผนวกบวกกับสติได้ง่าย ถ้ากำหนดเพียง พอง-ยุบ มีแต่จะทำให้จิตใจร้อยรน

    “หนอ” เป็นการล้างจิตให้เยือกเย็น โดยมีสติสัมปชัญญะ เป็นการดึงจิตให้อยู่กับที่ได้

    ถาม การปฏิบัติของสมเด็จย่า ได้ผลเป็นประการใด?

    ตอบ การเดินจงกรมนี้ กระผมได้คติมาจากหลวงพ่อในป่า การเดินจงกรมโดยภาวนาว่า “พุทโธ” อย่างนี้ท่านกล่าวว่า เอาพระพุทธเจ้าไปภาวนาไว้ที่เท้าได้อย่างไร “พุทโธ” ต้องอยู่ที่จิต เท้าย่าง เท้าเหยียบ มีสติในการเดิน ทำไมเอาพระพุทโธเหยียบที่เท้า ตรงนี้ต้องไปช่วยกันแก้เสีย

    ทีนี้สมเด็จย่าทรงเล่าว่า เดินจงกรมตั้งแต่ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ เดินได้ทุกระยะ เลื่อนระยะขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่เลื่อนให้วันนี้ ระยะที่ ๑ ขวา ย่าง หนอ ซ้าย ย่าง หนอ พรุ่งนี้ระยะที่ ๒ ยกหนอ เหยียบหนอ ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องเพิ่มระยะให้ตามสภาวะของญาณเวลาส่งอารมณ์ ท่านเจ้าคุณอุดมวิชชาญาณถวายพระพรว่า การกำหนดพอง ยุบ เป็นอย่างไร พระองค์ทรงเล่าว่า จิตกำหนดพองหนอมันหายไป จิตตั้งใหม่กำหนด ยุบหนอ ขณะได้ยินเสียงสติรู้เสียงมันอยู่ที่โน่น หูมันอยู่ที่นี่ เวลาเดินขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ดีเหลือเกิน พอเดินไปหวิวโซเซ พอตั้งหลักปุ๊บเดินได้ตรงชัดมาก พระองค์ทรงเล่าเอง ผมจดไว้และพระองค์ทรงได้สดับเทศน์ลำดับญาณด้วย ในโบสถ์วัดมหาธาตุ ซึ่งมีพระพิมลธรรม (อาสภมหาเถระ) เป็นองค์ประธาน

    ถาม พระเดชพระคุณฯ มีโอกาสได้สนทนากับสมเด็จย่าเป็นการส่วนตัวหรือไม่?

    ตอบ ไม่มี ได้แต่ฟังอย่างเดียว ในการสนทนาระหว่างสมเด็จย่ากับท่านเจ้าคุณอาจารย์นั้น ยังมีพระครูประกาศสมาธิคุณ อีกรูปหนึ่งที่เข้าฟังด้วย

    ถาม มีบางท่านกล่าวว่า ญาณไม่มี แม้แต่ประโยค ๙ ก็กล่าว พระเดชพระคุณฯ มีความเห็นอย่างไร?

    ตอบ คำว่า “ญาณ” ตัวนี้ แปลว่า รู้รอบ รู้ซึ้งในจิตใจเองอย่างแจ้งชัด ของจริงทุกสิ่งเป็นพระไตรลักษณ์ “ญาณ” ต้องรู้จริง รู้แจ้ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป รู้เหตุการณ์ รู้ข้างขึ้น ข้างแรม รู้เด็ก รู้ผู้ใหญ่ รู้กาลเทศะ รู้บุญรู้บาป รู้คุณ รู้โทษ รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ จึงเรียกว่า “ญาณ”ถ้านั่งแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้ผล เดี๋ยวเกิดอันนี้ขึ้นได้ผลแล้ว เหมือนท่านมหานั่ง ไม่มีใครมาสอน ปวดก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี แปลว่าครูไม่มา นั่งสบาย หลับสบาย ชื่นใจบ้าง เย็นใจบ้าง นั้นแหละ ถ้าครูมาสอนต้องเรียนเลย ปวดหนอ ที่ว่าญาณหอบเสื่อมันมีตำราที่ไหน หอบหนีไปเอง นั่งกำหนด พองหนอ กลุ้มใจ มารมาแล้ว มารไม่มี บารมีไม่เกิด มารมาแล้วต้องสู้ แต่สู้มารไม่ได้ หนีเลย

