หลวงพ่อถาวร ฝากคำเตือนเรื่องภูเขาไฟใต้ทะเล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 9 กรกฎาคม 2009.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟใต้น้ำใกล้จะระเบิด
    โดยคุณน้ำใส

    [​IMG]
    พระราชพิพัฒนาทร หลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

    ตอนเที่ยงวันนี้(24/09/2005) ผมไปทำบุญที่วัดปทุมฯ วันนี้โชคดีได้เจอหลวงพ่อถาวร ท่านอยู่พอดี ได้เรียนถามเรื่องเหตุเภทภัยที่ระยะนี้มีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นถี่เหลือเกิน ท่านเมตตาฝากคำเตือนมา ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้ ​

    ตอนที่เรียนถามหลวงพ่อถาวร เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติต่างๆในช่วงนี้ หลวงพ่อท่านบอกว่า "น้ำ" ยังไม่น่ากลัว "ไฟ" ต่างหากที่น่ากลัวกว่า ที่ว่าไฟนั้นคือ ภูเขาไฟใต้น้ำระเบิด ท่านบอกว่าตอนนี้ภูเขาไฟทั่วโลกกำลังอยู่ในระยะอุ้มท้อง ท่านให้สังเกตว่าเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดใกล้จะคลอด ให้สังเกตดูตามสถานที่ๆ มีบ่อน้ำพุร้อนนั่นแหละ มันจะปะทุขึ้นมาอย่างผิดปกติ ​

    บอกให้รู้ล่วงหน้าก่อน และตามพื้นที่ๆมีการขุดเจอพลอยและอัญมณีมากๆนั้น แสดงว่า เดิมเป็นแหล่งภูเขาไฟระเบิด เช่นที่เมืองกาญจนบุรี จันทบุรี และอีกที่หนึ่งใกล้ๆกรุงเทพมหานครนี่เอง เป็นที่ๆเราคิดไม่ถึงกัน นั่นคือ นครนายก สถานที่ๆรัฐบาลมีความคิดที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่นั่นแหละครับ หลวงพ่อท่านบอกว่า ลองขุดลงไปดูเป็นบ่อพลอยบ่ออัญมณีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีใครรู้นะครับ​

    ผมเรียนถามท่านว่า อยู่ประเทศใดจึงปลอดภัยที่สุด แน่นอนครับ

    ท่านบอกว่าประเทศไทยนี่แหละครับ ดีที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ถึงเวลานั้น ผู้คนจะล้มตายกันมาก ที่ไม่ตายนั้นกึ่งหนึ่งก็จะเสียสติเป็นบ้าเป็นบอ ส่วนผู้ที่เจริญวิปัสสนาเจริญสติอยู่เป็นประจำ ก็สามารถคุ้มครองตนเองได้ไม่เป็นบ้าเสียสติ และจะกลายเป็นประชากรรุ่นบุกเบิกของคนยุคใหม่ ​

    โดยคุณ น้ำใส 24/09/2005 , 22:17:05 ​

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "สมิทธ"เตือนพื้นที่จังหวัดชายทะเลริมฝั่งอ่าวไทยมีโอกาสเกิดสึนามิ
    [FONT=&quot]
    อินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 49)--ประธานคณะกรรมการศึกษาระบบการเตือนภัยล่วงหน้า เผยนักวิชาการญี่ปุ่นคาดการณ์จังหวัดชายทะเลริมฝั่งอ่าวไทยอาจมีโอกาสได้รับ ผลกระทบจากคลื่นสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร เนื่องจากครบรอบวัฏจักรตามธรรมชาติของเหตุแผ่นดินไหว ในบริเวณหมู่เกาะของประเทศฟิลิปปินส์

    "เคยเกิดภูเขาไฟระเบิดที่บริเวณหมู่เกาะทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์เมื่อประมาณ 80-90 ปี ซึ่งขณะนี้ครบรอบวัฏจักร

    ซึ่งอาจจะทำให้เกิดคลื่นสึนามิในอ่าวไทยได้ และเมื่อ 30 ปีก่อนก็เคยเกิดคลื่นสูงขึ้นในอ่าวไทยมาแล้ว" นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานคณะกรรมการศึกษาระบบการเตือนภัยล่วงหน้า กล่าว

    ทั้งนี้ หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ประเทศฟิลิปปินส์จะได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงประมาณ 15 เมตร ประเทศเวียดนามจะได้รับผลกระทบจากคลื่นสูง 8 เมตร ส่วนประเทศไทยได้รับผลกระทบจากคลื่นสูงประมาณ 3 เมตร ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับถนนหนทางบริเวณชายฝั่ง และน้ำทะเลหนุนเข้าสู่แม่น้ำลำคลองต่างๆ จนเกิดภาวะน้ำท่วมเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร

    "ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก เพียงแต่ให้รับฟังการเตือนภัยอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมเพื่อความไม่ประมาท เพราะแผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้" นายสมิทธ กล่าว

    ที่มา http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=6196

    'ดร.กัญจีรา กาญจนเกตุ' กับ 'คำทำนายคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย'[/FONT]

    [FONT=&quot]“การ ทำนาย ทุกครั้งก็ไม่ได้พูดส่งเดช แต่มีหลักความเป็นไปได้ ส่วนใหญ่จะมองจะวิเคราะห์เป็นรายปี ถามว่าเคยพลาดไหม ตรงนี้แหละที่แปลก อย่างเหตุการณ์พายุนาร์กีสที่พม่า แผ่นดินไหวที่จีน ก็เคยเตือนไว้ตอนปี 2548-2549 ว่ามันจะเกิด มันก็เกิดขึ้นในปี 2551 จริง ๆ” [/FONT]

    [FONT=&quot]ปลายปี[/FONT][FONT=&quot] 2550 เตือนย้ำเรื่องพม่า จีน และต่อที่อินโดนีเซีย เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และกระทบถึง ศรีลังกากับอินเดีย ต่อเนื่องมาที่ลาว ซึ่งถ้าลาวแผ่นดินไหวไทยก็ต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าวงจรนี้จะเกิดเมื่อใด ? [/FONT]
    [FONT=&quot]
    สำหรับคำทำนายที่เกี่ยวกับไทย ดร.กัญจีรา บอกว่า

    “สัญญาณอันตรายจะเกิดขึ้นด้วยคลื่นความถี่ ภาพภัยพิบัติล่าสุดที่เห็นคือ ภูเขาไฟในอินโดนีเซียปะทุและระเบิด เกิดคลื่นยักษ์ในอ่าวไทย ไม่ใช่สึนามิ แต่จะเป็นคลื่นที่ระลอกแล้วระลอกเล่าถาโถมเข้ามาพร้อม กับพายุที่มีความรุนแรงกว่าปกติ คนที่อยู่แถวริมทะเลจะได้รับผลกระทบ อาทิ เพชรบุรี สมุทร ปราการ”

    ดร.กัญจีรา อธิบายด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ว่า จากภาพที่เห็นตั้งสมมุติฐานว่าบริเวณอ่าวไทย เลียบชายฝั่งเป็นดินใหม่ที่มีโคลน เมื่อมีการขยับตัวของแผ่นดินเกาะสุมาตราก็จะมี ลักษณะเหมือนโดมิโน เมื่อตรงนี้ขยับตรงโน้นก็ขยับต่อทีละนิดไปเรื่อย ๆ ในอ่าวไทยมีหลุมใหญ่จากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ สูบน้ำมันมานาน 20-30 ปี ของเหลวถูกสูบขึ้นมา ความสมดุลของโลกก็สูญเสียไป ฉะนั้นแผ่นดินต้องเลื่อนลงไปทดแทน พื้นทรายทรุดตัวลงช้า ๆ สิ่งที่เข้าไปแทนที่คือ ทราย ฟองอากาศ พื้นดินจะขยับไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องมีผลกระทบ


