ทริปเข้าพรรษา ภูทอก-วัดเจติยาศีรีวิหาร จ.หนองคาย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ปาฏิหาริย์, 12 กรกฎาคม 2009.

  1. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    รูปนางอัปสรา ประจำทริปครับ-พี่ลี

     
  2. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    อวิชชายะ เตววะ อะเสสะวิราคะนิโรธา สังขาระนิโรโธ
    ( เพราะอวิชชาสำรอกดับไปไม่เหลือ สังขารจึงดับ )

    สังขาระนิโรธา วิญาณะนิโรโธ
    ( เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ )

    วิญญาณะนิโรธา นามรูปะนิโรโธ
    ( เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ )

    นามะรูปะนิโรธา สะฬายะตะนะนิโรโธ
    ( เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ )

    สะฬายะตะนะนิโรธา ผัสสะนิโรโธ
    ( เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ )

    ผัสสะนิโรธา เวทนานิโรโธ
    ( เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ )

    เวทนานิโรธา ตัณหานิโรโธ
    ( เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ )

    ตัณหานิโรธา อุปาทานะนิโรโธ
    ( เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ )

    อุปาทานะนิโรธา ภะวะนิโรโธ
    ( เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ )

    ภะวะนิโรธา ชาตินิโรโธ
    ( เพราะภพดับ ชาติจึงดับ )

    ชาตินิโรธา ชะรามะระณัง
    ( เพราะชาติดับ ชรามรณะจึงดับ )

    โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสา นิรุชฌันติ
    ( ความโศก ความคร่ำครวญ ทุกข์ โทมนัส และความคับแค้นใจจึงดับ )

    เอวะเมตัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ นิโรโธ โหติ
    ( การดับแห่งกองทุกข์ทั้งปวงนี้ จึงมีด้วยประการฉะนี้ ฯ )

     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    [​IMG]


    ใช่...ยอมรับว่าหน้าบ้านนจริง ๆ เพราะอารมณ์แจ่มใสและปลอดโปร่งมาก
    อย่างเช่น รูปบางรูปจะถูกถ่ายออกมาขณะที่ตัวเองกำลังแผ่เมตตาอยู่
    ก็รูปยืนเต็มตัว พิงหน้าผาอยู่นั่นแหละค่ะ รูปที่คุณเล็กแซวนั่นแหละค่า..
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    รูปนี้พี่ลี อัดแจกเพื่อนๆได้เลย

    ว่าแต่พี่มน หายไปไหนน้า
     
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ดีจ้าน้องเล็ก ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีน๊า...
    ...รูปนั้นอะ นางแบบสวยจ้า...คนถ่ายเลยได้หน้า...หน้าบานนนนนนไปด้วย;)
    ตั้งชื่อให้รูปนั้นแล้วล่ะ...อัปสราลี...(อัปสรามาลี)

    ภาพที่โพสต์ไว้ส่วนใหญ่จะเป็นภาพสดๆ จากกล้อง
    ขออนุญาตเอามาตกแต่งแสงสีหน่อยน๊า
    .........................อัปสราลี........................
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 7.JPG
      7.JPG
      ขนาดไฟล์:
      248.2 KB
      เปิดดู:
      433
    • 8.JPG
      8.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.6 KB
      เปิดดู:
      238
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  6. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    การได้ไปปฏิบัติในครั้งนี้
    บนชั้น ๕ ถ้ำพระวิหาร มีหนังสือให้อ่านหลายเล่ม
    และเล่มหนึ่งที่สะดุดตาสะดุดใจพวกเรามากคือ
    ....................*มณีรัตน์*..................
    เป็นหนังสือที่ลูกศิษย์ของครูบาอาจารย์ท่านได้รวบรวมไว้
    ซึ่งข้อมูลที่รวบรวมมา กว่าจะมารวมเป็นเล่มได้ หาได้ยากยิ่ง
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.JPG
      01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      231.4 KB
      เปิดดู:
      240
    • 03.JPG
      03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      275.6 KB
      เปิดดู:
      225
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ณ อยากให้ลูกหลานเหลนได้ศึกษาประวัติและการสอนของท่าน
    จึงเก็บข้อมูลบางส่วนมาเผยแพร่ ลูกหลานขอกราบนมัสการหลวงปู่ค่ะ

