พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    คุณ สิทธิพงษ์
    กรุณาส่งเบอร์บัญชี ของคุณมาที่ e-mail ส่วนตัวผมก็ได้ครับ ช่วงเที่ยงๆผมจะพยามออกมาส่งให้ครับ เพราะ วันที่ 13,14 นี้ ผมเข้าสัมมนา คงปลีกตัวอยากอยู่ครับแต่จะพยาม
    ค่างา =200 บาท ค่าทำบุญสร้างเจดีย์ ชัยฯ = 300 บาท
    ผมขอเพิ่มค่าสร้างเจดีย์ ผ่านคุณ นะครับ รบกวนด้วย
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ได้ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ในหลวงของคนไทยทุกคน พระองค์ท่านได้สอนมานานมากแล้ว
    คนต่างชาติพึ่งจะมารู้

    แล้วทำไมคนไทยจึงไม่ทำตามพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเล่า

    หุหุหุ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับพระสมเด็จ(top of the top 4) หากสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ได้ไปแล้ว ผมขอความกรุณาท่านสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า อย่านำไปลงในเว็บต่างๆ หรือนำไปให้คนอื่นๆชมครับ

    และ พระสมเด็จ(top of the top 4) และชุดอื่นๆที่ผมจะมอบให้กับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า ยังคงเป็นสิทธิของผมอยู่ในการที่จะแจกพระพิมพ์ชุดดังกล่าว ส่วนพระสมเด็จ และ อรหัง ที่พี่สมพรมอบให้กับชมรมรักษ์พระวังหน้า ต้องแจกสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าทุกๆท่าน จนกว่าจะหมดครับ

    .
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    โมทนาสาธุ ด้วยครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การมอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่ผมและพี่สมพรมอบให้กับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้านั้น มอบให้ท่านสมาชิก 1 ท่าน ต่อ 1 องค์นะครับ หากว่าในอนาคตที่สมาชิกชมรมมากกว่าที่สมัครมานี้ จะได้มีแจกกันต่อๆไป เพื่อเป็นกำลังใจในการทำความดีและทำตามวัตถุประสงค์ชมรม ของสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าครับ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    2.
    วันนั้นเป็นวันโกน หลวงปู่ตื้อ ท่านกำลังปลงผมอยู่ ญาติโยมทางเชียงใหม่
    กลุ่มหนึ่งมากราบท่านในเวลานั้นพอดี คุณนายท่านหนึ่งอยากได้เส้นผมของ หลวงปู่
    จึงบอกกับศิษย์ของหลวงปู่ว่า

    “ตุ๊เจ้าๆ ช่วยเก็บเกศาของหลวงปู่ไว้ให้ด้วยน่ะ”

    หลวงปู่ตื้อท่านได้ยิน จึงบอกคุณนายท่านนั้นไปว่า

    “อย่าเลยนะคุณนาย เดี๋ยวอาตมาจะให้อะไรดีๆ ”

    คุณนายท่านนั้นแสนจะยินดี เมื่อได้ยินหลวงปู่บอกจะให้อะไรดีๆ จึง
    ไม่ติดใจที่จะเอาเส้นเกศาของท่าน

    พอปลงผมเสร็จ หลวงปู่ท่านก็เอาน้ำราดให้เส้นเกศาที่โกนแล้วนั้น
    ไหลไปกับน้ำจนหมดสิ้น แล้วท่านก็ไปสรงน้ำ เรียบร้อยแล้ว จึงออกมา
    สนทนากับญาติโยม

    คณะชาวเชียงใหม่สนทนาธรรมอยู่กับหลวงปู่เป็นเวลานานพอสมควร เมื่อจะถึงเวลากลับ
    คุณนายท่านนั้นจึงได้ทวงถาม “ อะไรดีๆ ” จาก หลวงปู่

    “ หลวงปู่เจ้าคะ ไหนหลวงปู่บอกว่าจะให้อะไรดีๆ แก่ดิฉันล่ะเจ้าคะ “

    หลวงปู่ตื้อ ท่านยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ”

    แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า

    “ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี่แหละเลิศประเสริฐแล้ว พระในประเทศทุกรูป จะต้องถือ
    พุทโธ ธัมโม สังโฆ

    ถ้าพระรูปไหนไม่มี พุทโธ ธัมโม สังโฆ แล้ว รู้ได้เลยว่าพระรูปนั้น เป็นพระปลอม
    ขนาดขึ้นบ้านใหม่ยังต้องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ,
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิเลย ”

    นี่แหละ อะไรดีๆ ที่หลวงปู่ตื้อ ท่านมอบให้คุณนายท่านนั้น

    3.
    มีบางคนคิดพิเรนเล่นแปลกๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีก ถึงกับเอาเส้นเกศา ของหลวงปู่ตื้อ
    ที่ท่านโกนทิ้งแล้ว เอาไปลองยิงดู

    ปรากฏว่า ยิงไม่ออก !

    พอลงมือยิง ปืนไม่ลั่น ก็รีบมาบอกหลวงปู่ตื้อ อีกเช่นกัน เพื่อหวังว่า
    จะให้หลวงปู่ชม ที่ตนเองค้นพบความมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นคุณความดี เกิดขึ้นกับตัว

    " หลวงปู่...หลวงปู่ครับ ผมลองเอาปืนยิงเส้นเกศาของหลวงปู่ดู
    มันยิงไม่ออกนะครับหลวงปู่ "

    หลวงปู่ตื้อ ย้อนถามเสียงดังว่า

    " ผมกูไปลักควายพ่อมึงหรือ ผมของกูไปนอนกับแม่มึงหรือ มึงเอาผมกูไปยิงทำไม
    ทำอย่างนี้แสดงว่าไม่เชื่อกันนะสิ "

    แม้หลวงปู่ท่านจนจะกล่าวด้วยคำพูดที่ดุดัน แต่สีหน้าอาการสงบเงียบ แสดงชัดว่า
    การดุด่าของท่านมิได้เป็นไปด้วยอารมณ์ปุถุชน แต่เป็น การเตือนสติ
    ให้พิจารณาถึงสิ่งอันควรไม่ควร

    4.
    เส้นทางเชียงใหม่ - แม่แตง ในสมัยนั้นยังไม่เจริญเอามากๆ แต่ก็มี
    รถยนต์โดยสารวิ่งรับส่งผู้คนบนเส้นทางสายนี้แล้ว

    ในปีที่หลวงปู่ตื้อ กำลังบุกเบิกสร้างวัดป่า ท่านจะต้องเดินทางไปๆ มาๆ
    ระหว่างอำเภอแม่แตงกับตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อทำธุระในการก่อสร้าง
    จึงจำเป็นต้องขึ้นรถโดยสารประจำทางไปมาอยู่บ่อยๆ

    พวกรถโดยสารจะชินตากับ "หลวงตา พระป่าแก่ๆ กับศิษย์ชาวเขา ผู้เฒ่าที่โกนหัว
    นุ่งขาวห่มขาว สะพายย่าม เดินตามต้อยๆ "

    พวกรถโดยสารคงรำคาญ และหมั่นไส้หลวงตา พระป่ารูปนั้น เอาการอยู่ เพราะว่า
    "พอขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บ พระหลวงตาก็เอาเท้า ขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนเบาะปั๊บ
    แล้วก็นั่งหลับตาปี๋ หลับเฉยโดยไม่สนใจใคร"

    ช่างน่าเบื่อหน่าย และน่ารำคาญจริง ผู้โดยสางคนอื่นๆ นั่งห้อยขา
    เบาะเดียวนั่งได้ ๓-๔ คน แต่หลวงตาแก่รูปนั้นนั่งเอ้เต้อยู่คนเดียว

    เด็กหนุ่มกระเป๋ารถจึงพูดกึ่งขอร้อง กึ่งไม่พอใจ

    " ป้อหลวง ตุ๊เจ้า ตื่น...ตื่นเอาตีนลงจากเบาะเน่อ "

    " ลงบ่ได้ " หลวงปู่ตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

    กระเป๋ารถเริ่มโมโห เลือดขึ้นหน้า ขณะนั้นรถกำลังตระเวนรับส่ง
    ผู้โดยสารตามรายทาง

    กระเป๋าหนุ่มกล่าวสบถเสียงดัง

    " มันเป็นอะหยังหือ...จึงเอาตีนลงบ่ได้ "

    พร้อมกันนั้นก็เอามือกระชากขาของหลวงปู่ เพื่อเอาลงจากเบาะ

    ทันใด ครืด...ครืด...ครืด...ฉึก !

    เครื่องยนต์ดับสนิท รถโดยสารหยุดกึกอย่างฉับพลัน ผู้โดยสารทั้งคัน
    หัวคะมำไปตามๆ กัน

    หลวงปู่พูดขึ้น " หลวงตาบอกแล้ว...ลงบ่ได้...ลงบ่ได้ ! "

    คนขับพยายามติดเครื่องรถอยู่หลายครั้ง แต่เครื่องยนต์ก็ไม่ติด
    ผู้โดยสารก็ส่งใจไปลุ้น แต่เครื่องก็ไม่ติดสักที

    หลวงปู่พูดขึ้นว่า

    " ผู้ใด๋เอาตีนกูลง มาเอาขึ้นคืนเน่อ "

    กระเป๋ารถจำเป็นต้องทำด้วยความจำยอม จากนั้นเครื่องยนต์ ก็ติด
    รถโดยสารวิ่งสะดวกจนถึงตัวเมืองเชียงใหม่

    เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าผู้โดยสารหลายคน จากการเล่าขาน ปากต่อปาก นับจากนั้นมา
    หลวงตาพระป่าแก่ๆ อยู่ในอำเภอแม่แตง จึงดังระเบิด !