    ที่มา http://www.watthummuangna.com/board/...ad.php?p=96245[/FONT]

    [FONT=&quot]
    คำทำนายของ [/FONT]
    [FONT=&quot]นาย เดชพูลศักดิ์ จารุพันธ์พานิช (อ.คนเมืองบัว)[/FONT]​

    [FONT=&quot]ภัยที่น่าสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่[/FONT]

    [FONT=&quot]๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีก เป็นล้านคน[/FONT]

    [FONT=&quot]๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน[/FONT][FONT=&quot]ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้วขอบเขตเท่านั้น[/FONT][FONT=&quot]คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง[/FONT][FONT=&quot]ที่ เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนาส่วน ใหญ่ จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ [/FONT]

    [FONT=&quot]ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรือง ถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้น ได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการ ต่อการตัดสินใจ เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ ท่านเหล่านั้นปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง [/FONT]

    [FONT=&quot]จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ [/FONT][FONT=&quot]11/5/2548 0:51:37 [/FONT]

    [FONT=&quot]http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=4540[/FONT] <!-- / message -->
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไปเที่ยววัดปทุมวนาราม

    [​IMG]

    [​IMG]

    By janghuman

    ใจกลางกรุงเทพ แหล่งช้อปปิ้งและย่านการค้าชื่อดัง แหล่งบันเทิงของเหล่าวัยรุ่นทั้งหลาย ทั้งสยามเซ็นเตอร์ มาบุญครอง สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ หากว่าเบื่อแล้วกับสถานที่แบบนี้ลองแวะเข้ามายังที่ที่เงียบสงบที่ วัดปทุมวนารามฯ เสียหน่อยเป็นไร อยู่ระหว่างเซ็นทรัลเวิลด์กับสยามพารากอนพอดิบพอดี … เช่นเคยที่ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าตรงนี้มีวัดแต่ก็ไม่ได้เคยย่างกรายเข้าไปสักครั้ง ประจวบเหมาะที่ว่างพอดี ได้เวลาออกชมวัดดูวังตามปรกติ แถมยังเดินทางสะดวกซะอีกด้วย

    [​IMG]
    วัดปทุมวนาราม ตั้งตระหง่านท่ามกลางตึกสูงระฟ้าอันทันสมัย

    วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี (ราชวรวิหาร คือ วัดที่กษัตริย์หรือพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์) สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ซึ่งทรงรับสั่งให้ทำการขุดสระบัวขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่เสด็จประพาสผ่อนคลายพระอิริยาบถและได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นในบริเวณเดียวกันนี้ บริเวณนี้จึงได้ชื่อว่า ปทุมวัน อันหมายถึง ป่าบัวหลวง แต่เรียกกันติดปากว่า สระปทุม พื่นที่ที่ประทับจึงเรียกกันว่า วังสระปทุม

    วัดปทุมวนารามฯ นี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเพื่อพระราชทานพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ทรงพระราชทานนามว่า วัดปทุมวนาราม ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดสระปทุม เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดที่จะมาพักแรมผ่อนคลายพระราชอิริยาบถ ณ วังสระปทุมอยู่เนืองๆ

    พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของบรรดาชาวล้านช้าง (ลาว) ที่ถูกกวาดต้อนมาตั้งแต่ครั้งเก่าก่อน จนตั้งรกรากมายาวนาน จึงยังคงมีธรรมเนียมของชาวล้านช้างอยู่มาก เมื่อครั้นสร้างวัดเสร็จสิ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญมาประดิษฐานคือ พระแสน และ พระใส จากวัดเขมาภิรตาราม จ.นนทบุรี

    [​IMG]
    สระขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้าวัด อาจจะเป็นสระที่มีมาแต่ดั้งเดิม
    ปัจจุบันทิ้งไว้ว่างๆ

    วันที่ข้าพเจ้าแวะเข้าไปเป็นวันอาทิตย์พอดี มีผู้คนเข้าวัดทำบุญฟังธรรมหนาตาพอสมควร ก็น่าชื่นใจขอรับ แสดงว่าคนบ้านเราถึงแม้จะอยู่ในเมืองก็ยังไม่ห่างจากศาสนา ภายในวัดมีจุดที่จัดไว้ให้ญาติโยมมาทำบุญอยู่หลายจุด เดินเข้าไปหน้าวัดเขาก็จัดเต้นท์ไว้สำหรับทำสังฆทาน เอาแบบสะดวกเข้าว่า ราวสิบห้านาทีก็เสร็จพิธี เหมาะสำหรับท่านที่รีบมารีบไป เห็นมีหลายวัดที่จัดแบบนี้ ตามยุคสมัยขอรับ ทำบุญแล้วก็ชื่นใจดีละ

    ถัดมาหน่อยเป็นลานประดิษฐานพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปประจำวันเกิดเรียงรายให้ทำบุญกราบไหว้ ด้านหลังเป็นสระขนาดใหญ่พอสมควร อาจจะเป็นสระที่เหลือมาจากสมัยก่อนก็ได้ แต่ไม่มีบัวให้เห็นเหมือนที่ปรากฎในบันทึกทั้งหลายว่างามหนักหนา เข้ามาในวัดก็ผิดหวังเล็กๆ คือคาดว่าน่าจะเต็มไปด้วยบัวหลวงให้สมชื่อวัด แต่ไม่ยักกะเห็นบัวสักต้น มีที่เขาเอามาทำบุญบ้างกับงานสถาปัตยกรรมทั่วไปที่เน้นลายบัวอยู่ จริงๆ ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป ทางวัดน่าจะลองตกแต่งทั้งวัดด้วยบัวสักหน่อยเป็นไร เอาให้สมดังที่เคยขึ้นชื่อว่ามีบัวอยู่เยอะน่ะขอรับ

    บังเอิญเขาปิดพระอุโบสถไม่แน่ใจว่ากำลังซ่อมแซมหรืออย่างไร เลยไม่มีโอกาสเข้าไปชมด้านใน เดินลึกเข้าไปหน่อยทางวัดเขาจัดทำเป็นสวนป่า ร่มรื่นมากๆ ไม่นึกว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ท่ามกลางแหล่งการค้าอันแสนอู้ฟู่ของเมืองหลวง ภายในมีลานว่างไว้ปฏิบัติธรรม มีพระพุทธรูปเรียงราย แต่ที่ขัดใจข้าพเจ้าก็คือมีรูปปั้นองค์จตุคามที่เคยฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองตั้งไว้ให้บูชากันเสียด้วย และถ้าพิจารณาดีๆ จะเห็นว่ามีคนมาบูชามากกว่าพระพุทธรูปเสียอีก อันนี้ก็แล้วแต่ความศรัทธาของแต่ละบุคคลล่ะขอรับ แต่ข้าพเจ้ามองในมุมส่วนตัวว่ามันไม่น่าจะเข้ากันสักเท่าไหร่

    เลยเข้าไปในสวนมี “ศาลาพระราชศรัทธา” เป็นศาลาขนาดใหญ่ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีคนมากกราบไหว้เยอะมาก ได้ยินมาว่าเขาจัดให้บูชาด้วยดอกบัว แต่วันที่ไปไม่เห็นดอกบัว เห็นแต่ดอกไม้จำพวกอื่นเสียมากกว่า บริเวณนี้ทางวัดเขาจัดสถานที่ไว้สำหรับญาติโยมนั่งสมาธิกัน มีเบาะรองนั่งพร้อมผ้าคลุมตัก (สำหรับสุภาพสตรี) ไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมสรรพ ถัดเข้าไปบริเวณหลังศาลามีศาลามุงจากหลังเล็กเป็นที่แสดงธรรม ญาติโยมห่มขาวนั่งกันพอสมควร เห็นมีญาติโยมที่ศรัทธานุ่งขาวห่มขาวเดินทำโน่นทำนี่ขวักไขว่ บ้างก็ทำความสะอาดวัด บ้างก็เตรียมอาหาร เขาจะมีบัตรประจำตัวติดที่ตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของวัด สงสัยอะไรก็อาศัยสอบถามเอาได้