    หลวงปู่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กันตสีโร
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02.JPG
      02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      236.8 KB
      เปิดดู:
      243
    • 04.JPG
      04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      179.4 KB
      เปิดดู:
      235
    • 05.JPG
      05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      294.4 KB
      เปิดดู:
      243
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เราไปดูคำปรารภในหนังสือกันก่อน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 09.JPG
      09.JPG
      ขนาดไฟล์:
      260 KB
      เปิดดู:
      237
    • 10.JPG
      10.JPG
      ขนาดไฟล์:
      224.7 KB
      เปิดดู:
      228
    • 11.JPG
      11.JPG
      ขนาดไฟล์:
      178.1 KB
      เปิดดู:
      230
    • 08.JPG
      08.JPG
      ขนาดไฟล์:
      400.3 KB
      เปิดดู:
      221
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ต่อไปนี้จะเป็นบางส่วนบางตอนที่เก็บมาได้

    ๑๔. ผงเข้าตา
    ตามพระธรรมวินัยกำหนดไว้ว่า สิ่งที่อนุโลมไม่ต้องประเคนคือน้ำบริสุทธิ์
    ไม้เจีย(แปรงสีฟันทำด้วยไม้ข่อย, ไม้คนทา, ไม้ตีคน และไม้อื่นๆ
    ส่วนมากมีรสขม) ที่มีขนาดยาวไม่ต่ำกว่า ๔ นิ้ว และยาวไม่เกิน ๘ นิ้ว

    ครั้งหนึ่งหลวงปู่ทองดี ซึ่งเป็นสหธรรมิกของครูบาจารย์ทองรัตน์
    ซึ่งปกติท่านจะกระทำการต่างๆ ด้วยความรอบคอบเสมอ
    แต่วันนี้ไม่ทราบด้วยสาเหตุอะไรจึงได้พลาด คือเมื่อฉันภัตตาหารเสร็จ
    พระเณรได้อุปัฏฐากตามสมณกิจ โดยถวายน้ำบ้วนปากและไม้เจีย
    บังเอิญว่าไม้เจียสั้นไป ขณะแปรงฟันอยู่นั้นไม้เจียหลุดมือร่วงไปติดที่ลำคอ
    ทำอย่างไรก็ไม่ออก ต้องทนทรมานอยู่นานก็ไม่ออก

    จนครูบาจารย์ทองรัตน์ได้มาเจอเข้า เห็นอาการก็ทราบว่ามีอะไรติดคอหลวงปู่ทองดี
    ครูบาจารย์ทองรัตน์เลยให้สติไปว่า “โอย! ญาถ่านดีเหลือ แต่ปฏิบัติมาได้ตั้งหลวง
    ตั้งหลายละลายเหล็ก ละลายขางได้เป็นหยังบ่เอามาใช้”
    หลวงปู่ทองดีจึงได้สติ ได้นั่งกำหนดสติชั่วขณะไม้เจียนั้นได้ละลายไปโดยไม่น่าเชื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๑๕.มรรคผลไม่ได้อยู่ที่นิกาย
    จากหนังสือ สุจิณโณนุสรณ์ ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง
    จ.เชียงใหม่ เล่าเรื่องญัตติกรรมว่า เดิมหลวงปู่แหวนออกปฏิบัติใหม่ๆ
    เกิดความสงสัย ไม่สบายใจในเรื่องนิกายทั้งสอง ซึ่งในช่วงหลวงปู่แหวน
    ไปอบรมปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่นนั้น มีพระสงฆ์มหานิกายหลายรูปด้วยกัน
    ที่ยังไม่ญัตติ เมื่อเกิดการเคลือบแคลงสงสัยอยู่ พลอยเป็นเหตุให้การปฏิบัติติดขัดไปด้วย