    รถโดยสารทุกคันไม่เก็บเงินหลวงปู่ และต่างก็อยากให้หลวงปู่ นั่งรถของตน
    แม้นั่งคนเดียวทั้งคันก็ยินดี
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่านแล้วได้ข้อคิดเยอะมากครับ

    ไม่แต่เพียงตามตัวอักษร หากได้นำไปประยุกต์ในเรื่องอื่นๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

    คิดเองครับ ผมเชื่อว่า ท่านผู้อ่าน ย่อมมีวิจารณญาณของแต่ละท่าน ความเห็นของท่าน ผมเองก็เคาร พ แต่ความเห็นผม ท่านต้องเคารพเช่นกัน

    บางครั้ง คำพูดของคนเรา ก็จะมีทั้งพูดดี และ พูดไม่ดี ต้องใช้ "สติ" และ "ปัญญา" ของ "ศาสนาพุทธ" เข้าไปวิเคราะห์ว่า สิ่งที่พูดไปนั้น ดีหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ ขัดแย้งกับนิสัยของคนพูดหรือไม่ อย่างไร ผมจำได้ตลอดจากคำสอนของหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ท่านสอนผมไว้ครับ

    กราบขอบพระคุณหลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ที่มีพระเมตตาสั่งสอนผมและชาวคณะพระวังหน้าในวันนั้นด้วยครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2009
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นินทาว่าร้าย เพราะอิจฉาริษยาเป็นเหตุ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา กลอน นินทา : ปรัชญาและคำคม
    โพสโดย คุณTu~

    ยังจำกันได้รึเปล่าคะ...กลอนที่เราเรียนสมัยเด็กๆ ตอนนี้มีการดัดแปลงไปมากมาย ทะลึ่งบ้าง ทะเล้นบ้าง..ก็ว่ากันไป ที่เอามาให้อ่านกันนี่ น่าจะเป็นแบบ ดั้งเดิมนะ ..คิดว่า

    การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
    ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน
    แม้องค์ปฎิมายังราคิน
    มนุษย์เดินดินหรือจะสิ้นคนนินทาฯ.


    **********************************

    ส่วนอันนี้ เป็นอันที่เค้าดัดแปลงอีกเวอร์ชั่น

    อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ
    มันไม่แสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน
    ใครชอบนินทาเป็นอาจิณ
    เกิดชาติหน้าลิ้นจะยาวเป็นลิ้นตะกวดเอย

    ***********************************

    คนเราก็ช่างคิดเนาะ...สร้างสรรค์กันจริ๊งงงง~.
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 10 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, พรสว่าง_2008+, psombat, yamroll02 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    hello5

    ซาหวัดดี คุณพรสว่าง_2008 และคุณ psombat, ซำบายดีบ่

    ผมซำบายดี อิอิ denceedenceedenceedenceedencee
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG] หายจากหวัดแล้ว
     
  14. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    โมทนาสาธุ ด้วยครับ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รักษาใจให้ปลอดพิษ
    โดย พระไพศาล วิสาโล

    Ñ?ɒ㨣˩?ō??ԉ (?Ð侈҅ ǔʒⅩ By ?ҠOn PHA Board

    “อารมณ์ที่หมักหมมเรื้อรังนั้นมีพิษต่อจิตใจและร่างกายอย่างที่เราอาจคาดไม่ถึง เราจำเป็นต้องรู้จักจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ไม่ให้หมักหมมเรื้อรัง สำหรับอารมณ์ขุ่นข้อง โกรธเคือง และน้อยเนื้อต่ำใจ คงไม่มีวิธีการใดดีกว่าการให้อภัย”

    หญิงสาวคนหนึ่งมีอาการปวดท้องและปวดหัวเรื้อรัง ทั้งยังมีความดันโลหิตสูงด้วย ไปหาหมอครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่มีอาการดีขึ้น น่าแปลกก็คือหมอหาสาเหตุของโรคไม่พบ ร่างกายของเธอเป็นปกติทุกอย่าง สุดท้ายหมอก็ถามเธอว่า “ชีวิตของคุณเป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ” ความขุ่นข้อง โกรธเคือง และน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ใช่เป็นแค่อารมณ์ที่มาแล้วก็ผ่านไปดังสายลม บ่อยครั้งมันถูกเก็บสะสมและหมักหมมจนไม่เพียงทำให้ร้าวรานใจเท่านั้น หากยังบั่นทอนร่างกายจนเจ็บป่วยเรื้อรังดังหญิงสาวผู้นี้



    อารมณ์ที่หมักหมมเรื้อรังนั้นมีพิษต่อจิตใจและร่างกายอย่างที่เราอาจคาดไม่ถึง เราจำเป็นต้องรู้จักจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ไม่ให้หมักหมมเรื้อรัง สำหรับอารมณ์ขุ่นข้อง โกรธเคือง และน้อยเนื้อต่ำใจ คงไม่มีวิธีการใดดีกว่าการให้อภัย ดังที่หญิงสาวผู้นี้ได้ค้นพบด้วยตัวเอง

    อย่างไรก็ตามอารมณ์ที่มีพิษบั่นทอนจิตใจและร่างกายนั้น มิได้มีแค่ความขุ่นข้อง โกรธเคือง และน้อยเนื้อต่ำใจ เท่านั้น หากยังมีอีกมากมาย เช่น ความท้อแท้ ผิดหวัง เศร้าโศก พยาบาท และที่เป็นกันแทบทุกคนก็คือ ความเครียด และวิตกกังวล





    จากประกายไฟกลายเป็นกองเพลิง

    อารมณ์เหล่านี้ก็เช่นเดียวกับไฟ คือไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดจากการสัมผัสหรือเสียดสีอย่างน้อยสองอย่างคือ ตากระทบรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ฯลฯ แน่นอนต้องเป็นรูป เสียง หรือกลิ่นที่ไม่น่ายินดี ทำให้เกิดความทุกข์หรือความไม่พอใจขึ้นมา ความไม่พอใจนี้เปรียบดังประกายไฟซึ่งวาบขึ้นมาเมื่อมีการเสียดสีกัน ธรรมดาประกายไฟเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมดับวูบไปในทันที แต่ถ้ามีเชื้อไฟอยู่ใกล้ๆ มันก็ลุกเป็นเปลวไฟ แล้วอาจขยายเป็นกองไฟ หรือลามจนกลายเป็นมหาอัคคีไปในที่สุด

    ดังนั้นความทุกข์หรือความไม่พอใจจึงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต และถ้าปล่อยให้มันดับไปเองเฉกเช่นประกายไฟก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาอยู่ที่เรากลับทำให้ความไม่พอใจนั้นยืดเยื้อเรื้อรังจนลุกลามขยายใหญ่โต กลายเป็นอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จนบางทีอั้นไว้ไม่อยู่ ต้องระบายใส่คนอื่น หรือถ้าอั้นเอาไว้ได้ มันก็วกกลับมาทำร้ายร่างกายและจิตใจของตนเอง จนป่วยด้วยโรคสารพัด เราไปทำอะไรหรือ ถึงไปโหมกระพืออารมณ์ให้พลุ่งพล่านขึ้นมา ? คำตอบก็คือ เราไปเติมเชื้อให้มันโดยไม่รู้ตัว

    ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์อันไม่น่าพอใจเกิดขึ้น เรามักจะเก็บเอามาคิดซ้ำย้ำทวน หรือครุ่นคิดอยู่ไม่วาย ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอยู่นั่นเอง การครุ่นคิดถึงมันอยู่บ่อยๆ เท่ากับเป็นการเติมเชื้อให้มันเติบใหญ่และลุกลามไปเรื่อยๆ จนอาจถึงจุดที่ควบคุมไม่อยู่ เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็เพราะเหตุนี้

    เคยมีนักเรียนบางคนถึงกับฆ่าตัวตายเพียงเพราะถูกเพื่อนล้อว่ามีสิว สิวเพียงไม่กี่เม็ดบนใบหน้าผลักให้นักเรียนวัยใสทำร้ายตัวเองได้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะการเก็บเอาคำหยอกล้อของเพื่อนๆ มาครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืน จนความอับอายและน้อยเนื้อต่ำใจกลายเป็นความหมดอาลัยในชีวิต






    ทุกข์คลายได้ ถ้ารู้จักปล่อยวาง

    เมื่อความทุกข์หรือความไม่พอใจเกิดขึ้น วิธีป้องกันมิให้มันลุกลามหรือหมักหมมจนกลายเป็นอารมณ์เรื้อรังที่เป็นพิษต่อชีวิตของเรา ก็คือการไม่เก็บเอามาคิดย้ำซ้ำทวนหรือหวนกลับไปนึกถึงบ่อยๆ จนถอนไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งถลำลึกในอารมณ์ และทำให้อารมณ์มีพลังดึงดูดจนหลุดออกมาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ

    เหตุการณ์ที่ทำให้เราไม่พอใจนั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวในอดีตที่ไม่อาจแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ การครุ่นคิดถึงมันเพียงเพราะใจอยากคิดนั้น ย่อมไม่มีประโยชน์อะไร กลับจะเป็นโทษด้วยซ้ำ เว้นเสียแต่ว่าต้องการทบทวนเพื่อสรุปหาบทเรียนหรือทำความเข้าใจกับมันให้ถ่องแท้ (แม้กระนั้นก็ต้องระวังไม่ให้ตกลงหลุมอารมณ์โดยไม่รู้ตัว)