    อีกอย่างที่น่าสังเกตก็คือเดี๋ยวนี้วัดบ้านเรานอกจากจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแล้วยังใช้เป็นที่จอดรถอีกด้วย คงเหตุเพราะวัดมีสถานที่ค่อนข้างกว้างขวางและถือเป็นสถานที่สาธารณะ หลายวัดจึงถูกใช้เป็นที่จอดรถไปโดยปริยายแล้วทางวัดก็อาจจะเก็บค่าจอดบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยก็ถือซะว่าช่วยเหลือทางวัด เพราะวัดเองก็มีภาระค่าใช้จ่าย ไหนจะค่าน้ำค่าไฟ ค่าบำรุงรักษา ค่าอะไรอีกจิปาถะ เห็นมีหลายคันเข้ามาจอดแล้วก็ออกไป คือไม่ได้เข้ามาทำบุญหรอก แต่มาจอดรถทิ้งไว้เพื่อจะไปเที่ยวห้างแถวนั้น หลายคนเป็นวัยรุ่นแต่งตัวมาเที่ยวกันเห็นๆ น่าเสียดาย อุตส่าห์เข้าวัดทั้งทีจะแวะไหว้พระเสียหน่อยก็ไม่ได้ อีแบบนี้น่าจะเก็บเงินเยอะๆ เสียให้เข็ด

    [​IMG]
    ทางเข้าสวนป่ามีจัดเป็นนิทรรศการเล่าถึงพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายท่าน

    [​IMG]
    ด้านหน้าของศาลาพระราชศรัทธา เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

    [​IMG]
    ภายในศาลามีเบาะรองนั่งเตรียมไว้สำหรับญาติโยมที่ต้องการนั่งสมาธิ

    [​IMG]
    ข้างๆ ศาลา มีเต้นท์บริการน้ำปานะไว้ให้ผู้ที่มาเข้าวัดได้ดื่ม
    น้ำปานะที่ว่านี้คือเครื่องดื่มที่ได้จากการคั้นผลไม้ ตามตำราว่ามี ๘ ชนิด
    คือ มะม่วง, ชมพู่, กล้วยมีเม็ด, กล้วยไม่มีเม็ด, มะทราง, ลูกจันทร์,
    เหง้าอุบล, มะปรางหรือลิ้นจี่ (บางตำราอาจต่างไปจากนี้)

    [​IMG]
    ศาลาไม้หลังนี้อยู่ด้านในสุด ใช้เป็นที่แสดงธรรม

    [​IMG]
    ภายในสวนที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ไม่น่าเชื่อว่าท่ามกลางแหล่ง
    ท่องเที่ยวห้างสรรพสินค้ามากมาย จะมีวัดที่ร่มรื่นเช่นนี้อยู่

    [​IMG]
    บริเวณด้านหน้าวัดมีเต้นท์ถวายสังฆทานสำหรับญาติโยม
    ทำกันเป็นรอบๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ธรรมะกลางเมือง


    [​IMG]

    กรุงเทพฯ 7 ก.ค.-หลายคนอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนว่า วัดในกรุงเทพฯ ก็มีสวนป่าให้นั่งสมาธิ ปฎิบัติธรรม อีกทั้งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง และมีถ้ำอยู่ภายในด้วย.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-07 20:26:06

    คลิ๊กชมวีดิโอคลิปได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
    ธรรมะกลางเมือง

    ที่มา http://news.mcot.net/social/<!-- google_ad_section_end -->

    เชิญปฏิบัติธรรมโต้รุ่งคืนวันศุกร์ และ คืนวันเสาร์ ณ ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนาราม ปทุมวัน กรุงเทพฯ

    ปฏิบัติธรรมปกติ วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา
    ๗.๐๐ - ๘.๐๐ น.
    ๑๒.๐๐ - ๑๓.๐๐ น.
    ๑๗.๐๐ - ๒๐.๐๐ น.

    วัดปทุมวนาราม ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม มีการอบรมโดยพระอาจารย์มหาถาวรจิตตถาวโร ทุกวันระหว่างเวลา 07.00-08.00 น. 12.00-13.00 น. และ 17.00-20.00 น. นอกจากนี้ ทุกวันอาทิตย์ที่ 1 และ 3 ของเดือนยังจัดอบรมโดยพระวิปัสสนาจากวัดต่างๆในช่วง 13.00-15.00 น. สำหรับช่วงเข้าพรรษาก็จัดให้มีการบวชเนกขัมมะ และอบรมปฏิบัติธรรมตลอดคืนวันเสาร์และวันสำคัญทางศาสนาด้วย

    วัดปทุมวนาราม (ถ.พระราม 3 อยู่ระหว่างเวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์ กับ ศูนย์การค้าสยาม) ในวัดจะมีส่วนของสวนป่า เรียกว่าสวนป่าพระราชศรัทธา มี ศาลาพระราชศรัทธา เปิดให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าไปนั่งสมาธิ ฟังธรรม สวดมนต์ เดินจงกรม หรือทำกิจทางศาสนาอื่นได้ตามอัธยาศัย ปกติ จะมีเทปธรรมะเปิดให้ฟังตลอดทั้งวัน

    ที่ศาลาพระราชศรัทธา นี้ สามารถเข้า-ออกได้ตลอด 24 ชม.ห้องน้ำและน้ำดื่ม มีบริการให้ตลอด (รับรองว่าสะอาด และร่มรื่นมาก) สำหรับท่านที่สนใจก็ลองไปดู ที่นี่สงบมาก ถ้าท่านเข้าไปในสวนป่าแล้ว จะรู้สึกเหมือนอยู่ต่างจังหวัด มองเห็นแต่ต้นไม้ บริเวณศาลาสามารถเดินเท้าเปล่าได้ตลอดและมีที่เก็บรองเท้าไว้เป็นระเบียบดี​

    ที่มา http://www.geocities.com/samadhinet/schedule.htm
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภูเขาไฟในประเทศไทยที่ดับแล้ว มีโอกาสปะทุอีกหรือไม่ ?

    ถามโดยคุณ panadist

    รู้ไหมประเทศไทยมีภูเขาไฟ และอยู่ไหนเอ่ย..?