    วันหนึ่ง จึงเข้าไปกราบขอญัตติกับหลวงปู่หลายรูปด้วยกัน
    ผลปรากฏว่าบางรูปท่านไม่อนุญาต บางรูปท่านอนุญาต
    ส่วนหลวงปู่แหวนท่านได้อนุญาต
    เฉพาะรูปที่ท่านไม่อนุญาต ท่านให้เหตุผลว่า
    ถ้าพากันมาญัตติเป็นพระธรรมยุติหมดเสียแล้ว ฝ่ายมหานิกายจะไม่มีใครแนะนำการปฏับัติ
    มรรคผลไม่ได้ขึ้นอยู่กับนิกายหรอก แต่มรรคผลขึ้นอยู่กับการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
    ตามธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแนะนำสั่งสอนไว้แล้ว
    ละในสิ่งที่ควรละ เว้นในสิ่งที่ควรเว้น เจริญในสิ่งที่ควรเจริญ
    นั่นแหละทางดำเนินไปสู่มรรคผลนิพพาน
    บรรดาศิษย์ฝ่ายมหานิกาย ที่ท่านไม่อนุญาตให้ญัตติ
    ตอนนั้นมีหลายรูป และที่ท่านไม่อนุญาต มีพระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>ทองรัตน์ เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๑๖.นิกายเดียวกัน
    หลวงพ่อกิ ธัมมุตตโม เล่าว่า เรื่องเกี่ยวกับนิกายทั้งสอง
    ครั้งหนึ่ง ครูบาจารย์เฒ่าท่านไปกราบหลวงปู่มั่น
    ได้มีพระเณรนั่งพูดสนทนาวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องนิกายทั้งสอง
    และได้พูดดูถูกพระนิกายอื่นว่าไม่เหมือนกับพวกของตนเอง
    และได้พูดลามไปถึงครูบาจารย์ทองรัตน์ว่า พระหลวงตารูปนี้เป็นพระมหานิกาย
    ไม่ได้ญัตติเป็นธรรมยุติเหมือนกับพวกพระเณรเขา พอดีครูบาจารย์ท่านได้ยิน
    ท่านได้เดินเข้าไปหาแล้วหันหลัง ถกสบงขึ้นจนเห็นก้น พร้อมกับกล่าวว่า
    “มาหยัดเข้าฮูขี้กูนี่” (มายัดเข้าตูดข้านี้) ทำให้พระเณรกลุ่มนั้นแตกกลุ่มไปคนละทิศละทาง
    เพราะเจอของจริงเข้าอย่างจัง

    เรื่องระหว่างธรรมยุติกับมหานิกาย เป็นเรื่องที่ยกขึ้นมาพูด
    หลังพุทธเจ้าปรินิพพานนานแล้ว ทำให้ผู้ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ดีพอ
    ต้องไขว่เขวไปด้วย จนเกิดเรื่องเกิดราวกันมานับไม่ถ้วน
    ในสมัยครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์ ก็มีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย

    เมื่อคราวที่ครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์ได้ศึกษาข้อวัตรกับหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น
    เป็นเวลาพอสมควร จนครูบาจารย์เฒ่า ท่านได้ลิ้มรสอมฤตธรรมแล้ว
    จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะตอนแรกท่านได้ไปกราบ ขออุบายธรรมจากหลวงปู่ใหญ่ทั้งสอง
    เป็นเวลาสั้นๆ ไม่ถึงกับทำสังฆกรรมร่วมกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    แต่มีอยู่วันหนึ่งท่านได้ไปกราบหลวงปู่มั่นใกล้วันอุโบสถ
    พระเณรในวัดเกิดวิพากษ์วิจารณ์กันมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
    บางรูปก็ว่าครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์ไม่ได้ญัตติ ไม่น่าให้ร่วมสังฆกรรมด้วย
    บางรูปก็ว่าในเมื่อมีข้อวัตรปฏิบัติเหมือนกัน
    แถมยังเป็นลูกศิษย์พ่อแม่ครูบาจารย์เดียวกัน ควรที่จะให้ร่วมสังฆกรรมด้วย

    ก่อนถึงวันลงอุโบสถ หลวงปู่มั่นไม่รู้ไปได้ยินมาจากใครว่า
    พระเณรกำลังกังลลในเรื่องนี้มาก กลัวว่าเมื่อร่วมสังฆกรรมแล้ว
    จะไม่เกิดผลดีต่อคณะสงฆ์ทั้งสองฝ่าย เพราะเหตุเคลือบแคลงสงสัยในสังฆกรรมนั้น
    หลวงปู่มั่นได้ออกอุบายเพื่อให้พระเณรล่วงสงสัย
    หลวงปู่มั่นจึงถามครูบาจารย์ในท่ามกลางสงฆ์ที่ร่วมฉันน้ำปานะด้วยกันว่า
    “ท่านทองรัตน์สงสัยในสังฆกรรมอยู่บ้อ”

    ครูบาจารย์กราบเรียนพร้อมกับพนมมือ
    “โดยข้าน้อย ข้าน้อย บ่สงสัยหรอกข้าน้อย ”
    (ครับกระผม กระผมไม่สงสัยหรอกขอรับ)