    พูดง่ายๆ คือต้องรู้จักปล่อยวาง เชื่อหรือไม่ว่าตัวการสำคัญที่ทำให้คนเราทุกข์อย่างยิ่งนั้น อยู่ที่ใจซึ่งปล่อยวางไม่เป็นต่างหาก หาได้อยู่ที่คนอื่นหรือเหตุการณ์ภายนอกไม่ แม้จะมีอะไรมากระทบอย่างแรง แต่ถ้าใจรู้จักปล่อยวาง มันก็ทำอะไรเราไม่ได้




    รู้เมื่อใด ละเมื่อนั้น

    ไม่ว่าอารมณ์จะหมักหมมเรื้อรังเพียงใด ก็ไม่เกินวิสัยที่จะปล่อยไปจากใจ ขอเพียงมีสติระลึกรู้ทันว่ากำลังหลงยึดมันอยู่ อย่าลืมว่ามันค้างคาในใจเราได้ เพราะใจเรานั่นแหละที่ไปยึดมันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

    ทันทีที่ใจปล่อย มันก็หลุด แต่เผลอเมื่อไร ใจก็อาจไปยึดมันเอาไว้อีก ถ้าจะไม่ให้เผลอ ก็ต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอ สติจึงมีความสำคัญอย่างมากในการปลดเปลื้องอารมณ์เหล่านี้

    สตินั้นสามารถใช้รับมือกับอารมณ์ต่างๆ ได้ทุกชนิด โดยเพียงแต่รู้เฉยๆ ว่ามีอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ใจก็ปล่อยมันหลุดไปเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปขับไสไล่ส่งมันเลย บางคนคิดว่าจะต้องเข้าไปเล่นงานมัน เช่น กดมันเอาไว้ หรือไล่มันไป แต่ยิ่งทำ ก็ยิ่งเป็นการเติมเชื้อให้มันมีพลังมากขึ้น หรือกลายเป็นการติดกับดักมัน เหมือนกับไก่ป่าที่คิดไล่ไก่ต่อที่นายพรานเอามาล่อไว้ แต่สุดท้ายก็ติดกับดักของนายพราน


    ที่มา ธรรมจักร วงล้อแห่งธรรม
    ปล อย่ารักษาแต่กายนะครับ ใจนั้นสำคัญเช่นเดียวกัน <!---


    [​IMG]<b>ฝากข่าว จาก เว็บน่ารัก หน่อย ด่วนจี๋เลย !!! ใครที่คิดว่า วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 ว่างตอนเย็นๆ ละก้อ... มีบัตรชมภาพยนตร์ Bigmama 2 รอบพิเศษ ให้ลุ้นกัน 10 รางวัลๆ ละ 2 ใบ Click !!<b>[​IMG]
    -->

    By : เมดา Date : 11 Sep 2007 20:58
     
  16. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    คุณ สิทธพงศ์ ผมโอนให้เรียบร้อยแล้วครับ เวลา ประมาณ 12:13 น
    จาก ธนาคาร กรุงไทย อ่าวอุดม ศรีราชา
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมได้โอนเงินที่คุณPhocharoen<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2256202", true); </SCRIPT> โอนมา จำนวน 300 บาท ผมได้โอนไปร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง เรียบร้อยแล้วครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หญิงเซเนกัล เจอพิษสุดช็อค ของครีมผิวขาว!!!

    ครีมทาผิวขาว สาวเซเนกัลเจอพิษ ครีมผิวขาว


    [​IMG]

    หญิงเซเนกัล เจอพิษสุดช็อค ของครีมผิวขาว!!! (มติชน)

    แพทย์หญิง ซูแซน อูมู เนียง ของโรงพยาบาลในกรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล ชี้ให้ดูแผลอักเสบ ติดเชื้อของคนไข้ที่ใช้ครีมทาผิวขาวเป็นเวลาถึง 20 ปี ที่นางดิออพ ซื่อสัตย์ต่อการบรรจงทา "ครีมผิวขาว" ลงบนใบหน้าก่อนนอนทุกคืน ด้วยความเชื่อว่า มันจะทำให้เธอดู "สวยขึ้น" กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่อเธอสังเกตเห็น "จุดดำๆ" หลายจุดเริ่มปรากฏขึ้นบนผิวหน้า!!!

    "ฉันอยากมีผิวขาว เพราะคนชอบบอกว่า มันทำให้คุณดูสวยขึ้น" หญิงวัย 50 ซึ่งอายเกินกว่าจะยอมบอก "ชื่อ" ของเธอแก่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีในกรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล เธอขอบอกแค่นามสกุล และยอมออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อเตือนให้ผู้หญิงได้รู้ถึงอันตรายของครีมทาผิวขาวที่น่ากลัวเกินกว่าหลายคนคาดคิด!!!

    จากรายงานของเอเอฟพีบอกว่า ครีมทาผิวขาว มักจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ และไฮโดรควิโนน ซึ่งแพทย์ผิวหน้าบอกว่า เป็นสารอันตรายต่อผิวหนัง และควรมีการใช้อย่างระมัดระวังภายใต้การดูแลของแพทย์ แต่ถึงกระนั้นตามท้องตลาดในเซเนกัล ก็มีครีมทาหน้าขาว และผลิตภัณฑ์บำรุงความงามที่มีส่วนผสมของสารดังกล่าว วางขายเกลื่อนกลาด ล่อใจลูกค้าที่เชื่อว่า ผิวขาวทำให้ผู้หญิงดูสวยขึ้น

    ทั้งนี้ จากรายงานของแพทย์ผิวหนังชาวเซเนกัล และฝรั่งเศส เมื่อปี 2546 บอกว่า มีการใช้ครีมหน้าขาวกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้หญิงแถบทวีปแอฟริกา โดยประมาณว่า มีผู้หญิงราว 25-67% ที่ใช้ครีมทาหน้าขาวเป็นประจำ

    สำหรับคนที่ใช้ไวเทนนิ่งครีม หรือครีมทาเพื่อช่วยให้ผิวหน้าขาวมานานถึง 20 ปี อย่าง นางดิออพ เจ้าตัวยอมรับเลยว่า มันทำใจยากมากที่จะให้เลิกทา ถึงแม้จะเห็นจุดดำๆ เริ่มปรากฏส่อเค้าไม่ดีบนใบหน้า

    " ในการหักห้ามใจเลิกใช้ ฉันได้รับกำลังใจจากเพื่อนคนหนึ่ง หากไม่มีเพื่อนคนนี้คอยช่วย ฉันคงเลิกได้ลำบากมาก เพื่อนคนนี้ นำนิตยสารหลายเล่มมาให้ฉันดูรูปผู้หญิงหลายคนที่กำลังได้รับผลข้างเคียงจากการทาครีมผิวขาว พอฉันเห็นรูปเหล่านั้น ฉันก็บอกตัวเองเลยว่า ฉันต้องหยุดทามันจริงๆ แล้ว"

    ครีมไวเทนนิ่งต่างๆ เป็นที่นิยมมากในกรุงดาการ์ เฉพาะที่ตลาดแซนดากา ตั้งอยู่ใจกลางกรุง บรรดาพ่อค้าแม่ค้า เล่าว่า แต่ละวันสามารถขายครีมหน้าขาวได้วันละหลายกล่อง ซึ่งมีหลากยี่ห้อในท้องตลาด อาทิ ครีมยี่ห้อ เอ็กซ์-ไวท์ (X-White), เคลียร์ (Clear) และไวท์ (White) ส่วนครีมราคาถูกที่สุด เป็นครีมนำเข้าจากประเทศมาลี และประเทศไอวอรี่ โคสต์ ที่วางขายกัน ในราคาเพียง 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34 บาท ส่วนครีมและโลชั่นที่มีคุณภาพสูง อาจมีราคาสูงถึงขวดละ 25,000 ฟรังก์แอฟริกัน หรือราว 1,830 บาท

    ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีเล่าว่า ได้พูดคุยกับมูนาสส์ สาววัย 21 ที่กำลังเดินหาซื้อครีมทาหน้าขาวอยู่ในตลาด เธอเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ทาครีมไวเทนนิ่งวันละ 2 ครั้ง และหมดเงินไปกับค่าครีมเหล่านั้น ประมาณเดือนละ 40,000 ฟรังก์แอฟริกัน (ราว 2,430 บาท) จำนวนเงินที่มากกว่าเงินเดือนค่าแรงขั้นต่ำของคนเซเนกัล และเหตุผลที่เธอลงทุนใช้ครีม แม้ต้องหมดเงินไปมากมาย ก็เพราะ "ผู้ชายชอบผู้หญิงผิวขาวเนียน"

    ผู้สื่อข่าวถามมูนาสส์ด้วยว่า เธอรู้หรือเปล่าว่า ครีมพวกนี้มีอันตรายต่อสุขภาพของเธอ แล้วก็ได้รับคำตอบว่า "ฉันไม่รู้หรอกว่า ครีมพวกนี้มีอันตรายต่อสุขภาพฉัน" จากนั้นเธอก็ขอตัวไปเดินเลือกซื้อครีมต่อด้วยท่าทีไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ

    ด้วยความที่เป็นครีมที่ผู้ใช้มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียงจากสารสเตียรอยด์ และไฮโดรควิโนน โดยเฉพาะไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นตัวยาที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ได้ประกาศห้ามใช้ตั้งแต่ปี 2544 ในฐานะเป็นสารที่มีความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนที่เซเนกัล ก็มีการประกาศห้ามเด็กนักเรียนชั้นประถมและมัธยมศึกษาใช้ครีมทาผิวขาว หากจับได้ว่านักเรียนคนใดใช้อาจเสี่ยงที่จะถูกไล่ออกจากโรงเรียน แต่ถึงกระนั้นในเซเนกัลก็ยังมีคนนิยมใช้ครีมเหล่านี้อย่างแพร่หลาย