    ตอบโดยคุณ TOI

    - เคยไปฟังบรรยายที่เหมืองพลอย อ.บ่อพลอย กาญจนบุรี . . เขาบอกว่า พลอยมีสายแร่ตามแนวภูเขาไฟระเบิด อ.บ่อพลอย มีภูเขาไฟที่เคยระเบิด และได้ดับไปแล้ว

    - บนภูเขา ที่อ.สังขละบุรี กาญจนบุรี มีหินที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ(ลาวา จากภูเขาไฟ) . . และมีหินก้อนกลมๆ และก้อนรีๆ ซึ่งเป็นหินที่อยู่ที่ท้องน้ำ อยู่บนภูเขามากมาย ( พบตอนที่ตัดถนน ) . จึงคาดว่า แผ่นดินเคยพลิกจากใต้ท้องน้ำ ขึ้นไปอยู่บนภูเขา . อันเนื่องมาจาก ภูเขาไฟระเบิดนั่นเอง

    - ส่วนที่ว่า จะมีโอกาสปะทุขึ้นมาใหม่อีกหรือไม่นั้น . ขึ้นอยู่กับความหนาของลาวาที่ปิดอยู่ ที่ปากปล่องภูเขาไฟ รวมทั้งความลึกของสายลาวาที่อยู่ใต้พื้นโลกด้วย

    - หากมีการทำให้เปลือกโลกเกิดการขยับตัว เช่น การทดลองระเบิดปรมาณูใต้ดิน หรือเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งเกิดจากรอยเลื่อนของเปลือกโลกขยับตัว ก็จะมีโอกาสที่จะเกิด ภูเขาไฟระเบิดขึ้นมาอีกได้ แต่ก็ไม่มีใคร สามารถตอบให้ได้ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร

    ตอบโดยคุณ Joey07

    ภูเขาไฟ ภูเขาไฟในประเทศไทย เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทมานานแล้ว เช่นที่ ภูเขาหลวง จังหวัดสุโขทัย ซึ่งปรากฎมียอดเป็นปากปล่องภูเขาไฟและมีหิน ตะกรันอยู่โดยรอบ ในที่ราบสูงภาคอิสานเป็นพื้นที่ภายในปากปล่องภูเขา ไฟใหญ่ในอดีตซึ่งดับไปแล้ว และก่อให้เกิดที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ขึ้นมาแทน

    ภูเขาไฟในประเทศไทย

    -ภูเขาไฟดอยผาคอกจำป่าแดด และปล่องภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู จังหวัดลำปาง

    -ภูพระอังคาร ตำบลเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์

    ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ และอยู่ใกล้ประเทศไทยเท่าที่สำรวจพบมีอยู่ ๒ แห่งคือ ภูเขาไฟโป๊ป่าในพม่า และภูเขาไฟใหญ่กับภูเขาไฟน้อยในล้านช้าง มีความสูงประมาณ ๖๕ เมตร ปากปล่องเป็นรูปไข่กว้างประมาณ ๘๐ เมตร ยาวประมาณ ๒๐๐ เมตร

    ตอบโดยคุณ The Kingdom

    ภูเขาไฟก็เหมือนสิวบนใบหน้า เมื่อเกิดความเครียดเพราะ Hormone ทางเพศหรืออื่นๆ ตื่นเช้ามามันก็โผล่ทีละเม็ดๆ แต่ถ้าเปรียบเป็นฝีที่มีหนองประดุจลาวาอยู่ข้างใน สุดท้ายเมื่อมันแตกก็จะหายทิ้งไว้แต่รอยแผลเป็นที่ระลึก

    โลกเราที่ที่มีความเครียดสูง โอกาสที่ภูเขาไฟจะระเบิดอีกครั้งเปอร์เซ็นต์มันสูง
    ประเทศไทยก็เหมือนพื้นที่หนึ่งๆบนในหน้า โอกาสที่จะเกิดสิวหรือฝีหนองเป็นไปได้สูงเพราะใต้พื้นผิวของใบหน้าคือ ต่อมน้ำเหลืองท่อลำเลียงโมเลกุลต่อยืดอายุของเซล เมื่อมันมากเกินไปก็พร้อมที่จะปะทุออก เหมือนเม็ดเลือดขาวกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ต้องประสงค์ ทิ้งไว้แต่ซากคราบที่สะสมไว้เป็นกองขยะใต้ผิวหนัง เมื่อมากไปมันพร้อมจะเอ่อล้นปะทุออกมาประดุจลาวาฉะนั้น
    ประเทศไทยใต้พื้นดินยังมีน้ำมัน ถึงเวลาอาจแปรผันเป็นสิวลูกเล็กๆบนผิวโลกได้

    ที่ทราบคร่าวๆบ่อน้ำมัน บ่อน้ำพุร้อน เรามีที่อำเภอฝาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก อำเภอนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร ฯลฯ ที่รู้ๆที่ที่มีบ่อน้ำร้อนด้วยคือภูเขาไฟที่ดับไป หรือกำลังตั้งไข่อยู่

    ที่มา http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20080513113921AAEHGSH
     
  6. dhamaskidjai

    dhamaskidjai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,855
    ค่าพลัง:
    +5,727
    อีกไม่กี่ปี

    เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวในชาติหน้ารึยัง

    ...ชาติหน้าอยากรวย ก็ทำสังฆทานซะ
    ...ชาติหน้าอยากรวย ก็ทำวิหารทานซะ
    ...ชาติหน้าอยากหล่อ สวย หน้าสมส่วน ก็ถวายพระพุทธรูปซะ
    ...ชาติหน้าอยากมีเพื่อน ก็ชวนคนทำบุญซะ
    ...ชาติหน้าอยากมีความสุข ก็รักษาศีลซิ
    ...ชาติหน้าอยากสบาย ก็ถวายยานพาหนะซะ
    ...ชาติหน้าอยากฉลาด ก็ให้ธรรมทานซะ
    ...ชาติหน้าไม่อยากทุกข์ ก็ไปนิพพานซะ
     
  7. tobetruly

    tobetruly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2009
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +427
    วัดน่าไปมากครับ ไม่เคยรู้เลย ^^"
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระกรรมฐาน กลางกรุง ........โดย. ดำรงค์ ภูระย้า

    พระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร ท่านได้พำนักจำพรรษอยู่ วัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ณ แหล่งนักปราชญ์ราชบัณฑิตวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ซึ่งอดีตเคยเป็นสถานที่พระปรมาจารย์ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เคยอยู่พำนักจำพรรษาเป็นประจำ ก่อนที่จะเสนอปฏิปทาของท่าน ผู้เขียนขออ้างความเป็นมาแก่ท่านผู้อ่านเสียก่อน ดังนี้...

    พระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร มีนามเดิมว่า ถาวร วงศ์มาลัย กำเนิดเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะโรง ณ หมู่บ้านโนนศิลาเลิง ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาผู้ให้กำเนิดคือ นาย โส นาชัยเพชร มารดาผู้ให้กำเนิดคือนาง ศรีทา นาชัยเพชร

    เมื่อท่านพระอาจารย์เกิดโยมมารดาท่านก็เสีย เนื่องจากการคลอดในวันนั้น ความเชื่อถือของคนสมัยก่อนแปลความหมายไปในสิ่งที่ไม่เป็นมงคลแต่ความเป็นจริงแล้ว นับว่าเป็นการสร้างบารมีซึ่งกันและกันมากกว่า เพราะเมื่อโยมมารดาเสียชีวิตในขณะนั้น ก็เท่ากับการยุติ การทำบาปทั้งหลาย ทั้งปวง และถ้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านอาจารย์คงมิได้ออกบวชบำเพ็ญเพียรปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นได้อย่างนี้... ญาติผู้ใหญ่ของท่านพระอาจารย์มหาถาวร...ได้เล่าว่า... พอนางศรีทาเสียชีวิต ญาติพี่น้องรู้ข่าวก็มาเยี่ยมกันเต็มบ้าน ฝ่ายนายโส(บิดาของท่าน)เมื่อภรรยาคลอดบุตรและถึงแก่กรรม ทิ้งทารกน้อยไว้ให้เช่นนี้ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงได้อย่างไรจึงออกปากไปว่า... “ ใครจะเอาไปเลี้ยงก็เอาไปเถิด”

    นายติ่งและนางพั้ว ในขณะนั้นมีลูกอยู่แล้ว ๘ คน ลูกคนเล็กก็โตมากแล้ว แต่ด้วยน้ำใจที่เคลือบแฝงไว้ด้วยคุณธรรมหรือจะเป็นบุญบารมีที่สองสามีภรรยากับทารกน้อยๆนี้ เคยสร้างสมอบรมกันมาแต่เก่าก่อน จึงเป็นเหตุให้สามชีวิตเข้าอุปถัมภ์อยู่ร่วมกันด้วยความรักและเมตตาอย่างที่สุดก็เป็นได้ เมื่อทารกร้องจะกินนมนางพั้ว ก็เอานมของนางให้ดูด แต่น้ำนมที่ไหลออกมา เป็นเพียงน้ำใสๆ เท่านั้น พอดีนางตีบ ภูกองสังข์ ลูกสาวคนโตของนายติ่งและนางพั้วกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ทารกกำพร้าน้อยๆ นั้นก็ได้อาศัยน้ำกลั่นอันเป็นน้ำนมใจของนางตีบ ได้ดื่มกินเลี้ยงเติบโตแข็งแรงมาจนเป็นเด็กชาย ถาวร วงศ์มาลัย อันเป็นที่รักของนายติ่งและนางพั้วตลอดจนพี่ๆทั้งหลายเป็นยิ่งนัก...