    “เออบ่สงสัยกะดีแล้วให้มาลงอุโปนำกันเด้อ”
    (เออไม่สงสัยก็ดี ให้มาลงอุโบสถร่วมกันนะ) หลวงปู่มั่นพูด
    ด้วยครูบาจารย์เฒ่า ก็ไม่อยากให้ครูบาอาจารย์ต้องลำบากใจ
    จีงพุดไปว่า “โดยข้าน้อยบ่เป็นหยังดอก ข้าน้อย
    ข้าน้อยขอโอกาสไปลงทางหน้าพู้นดอกข้าน้อย”
    ครูบาจารย์ตอบพร้อมพนมมือรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    และต่อๆ มาเมื่อมีพระมหานิกาย ที่ไปกราบขอศึกษาประพฤติปฏิบัติธรรม
    กับหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น
    ที่ยังไม่ญัตติ หรือไม่ประสงค์จะญัตติ ท่านก็บอกให้ไปศึกษากับ
    ครูบาจารย์ทองรัตน์ตลอด
    และได้มีพระสงฆ์ที่ไปขอศึกษาประพฤติปฏิบัติกับหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น
    ที่ไม่ได้ญัตติ บางรูปถึงแม้จะไปขอญัตติ ท่านก็ไม่ญัตติให้
    โดยท่านให้เหตุผลว่า
    “ถ้าพากันญัตติหมด จะทำให้พระสงฆ์เกิดการแตกแยก เป็นก๊กเป็นเหล่ามากกว่าที่เป็นอยู่”
    ซึ่งหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น ท่านพยายามเป็นอย่างยิ่ง
    ที่จะคืนนิกายทั้งสองนั้นให้เป็นอันเดียวกัน

    ครูบาอาจารย์ที่ไม่ญัติเป็นธรรมยุตินิกาย ที่เป็นสหธรรมิก
    และเป็นลูกศิษย์ครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กันตสีโล
    แม่ทัพธรรมนายก<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>องใหญ่ฝ่ายมหานิกาย
    <st1:personName w:st="on" ProductID="องใหญ่ฝ่ายมหานิกาย สายบูรพาจารย์เสาร์">สายบูรพาจารย์เสาร์</st1:personName> กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาทิเช่น

    ๑. พระครูญาณโสภิต (หลวงปู่มี ญาณมุนี) วัดป่าสูงเนิน จ.นครราชสีมา
    ๒. หลวงปู่สีเทา บ้านแวง จ.ยโสธร
    ๓. หลวงปู่พรม บ้านโคกก่อง จ.ยโสธร
    ๔. หลวงพ่อบุญมาก ฐิตปัญโญ วัดภูมะโรง(วัดสาลวัน) จำปาศักดิ์ ประเทศลาว
    ๕. หลวงปู่กินรี จันทิโย วัดกันตสีลาส อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
    ๖. ท่านเจ้าคุณพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท) วัดหนองป่าพง
    อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
    ๗. หลวงพ่อกิ ธัมมุตตโม วัดสนามชัย อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    (ภายหลังจึงญัตติ)
    ๘. หลวงพ่อพรม กุดน้ำเขียว อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
    ๙. พระครูภาวนานุศาสตร์ (หลวงพ่อสาย จารุวัณโณ) วัดป่าหนองยาว
    อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
    ๑๐. หลวงพ่อท่า วัดถ้ำซับมืด อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    ๑๑. หลวงพ่อปุ่น ฉนัทโก วัดป่าฉันทาราม บ้านคำแดง จ.ยโสธร
    ๑๒.หลวงพ่อพร สัจจวโร วัดบ้านแก่งยาง อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี
    ๑๓. หลวงพ่อกองแก้ว ธนปัญโญ วัดป่าเทพบุรมย์ บ้านแก่งยาง
    อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี
    ๑๔.หลวงพ่ออวน ปคุโณ วัดจันทิยาวาส บ้านนามะเขือ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๑๘. “เฮ้ย บ่างใหญ่มาแล้วโว้ย”
    เรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนี้ ทุกคนมีโอกาสสัมผัสผลจากการปฏิบัติกันทุกคน
    แต่ละคนจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป บางคนถ้าสติไม่เท่าทันกับอุปสรรค์ที่เกิดขึ้น
    อาจต้องยอมแพ้อุปสรรคนั้นได้ แต่ละอย่างจะเป็นสิ่งขวางกั้นหรือเป็นสิ่งฉุดรั้ง
    ให้การเดินทางเนิ่นช้าลง บางท่านถ้ารู้วิธีแก้ก็สามารถเดินทางต่อไปได้ถึงที่หมายเร็ว
    บางท่านต้องใช้เวลานานหลายปีก็มี ฉะนั้นจึงจำเป็นที่นักปฏิบัติใหม่ๆ ต้องมีครูบาจารย์
    เป็นผู้ชี้ทางให้ นี้ก็เป็นอุปสรรคอันหนึ่งที่หลวงปู่กินรีเล่าให้ฟังว่า