    ซู แซน อูมู เนียง แพทย์ผิวหนังโรงพยาบาลเอริสไทด์ แดนเทค ในกรุงดาการ์ เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ปริมาณการใช้ครีมทาผิวขาวในเซเนกัลได้เพิ่มปริมาณขึ้นมากว่า 10 ปี แล้วด้วยซ้ำ

    "ครีมเหล่านี้วางขายกันอย่างเสรี ทั้งที่ควรเป็นครีมที่แพทย์เท่านั้นเป็นผู้สั่งจ่ายให้คนไข้ตามอาการต่างๆ ทางผิวหนัง เจ้าหน้าที่ควรสั่งแบน ห้ามการขายครีมทาผิวขาว และให้ความรู้แก่ประชาชนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ครีมเหล่านี้"

    หมอ ซูแซนประเมินว่า คนไข้ที่มีอาการติดเชื้อทางผิวหนังอย่างรุนแรงที่มาให้เธอรักษา เกิดจากการใช้ไวเทนนิ่งครีม ถึง 60% "มันกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม ผู้หญิงทุกระดับอายุ ทุกระดับชั้นต่างใช้ครีมเหล่านี้ เพราะว่ามีวางขายทุกระดับราคาให้สามารถเลือกซื้อกันได้"

    คุณหมอเล่าว่า ปัญหาที่คนไข้มาพบเธอบ่อยๆ หลังจากใช้ครีม มีทั้งปัญหาเรื่องสิว จุดด่างดำ และผิวหนังบวมจากการใช้ครีม "ความเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เกิดจากสารสเตียรอยด์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด"

    คุณหมอยังพูดถึงปัญหานี้ ซึ่งยากจะแก้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการขาดความมั่นใจ และความเชื่อของผู้หญิงที่เชื่อว่า การมีสีผิวที่ขาวนั่นหมายถึงความทันสมัยมีเสน่ห์ และช่วยทำให้ตนดูมีระดับทางสังคมขึ้น

    สำหรับนางดิออพ ซึ่งเลิกทาครีมได้แล้ว เธอเล่าว่า เธอรู้สึกแปลกใจมากกับคำชมที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยิน "ทุกคนต่างบอกว่า ฉันดูสาวขึ้นแม้แต่สามีฉันเอง"




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ยอดตาย18 มาร์คจี้รร.สกัดหวัด

    ให้ใส่หน้ากากอนามัย ดับเพิ่ม3-สาวร้านเกม ยัน"แก้มสตาร์"ก็ติดเชื้อ

    http://www.matichon.co.th/khaosod/vi...MHdOeTB4TXc9PQ==

    [​IMG]
    ผลิตวัคซีน - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำพิธีเปิดและเยี่ยมชมโรงงานทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่อาคารปฏิบัติการควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์ฯ คณะเภสัชศาสตร์ ม.ศิลปากร จ.นครปฐม

    เหยื่อหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ตายเพิ่มอีก 3 รวมพุ่ง 18 ราย หนุ่มกรุงเก่าวัย 45 ศพที่ 16 ยืนยันชัดติดหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ ขณะที่สาวราชบุรี น้ำหนัก 150 ก.ก. พนักงานร้านอินเตอร์เน็ตเสียชีวิตหลังเข้ารักษาที่ศิริราช อีกรายหนุ่มกระบี่เสียชีวิตที่ร.พ.ทุ่งสง นครศรีฯ สธ.เผยยอดผู้ป่วยเพิ่ม 247 รวมยอด 3,555 ราย หมอยืนยันผลตรวจแล้ว "แก้ม เดอะสตาร์"ติดหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ "มาร์ค "จี้โรงเรียนสกัดหวัด คัดกรองนร. หากพบป่วย ให้หยุดเรียน ระบุสิ้นส.ค.นี้คนไทย อาจติดเชื้อถึงหลักแสน ชี้เชื้อระบาดนาน 3 ปี

    -"มาร์ค"ชี้สิ้นส.ค.ติดหวัดถึงแสน

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ถึงการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ปัญหาดังกล่าวถือเป็นเรื่องระดับประเทศและระดับโลก อีกทั้งยังเป็นเรื่องใหม่ จึงยังมีความเข้าใจที่สับสน อยากให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกและต้องไม่ประมาท โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคเกิดขึ้นใหม่ ประชาชนทั่วโลกจึงยังไม่มีภูมิ คุ้มกัน ประกอบกับโรคดังกล่าวติดต่อได้ด้วยคนต่อคน จึงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเปรียบเทียบกับโรคซาร์สและไข้หวัดนกไม่ได้ เนื่อง จากโรคไข้หวัดนกไม่ติดจากคนสู่คน ส่วนโรคซาร์สจะติดเชื้อกันได้ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการหนักแล้วเท่านั้น

    นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีกว่า 120 ประเทศที่ประชาชนต้องประสบกับโรคดังกล่าว ซึ่งตัวเลขที่รายงานกับองค์การอนามัยโลกหรือ WHO นั้นไม่สามารถสะท้อนอะไรได้ เนื่องจากมีการรายงานตัวเลขผู้ป่วยที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ดังนั้น ตัวเลขที่รายงานตามประเทศต่างๆ จึงไม่สามารถระบุตัวเลขผู้ป่วยที่แท้จริงได้ว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเท่าไร ประกอบกับไม่มีการตรวจร่างกายผู้ป่วยทุกราย ตัวเลขผู้ป่วยจึงไม่สามารถบ่งชี้ข้อเท็จจริงได้ ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเดือนส.ค.เป็นต้นไปจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยอาจลุกลามถึงหลักหมื่นหรือใกล้เคียงหลักแสน อย่างไรก็ตามมีประชาชนจำนวนมากที่รับเชื้อดังกล่าวไปและไม่มีอาการ หรือมีอาการป่วยเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนผู้ป่วยที่เสียชีวิตหากใครไม่มีโรคประจำตัวหรือโรคแทรกซ้อน ถ้าได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วก็สามารถหายจากโรคดังกล่าวได้

    -เตือนคนป่วยงดเข้าสังคม

    "ใครที่มีอาการป่วยหรือรู้ตัวว่าไม่สบายต้องรับผิดชอบตัวเองด้วยการไม่เข้าไปในสังคม ถ้าหากเป็นนักเรียนก็ให้หยุดเรียน ส่วนคนทำงานก็ต้องหยุดงาน เป็นเรื่องสำคัญที่จะป้องกันการแพร่ระบาดและการกระจายของเชื้อได้ จากสถิติที่ผ่านมาระบุว่า ผู้ป่วย 2 ใน 3 คือกลุ่มนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 11-20 ปี สิ่งที่รัฐบาลต้องทำหลังจากนี้ คือเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนคัดกรองนักเรียนที่ป่วยหรือไม่สบายเป็นไข้หวัดในทุกเช้า หากพบว่านักเรียนคนไหนไม่สบายต้องให้กลับบ้าน ส่วนโรงเรียนไหนที่มีนักเรียนติดเชื้อมากอาจต้องใช้ดุลยพินิจและพิจารณาให้หยุดเรียน เพื่อตัดวงจร ส่วนที่รัฐบาลมีนโยบายให้ปิดโรงเรียนกวดวิชาและร้านเกมในช่วงวันที่ 13-28 ก.ค.นี้นั้น เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ ส่วนร้านเกมอาจต้องขอความร่วมมือไปยังร้านที่เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงเพราะขณะนี้ยังไม่มีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ในส่วนนี้" นายกฯ กล่าว

    นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขอรณรงค์ให้ประชา ชนใส่หน้ากากอนามัยหรือใช้ผ้าส่วนตัวปิดจมูกขณะเข้าไปในพื้นที่สุ่มเสี่ยงหรือพื้นที่ชุมชนที่มีคนอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ต้องหมั่นล้างมือและต้องทำอย่างต่อเนื่อง ส่วนโรงพยาบาลจะจัดช่องบริการพิเศษ หากพบว่าใครมีอาการไม่สบายหนักจะจัดทีมแพทย์เข้าไปดูแลทันที อย่างไรก็ตามหน้าที่ของรัฐบาลจะเดินหน้าป้องกันและลดการแพร่ระบาด โดยจะไม่ให้การเสียชีวิตเป็นอย่างที่มีการประมาณการหรือคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า อีกทั้งขอย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินการในเรื่องนี้ด้วยหลักปฏิบัติสากล

    -ยอมรับเชื้อระบาดยาว 3 ปี

    นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนยาและวัคซีนป้องกันโรค รัฐบาลกำลังติดตามและบริหารจัดการให้เพียงพอ พร้อมทั้งพยายามเจรจาเพื่อลดราคายา ส่วนวัคซีนป้องกันโรคมีการจองและเริ่มทดลองนำร่องผลิตวัคซีน ช่วงบ่ายนี้ตนจะเดินทางไปดูสถานที่ดำเนินการ คาดว่าสามารถผลิตวัคซีนและนำออกใช้ได้ในช่วงเดือนต.ค. อย่างไรก็ตามขณะนี้ต้องยอมรับว่าโรคดังกล่าวอาจจะอยู่ต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี ส่วนที่มีการระบุว่าไทยอาจมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 1,200 คนนั้น ส่วนนี้หมายถึงหากมีการรักษาพยาบาลที่ไม่ดีและไม่ถูกต้อง แต่ประเทศไทยมีการดูแลอย่างเข้มงวด หากทำได้เราอาจลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง แต่ความจริงจากสถิติที่ผ่านมาในระยะเวลา 1 ปีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดตามฤดูกาลประมาณ 300 คน เรื่องนี้จึงไม่น่าตื่นตระหนก

    นายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นวาระแห่งชาตินั้น รัฐบาลตั้งคณะกรรมการระดับชาติเข้ามาดูแลตั้งแต่ต้น รวมทั้งจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังและมีโทรศัพท์สายด่วน เพื่อรองรับและเตรียมแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีความจำเป็นถึงขั้นจะต้องให้หยุดกิจกรรมในสังคม เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในระดับที่เราเจออยู่ยังสามารถดูแลได้ จึงยังไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้และติดตามอย่างใกล้ชิด

    เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ นายอภิสิทธิ์เป็นประธานเปิดงานสัมมนา ให้ความรู้และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรค กล่าวถึงสถานการณ์ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า เรื่องไข้หวัดที่กำลังระบาดอยู่ปัญหาเกิดจากเป็นเชื้อใหม่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน เมื่อติดเชื้อแล้วแต่บางคนไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ ไม่เหมือนไข้หวัดนก หรือโรคซาร์ส วันนี้ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้เป็นโรคที่ติดต่อโดยคนสู่คน และแพร่ระบาดไปกว่า 130 ประเทศแล้ว ของเรามีผู้ติดเชื้อแล้ว 3 พันกว่า ขณะที่สหรัฐมีผู้ติดเชื้อแล้ว 3 หมื่นกว่าคน และความจริงมากกว่านั้น เพียงแต่ในต่างประเทศเขาไม่ตรวจในห้องแล็บ แต่ให้การรักษาเลย อยากให้ไทยตื่นตัวอย่างประเทศอื่นด้วยในการเข้าถึงผู้ป่วย ทั้งนี้ คาดว่าในที่สุดทั่วโลกจะมีคนติดเชื้อเป็นแสนและล้านคน ดังนั้น จึงอยากให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องในเรื่องดูแลสุขภาพ เช่นการล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ชุมชน รวมถึงแพทย์ต้องตระหนักและตื่นตัวในการรักษาโรคนี้ด้วย

    -นักวิชาการห่วงติดเชื้อพุ่ง 3 ล้าน

    ภายหลังการเปิดงาน นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีมีความเป็นห่วงเยาวชนมาชุมนุมร่วมกันจำนวนมากที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งอาจจะไม่สอดคล้องกับการรับมือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ว่า ตนไม่แน่ใจเรื่องจำนวน แต่อยากให้ทุกองค์กรที่จะจัดงานที่มีคนจำนวนมากไปร่วมมีมาตรการระมัดระวัง และจะให้กระทรวงสาธารณสุขคอยติดตามงานสำคัญๆ ที่มีคนจำนวนมากเข้าไปร่วม

    เมื่อถามถึงกรณีที่ร้านเกมและโรงเรียนกวดวิชาไม่ให้ความร่วมมือ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงต้องเข้มข้นมากขึ้น เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีมาตร การขั้นสุดท้ายอย่างไรหากมีการระบาดรุนแรงต่อเนื่อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ขณะนี้เราจะควบคุมและดูระดับของการระบาด จะเห็นได้ว่าตัวเลขขณะนี้จะเริ่มคงที่ โดยเราจะเน้นการเข้าไปรักษาพยาบาลให้ทันท่วงที จะได้ไม่เกิดการสูญเสียเพิ่มมากขึ้น

    จากนั้นนายกฯ เป็นประธานพิธีเปิดงานครบ 5 ปีสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) โดยน.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสาธารณสุขมาร่วมงานด้วย แต่ปฏิเสธว่า ไม่ได้มารายงานสถานการณ์เรื่องไขหวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมระบุว่านายกฯ เข้าใจในเรื่องโรคระบาดเป็นอย่างดี ทั้งนี้ เรื่องการระบาดวิทยาขณะนี้มีนักวิชาการประเมินว่าภายใน 2 ปี จะมีประชาชนติดเชื้อดังกล่าว 3 ล้านคนหากไม่มีวิธีการป้องกันอย่างดี แต่ถ้ามีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องและประชาชนให้ความร่วมมือในการป้อง กันโรค นักวิชาการคาดว่ามีผู้เสียชีวิตลดจำนวนลงครึ่งหนึ่งจาก 1,200 คน เหลือ 600 คน ส่วนผู้ติดเชื้อจะลดลงครึ่งหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตามมีสถิติของผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดธรรมดาที่มีจำนวน 350 คนต่อปี ดังนั้น ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับภาครัฐ รวมทั้งสื่อมวลชนต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน

    -ปชป.จี้รบ.สำรองยา 15 ล้านเม็ด

    เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค กล่าวว่า ทางพรรคประเมินแนวทางการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยหารือร่วมกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค โดยพรรคสนับสนุนแนวทางการดำเนินการในการแก้ไขสถานการณ์การระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยการตรวจปริมาณการแพร่ระบาดของโรค พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลจากผลการตรวจระวังให้ประชาชนทราบเป็นระยะ และสร้าง ความรู้ความเข้าใจควบคู่กันไปด้วย ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งกระทรวงศึกษา ธิการ และกระทรวงแรงงาน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนไม่ให้เกิดความตื่นตระ หนก หากมาตรการที่รัฐบาลกำลังดำเนินอยู่ประสบความสำเร็จจะมีผู้เสียชีวิตไม่เกินปีละ 300 คน ที่สำคัญรัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อต้องมีโรคแทรกซ้อน ซึ่งจะสามารถ ควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดต่อไป [​IMG]
    ป่วยหวัด- นักร้องสาว "แก้ม เดอะสตาร์" เข้าพักรักษาตัวที่ร.พ.กรุงเทพ แพทย์ยืนยันผลตรวจพบติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โรคระบาดรุนแรงที่คร่าชีวิตคนไทยไปแล้วถึง 18 ราย เมื่อ 12 ก.ค.



    น.พ.บุรณัชย์กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการที่รัฐบาลจะจัดหาเวชภัณฑ์และวัคซีนให้เพียงพอต่อการควบคุมและการรักษาป้องกันโรคนั้น พรรคสนับสนุนเรื่องที่รัฐบาลจะจัดเตรียมสำรองยาจากที่มีอยู่ 5 ล้านเม็ด เพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านเม็ด เป็น 15 ล้านเม็ด รวมทั้งการพัฒนาวัคซีนให้ใช้ได้ทันเดือนต.ค.นี้ นอกจากนี้พรรคสนับสนุนรัฐบาลที่จะหยิบยกเรื่องดังกล่าวเข้าหารือต่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และคู่เจรจา 27 ประเทศ เพราะถือเป็นเรื่องความมั่นคงต่อชีวิตมนุษย์ในภูมิภาคอาเซียน และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้รวมทั้งแนวร่วม เพื่อหาความพร้อมกับคู่เจรจาในยุโรปและอเมริกาเหนือนั้นถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขณะนี้นายกฯ เตรียมกรอบจะใช้ในการรวมกลุ่มระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อเจรจาและต่อรองการนำเข้าสารผลิตตั้งต้นในการผลิตยาต้านไวรัส รวมถึงการร่วมมือทางวิชาการเพื่อคิดค้นผลิตวัคซีนในการป้องกันโรคไปสู่ประเทศที่มีผลกระทบด้วย

    "พรรคขอเรียกร้องไปยังทุกภาคส่วนให้มีความตื่นตัวในเรื่องการระบาด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจ และนำไปสู่การสร้างเสริมสุขภาพโดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ส่งเสริมวินัยการดูแลความสะอาดสุขภาพ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนบางกลุ่มที่หวังจะใช้เงื่อนไขในการประชุมระหว่างประเทศ ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ เพื่อต่อต้านการเป็นเจ้าภาพของประเทศไทย ก็ขอเรียกร้องกลุ่มคนดังกล่าวให้ยุติการกระทำดังกล่าวนั้นเสีย" น.พ.บุรณัชย์กล่าว

    -"มาร์ค"เปิดรง.ต้นแบบวัคซีน

    เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมประโชติ ชั้น 2 อาคารปฏิบัติการควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นคร ปฐม นายอภิสิทธิ์เป็นประธานพิธีเปิดโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากมีการระบาดของไข้หวัดเกิดขึ้นและระบาดอย่างรวดเร็ว ทางองค์การเภสัช กรรมตระหนักถึงความสำคัญในการผลิตวัคซีนเพื่อตอบสนองความจำเป็น และความต้องการใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อรองรับสถาน การณ์หากมีการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ หากเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ใหม่ ก็สามารถวิจัยและพัฒนาการผลิตเป็นวัคซีนของสายพันธุ์นั้นๆ ได้

    นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์วิจัยคิดค้นเชื้อไวรัสต้นแบบที่ใช้การผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ใกล้สำเร็จแล้ว ส่วนองค์การเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุขได้รับการสนับ สนุนจากองค์การอนามัยโลกในการจัดสร้างโรง งานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ระดับกึ่งอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถเปิดดำเนินการได้แล้วทั้ง 2 กระทรวง กำลังร่วมมือพัฒนาและผลิตวัคซีน คาดว่าจะได้วัคซีนให้คนไทยใช้ก่อนสิ้นปีนี้ และเพื่อรองรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่รอบต่อไปในอนาคต รัฐบาลจัดสรรงบประมาณจำนวน 1,411.7 ล้านบาทให้แก่องค์การเภสัชกรรมในการจัดตั้งโรงงานซึ่งอยู่ในการประกวดราคาใช้เวลาอีก 3 ปี จึงจะสามารถดำเนินการได้ ในสถานการณ์เฉพาะหน้าจึงต้องพึ่งความสำเร็จของโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ระดับกึ่งอุตสาหกรรม ที่องค์การอนามัยโลกสนับสนุนอยู่ในขณะนี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกฯ ตรวจห้องปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว สวมหน้ากากอนามัย และเดินพบกับประชาชน เพื่อเป็นตัวอย่างในการรณรงค์การสวมหน้ากากอนามัยในที่ชุมชนด้วย

    ด้านคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า ร่วมกันวิจัยสร้างไวรัสต้นแบบที่จะใช้ทำวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ด้วยเทคโนโลยีรีเวอร์สเจเนติกส์ ทั้งชนิดที่ใช้ผลิตวัคซีนเชื้อเป็นและเชื้อตาย ขณะนี้เหลือเพียงการทดสอบความสามารถในการเพิ่มจำนวนให้ได้ปริมาณมาก ความปลอดภัยและความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดลอง เมื่อเรียบร้อยแล้วจะส่งมอบให้องค์การเภสัชกรรมทันทีเพื่อเป็นทางเลือกสำรองต่อไป

    -"เชื้อต้นแบบ"ถึงไทย 16 ก.ค.

    นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า การผลิตวัคซีนได้รับถ่ายทอดมาจาก ผู้เชี่ยวชาญจากเบลเยียม ขณะนี้กำลังรอไวรัสต้นแบบจากองค์การอนามัยโลก ประเทศรัสเซีย ซึ่งจะมาถึงเมืองไทยในวันที่ 16 ก.ค.นี้ และจะนำมาทดลองในคนและสัตว์ทันที ส่วนไวรัสต้นแบบของเมืองไทยจะเก็บสำรองไว้สำหรับอนาคตเพื่อไม่ต้องพึ่งพาเชื้อไวรัสต้นแบบจากต่างประเทศทำให้คนไทยใช้วัคซีนได้เร็วขึ้น

    ด้านน.พ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า เชื้อไวรัสต้นแบบจากต่างประเทศนั้นผลิตจากสายพันธุ์ที่มีการใช้ได้ผลกันมานาน ซึ่งทดลองใช้ในประเทศรัสเซียและอเมริกา แต่ที่สำคัญที่สุดคือองค์การอนามัยโลกประมาณการว่าโรงงานวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรมนี้หากผลิตวัคซีนเชื้อเป็นอาจ สามารถผลิตได้ถึง 2 ล้านโดสต่อเดือน แต่ถ้าเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายจะได้เพียง 1 แสนโดสต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนี้องค์การเภสัชกรรมร่วมกับกรมปศุสัตว์ปรับปรุงโรงงานวัคซีนที่ปากช่อง เพื่อให้สามารถเพิ่มศักยภาพการผลิตวัคซีนของโรงงานกึ่งอุตสาหกรรมนี้ขึ้นอีก 3 เท่า โดยเราได้ข้อตกลงที่จะมอบให้องค์การอนามัยโลกร้อยละ 10 ของวัคซีนที่เราผลิตได้

    น.พ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัช กรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ดำเนินการสั่งจองซื้อวัคซีนชนิดเชื้อตายจาก บ.ซาโนฟีแล้ว 1 ล้านโดส วง เงิน 5 ล้านยูโร โดยงบจาก สนง.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และจะได้วัคซีนราวต้นเดือน ธ.ค.นี้ เหตุที่ต้องซื้อเชื้อตายทั้งที่กำลังจะผลิตวัคซีนเชื้อเป็นได้อยู่แล้วเนื่องจากคนบางกลุ่มไม่สามารถใช้วัคซีนที่ทำจากไวรัสเชื้อเป็นได้ เช่น โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง ผู้สูงอายุ จึงต้องเตรียมไว้ทั้ง 2 แบบ

    -ยัน"แก้ม เดอะสตาร์"ก็ติดเชื้อ

    เมื่อเวลา 10.30 น. น.ส.วิชญาณี เปียกลิ่น หรือ "แก้ม เดอะสตาร์" อายุ 20 ปี นักร้องสาวชื่อดังเจ้าของเพลงฮิต "ไม่สวยเลือกได้" นอนพักรักษาอยู่ที่ห้อง 1508 ชั้น 15 โรงพยาบาลกรุงเทพ ตั้งแต่ช่วงสายวันที่ 11 ก.ค. หลังแพทย์ยืนยันผลตรวจเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่านักร้องสาวติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    "แก้ม เดอะสตาร์" กล่าวว่า มาหาหมอตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ตอนนั้นยังไม่มีไข้ หมอตรวจดูแล้วไม่ได้เป็นเอชวันเอ็นวัน (H1N1) จึงให้ยามาทานที่บ้าน แต่คืนนั้นทั้งคืนตนเริ่มปวดตัว และรู้สึกมีไข้ แต่ไม่คิดอะไรมากเพราะทานยาตามที่หมอสั่งทุกอย่าง พอตื่นเช้ามาต้องทานยาหลังอาหาร พอทานอาหารเข้าไปปรากฏว่าอาเจียนออกมาหมด หลังอาเจียนเริ่มรู้สึกดีขึ้นเลยทานยาอยู่บ้านเหมือนเดิม พอตกกลางคืนไอไม่หยุดและปวดหัวมาก ตื่นเช้ามารีบโทร.หาแม่ที่ภูเก็ต บอกว่าไม่ไหวแล้วเพราะปวดตา ปวดหัว และปวดท้อง แม่บอกว่าควรมานอนโรงพยาบาลดีกว่า

    "พอมาถึงโรงพยาบาลเลยตรวจอีกทีหนึ่งว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือเปล่า ผลออกมาเมื่อเช้านี้ว่าเป็น ตอนแรกแก้มไม่คิดว่าตัวเองจะเป็น เพราะตอนมาถึงยังบอกพยาบาลว่าไม่มีไข้ แค่ไออย่างเดียว แล้วก่อนหน้านี้ตรวจไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย แต่พอพยาบาลตรวจปรากฏว่าไข้สูงกว่า 38 องศา เมื่อวานหมอบอกว่าโอกาสจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่สูงอยู่ เพราะเดิมทีแก้มเป็นไข้หวัดสายพันธุ์เออยู่แล้ว" แก้ม เดอะสตาร์กล่าว

    ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับการรักษาอย่างไรบ้าง นักร้องสาวกล่าวว่า เมื่อวานนี้หมอให้ยาต้านไวรัส ยาแก้ไอ ยาแก้ไข้ วิตามิน รวมแล้วทานยาประมาณ 10 เม็ดต่อมื้อ นอกจากนี้ให้น้ำเกลือ 2 ขวด หมอบอกว่าอาการเริ่มขึ้น แต่กลัวว่าจะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น วันนี้คงยังไม่ได้กลับบ้านเพราะไข้เพิ่งเริ่มลด เมื่อวานตอนที่กินยาแก้ไข้ แก้มลดลงมาเหลือ 37 องศา แต่พอช่วงบ่ายไข้ก็ขึ้นมาอีก

    -เผยเพิ่งบินกลับจากภูเก็ต

    เมื่อถามว่าคิดว่ารับเชื้อมาจากที่ไหน แก้มกล่าวว่า จริงๆ ตนไปในที่ชุมชนเยอะ อาจเจอผู้คนที่มีเชื้ออยู่แล้วและอาจจะติดมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเพิ่งนั่งเครื่องบินกลับจากไปเยี่ยมบ้านที่ภูเก็ต มาถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่วันพุธยังไม่มีอาการอะไร จนกระทั่งวันพฤหัสฯ ถึงเริ่มรู้สึกปวดหัวจึงรีบไปหาหมอ

    ผู้สื่อข่าวถามว่าวิตกกังวลกับการป่วยหรือไม่ นักร้องสาวกล่าวว่า ไม่เครียดเพราะถ้าเครียดร่างกายจะยิ่งโทรม มันก็คือไข้หวัดใหญ่ธรรมดา แต่อาจจะติดง่าย คนจะกลัวเพราะเห็นข่าวคนที่เป็นโรคนี้เสียชีวิตกันต่อเนื่อง ต้องทำความเข้าใจว่าคนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว แต่ถ้าเรามาหาหมอเร็ว รีบรักษาก่อนเชื้อมันยังไม่ลงปอด ก็ไม่เป็นอะไร

    นักร้องสาวกล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้แม่จะขึ้นมาหา ตอนแรกพ่อจะขึ้นมาเลย แต่แก้มบอกว่าไม่ต้อง เพราะไม่ได้เป็นหนักมาก ตอนนี้ดูแลตัวเองด้วยการกินยา ไม่ทำให้ตัวเองอ่อนแอ รักษาความสะอาด เปลี่ยนผ้าปิดปากบ่อยมาก สำหรับแฟนเพลงที่เป็นห่วงก็ขอบคุณมากๆ

    "แก้มอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองด้วย เชื่อว่าโรคนี้ยังแพร่กระจายไปอีกเยอะ โดยเฉพาะเด็กๆ ต้องระวังให้มาก พยายามใช้ช้อนกลาง ล้างมือให้สะอาด การใส่ผ้าปิดปากเป็นเรื่องจำเป็นมาก แก้มไม่ได้พูดให้กลัว แต่อยากให้ทุกคนป้องกันตัวเอง" แก้ม เดอะสตาร์กล่าวเตือน