    จะเห็นได้ว่า เด็กชายถาวร วงศ์มาลัย เขาได้เกิดมาในชาตินี้แล้ว มีบิดา - มารดา ที่นับญาติเป็นบารมีอย่างแท้จริง กล่าวคือ มีบิดาถึง ๓ ท่าน มีมารดาถึง ๓ ท่าน และพร้อมที่จะให้ความอบอุ่นในอ้อมอก อย่างเท่าเทียมกัน ถึงแม้จะกำพร้าจากบิดามารดาคนแรก

    ณ. วัดโพธิสมภรณ์นี้ ได้มีโอกาสศึกษาพระปริยัติธรรมและปฏิบัติภาวนาควบคู่กันไป จนมีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น แต่การศึกษาของสามเณรมิได้อยู่เฉพาะที่ ท่านจำพรรษาในถิ่นต่างๆดังนี้...

    วัดโพธิสมภรณ์ ท่านได้อยู่จำพรรษานานถึง ๖ พรรษา วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้อยู่จำพรรษาได้ ๑ พรรษา แล้วกลับไปอยู่จำพรรษาวัดโพธิสมภรณ์อีกครั้ง จากนั้นท่านได้ออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาอยู่จำพรรษา ณ วัดปทุมวนาราม(หน้ากรมตำรวจปัจจุบัน) สามเณรถาวร วงศ์มาลัยท่านถือหลักปฏิปทาของพระบูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อย่างขึ้นใจว่า “คนที่อ่อนแอ เห็นทีจะเอาดีไม่ได้ และไม่เคยมีใครบรรลุธรรมด้วยการอยู่ไป กินไป นอนไป ตามใจชอบ โดยไม่มีการศึกษา ฝึกทรมานใจเลย” คำสอนของพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านกล่าวไว้ว่า “เรื่องของจิตใจ ต้องฝึกฝนต้องทรมานอย่างนี้ มันหิว มันขี้เกียจ มันหิวนอน ก็ต้องเอาให้หนัก จิตคนเราโดยมากมันชอบผาดโผนประจำนิสัย ต้องเอาจริงเอาจังไม่เหลาะแหละ ว่าสู้ก็ต้องสู้จริงๆว่าตายก็เอาให้ตายจริงๆ เราเป็นไม่ถอย นี่เลือดนักสู้เลือดนักปฏิบัติธรรม”

    ในระยะนี้สามเณรถาวร มีความพึงพอใจกับชีวิตของนักบวชยิ่งนัก เพราะการบวชเข้ามาในร่มโพธิของบวรพระพุทธศาสนาเท่ากับเดินทางที่ถูกต้องแห่งชีวิตเป็นการดำเนินไปสู่พื้นฐานแห่งการดับทุกข์ได้จริง ผลแห่งการศึกษาและการปฏิบัติที่ผ่านๆ มาท่านได้รับผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ทั้งเลิศทั้งประเสริฐทั้งอัศจรรย์อันเหนือ

    โลกเป็นเครื่องสนองตอบแทนสิ่งที่เสียไป คือ... “ความเพียรอันแรงกล้านั้นๆ” ปกติแล้ว ไม่ว่านักบวชและนักประพฤติปฏิบัติธรรม ย่อมมีความปรารถนาสิ่งสูงสุดด้วยกันทั้งสิ้น กล่าวคือ ความดี

    “ความดีนั้น...มีแต่ผู้ปรารถนากันทั่วหน้า ความดีและศาสนา จึงมิได้เป็นของล้าสมัยดังที่คนบางคนเข้าใจกัน”

    บุญกุศลทั้งหลายอันมีศาสนาเป็นแหล่งผลิตคนดี ถ้ามิใช่คนดีจะนำศาสนาออกสอนโลกไม่ได้แน่นอน

    “หลักศาสนาอย่างน้อยก็คือหัวใจของคนดีนั่นเอง” และนี่เป็นคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ผู้รู้ทั้งหลายในที่สุด

    ต่อมาในปีพ.ศ.๒๕๑๖สามเณรถาวร วงศ์มาลัย ได้เข้าบวชเป็นภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ณ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ โดยมี ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชผาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จิตฺตถาวโร” เมื่อพระอาจารย์มหาถาวร จิตตฺถาวโร ได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้อยู่จำพรรษา ณ วัดปทุมวนารามตั้งแต่บัดนั้นจนถึงปัจจุบันนี้

    ท่านได้เริ่มศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความวิริยะพากเพียรทั้งมีความอดทนเป็นพิเศษ จนได้รับความสำเร็จดังนี้

    พ.ศ.๒๕๑๐ สอบได้นักธรรมตรี
    พ.ศ.๒๕๑๑ สอบได้นักธรรมโท
    พ.ศ.๒๕๑๒ สอบได้นักธรรมเอก
    พ.ศ.๒๕๑๓ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๑ และ ๒

    แล้วเว้นไปจนถึง พ.ศ.๒๕๑๙ ท่านก็ได้สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ภายหลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้สอบอีกเลย

    พ.ศ.๒๕๑๗ สอบเทียบได้ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๗ และในปีต่อๆ มา ก็สอบได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓-๔-๕ ตามลำดับจนกระทั่ง

    พ.ศ.๒๕๒๔ ท่านพระอาจารย์มหาถาวร จิตฺตถาวโร ท่านสามารถสอบได้ปริญญาตรีอักษรศาสตร์สาขาวิชาเอกสันสกฤตและฮินดี ณ. มหาวิทยาลัยสันสกฤต เมืองพาราณสีประเทศอินเดีย

    ที่มา http://www.thavorn.or.th/index.php?option=com_content&view=article&id=47%3A2008-09-30-05-28-53&catid=34%3A2008-09-30-05-25-26&showall=1
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2009
  9. bigboom007