    ในคืนวันหนึ่ง มีพระชรารูปหนึ่งได้นั่งสมาธิภาวนาอยู่จนจิตสงบ ปรากฏว่าตัวท่าน
    เป็นบ่างใหญ่ (กระรอกบิน) บินไปมาในสวนมะพร้าวแห่งหนึ่ง เกิดปิติขึ้นในจิตในใจว่า
    การปฏิบัติของตนเองได้คืบหน้าไปมาก จนสว่างไปบิณบาตร อาการนั้นก็ยังเป็นอยู่
    จนไม่อยากพูดกับใคร พอบิณฑบาตมาถึงวัด ด้วยอาการปีติอยู่นั่นเอง ครูบาอาจารย์เฒ่า
    ได้ร้องตะโกนใส่ด้วยเสียงอันดังว่า “เฮ้ยๆ บ่างใหญ่มาแล้วโว้ยๆๆ”
    พระชรารูปนั้นจึงได้สติกลับมา จึงรู้ว่าตนเองถูกนิมิตหลอกเอา
    <O:p
    มีอีกครั้งหนึ่งหลวงพ่อกิ ธัมมุตตโม เล่าให้ฟังว่า ช่วงในพรรษาไม่แน่ใจว่าในปีใด
    ครูบาจารย์เฒ่าได้จำพรรษากับหลวงปู่เสาร์ และพระเณรจำนวนหนึ่ง
    พระเณรทุกรูปต่างตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติทำความเพียร ไม่มีใครพูดกับใคร
    จนในวันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งปฏิบัติจนคิดว่าตัวเองเหาะได้ ในขณะที่เอะอะโวยวายอยู่นั้น
    หลวงปู่เสาร์ได้บอกครูบาจารย์เฒ่าว่า “เอาแมะ ทองรัตน์เอาแมะ”
    ครูบาจารย์เฒ่าลุกขึ้นได้ อัดกำปั้นใส่กกหูพระองค์นั้นเต็มแรง
    พระองค์นั้นเซถลาไปตามแรงกำปั้นล้มลงกับพื้น
    จึงค่อยสร่างและได้สติกลับมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๒๓.เคารพในสิ่งที่ควรเคารพ
    พระครูกมลภาวนาการ ได้ฟังสืบทอดมาจากหลวงพ่อกิเล่าว่า มีอีกคราวหนึ่ง
    ครูบาจารย์เฒ่าได้มีโอกาสออกเดินธุดงค์กับหลวงปู่มั่นและพระเณรที่เขาแห่งหนึ่ง
    ทุกรูปต้องปีนเข้าเพื่อข้ามไปอีกที่หนึ่ง พระเณรขอโอกาสที่จะสะพายบาตรบริขาร
    ของหลวงปู่มั่น แต่หลวงปู่ไม่ให้โอกาส เมื่อขึ้นเขาที่สูงชันมาก ได้ประมาณครึ่งทาง
    เผอิญาบาตรของหลวงปู่มั่นได้หลุดจากบ่าองค์ท่าน และกลิ้งลงตามเขา
    ผ่านหน้าพระเณร ๒-๓ รูปก็เฉย เพราะทุกรูปเคารพในครูบาจารย์มาก แม้แต่บริขารท่าน
    ถ้าเอามือจับไม่ทัน จะเอาเท้าเหยียบก็ไม่กล้า เพราะคิดว่าเคารพในครูบาจารย์
    แม้แต่บริขารของใช้ของครูบาจารย์ ก็ไม่กล้าแตะต้อง ถ้าไม่จำเป็น
    กับทั้งกลัวกลิ้งลงเขาเหมือนบาตร เลยปล่อยให้บาตรหลวงปู่มั่นกลิ้งลงตามความสูงชัน
    ของภูเขา พอบาตรกลิ้งมาถึงช่วงครูบาจารย์เฒ่าๆ ได้ใช้เท้าเหยียบสายถลกบาตร
    หลวงปู่มั่นไว้ได้โดยไม่รั้งรอ หลวงปู่มั่นจึงพูดขึ้นว่า
    “เออ บ่มีผู้ใดสิคิดส่อยครูบาอาจารย์หรอก ทองรัตน์”
    (เออ ไม่มีใครคิดช่วยอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>หรอก ทองรัตน์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๒๘.ครูบาจารย์เฒ่าได้รับมอบหมายให้ไปอยู่บ้านชีทวน
    “นั่นเดะ พระที่เพิ่นสิไปอยู่นำ พวกหมู่เจ้า หลวงปู่เสาร์ชี้ไปทางครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์
    กับหลวงพ่อกิ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ท่าน ญาติโยมทุกคนต่างมองไปทางพระทั่งสอง
    ทั้งรู้สึกพอใจ ที่หลวงปู่เสาร์ ท่านได้จัดพระให้ ถึงแม้ไม่ใช่หลวงปู่เสาร์เอง ก็ยังดีกว่าไม่ได้
    และกราบนิมนต์ท่านเพื่อเดินทางไปยังบ้านชีทวน พร้อมพระประมาณ ๓ รูป