    ถาม ท่านผู้หญิงดิฐการภักดีมีความประสงค์ที่จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับวิปัสสนากับสมเด็จย่า อย่างที่พระคุณท่านได้กล่าวไปนี้?

    ตอบ ผมเป็นพยานได้ พระองค์ปฏิบัติจนได้ฟังเทศน์ลำดับญาณวันสุดท้าย ท่านเจ้าคุณอาจารย์บอกว่า ขอถวายพระพร ธรรมวิเศษเกิดขึ้นแล้ว ขอให้ธรรมวิเศษเกิดขึ้นภายใน ๕ นาที ๑๐ นาที ก่อนที่จะเป็นอย่างนี้ หลังจากสอบอารมณ์ ท่านเจ้าคุณอาจารย์หันมาบอกกระผมว่า “เธอจำไว้ สมเด็จย่าได้เข้าถึงญาณที่ ๑๕ จวนจะถึงญาณที่ ๑๖ แล้ว”

    คืออย่างนี้ ถวายพระพรขอพระองค์อย่าได้บรรทม ให้เดินจงกรม ๒ ชั่วโมง นั่ง ๒ ชั่วโมง เดินระยะที่ ๑ ถึงระยะที่ ๖ อย่างละ ๓๐ นาที ขณะนั้นผมนั่งฟังอยู่เวลาบ่าย ๓ โมง สอบอารมณ์วันต่อมา พระองค์เล่าว่า “วันนี้วูบไปไม่รู้สึก ข้างในรู้หมดเลยมีอะไรบ้าง มันจะไหวติงอย่างไร ข้างนอกไม่รู้ไม่ได้ยิน” พระองค์ท่านทรงเดินจงกรมแล้ว อธิษฐานนั่งกำหนดภายใน ๓ ชั่วโมง ผมรู้ว่าไปนั่งอยู่ตรงไหน พอครบ ๓ ชั่วโมงค่อย ๆ ออก ลืมตาแล้วก็ยังดึงมือไม่ออก ลืมตาเฉย ๆ สักพักใหญ่จึงคลายมือออกมาแล้วกราบพระอาจารย์ ๓ หน แล้วพนมมือพูดกับพระอาจารย์ท่านเจ้าคุณอาจารย์บอกว่า “คนถึงธรรมอ่อนน้อมไปหมดเลย เห็นไหม...”



    ที่มา/หนังสือกฎแห่งกรรม เล่ม 10
    :: ภาคชีวประวัติ:: เรื่อง หลวงพ่อเล่าเรื่องสมเด็จย่า
    โดย พระนรินทร์ สุภากาโร
    เครดิต เวปพุทธวงศ์
     