    bigboom007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +570
    เมื่อ2ปีก่อนได้เคยบวชเณรที่วัดปทุมโดย หลวงพ่อถาวรท่านบวชให้ ลูกศิษท่านเล่าให้ผมฟังว่า มีครั้งหนึ่งฟันท่านหลุดหลวงพ่อถาวรท่านก็เมตตาให้กับโยมที่ใกล้ชิดกับท่าน ปรากฏว่าฟันซีกนั้นได้กายเป็นแก้วไปแล้ว ปัจจุบันโยมท่านนั้นก็ยังเก็บฟันซีกนั้นไว้อยู่ และอีกเรื่องหนึ่ง เณรซึ่งเป็นเพื่อนกับผมสมัยที่ผมบวชเณรที่วัดปทุมเล่าให้ผมฟังว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งมีโยมผู้หญิงกับลูกสาวเอาสังฆทานมาถวายหลวงพ่อ เณรองค์นี้เห็นลูกสาวของโยมท่านสวยก็คิดในใจจนเกิดกิเลส หลวงพ่อท่านก็เตือนสติด้วยการทุบพื้นและพูดเตือนสติเณรองค์นั้น ทำให้เณรรู้สึกตกใจ ตอนที่ผมบวชเณรอยู่นั้นมีคนฝากผมบวชกับหลวงพ่อก่อนที่ผมจะบวชเณรดันไปตรงเข้าพรรษากว่าจะออกพรรษาก็อีกตั้ง15วันจึงห่มขาวและไปอาศัยที่วัด จังหวัดนครปฐมซึ่งเป็นอีกสาขาหนึ่งของหลวงพ่อถาวรมีโยมที่ฝากให้ผมท่านสร้างถวาย หลังจากที่ผมบวชเณรแล้วโยมที่ฝากผมบวช ก็มาบอกผมว่า หลวงพ่อบอกผมกับเพื่อนบวชได้ เหมือนกับท่านเฝ้ามองผมกับเพื่อน ตลอดทั้งๆที่ผมย้ายไปจำวัดที่นครปฐม ความจิงหลวงพ่อถาวรท่านมีวัดที่ท่านสร้างหลายสิบวัดมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
     
  10. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    แต่ภูเขาไฟอันได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ
    ในตัวบุคคลมันได้ประทุอยู่มานานแสนนานแล้ว
    ...จะมีใครที่กลัว ภัยเหล่านี้บ้างไหม
     
  11. อัสติสะ

    อัสติสะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +392
    แต่ภูเขาไฟอันได้แก่ โลภะ โทสะ โมหะ
    ในตัวบุคคลมันได้ประทุอยู่มานานแสนนานแล้ว
    ...จะมีใครที่กลัว ภัยเหล่านี้บ้างไหม
     
  12. คนบรรพต

    คนบรรพต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    647
    ค่าพลัง:
    +4,456
    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านด้วยครับ รู้ก่อนก็มีการเตรียมการล่วงหน้ากันต่อไปจะทำอย่างไร ให้สะสมความดีไว้แต่วันนี้ครับ เราไม่รู้วันข้างหน้าจะอยู่ หรือจะตายเมื่อไร สร้างความดีสะสมความดี มีสติอยู่เสมอ ถ้าให้ดีที่สุดหาทางหลุดพ้นมุ่งตรงสู่พระนิพพานสถานเดียวครับผม ไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ และก็ตายกันอีกต่อไปครับ
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระกรรมฐานผู้ทรงอภิญญา


    [​IMG]
    พระราชพิพัฒนาทร หลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bigboom007<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2245997", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เมื่อ 2 ปีก่อนได้เคยบวชเณรที่วัดปทุมโดย หลวงพ่อถาวรท่านบวชให้ ลูกศิษย์ท่านเล่าให้ผมฟังว่า มีครั้งหนึ่งฟันท่านหลุดหลวงพ่อถาวรท่านก็เมตตาให้กับโยมที่ใกล้ชิดกับท่าน ปรากฏว่าฟันซีกนั้นได้กายเป็นแก้วไปแล้ว ปัจจุบันโยมท่านนั้นก็ยังเก็บฟันซีกนั้นไว้อยู่ และอีกเรื่องหนึ่ง เณรซึ่งเป็นเพื่อนกับผมสมัยที่ผมบวชเณรที่วัดปทุมเล่าให้ผมฟังว่า

    มีอยู่ครั้งหนึ่งมีโยมผู้หญิงกับลูกสาวเอาสังฆทานมาถวายหลวงพ่อ เณรองค์นี้เห็นลูกสาวของโยมท่านสวย ก็คิดในใจจนเกิดกิเลส หลวงพ่อท่านก็เตือนสติด้วยการทุบพื้นและพูดเตือนสติเณรองค์นั้น ทำให้เณรรู้สึกตกใจ ตอนที่ผมบวชเณรอยู่นั้น มีคนฝากผมบวชกับหลวงพ่อ ก่อนที่ผมจะบวชเณรดันไปตรงเข้าพรรษากว่าจะออกพรรษาก็อีกตั้ง 15 วัน จึงห่มขาวและไปอาศัยที่วัด จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นอีกสาขาหนึ่งของหลวงพ่อถาวร มีโยมที่ฝากให้ผมท่านสร้างถวาย หลังจากที่ผมบวชเณรแล้วโยมที่ฝากผมบวช ก็มาบอกผมว่า หลวงพ่อบอกผมกับเพื่อนบวชได้ เหมือนกับท่านเฝ้ามองผมกับเพื่อน ตลอดทั้งๆที่ผมย้ายไปจำวัดที่นครปฐม ความจริงหลวงพ่อถาวรท่านมีวัดที่ท่านสร้างหลายสิบวัดมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ<!-- google_ad_section_end -->

    9-07-2009, 05:03 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/หลวงพ่อถาวร-ฝากคำเตือนเรื่องภูเขาไฟใต้ทะเล.195895/
    <!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]


    </FIELDSET>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฟิลิปปินส์เตือนภูเขาไฟมายอนอาจปะทุเร็ว ๆ นี้


    [​IMG]

    มะนิลา 10 ก.ค. - ทางการฟิลิปปินส์แจ้งเตือนวันนี้ว่า ภูเขาไฟมายอน หนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่มากที่สุดของฟิลิปปินส์ส่งสัญญาณว่าอาจปะทุขึ้นมาอีกครั้งเร็ว ๆ นี้

    สถาบันวิทยาภูเขาไฟ และวิทยาแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ รายงานว่า ได้ยกระดับเตือนภัยภูเขาไฟมายอนไปอยู่ที่ระดับ “ไม่สงบระดับกลาง” จากเดิมที่ “ไม่สงบระดับต่ำ” ซึ่งอาจทำให้เกิดการปะทุเถ้าถ่าน หรือหินหนืดออกมาได้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าไปในเขตอันตรายถาวร ภายในรัศมี 6 กม.จากปล่องภูเขาไฟ และเขตดังกล่าวยังขยายไปเป็นรัศมี 7 กม.ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟมายอน ซึ่งหันเข้าสู่เมืองเลกาซปี ที่มีประชากรอาศัยอยู่ 160,000 คน

    ด้านหัวหน้าสถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ ระบุว่า อันตรายที่เกิดขึ้นฉับพลันหากภูเขาไฟเริ่มพ่นควันเถ้าถ่าน และหินออกมา จะส่งผลกระทบต่อการบินที่ท่าอากาศยานเลกาซปี หรือสร้างความเสียหายให้หลังคาบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง

    ภูเขาไฟมายอนปะทุมาแล้ว 48 ครั้ง นับแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูล โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในปี 2549 ภูเขาไฟลูกนี้เคยเกิดระเบิดครั้งใหญ่รุนแรงที่สุดในปี 2357 ได้ฝังกลบเมืองคักซาวาไปทั้งเมือง. -สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 12:57:18


    ปรากฏการณ์เอลนีโญเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว


    [​IMG]

    วอชิงตัน 9 ก.ค. - นักวิทยาศาสตร์สหรัฐกล่าวว่า แนวโน้มอุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้น อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญได้เริ่มขึ้นแล้วและจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลกอย่างแน่นอน

    ปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้น้ำทะเลในตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตรอุ่นขึ้นเป็นครั้งคราวจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุกๆ 2-5 ปี และจะเป็นปรากฏการณ์ที่ยาวนานประมาณ 12 เดือน ศูนย์ศึกษาบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ แถลงว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญในปัจจุบันจะพัฒนารุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าจะไปสิ้นสุดในราวต้นปี 2553