    -สั่งร้านขายยาช่วยคัดกรองคนไข้

    เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเซนจูรี่ พาร์ค นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน "อย-ร้านยารวมใจสู้ภัยไข้หวัดใหญ่ 2009"ว่า ร้านขายยาเป็นหน่วยคัดกรองแรกที่ประชาชนผู้มีอาการป่วยจะไปซื้อยามารับประทานเอง มากกว่าไปพบแพทย์ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากสมาพันธ์พัฒนาคุณภาพร้านยาแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการร้านขายยา เภสัชกรประจำร้านขายยาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 400 แห่งช่วยคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น ไม่ให้ผู้ป่วยหลุดจากระบบการรักษาในโรงพยาบาล โดยให้ร้านขายยาให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติตนเวลาป่วยไข้ หากพบผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือมีอาการรุนแรง ให้แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ทันที

    นายวิทยากล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังมีมาตรการเชิงรุก คือในวันที่ 13 ก.ค.นี้จะเริ่มประสานผู้ให้บริการเครือข่ายโทร ศัพท์มือถือทุกแห่ง ให้ส่งข้อความสั้นถึงผู้รับบริการทุกหมายเลข เพื่อแจ้งว่าผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวในประเทศไทยมีประมาณ 2.4 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต หากมีอาการป่วยไข้ให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งให้แพทย์ทราบว่ามีโรคประจำตัวเป็นโรคใดด้วย รวมถึงจะพิจารณาส่งจดหมายคำแนะนำของ สธ.ไปยังบ้านของผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวทั้ง 2.4 ล้านคนด้วย

    "สถานการณ์การระบาดของไทยยังไม่รุนแรงมาก โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการระบาดของไทยยังอยู่ในระดับ 2 คืออัตราป่วยตายไม่เกินร้อยละ 0.5 ดังนั้น จึงยังไม่มีความจำเป็นในการสั่งห้ามกิจกรรมชุมนุมคนจำนวนมาก เช่น คอนเสิร์ต สถานบันเทิง ผับ บาร์ เป็นต้น แต่จะขอความร่วมมือในการคัดกรองผู้ป่วย การดูแลและป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นโรคระบาดใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลก ไม่ใช่โรคประจำถิ่นของไทย ดังนั้น ทั่วโลกจึงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเหมือนกัน" นายวิทยากล่าว

    ด้านน.พ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 กรมการแพทย์ สธ. กล่าวว่า ขณะนี้การระบาดของโรคเป็นเหมือนศึกที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไข ปัญหาการบาดหมางอะไรที่มีต่อกันอยู่ควรหยุดและหันมาสู้กับศัตรูร่วมกันคือเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะ เชื้อไวรัสจะระบาดอยู่ในประเทศไทยอีกนานเป็นปี และอาจจะยกระดับความรุนแรงขึ้นอีก และไม่มีทางที่จะทำให้เชื้อไวรัสหมดไปจากไทยได้ ทำได้แค่เพียงชะลอการระบาดเท่านั้น

    -ไอซีทียังไม่บังคับปิดร้านเกม

    วันเดียวกัน ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวในระหว่างเดินทางไปเปิดศูนย์การเรียนรู้ไอซีทีชุมชน ที่ อ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา ถึงมาตรการเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 กับร้านอินเตอร์เน็ตและร้านเกมทั่วไปว่า ยังไม่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายกับร้านเหล่านี้ เพื่อให้ปิดบริการตามที่รัฐกำหนด เนื่องจากเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายมีจิตสำนึก และพร้อมจะให้ความร่วมมือในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณ สุข และกระทรวงวัฒนธรรมประสานขอความร่วมมือไปแล้ว เพราะหลายคนเข้าใจว่าร้านอิน เตอร์เน็ตและร้านเกมออนไลน์เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่แพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่

    -แห่ตรวจหวัด"09แน่น"วชิระ"

    วันเดียวกัน พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 10.00 น. นายไกรจักร แก้วนิล รองปลัดกทม. นัดประชุมกับผู้บริหารโรงพยาบาลสังกัดกทม. 4 แห่ง ได้แก่วิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล ร.พ.กลาง ร.พ.ตาก สิน และร.พ.เจริญกรุงประชารักษ์ รวมถึงเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวรัสวิทยา เพื่อหารือถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยว่าจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง

    พ.ญ.มาลินี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กทม.เปิดช่องทาง Fast track ในโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อคัดกรองผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเฉพาะ พบว่าที่วชิรพยาบาล มีคนไข้เข้ารับการตรวจแล้วไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 คน ทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจคัดกรอง จึงต้องหาแนวทางปรับปรุงประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลอยู่ระหว่างเฝ้าระวังเพื่อดูอาการเด็ก จำนวน 12 รายซึ่งต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

    -โวยสวมหน้ากากโดนรถตู้ไล่ลง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 16.40 น. มีประชาชนร้องเรียนผ่านรายการจส.100 ระบุว่าขึ้นรถตู้โดยสารจะไปลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยสวมหน้ากากป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อป้องกันการรับเชื้อแม้ไม่ได้ป่วย แต่เมื่อโดยสารไปได้สักครู่ คนขับรถบอกให้ถอดหน้ากากออก ตนไม่ยอม จึงถูกไล่ลงจากรถบริเวณหน้าสวนจตุจักรและถูกเรียกเก็บค่าโดยสาร 20 บาท ดังนั้นจึงอยากถามไปยังกรมการขนส่งทางบก กรณีที่เกิดขึ้นจะให้ดำเนินการอย่างไร

    ทั้งนี้ ทางรายการ จส.100 เปิดสายแสดงความคิดเห็นซึ่งมีประชาชนโทร.เข้าไปยังรายการแสดงความเห็นกันจำนวนมาก ขณะเดียวกัน บรรดาโชเฟอร์รถแท็กซี่ร้องขอความเห็นใจด้วยว่าหากคนขับรถแท็กซี่รายใดสวมหน้ากากป้องกันการติดเชื้อ มักจะไม่มีผู้โดยสารรายใดกล้าเรียกให้ไปส่ง

    -สาวราชบุรีเสียชีวิตอีกราย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานหญิงสาวซึ่งทำงานอยู่ร้านเกมอินเตอร์เน็ตในอ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อายุ 24 ปี น้ำหนักตัว 150 ก.ก. ป่วยเป็นไข้ตัวร้อน ไอ จาม เข้ารักษาที่ร.พ.บ้านโป่ง ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. จากการตรวจผู้ป่วยพบว่าเป็นโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงส่งต่อไปยังร.พ.ศิริราช เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และเสียชีวิตเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 11 ก.ค.

    จากการสอบถามจากร้านเกมอินเตอร์เน็ตต่างๆ ในพื้นที่อ.บ้านโป่ง ส่วนใหญ่ทราบข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทางร้านต่างมีการตื่นตัว มีมาตรการป้องกัน อาทิเช่นปิดประกาศหน้าร้าน ขอความร่วมมือจากผู้ที่ จะเข้ามาเล่นเกมหรือใช้บริการอินเตอร์เน็ตว่า "ขออภัย เป็นหวัดงดใช้บริการ" นอกจากนั้นยังมีเจลล้างมือไว้บริการ ทำความสะอาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นประจำ และแจกหน้ากากป้องกัน ส่วนร้านเกมอีกจำนวนหนึ่งไม่มีมาตรการหรือการป้องกันใดๆ โดยอ้างว่า ไม่ได้ติดตามข่าว และไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบมาแจ้งให้ทราบ

    ที่ร.พ.บ้านโป่ง หลังจากรับทราบข่าวว่ามีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีผู้มารักษาไม่มากนัก

    -ปิดเมืองคอนทำความสะอาด

    เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดนคร ศรีธรรมราช นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าฯ นครศรี ธรรมราชเรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ทั้งจังหวัดประกอบด้วยหน่วยงานของสาธารณสุข นายอำเภอ, ประธานอสม. ผอ.เขตพื้นที่การศึกษาและองค์กรท้องถิ่นเพื่อหามาตรการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากพบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายเมื่อคืนที่ผ่านมาที่ร.พ.ทุ่งสง

    น.พ.นพพร ชื่นกลิ่น สาธารณสุขจ.นครศรี ธรรมราช กล่าวในที่ประชุมว่า ผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งเป็นชายหนุ่มอายุ 19 ปี จากการจัดส่งทีมแพทย์ลงไปหาข้อเท็จจริงการเสียชีวิต พบว่าชายคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยมาจากอ.เขาพนม จ.กระบี่ มีอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องยนต์ อยู่ที่อู่แห่งหนึ่ง ไม่ได้เป็นชาวสวนตามที่แจ้งไว้ในประวัติคนไข้ และล้มป่วยมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ทางญาตินำส่งร.พ.ทุ่งใหญ่เมื่อวันที่ 9 ก.ค. เนื่องจากอ.เขาพนม กับอ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีฯ เป็นพื้นที่รอยต่อกัน และเป็นพื้นที่ใกล้กับผู้ป่วย ช่วงที่ป่วย 4 วันก่อนเข้าร.พ. ก็ทานยาแก้ปวด เมื่อส่งตัวมารักษาที่ร.พ.ทุ่งใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค. อาการยิ่งทรุด เกิดอาการช็อก ทางร.พ.ทุ่งใหญ่จึงส่งต่อมายังร.พ.ทุ่งสงในวันที่ 10 ก.ค. ก่อนจะเสียชีวิตช่วงเย็นวันที่ 10 ก.ค. ที่ร.พ.ทุ่งสง การเสียชีวิตค่อนข้างจะรวดเร็ว ระยะเวลาการเข้ามารักษาตัวที่ร.พ.ทุ่งใหญ่และทุ่งสงนั้นประมาณ 14 ช.ม.ก็เสียชีวิตและผลการพิสูจน์เพิ่งชัดเจนเมื่อคืนที่ผ่านมาว่าเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009