  3. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ช่วงนี้ พนักงานในออฟฟิส สลับกันหยุดเพราะติดหวัดกันไปหมด
    รักษาสุขภาพกันทุกท่านด้วย ครับ
    เมื่อสักครู่ ข่าวบอกว่าช่วงนี้สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ขายดีมาก
    บางร้านค้าหมดใน 10 นาที ทั้งที่ปกติจะขายหมดใน 2 สัปดาห์ ครับ
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่ะว่าจะไม่เล่าให้ฟังแล้วครับ เพิ่งเรื่มมาตื่นตัวกันเจ้าโด ทั้งที่โรงเรียนปกติและที่เรียนพิเศษ ก่อนเข้าห้องตอนเช้าจะมีการวัดอุณหภูมิโดยใช้เครื่องวัดผ่านทางหู ทุกคนใครผ่านก็เข้าห้องไป(ต่ำกว่า37)ใครสูงเกินกว่า 38ก็ลงไปห้องพยาบาลใครเกิน39ก็เรียกผู้ปกครองมารับ ค่อนข้างเป็นมาตรการที่ดีครับเพียงแต่ช้าไปเล็กน้อย และก็เริ่มมีใช้กันสำหรับนักธุรกิจหญิงท่านหนึ่งก่อนใครจะเข้าพบก็ต้องตรวจอุณหภูมิก่อนทุกคนถึงจะเข้าได้ครับ ส่วนเจ้าโดมันว่าวันไหนขี้เกียจเรียนจะวิ่งรอบโรงเรียนสัก 2รอบก่อนตรวจวัดแล้วจะได้เกิน39จะได้กลับบ้านนอนครับ555555 หุ หุ
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่ออาทิตย์ก่อนทางแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า อีก ๒ เดือนข้างหน้า ในช่วงส.ค.-ก.ย. เข้าหน้าฝนเต็มๆนี่ จะยิ่งทวีคูณอีกหลายเท่าตัว...

    เมื่ออาทิตย์ก่อนบอกกันว่า ฟ้าทะลายโจรแก้ได้ แต่ต้องค่อยๆทานแบบสร้างภูมิคุ้มกัน ภายใน ๓ เดือน ตั้งแต่เข้าเรียนแพทย์แผนโบราณนี่ยาฝรั่งกินผมยาก ยาฝรั่งดีตรงแก้ปัญหาทันใจดี แต่ระยะยาวยังมีside effect ยาสมุนไพรไม่ว่าจีนหรือไทย ใช้เวลาระยะเวลาหนึ่ง แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก

    การใช้ยาสมุนไพร หากเริ่มใช้ครั้งแรกที่เป็น อาการที่เห็นอาจจะหนักกว่าเดิม หรือเป็นมากกว่าเก่า สาเหตุเป็นเพราะเป็นรักษาในขั้นต้นจะต้องใช้ตัวยากระทุ้งโรคก่อน เรียกว่า"ขุดรากถอนโคน" เมื่อกระทุ้งโรคแล้ว จึงเข้าสู่กระบวนการรักษาจริงๆ ผู้ใช้ยาสมุนไพรก็ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วยครับ

    ที่ชั้นเรียนเภสัชฯนี่ผมได้รู้จักเพื่อนๆทั้งอายุน้อยกว่าคือ 21 ปี และอาวุโสขนาด ๗๐ กว่า แต่ละท่านนี่ระดับสุดยอดไม่ธรรมดาครับ เอาไว้ผมครูพักลักจำมาบอกเพื่อนๆเป็นระยะ..อิ...อิ...มันคือตักศิลาดีๆนี่เอง....
     
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    555555 วันหน้าบอกเจ้าโดว่า ไม่ต้องไปวิ่งเอาก้อนไขมันข้างเอวออกนะ เสียดายความน่าฟัดนั้นไป หากไปวิ่งแบบนั้น ผมจะตรวจการเต้นหัวใจเจ้าโดสงสัยจะถึงขั้นหอบ อันนี้ก็ผิดปกติ สันนิษฐานว่า เจ้าเชื้อไข้หวัดนี้มันทะลุทะลวงเข้าหัวใจมากกว่าเข้าปอด อันนี้ ไม่ใช่จับ admit ธรรมดาแล้วค้าบ ต้องจับผ่าตัดหัวใจด่วน....