    ในอดีตเมื่อเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ จะลดการเกิดพายุเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก และมักนำฝนมาตกในช่วงฤดูหนาวในพื้นที่แห้งแล้งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ แต่ขณะเดียวกันก็มักจะทำให้เกิดพายุฤดูหนาวในรัฐแคลิฟอร์เนียและสภาพอากาศแปรปรวนทั่วพื้นที่ภาคใต้ของสหรัฐ อีกทั้งทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและโคลนถล่มในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมถึงความแห้งแล้งในอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 11:39:37

    เกิดเหตุแผ่นดินไหวในจีน บาดเจ็บกว่า 300 คน บ้านพังนับหมื่นหลัง

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 10 ก.ค. - ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวระดับปานกลาง ซึ่งเกิดขึ้นทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อค่ำวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้บ้านเรือนพังราบถึง 30,000 หลัง และมีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คน

    เจ้าหน้าที่ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีน รายงานว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ครั้งนี้ อยู่ห่างจากเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานราว 200 กิโลเมตร เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.19 น. วันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 18.19 น. เมื่อวานนี้ ตามเวลาในไทย โดยอยู่ลึกใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ขณะที่สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แผ่นดินไหวมีระดับ 6.0 ริกเตอร์ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีก 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 30 คน บ้านเรือนพังราว 30,000 หลัง ทางการท้องถิ่นจัดส่งยา อาหาร เต็นท์ ผ้าปูที่นอน และสิ่งของช่วยเหลือ พร้อมมอบหมายให้ตำรวจกว่า 600 นาย มายังพื้นที่ประสบภัย ส่วนชาวบ้านออกมารวมตัวกันด้านนอก เพราะยังเกรงว่าจะเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวตามมาอีก

    เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตและสูญหายเกือบ 87,000 คน จากแผ่นดินไหว 8.0 ริกเตอร์ ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อปีที่แล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 07:29:19

    ที่มา http://news.mcot.net
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,692
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สระบุรี... ก็มีภูเขาไฟเก่า

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  16. kit14

    kit14 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    399
    ค่าพลัง:
    +618
    เป็นวัดที่จะไปเป็นลำดับแรก เพราะสงบร่มรื่นดี สำหรับคนสูงอายุ มีเก้าอี้ให้นั่งด้วยครับ ส่วนผม เป็นพวกปวดหัวเข่า ก็ได้อาศัยเก้าอี้ช่วยได้อีกด้วยครับ
     
  17. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    ผมสงสัยนะว่า ทำไม คริสต์กับอิสลามต้องตายมากที่สุด ทำไมคนที่ปฏิบัติธรรมจึงต้องรอดอยู่เป็นยุคผู้บุกเบิก ทุกท่านปฏิบัติธรรมเห็นทุกข์ในการอยู่มากกว่าผู้อื่น นึกถึงพระนิพพานมากกว่าผู้อื่น ปราถนาการหลุดพ้นจากทุกข์อันมีการครองสังขารมากกว่าผู้อื่น ในเมื่อผู้ปฏิบัติธรรมจนเห็นธรรมย่อมมีปกติเป็นเช่นนี้แล้วทำไม จึงได้รับสิทธิ์ที่จะครองกายอันเป็นทุกข์นี้นานกว่าผู้อื่น...ลองคิดดูนะครับว่า หากภัยนั้นเกิดขึ้นจริง หลังจบภัยพิบัติ ผมว่าไม่ใช่เรื่องน่าอยู่หรือสนุกเลยสักนิดกับคนที่เกิดมาในยุคที่ทุกอย่างมีพร้อมแล้วต้องกลับไปใช้ชีวิตประหนึ่งยุคโบราณ...ทำไปทำมาคนที่ถูกเลือกให้อยู่ต่อน่าจะมีทุกข์มากกว่า เจอทุกข์มากกว่า ครองทุกข์ยาวนานกว่า...ผู้เห็นธรรมแท้ไม่ประสงค์ให้ชีวิตยืนยาวหรอกครับแล้วไม่เกรงต่อความตายเพราะรู้วาระและแนวทางว่าตายแล้วควรไปที่ไหน...แค่พระโสดาบันท่านก็ไม่กลัวตายไม่ปราถนามีชีวิตที่ยั่งยืย ยืนยาวแล้วครับ เพราะยิ่งอยู่นานยิ่งทุกข์ ดังนั้นบอกว่าผู้ปฏิบัติธรรมแล้วจะรอดชีวิต...รอดไปเจอความทุกข์ยิ่งกว่าหรือครับ...มันขัดแย้งนะครับ
     
  18. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตัวอย่างภาพยนตร์ 17 Again 17 ขวบอีกครั้ง กลับมาแก้ฝันให้เป็นจริง

    [​IMG]

    แนวหนัง : ตลก ดราม่า
    กำกับโดย : เบอร์ สเตียร์ส
    นักแสดง : แซค แอฟรอน, เลสลี่ แมนน์, โธมัส เลนนอน, มิเชล เทรชเทนเบิร์ก, สเตอลิง ไนท์, เมโลร่า ฮาร์ดิน, แมทธิว เพอร์รี่

    คุณจะทำอะไรถ้าคุณได้โอกาสครั้งที่สองในชีวิต?

    ชั้นเรียนในปี 1989 ไมค์ โอ’ดอนแนล (แซค เอฟรอน) เป็นดาวรุ่งของทีมบาสเกตบอลไฮสคูลโดยมีผองเพื่อนสนับสนุน รวมทั้งเขาเองยังมองเห็นอนาคตอันสดใสอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขากลับตัดสินใจโยนทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งเพื่อที่จะไปร่วมชีวิตกับสการ์เล็ตแฟนสาวและลูกน้อยที่เขาทั้งสองคนเพิ่งรู้ว่ากำลังจะมาเกิด

    เกือบยี่สิบปีให้หลัง วันวารอันหวานชื่นของไมค์ (แมทธิว เพอร์รี่) กลับถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง การแต่งงานของเขากับสการ์เล็ต (เลสลี่ แมนน์) ต้องจบลง ตัวเขาถูกมองข้ามในการได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในที่ทำงาน ลูก ๆ วัยรุ่นของเขาพากันคิดว่าเขาเป็นไอ้ขี้แพ้ และตัวเขาเองก็ถูกจำกัดอยู่ในแวดวงที่มีเพียงเพื่อนซี้ร่วมชั้นมัธยมคนเดียว ที่เป็นมหาเศรษฐีแต่กลับละทิ้งสังคมและคลั่งเทคโนโลยี่อย่าง เนด (โธมัส เลนนอน) เพียงคนเดียวเท่านั้น

    แต่ไมค์ก็ได้รับโอกาสอีกครั้งในชีวิตเมื่อเขาได้ถูกเปลี่ยนร่างกลับไปเมื่ออายุ 17 ปีอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์ แต่โชคไม่เข้าข้างที่ไมค์อาจจะดูเหมือนอายุ 17 อีกครั้งแต่ท่าทางที่เขาแสดงนั้นเป็นของคนอายุกว่าสามสิบ ทำให้เพื่อนร่วมชั้นในปี 2009 ของเขารู้สึกว่าแปลกประหลาด และในความพยายามที่จะหวนรำลึกถึงหลายปีที่รุ่งโรจน์ ไมค์อาจจะสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดที่ได้เคยเกิดขึ้นกับเขา