    ส่วนหลวงพ่อกิท่านให้ไปจำพรรษากับอาจารย์กอน อาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>บัญชี บ้านโพนงาม
    ต.หนองบ่อ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    ในระหว่างที่จำพรรษาที่บ้านชีทวนนั่นเอง ครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์ต้องเจออุปสรรค์
    ปัญหาหลายประการ อย่างที่พ่อแม่ครูบาจารย์เสาร์บอกไว้ก่อนมาไม่ผิด
    พ่อใหญ่กัณหาโยมอุปัฏฐากผู้ใกล้ชิดได้เล่าให้ฟังว่า
    “ปัญหาแต่ละอย่างถ้าไม่ใช่ครูบาจารย์ทองรัตน์ คงอยู่ไม่ได้เพราะมันหนัก
    และยุ่งยากมากในการแก้ทิฐิคน
    ปัญหาอันดับแรก เช่น เมื่อกราบอาราธนาท่านไปจำพรรษา โยมก็แบ่งแยกกันเป็นสองฝ่าย
    <O:p
    ฝ่ายหนึ่งบอกว่า
    “เป็นพระเป็นเจ้าไปอยู่ป่า นั่งหลับหูหลับตาสิเห็นหยัง แม้แต่คนตาดีๆ มึนตาเบิ่งมันยั้งบ่เห็น
    (เป็นพระเป็นเจ้าอยู่ในป่า นั่งหลับหูหลับตามันจะเห็นอะไร แม้แต่คนตาดีๆ ลืมตาดูมันยังไม่เห็น)
    <O:p
    ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่า“ซ่างเขา คนเขาว่า เขาบ่เห็นนำเฮา (ช่างเขา คนเขาพูดเขาไม่เห็นกับเรา)
    <O:p
    พวกผู้หญิงชอบเอาครุ (ถังน้ำสานด้วยไม้ไผ่พอกด้วยชัน) ไปตักน้ำในบ่อของวัดป่า
    ครูบาจารย์ก็บอกว่า
    “แม่เอ๊ย อย่าเอาครุลงตักลงตักน้ำในส้าง (บ่อน้ำ) เด้อ ให้เอาครุลูกที่หาให้นั้นตัก”
    <O:p
    พวกโยมที่เป็นปฏิปักษ์ท่านหาว่า ท่านหวงน้ำ โยมอุปัฏฐาก ก็ได้ถามครูบาจารย์ว่า
    “เป็นหยัง ครูบาจารย์จั๋งห่ามแนวนั่น หรือแหงน้ำบ่
    (ทำไมพระอาจารย์จึงห้ามเอาถังลงตักน้ำในบ่อ หรือว่าหวงน้ำหรือ)
    ได้รับคำตอบเป็นที่พอใจว่า
    “เมื่อพวกแม่ เอาครุคาวปูคาวปลาตักน้ำ เมื่อพระเจ้าพระสงฆ์ไปตักน้ำนั่นมากินมาฉัน
    พระนั่นเพิ่นกะเป็นอาบัติตั๋วพ่อ”
    <O:p</O:p
    อดีตพ่อกำนันใจ เชื้อปทุม บ้านชีทวนเล่าว่า ครูบาจารย์จะใช้สรรพนามแทนตัวว่าลูก
    จะพูดกับญาติโยม ทั้งผู้หญิงผู้ชายว่า พ่อ แม่ หมดทุกคน และเคยถามท่านเป็นการส่วนตัว
    ท่านได้ให้คำตอบว่า “ที่ใช้คำพูดอย่างนั้นต้องการหัดให้ลูกเขา รู้จักพูดกับพ่อแม่ ด้วยคำพูดที่สุภาพ
    น่าจะเป็นไปได้ที่เด็กสมัยก่อนการพูดกับผู้ใหญ่ มักพูดใช้นำหน้าสรรพนามว่า “อี”
    เช่น อีพ่อ อีแม่ พี่ชายก็ บัก พี่สาวก็อีนั่นอีกนี่ ซึ่งฟังดูแล้วไม่สุภาพ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2009
  17. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๒๙.ต้องยกให้ทองรัตน์
    หลังจากได้มอบหมายให้ไปจำพรรษาที่บ้านชีทวนแล้ว ก่อนไปหลวงปู่เสาร์ได้สั่งกำชับว่า
    บ้านชีทวนนี้เป็นบ้านที่มีการศึกษามาก เป็นมหาก็เยอะ เรื่องที่จะไปพูดเฉยๆ ไม่มีอุบาย
    จึงยากที่คนเหล่านั้นจะเชื่อ เคยส่งพระไปหลายรูปแล้ว ต้องหันหลังกลับอย่างไม่เป็นท่า
    เพราะถูกลองภูมิ แม้แต่หลวงปู่เสาร์สมัยที่ไปสร้างวัดใหม่ๆ ยังเคยถูกลองดีมาแล้ว
    หลวงปู่เสาร์ได้บอกว่า “ถ้าบ่แม่นท่านทองรัตน์บ่มีไผสิเอาอยู่”
    (ถ้าไม่ใช่ท่านทองรัตน์แล้ว ไม่มีใครสอนคนบ้านนี้ได้)