    หากที่บ้าน หรือที่ไหนๆพบต้นแก้ว สมัยที่เรียนรด.แล้วขี้เกียจเรียน จะเด็ดเจ้าใบแก้วนี่แหละเอามาเคี้ยวๆเพียงใบเดียว อาการไข้ตัวร้อนจะขึ้นมาทันที พอหมดฤทธิ์สมุนไพรตัวนี้ จะกลับมาอุณหภูมิเท่าเดิม..บอกเจ้าโดนะ อิ..อิ...ช่วยกันโดดเรียนนะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เรื่องการป้องกันไข้หวัด 2009 นี้ การใช้หน้ากากปิดปาก และจมูกนี่ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ง่ายกว่าทุกทาง แต่..ส่วนมากไม่ค่อยทำกัน อาจจะไม่ตระหนัก หรือไม่รู้ว่ามันรุนแรงแค่ไหน ถามผู้เป็นและหายแล้ว ก็จะวูบไปเหมือนกันในตอนนั้น ยังไงป้องกันก็ยังดีกว่าการรักษา

    ผมขึ้นรถประจำทางปอ.48 ไปวัดโพธิ์ ก็สังเกตดูตั้งแต่ขึ้นรถ จนคนลงมากๆที่สยาม ก็นับจำนวนผู้ที่สวมหน้ากากป้องกันจมูก และปาก ก็ได้ตัวเลขที่น่าสนใจอยู่ในระหว่าง 23%-25% โดยเฉลี่ยคือ 24% เท่านั้นที่ปิดปาก และจมูก ส่วนอีก 76% ที่ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อไป ไม่ว่าคนจะขึ้นหรือลง ยอดคงเหลือจะเป็นตัวเลขนี้จริงๆ...
     
  8. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    หวัด D ครับ คุณพี่ๆชาววังหน้าครับ เมื่อวาน หลังจากเลิกประชุม ผมก็ต้องตะลอนไปต่อที่ จันทบุรีครับไปอบรมต่อครับ อีก 5 วัน (สงกะสัยนิสัยไม่ดีครับ ที่ทำงานส่งไปอบรมอีกแล้วครับ) ได้กลับกาฬสินธุ์ ก็คงจะเป็นวันเสาร์อ่ะครับ ไปถึงที่อบรมเกือบๆ หกโมงครับ แล้วที่อบรมไม่มี Net ให้เล่นด้วยอ่ะครับ ต้องเดินออกจากที่อบรมมาประมาณหนึ่งกิโลครับ ถึงเจอร้าน Net
    ....ดีใจครับ ได้เจอพี่ๆชาวคณะวังหน้า ได้กราบพระอาจารย์นิล คุณปู่ประถม อบอุ่นครับ....แล้วยังได้ของดีกลับไปด้วย (ได้ตั้งเยอะแน่ะ)
     
  9. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    พี่หนุ่มครับ ยังไม่ถึงวาระใช่เปล่าครับ....กลักไม่ขีดครับ
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ได้กลับบ้านเกิดที่กาฬสินธุ์ก็อย่าเสียเที่ยวไปต่อที่วัดภูค่าว ไปกราบนมัสการพระอาจารย์ณรงค์ พร้อมชมพระสมเด็จวังหน้า วังหลวงที่พิพิธภัณฑ์ของที่วัดกัน ท่านใดที่กล่าวหาว่าของปลอม ของหลอก ของเก๊ก็ไปชม ไปสอบถามพระอาจารย์ณรงค์ พระท่านศีล ๒๒๗ ข้อยังไงคงไม่โกหกเหมือนฆราวาสที่เพียง ศีล ๕ ยังรักษาไว้ไม่ได้เลย หากทั้งรักษาไว้ก็ไม่ได้ และยังขายพระพุทธเจ้า แบบนี้ท่านจะเชื่อผู้ใดก็ตามสบายครับ ผมนั้นทั้งรักของปลอม ของหลอก ของเก๊ ยังก็อะไรดี...
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    สงสัย เชื้อแรงครับ

    "เชื้อมันแรง โปรดเห็นใจ" เหอๆๆๆๆๆ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    อ่า สงสัยเชื้อผมแรงเหมือนกัน ทำให้ติดนิสัยไม่ดี ต้องไปเข้ารับการอบรม

    อะไรที่ใช่ของเรา ต้องเป็นของเราวันยั่งค่ำ
    แต่อะไรที่ไม่ใช่ของเรา ทำอย่างไรก็ไม่ได้มาครับ

    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณเพชรครับ

    ผมรบกวนทำสำเนาให้ผม 1 ชุดครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่ะ ๆๆๆ ห้ามเรียก "เจ้าโด" สิครับ

    ต้องเรียก "ท่านโด"

    เพราะอนาคต เรื่องพระวังหน้า ส่วนหนึ่งผมฝากความหวังไว้ที่ "ท่านโด" ครับ

    .
     