    หมายเหตุ

    การได้กลับมาเป็นหนุ่มเป็นสาวอีกครั้ง จะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันกันอีกต่อไปแล้ว สำหรับท่านผู้สูงอายุทั้งหลาย ถ้าหากว่าท่านสามารถมีชีวิตอยู่รอดไปในยุคของชาวศิวิไลซ์ได้ เพราะในยุคสมัยนั้นจะไม่มีคนแก่คนเฒ่าเลย จะมีแต่คนหนุ่มคนสาวร่างกายแข็งแรง เพราะพลังสนามแม่เหล็กโลกที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 14 เก๊าส์ เป็น 22 เก๊าส์ และจากการได้กินผลไม้วิเศษ ในเมืองใหม่ของพระศรีอารย์

    อ้างอิงคำทำนายจาก อ.ปริญญา ตันสกุล

    ภายหลังจากการชำระโลก

    1. มนุษย์จะมีจิตใจดีงาม เปี่ยมด้วยคุณธรรม และมีเมตตาต่อกัน
    2. มนุษย์จะเลิกทานเนื้อสัตว์ จะเลิกเบียดเบียนกันโดยอัตโนมัติ
    3. มนุษย์จะใช้สมองซีกขวาสูการหยั่งรู้ ได้ด้วยปัญญาญาณง่ายขึ้น
    4. ประเทศไทยจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก
    5. ประเทศไทยจะสร้างยูเอฟโอท่องจักรวาล ได้เป็นชาติเดียวในโลก
    6. ศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะปรากฎพระองค์ขึ้นบนแผ่นดินไทยในไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า
    7. หน้าที่การบันทึกคัมภีร์เป็นหน้าที่ของผม หน้าที่ในการเยียวยาปลุกปลอบหัวใจของเพื่อนมนุษย์คือ พระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย โปรดรับทราบไว้ตามนี้ด้วย
    8. มนุษย์จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเดิม อำนาจแม่เหล็กโลกเพิ่มขึ้นจาก 14 เก๊าส์ เป็น 22 เก๊าส์ ร่างกายคุณแข็งแรง(กลับเป็นหนุ่มเป็นสาว อายุขัยยาวนานขึ้น) สุขภาพพลานามัยดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

    อ้างอิงจาก ตำนานพระศรีอาริย์กึ่งกลางศาสนา

    พิษณุเทพบุตร จะไปนำเอาผลมะม่วงกาซอ (ผลไม้โรทันตี) จากสวรรค์มาถวายพระศรีอาริย์ธรรมิกราช เมื่อเสวยแล้วรูปร่างก็กลับกลายเป็นหนุ่มเหมือนอายุ 20 เศษ

    จะมีพระมหาเถระ 24 รูป เดินทางมาจากทิศต่างๆ เพื่อชมบารมีพระศรีอาริย์ธรรมิกราช พระศรีอาริย์ธรรมิกราชจึงเอามะม่วงกาซอ (มะม่วงลอกคราบ) เข้าถวายพระผู้เฒ่าทั้ง 24 รูป พระผู้เฒ่าทั้งหมดเมื่อฉันแล้วก็ง่วงนอน และหลับไปด้วยความสบาย ครั้นตื่นขึ้นแล้วผิวพรรณก็กลับกลายเป็นหนุ่มไปหมดทั้ง 24 รูป รู้สึกว่ากระปี้กระเปร่าแข็งแรงขึ้นอย่างผิดธรรมดา

    พระศรีอาริย์จึงเอาเมล็ดมะม่วงลอกคราบนั้นปลูกลงในดินริมปราสาท ก็พลันงอกงามเป็นต้นเป็นลำและแตกกิ่งก้านสาขาขึ้นในทันที ประกอบด้วยช่อและดอกออกผลเต็มไปหมด โดยไม่ต้องรอเวลาหรือฤดูกาลใดๆ เลย

    ฝูงมนุษย์ก็จะไหลมาเทมาเพื่อบริโภคมะม่วงลอกคราบอันวิเศษนั้น ครั้นแล้วคนแก่ก็จะกลายเป็นหนุ่ม คนที่มีผิวพรรณไม่งามก็จะงาม คนอ่อนแอก็จะแข็งแรงไปทั่วทุกรูปทุกนาม โลกจะถึงความเป็นสวรรค์ทั้งในด้านผิวพรรณและโภคทรัพย์ ฯลฯ และ
    จะมีต้นไม้กาลปพฤกษ์ทิพย์ถึง 1,600 ต้น (โรงทาน) ทั่วทั้งโลก

    อนึ่ง พระมหานครอันบรมสุข จะได้ถูกก่อสร้างตึกรามขึ้น 36,000,000 หลัง จะเป็นที่อยู่ของพลเมืองที่เป็นสัมมาทิฏฐิทั้งสิ้น และว่าในยุคนั้น จะมีผู้หญิงมากผู้ชายน้อย เพราะผู้ชายไปตายในกองทัพถึง 3 ใน 4 ส่วน ผลสุดท้ายผู้ชายคนเดียวจะมีภรรยา 9 คน 10 คน ผู้หญิงจึงหาสามีที่โสดๆไม่ได้ง่ายนัก จริงเท็จอยู่กับตำรา (แจ้งอยู่ในใบลาน 3-4 ผูก)

    อ้างอิงจากพระธรรมวิวรณ์ในคัมภีร์ไบเบิ้ล


    เยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ลอยลงมาจากพระเจ้า

    21:1 ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว

    21:2 ข้าพเจ้า คือยอห์น ได้เห็นเมืองบริสุทธิ์ คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าและจากสวรรค์ กรุงนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี

    พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์และสิ่งสารพัดถูกสร้างขึ้นใหม่

    21:3 ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากสวรรค์ว่า "ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา

    21:4 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว"

    21:5 พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งตรัสว่า "ดูเถิด เราสร้างสิ่งสารพัดขึ้นใหม่" และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "จงเขียนไว้เถิด เพราะว่าถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำสัตย์จริงและสัตย์ซื่อ"

    21:6 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า "สำเร็จแล้ว เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและอวสาน ผู้ใดกระหาย เราจะให้ผู้นั้นดื่มจากบ่อน้ำพุแห่งชีวิต โดยไม่ต้องเสียอะไรเลย (น้ำพุแห่งชีวิต คือน้ำพุที่ทำให้เป็น<WBR>หนุ่มเป็นสาวอยู่ชั่วกาลนาน)

    21:7 ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะได้รับสิ่งสารพัดเป็นมรดก และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา

    21:8 แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน ฆาตกร คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงที่เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง

    ที่มา http://www.thaipope.org/webbible/66_021.htm
    <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  20. สมรปราง

    สมรปราง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2008
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +263
    อนุโมทนาเรื่องที่ท่านได้เขียนด้วยค่ะ
    ได้ยินเรื่องเหตุเภทภัยธรรมชาติมาเหมือนกัน เริ่มตั้งแต่ วาตภัย อุทกกภัย โรคคา...อัคคี ตามด้วยอะไรหว่า? ฟังไม่ทันเหมือนกัน...พูดเร็วมาก ถามกลับก็ไม่ตอบไม่รู้อะไรเป็นภัยสุดท้ายเหมียนกัลย์ แค่บอกให้นั่งสมาธิ จิตจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน เห็นอะไรประหลาดจะได้ไม่กลัว จะรอดได้ก็ต้องมีสติเพื่อคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

    ..บอกต่อว่าต่อไปเป็น "ไฟ" แต่ไม่ได้พูดว่าเป็นไฟจากอะไร แต่พออ่านที่คุณเขียนแล้วก็น่าจะเป็นลาวาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตน่านแหละ ตอนนี้เลยโดนกักบริเวณไม่ให้ไปไหน..ดีนะมี web ให้เล่นไม่งั้นเซงตายเลย

    ... ถ้ารอดละก็คงมีโอกาสได้เจอกลุ่มคนรุ่นใหม่เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ของการดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนากันต่อไปเน้อ สาธุ...​
     

แชร์หน้านี้

Loading...