    น.พ.นพพร กล่าวต่อว่า ช่วงแรกที่ผู้ป่วยรายนี้เข้ามารับการรักษาตัวนั้น แพทย์วินิจฉัยไว้ 4 โรค คือโรคไข้เลือดออก, ชิคุนกุนยา, ไข้หวัดและโรคฉี่หนู เมื่อส่งเสมหะไปตรวจพิสูจน์ที่ชัดเจน พบว่าเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ และพบว่าปอดถูกทำลายไปมากแล้ว จึงเกิดอาการช็อกจนเสียชีวิต ขณะนี้สาธารณสุขจ.นครศรีฯ ประสานไปยังสาธารณสุขจ.กระบี่เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อของผู้ป่วยรายนี้แล้ว ในส่วนจ.นครศรีฯ ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 9 ราย และเฝ้าระวังอีก 15 ราย โดยผู้ที่ติดเชื้อและรักษาหาย สามารถกลับบ้านได้แล้ว 9 ราย

    ด้านนายภาณุ กล่าวว่า ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน, โรงเรียน, ห้างสรรพสินค้าและที่ชุมชนต่างๆ ช่วยกันทำความสะอาด ตนจะออกเป็นประกาศจังหวัดเร่งด่วนปิดจังหวัดนครศรีฯ เพื่อทำความสะอาดเมืองในจุดที่ล่อแหลมต่อการติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 13-15 ก.ค.นี้

    -ปลัดสธ.รณรงค์สกัดหวัด"09

    เมื่อเวลา 17.00 น. ที่อาคารมติชน น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะเดินทางมามอบคู่มือการดูแลรักษาสุขภาพ พร้อมทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ช่วยกันรณรงค์และประชาสัมพันธ์ข้อมูลการดูแลสุขภาพให้ประชาชนได้รับทราบมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ

    น.พ.ปราชญ์ กล่าวว่า ขณะนี้สธ.พยายามรณรงค์และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบและดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะหากสธ.ไม่ดำเนินการอะไรเลย การแพร่ระบาดของเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 6 เดือน และภายใน 2 ปีจะมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวมากถึง 1,200 - 1,800 คน หากประชาชนเข้าใจและดูแลรักษาสุขภาพกันมากขึ้น อัตราการเสียชีวิตก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ จากสถิติพบว่าร้อยละ 87 ของผู้ที่ติดเชื้อดังกล่าวมีอายุระหว่าง 11-24 ปี นอกจากนี้ประ มาณร้อยละ 90 เสียชีวิตเพราะป่วยเป็นโรคเรื้อรังมาก่อนที่จะติดเชื้อดังกล่าว ดังนั้นผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มของโรคเรื้อรัง ประกอบด้วย โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ โรคธาลัสซีเมีย โรคเลือด โรคไต โรคอ้วนและโรคหืดหอบ ขอให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี หากภายใน 48 ชั่วโมงยังป่วยเป็นไข้อยู่ ขอให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรักษา ทันที

    -สธ.ยันตายเพิ่มอีก 3 รวม 18 ศพ

    วันเดียวกัน น.พ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่าสธ.ขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 3 ราย เป็นรายที่ 16-18 โดยรายที่ 16 เป็นชาย อายุ 45 ปี จ.พระนครศรี อยุธยา เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา มีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจโต ความดันโลหิตสูง และติดโรคเล็ปโตสไปโรซีส หรือโรคฉี่หนู ผลชันสูตรศพ ระบุสาเหตุของการเสียชีวิตมาจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ปอดอักเสบ ไม่ได้เสียชีวิตจากเชื้อโรคฉี่หนู

    น.พ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 17 คือ ผู้หญิงอายุ 24 ปี จ.ราชบุรี ซึ่งถูกส่งต่อมารักษาที่ร.พ.ศิริราช ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ก.ค. โดยรายนี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง คือโรคอ้วน มีน้ำหนักตัวสูงถึง 150 ก.ก. เป็นโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง และอยู่ในพื้นที่เสี่ยงคือมีหน้าที่ต้องดูแลร้านอินเตอร์เน็ต เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. เข้ารับการรักษาตัวที่ร.พ.บ้านโป่ง เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ด้วยอาการหอบ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก จากนั้นส่งต่อมารักษาที่ร.พ. ศิริราช ส่วนผู้เสียชีวิตรายที่ 18 เป็นชายอายุ 19 ปี บ้านเดิมอยู่จ.กระบี่ เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. แต่ผลตรวจเชื้อจากห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่งแจ้งผลเมื่อช่วงสายวันที่ 12 ก.ค. โดยเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 6 ก.ค. รักษาตัวที่ร.พ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชในวันที่ 9 ก.ค. ด้วยอาการหอบ มีไข้ จากนั้น ผู้ป่วยมีอาการหนักขึ้น จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ร.พ. ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 10 ก.ค. เอกซ เรย์พบว่ามีปอดอักเสบทั้งสองข้าง จึงส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผู้ป่วยเสียชีวิตในเย็นวันเดียวกัน

    -หมอเตือนคนอ้วนเสี่ยงสูง

    น.พ.ไพจิตร์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้สธ.รับแจ้งจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 13 ปี เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยสำนักระบาดวิทยากำลังตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันการเสียชีวิต คาดว่าอีก 1-2 วันจะทราบข้อมูลที่ชัดเจน ส่วนยอดผู้ป่วยมีเพิ่มอีก 247 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 3,555 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 6 ราย

    รองปลัดสธ. กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้เชี่ยว ชาญด้านไวรัสของศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายงานการศึกษาข้อมูล ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีภาวะแทรกซ้อนของระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ของโรงพยา บาลมิชิแกน สหรัฐจำนวน 10 ราย พบว่าผู้ป่วย 9 รายมีดัชนีมวลกายมากกว่า 30 (ดัชนีมวลกายซึ่งคำนวณจากน้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง มีค่าปกติ 18.5-22.9) ซึ่งถือว่ามีภาวะอ้วนมาก จำนวนนี้ 7 รายมีภาวะอ้วนขั้นสูงสุด คือดัชนีมวลกายมากกว่า 40 นอก จากนี้ ยังพบว่าในผู้ป่วย 9 จาก 10 ราย การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายล้มเหลว ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ทั่ว ไป นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ป่วย 5 รายที่พบภาวะลิ่มเลือดอุดตันในปอด และ 6 รายพบภาวะไตวาย ข้อมูลที่ได้ แสดงให้เห็นว่าภาวะอ้วนเป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงและเสียชีวิตได้

    -แม่เฒ่า 61 เสียชีวิตส่อติดหวัด

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร.พ.ลาดบัวหลวง อ.ลาด บัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างการนำส่งโรงพยาบาล 1 ราย เป็นหญิงอายุ 61 ปี แพทย์ตรวจเบื้องต้น พบว่าหญิงดังกล่าวมีเสมหะในคอและปอดเป็นสีเหลืองข้น จึงเก็บตัวอย่างไว้เพื่อส่งตรวจ

    จากการตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตรายนี้ พบว่ามีอาการเกี่ยวกับปอดอักเสบ และระบบหายใจ เข้าโรงพยาบาลลาดบัวหลวงมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเสียชีวิตประมาณ 2 วัน ญาติบอกว่ามีอาการไข้ขึ้นสูงมาก และท้องเสียอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้มาพบแพทย์ กระทั่งตอนเช้าหมดสติ จึงเรียกหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจให้ช่วยกันนำมาส่ง แต่เสียชีวิตระหว่างทาง

    เบื้องต้นแพทย์ยังไม่ปักใจว่าจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ต้องรอผลพิสูจน์จากกรมการแพทย์อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม แพทย์แนะนำให้ผู้ที่นำพาผู้ป่วยมาและญาติได้ทำความสะอาดร่างกาย และพาหนะ รวมทั้งที่พักของผู้ป่วย และห้องพยาบาลทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย

    วันเดียวกัน น.พ.สุรินทร์ สืบซึ้ง นายแพทย์เวชกรรมป้องกัน 9 ปฏิบัติราชการแทนนายแพทย์สาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยที่ได้รับผลยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวม 8 ราย จากเดิมมีผู้ป่วย 4 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ที่พบ เป็นนักเรียนประจำจากโรงเรียนในกรุงเทพฯ 1 คน นักเรียนในพื้นที่ อ.เมืองปราจีนบุรี 1 คน และประชาชนทั่วไป 2 คน สำนักงานสาธารณสุข จ.ปราจีนบุรี ดำเนินมาตรการเข้มข้นป้องกันโรค โดยประสานสถานศึกษาหากพบเด็กนักเรียนป่วยหรือมีอาการไข้หวัดให้กลับบ้านและพบแพทย์

    ด้านนายพิสุทธิ์ วีระจิตต์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปราจีนบุรีเขต 1 กล่าวว่า นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง อ.เมือง ที่ป่วยติดเชื้อไข้หวัด 2009 หายเป็นปกติและกลับบ้านได้แล้ว ที่ผ่านมาสถานศึกษาทำความสะอาดจุดเสี่ยงที่นักเรียนทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ ห้อง เรียน ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงแล้ว
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...