  15. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    พี่ท่านหนึ่งก็ขอ copy เช่นกัน เดี๋ยวผมจัดให้ แต่อยากให้รอจนพบแผ่นที่ 2 ก่อน ในชุดมี 5 แผ่น ขาดไป 1 แผ่นคือแผ่นที่ 2 ได้มา 80% เท่านั้น ขาดอีก 20%
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    5555555 ท่านโด ก็ท่านโด ผมก้อลืมตัวไป คิดว่าเค้าเป็นเด็ก...:z14
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณpsombat บูชาให้ดีนะครับ ลองอธิษฐานดูนะครับว่า ขอให้ขยายขนาด หรือเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น

    สวดบูชาท่านทุกวันได้ยิ่งดี ผมแนะนำให้สวดอิติปิโส พาหุง และชินบัญชร ทุกๆวันนะครับ

    "ธาตุสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี" เป็นธาตุที่เสด็จมาที่(หน้าตัก)พระบูชา(9")สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีเอง ซึ่งพี่ท่านนึงได้มอบให้กับผมมา ผมจึงอัญเชิญมามอบให้กับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของสมาชิกชมรมครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    คุณเพชรครับ

    ผมรบกวนทำสำเนาให้ผม 1 ชุดครับ

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ขอบคุณครับคุณเพชร
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ท่องเที่ยว(อย่าง)ปลอดภัย ในสถานการณ์หวัด 2009
    Travel - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>20 กรกฎาคม 2552 15:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ควรสวมหน้ากากป้องกันเชื้อหวัดในพื้นที่สุ่มเสี่ยง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในปีนี้การท่องเที่ยวของไทยถูกศึกหนักรุมเร้าในหลายด้าน ทั้งเรื่องปัญหาราคาน้ำมัน ปัญหาเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ และล่าสุดกับปัญหาโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ทำเอาหลายๆคนกลัวไม่กล้าจะออกไปเที่ยวไหน

    แต่อันที่จริงแล้วถ้ารู้จักป้องกันตัว ดูแลรักษาสุขภาพพลานามัย ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เราก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวกันได้อย่างปกติ ซึ่งกูรูทางการท่องเที่ยว 3 คน ได้ให้ทัศนะ คำแนะนำ และข้อควรปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในสถานการณ์ไข้หวัด 2009 ไว้ดังนี้

    วันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายการตลาดในประเทศ กล่าวถึงเรื่องของไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกำลังวิตกกันอยู่ในขณะนี้ว่า ตนไม่อยากให้นักท่องเที่ยวตกใจ เพราะถ้ามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางกระทรวงสาธารณสุขก็จะอยู่ได้อย่างปลอดภัย

    ส่วนท่านไหนที่คิดว่าไม่สบายก็หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวในสถานที่แออัด การใส่หน้ากากอนามัยที่ทางรัฐบาลรณรงค์ป้องกันให้ใส่อยู่ในขณะนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งช่วงนี้อาจจะอยู่ในช่วงหน้าฝนด้วย การติดหวัดจึงเป็นไปได้ง่าย แต่ไม่อยากให้คนไทยนำไปเป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ตัวเลือกน่าสนใจในสถานการณ์หวัด 2009 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 สำคัญที่การป้องกันและระวัง แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก ในแหล่งชุมชนอยากให้ใส่หน้ากากและฟังคำเตือนจากสาธารณสุขอยู่ต่อเนื่อง ในเรื่องการจับต้องสิ่งของต่างๆ ก็ต้องล้างมือบ่อยๆ กินอาหารร้อนๆ