    ในช่วงที่มาพักกันในแถบนี้ มีหลวงปู่เสาร์อยู่บ้านข่าโคม
    ครูบาจารย์เฒ่าทองรัตน์อยู่บ้านชีทวน ครูบาจารย์บุญมาอยู่บ้านท่าศาลา วัดป่าเรไร
    ครูบาจารย์ทองอยู่บ้านสวนงัว

    ในพรรษาลูกศิษย์ทั้งมหานิกาย และธรรมยุตินิกาย ที่ไปจำพรรษาอยู่วัดต่างๆ
    ต่างก็มาร่วมลงอุโบสถร่วมกัน ที่วัดป่าหนองอ้อ บ้านข่าโคม ได้ร่วมลงอุโบสถอยู่ช่วงหนึ่ง
    ต่อมาพระผู้ใหญ่ทางเมืองหลวงทราบข่าวว่า มีพระธรรมยุติกับมหานิกายร่วมลงอุโบสถกัน
    จึงได้แจ้งมายังหลวงปู่เสาร์ ให้ทั้งสองนิกายได้งดร่วมอุโบสถกัน หลวงปู่เสาร์เลยบอกว่า
    ถ้าทางการเขาไม่ให้ร่วมก็ให้ลูกศิษย์แต่ละวัดทำอุโบสถกันเอง
    เมื่อมีงานจึงมาร่วมปรึกษาประชุมกัน
     
  18. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    โยมบ้านชีทวนในสมัยนั้น หาผู้ที่เห็นความดีครูบาจารย์เฒ่าท่านยากมาก เพราะครูบาจารย์เฒ่า
    ท่านจะสอนทุกวิถีทางที่จะให้โยมรู้จักการเสียสละทาน เช่นบ้านไหนที่เตรียมจะใส่บาตร
    แล้วลืมมองดูพระ ท่านก็จะยืนรอแล้วร้องบอกให้มาใส่บาตร และรอจนโยมคนนั้นมาใส่บาตร
    ท่านจึงจะไปรับบาตรบ้านหลังอื่น ท่านจะไม่ถือโทษโกรธเคือง เมื่อไปบิณฑบาต
    ท่านจะทำความคุ้นเคยกับญาติโยมทุกคน แม้แต่วันไหนฝนตก ท่านก็บอก
    “แม่บ่ต้องลงมาหรอกมันสิเปียก ลูกสิไปรับเอง”
    จนบางคนคิดรังเกียจท่าน หาว่าเป็นพระเป็นเจ้า
    ตัวประจบญาติโยม แต่ท่านไม่ตำหนิแต่อย่างไร ถ้าบ้านไหนไม่เคยใส่บาตร
    ท่านก็พยายามให้โยมคนนั้นใส่จนได้

    บางครั้งเห็นกล้วยสุกอยู่บนต้น ท่านก็พูดกับโยมว่า
    “แม่ กล้วยมันสุกคาเครือบ่อยากได้บุญบ้อ คันอยากได๋กะเอาอาใส่บาตรตี้”
    (แม่เห็นกล้วยลุกอยู่บนต้น ไม่อยากได้บุญบ้างหรือ
    ถ้าอยากได้ก็เอามาใส่บาตรบ้างสิ)
    ท่านยืนรอจนโยมนำกล้วยมาใส่บาตร เมื่อถึงวัดท่านก็ไม่ฉัน
    ถือว่าของนั้นได้มาไม่บริสุทธิ์ แต่ที่ทำไปเพื่อสอนให้คนรู้จักเสียสละ
     