    ขณะนี้มาตรการรองรับ เรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ทาง ททท. มีก็คือ การร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่ข้อมูลป้องกันแก่นักท่องเที่ยว ถ้าใครกลัวที่จะเที่ยวเพราะไข้หวัด 2009 ก็อยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติและสงบอย่างอุทยานฯหรือวัด ทุกคนอยู่กับธรรมชาติยังไงก็ปลอดภัย หลีกจากการเที่ยวผับ บาร์ หาความสดชื่นตามธรรมชาติน่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้

    ด้าน วินิจ รังผึ้ง บรรณาธิการอนุสาร อ.ส.ท. กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่กำลังระบาดอยู่ในบ้านเราตอนนี้ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวว่า โรคไข้หวัด 2009 ค่อนข้างมีผลกระทบมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศตอนนี้หายไปเยอะมาก หลายๆประเทศค่อนข้างจะตื่นกลัวกับไข้หวัดใหญ่ 2009 พอสมควร แสดงให้เห็นว่าโรคไข้หวัด 2009 นั้นแพร่กระจายมาก คนจึงตื่นตระหนกกัน นักท่องเที่ยวเองหากตอนนี้ถ้าเลือกได้ต่างก็จะงดการเดินทางท่องเที่ยวกัน

    “ปกติการใช้ชีวิตประจำวันก็ค่อนข้างมีอัตราเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่ทำงาน หรือในรถประจำทาง รถสาธารณะ ในห้าง ในพื้นที่ต่างๆ ฉะนั้นความเสี่ยงมันอยู่ใกล้ตัวเรามากทุกที ถ้าหากควบคุมไม่ได้ถึงขั้นปิดหรือสั่งให้หยุดกิจกรรมต่างๆ หรือสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อเป็นการหยุดการแพร่กระจายของเชื้อหวัด ผมคิดว่าถ้ามองอีกแง่หนึ่งเราก็สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ ได้อีกมากมาย ตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ชายทะเล หรือที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีแล้ว ผมคิดว่าอัตราเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค และการแพร่กระจายของเชื้อโรคน้อยกว่าการใช้ชีวิตประจำวัน” วินิจ กล่าว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>สถานที่แออัด อาจต้องหลีกเลี่ยงในช่วงนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>วินิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมองเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีผลต่อการท่องเที่ยวจริงๆ น่าจะมองในเชิงกลับกันว่า ตัวกิจกรรมท่องเที่ยวไม่ได้ส่งผลกระทบ นอกจากการท่องเที่ยวในรูปแบบกิจกรรมที่เป็นเทศกาลหรือเป็นงานที่คนต้องไปรวมตัวกันดูการแสดงเป็นจำนวนมาก หรือต้องมาอยู่ใกล้ชิดกัน ตรงจุดนี้ดูจะมีความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อมากกว่า ส่วนการท่องเที่ยวทั่วไปมีความเสี่ยงน้อยมาก

    “การไปเที่ยวในผับในเทค หรือตามห้างสรรพสินค้าของเยาวชน ผมว่าก็ไปเที่ยวเฉพาะที่จำเป็น แล้วหันไปเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติจะดีกว่า พื้นที่ธรรมชาติของเรามีมากมายกระจายกันอยู่ ไปเที่ยวแล้วเสี่ยงต่อการติดโรคน้อย แล้วในส่วนของการเดินทางหากนักท่องเที่ยวต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถปรับอากาศ หรือรถทัวร์ต่างๆ เราก็ป้องกันตัวเองได้ อย่างเช่น ใช้หน้ากากอนามัยปิดจมูก ปิดปากไป แล้วก็การสัมผัสมือจับอะไรต่างๆ เราก็พยายามใช้มือมาให้สัมผัสกับตัวเราให้น้อยที่สุด อย่างการเอาเข้าปาก หรือไปแกะ แคะ ปาก จมูก ไปขยี้ตาก็พยายามทำให้น้อยที่สุด แล้วก็ล้างมือให้บ่อยที่สุดเท่าที่มีโอกาส หรือจะใช้เจลแอลกอฮอลล์ติดตัวไป ก็จะสามารถช่วยป้องกันเชื้อได้” วินิจ กล่าว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทะเลที่โล่งแจ้ง เที่ยวได้ไม่ต้องวิตก </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วน วิโรจน์ สิตประเสริฐนันท์ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ก็มีส่วนกระทบกับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยอยากจะไปไหนมาไหน แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่งกลับคิดว่าเป็นส่วนที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ เช่น คนที่จะไปเดินห้าง ที่ชุมนุม ที่ช้อปปิ้ง หรือสถานที่แออัดยัดเยียด บางส่วนอาจจะหลีกหนีไปเป็นการเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งก็เป็นผลดีส่วนหนึ่ง

    “ผมคิดว่าในทุกสิ่งทุกอย่างบางครั้งวิกฤตมันจะเป็นโอกาส แต่ในเรื่องของการไปเที่ยวระยะไกลอาจจะน้อยหน่อย อันนี้มันจะไปเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ แต่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเขาจะไปหาอากาศบริสุทธิ์ ไปเป็นครอบครัว เพราะข่าวสารที่ออกมาทำให้คนส่วนหนึ่งจะไม่ไปเข้าโรงหนัง ไม่ไปที่คนเยอะๆ เขาก็จะไปหาที่โล่ง

    ดังนั้นในส่วนนี้มันเป็นไปได้ที่จะใช้ตัวนี้ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในระยะใกล้ได้ ส่วนใครที่มีเงินหน่อยจะไประยะไกลก็ได้ แต่ไปในที่ที่ไม่แออัดยัดเยียด เช่น วันเสาร์-อาทิตย์เราควรจะหลีกเลี่ยงพวกตลาดน้ำทั้งหลายที่คนไปกันเยอะๆ หรือถ้าไม่เลี่ยงก็ต้องเอาผ้าไปปิดปากปิดจมูก แต่ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้คนตกใจมากก็น่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในที่โล่งๆ เช่น ตามอุทยานแห่งชาติ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ถือเป็นการออกกำลังกายด้วย เช่นไปเดินป่า ไปว่ายน้ำ ผมคิดว่าน่าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงนี้ด้วยซ้ำไป ว่าน่าพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ยืดอกพกหน้ากากอนามัยในสถานการณ์หวัด 2009</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ส่วนวิธีการท่องเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่ 2009 วิโรจน์กล่าวว่า สุขภาพคนเรามันอยู่ที่เราต้องดูแลรักษา เรื่องหวัดเราก็รู้แล้วว่าสาเหตุหนึ่งเป็นเรื่องของภูมิต้านทานซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเรารู้ว่าเรื่องหวัดเกี่ยวข้องกับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ต้องดื่มน้ำมากๆ ทานผลไม้ ตามที่หมอเขาแนะนำมาอันนี้ก็ช่วยได้ เราควรส่งเสริมให้คนหันมากินผลไม้ไทยที่มันเหลือเยอะๆ ตรงนี้ด้วย เราต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เราก็สนับสนุนให้เขาบำรุงสุขภาพด้วยเรื่องกินผลไม้และผักต่างๆ

    “ผมคิดว่าคนเราอย่าอยู่บ้าน เพราะอยู่บ้านถึงไม่ติดหวัดแต่ก็อาจเป็นโรคภัยไข้เจ็บอย่างอื่น เผลอๆอาจจะติดหวัดง่ายกว่าด้วยซ้ำไป ไม่แน่อาจจะเป็นโรคอื่นด้วย ควรจะออกนอกบ้านบ้างไม่ใช่ไม่ออกเลย อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกกำลังกายผมว่ามันไม่ดี ควรมาหาอาหารสุขภาพทานมาส่งเสริมเรื่องอาหารไทย ผัก ผลไม้กันเยอะๆ” วิโรจน์กล่าวทิ้งท้าย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...