  19. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    มีโยมบางคนเห็นท่านไปทุกวันก็บอกว่าข้าวยังไม่สุก วันต่อมาท่านได้แบกฟืนไปให้พร้อมทั้งพูดว่า
    “เอ้าแม่ฟ้าวเร่งไวเข้า ลูกสิท่า” (เอ้าแม่รีบเร่งไฟเข้า ลูกจะรอ)
    จนข้าวสุกโยมนำมาใส่บาตรท่านจึงไป กลับมาถึงวัดท่านก็เอาออกไม่ฉัน

    แม่ชีเลียนเล่าว่า แม่ชีคำ ที่เคยประพฤติปฏิบัติร่วมกันที่บ้านหนองฮี ได้มีโอกาสติดตามไปกราบ
    ครูบาจารย์เฒ่าที่ต่างๆ บางครั้งถ้าบ้านไหนไม่เคยเข้าวัดให้ทานเลย ครูบาจารย์เฒ่าจะสั่งให้แม่ชี
    ไปขอเอาอะไรก็ได้ หมากพลู บุหรี่ ตามแต่ละให้ พอได้มาจะไม่ใช้ประโยชน์จากของที่ได้
    มาจากการร้องขอ การกระทำดังกล่าวทำให้โยมบางคนที่ไม่เข้าใจ ต่างก็แกล้งหาเรื่องใส่ท่านต่างๆ นานา
    บางครั้งเมื่อท่านออกไปบิณฑบาตก็พูดใส่ท่านว่า ท่านทำตัวไม่เหมาะสม แต่ท่านไม่สนใจ
    บางคนทนไม่ได้จริงๆ ถึงกับเอาค้อนตีสิ่วใส่บาตรให้ท่าน เมื่อไปถึงวัดท่านพูดกับพระเณรว่า
    “โยมเขาคือสิคิดว่า ทางวัดป่าบ่มีค้อนตอกสิ่ว เขาเลยใส่บาตรให้”
     
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ๓๐.รอดตายเพราะบาตร
    ทุกวันครูบาจารย์เฒ่าท่านก็บิณฑบาตตามปกติเหมือนไม่มีอะไร
    หลายวันต่อมา โยมคนนั้นทำทีมาใส่บาตรเหมือนเดิม
    มีข้าวและห่อใบตองกล้วยอย่างดี ห่อใหญ่เป็นพิเศษ

    เมื่อเดินกลับ ครูบาจารย์เฒ่าก็ได้พูดกับพระเณรว่า โยมคนที่เอาค้อนตอกสิ่ว
    ใส่บาตรให้ วันนี้เขาเอาอะไรหนอใส่บาตรให้ ห่อใหญ่ผิดปกติ
    <O:p
    เมื่อไปถึง วัดทุกวันครูบาจารย์เฒ่าจะจัดอาหารออกจากบาตร
    ถ้ามีอาหารส่วนไหน ที่ว่าไม่ถูกธรรมวินัย
    เช่น ของนั้นเอ่ยปากขอมา อาหารดิบ ท่านจะเลือกออกไม่ฉัน
    เมื่อเลือกเสร็จจะแบ่งให้พระเณรให้ได้ฉันทุกรูป
    <O:p
    วันนี้ได้ห่อใบตอง ซึ่งห่อใหญ่ผิดปกติ ประกอบกับโยมคนนี้ได้ต่อว่าท่นหลายครั้งแล้ว
    ท่านเลยค่อยๆ แกะไม้กลัดห่อหมกนั้นออก ในขณะที่ค่อยบรรจงแกะนั้น ในใจก็คิดว่า
    จะเป็นน้ำหรือเป็นเนื้อ กลัวน้ำจะหกก็กลัว ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดว่าจะเป็นไปได้ก็เป็นไปได้
    เมื่ออาหารประหลาดมีสี่ขากระโดดออกจากห่อหมดอย่างรวดเร็ว ด้วยความว่องไวเป็นทุน
    ครูบาจารย์เฒ่า ท่านรีบตะครุบอาหารประหลาดนั้นไว้ได้พร้อมกับว่า
    “เอ้อ เกือบเขาไม่เอามาใส่บาตรให้พ่อนะ เกือบเขานำเจ้าไปทำต้มยำแล้ว”
    เสร็จแล้วให้สามเณรนำอาหารประหลาด คือกบ นั้นไปปล่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...