ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

(ต่อ)

เราจะอธิบายต่อสังคมถึงข้อแตกต่างระหว่างภิกษุณีกับแม่ชีอย่างไร
[SIZE=+1]อาตมา[/SIZE]จะบอกว่าแม่ชีไม่ใช่คณะสงฆ์ แต่เป็นผู้หญิงที่ถือศีล สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันบอกกับอาตมาว่าพุทธบริษัทมี ๔ กลุ่ม ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แต่แม่ชีไม่ใช่อุบาสิกา เพราะท่านปลงผม แต่ท่านก็ยังจัดอยู่ในอุบาสิกา เพราะไม่มีการบวช สิ่งที่แม่ชีเรียกว่าการบวชก็คือการรับศีล การที่แม่ชีไม่ได้บวชทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า ทำบุญกับแม่ชีไม่ได้บุญ ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ถูก เพราะแม่ชีก็คือคนที่รับศีลได้บุญเหมือนกัน แต่คนไทยจะยึดติดกับผ้าเหลืองมากกว่า เนื่องจากแม่ชีเองไม่มีการศึกษาและไม่มีฐานทางสังคมที่จะสนับสนุน ถึงแม้ว่าเรียนไปแล้วอะไรไปแล้วก็ยังเป็นคนกลุ่มน้อยอยู่
การเกิดขึ้นของภิกษุณีก็เหมือนกับว่ามีสินค้าในตลาดให้เลือกมากขึ้น เป็นประตูที่จะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงใช้ชีวิตในการปฏิบัติธรรม และยกระดับพัฒนาชีวิตของตนเอง แต่แค่เข้ามาบวชอาตมาคิดว่าไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อผู้หญิงเข้ามาบวชแล้วมันก็ต้องมีฐานมารองรับคือมันต้องมีศูนย์ฝึกทั้งฝึกระยะสั้นและระยะยาว ต้องทำให้คนที่มาบวชเข้าใจก่อนว่าเป็นภิกษุณีหมายความว่าอย่างไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีข้อจำกัดอย่างไร มีพฤติกรรมสงฆ์อย่างไรที่เราจะต้องเรียนรู้
ยกตัวอย่าง มีคนนำอาหารเนื้อมาถวาย เราจะจัดการยังไงกับเขาเพราะวัดของเราเป็นวัดที่กินเจ เราก็ไม่ปฏิเสธ เรารับประเคนเพื่อให้คนมาถวายได้บุญ อาหารที่เป็นวัตถุทานเราก็นำไปให้กับผู้ที่ขาดแคลน หากเราเป็นคนอ่อนไหว ก็จะว่าวัดของเรากินเจนำอาหารเนื้อมาถวายได้อย่างไร ถ้าทำอย่างนี้ในใจคนที่มาถวายก็เหี่ยวเลย
คนที่บวชแล้วจะทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างที่เคยทำไม่ได้ ต้องคิดรอบคอบ เราไม่ได้ฉันเพราะว่าเราชอบแต่เราฉันเพื่อให้คนที่มาถวายได้บุญ ทีท่าต่าง ๆ วิธีปฏิบัติต่าง ๆ ของผู้บวชจำเป็นต้องสอนต้องเรียนรู้ต้องกะเกณฑ์ต้องปฏิบัติ

พระอาจารย์มองสถานภาพแม่ชีในเมืองไทยเป็นอย่างไร
[SIZE=+1] [/SIZE][SIZE=+1]ผลงานวิจัย[/SIZE]บอกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ของแม่ชี เป็นคนยากคนจนและมีความรู้แค่ ป.๔ มีวัตถุประสงค์อยากอยู่อย่างสงบ การจะไปดึงแม่ชีมารับใช้งานทางสังคมงานทางพุทธศาสนาเป็นเรื่องยาก เพราะมันผิดวัตถุประสงค์ของเขา ตอนนี้มีแม่ชีหลายคนที่มีความรู้จบเปรียญ ๙ แต่ว่าก็ยังเกาะกลุ่มกันไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ที่อาตมาคิดว่าดีก็คือวิทยาลัยแม่ชีที่เรียกว่า มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย
ทีนี้พอให้ปริญญามันก็จะเป็นตัวเลือกอีกตัวหนึ่งของผู้หญิงที่ไม่อยากแข่งขันในระบบมหาวิทยาลัยได้ ก็จะมาเอาปริญญาที่นี่เพราะเมื่อจบปริญญาตรีที่นี่ ก็สามารถเอาไปทำงานข้างนอกได้ เป็นการยกระดับแม่ชีระดับหนึ่ง

มีปัญหาในสังคมไทยไหมกับการที่เราเป็นภิกษุณีเพราะสังคมเราอาจจะยังไม่ตอบรับ
[SIZE=+1]อาตมา[/SIZE]ไม่มีปัญหา (หัวเราะ) ตัวอาตมาเองไม่มีปัญหา ถ้าหากเราเดินไปแล้วคนเกิดสงสัย ถ้าเขาใจกว้างหน่อย เขาก็เข้ามาถามได้ว่า แต่งตัวอย่างนี้แปลว่าอะไร เราก็ยินดีไปคุยให้ฟัง แต่งตัวอย่างนี้หมายถึงอะไร ซึ่งระดับชาวบ้านนี่จะยอมรับง่าย

พระอาจารย์จะพูดถึงคณะสงฆ์สักหน่อยไหมครับเพราะว่า ค่อนข้างจะมีคนวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ขณะนี้ก็กำลังจะมีการออก พ.ร.บ.สงฆ์ฉบับใหม่ออกมาด้วย
[SIZE=+1]ตอนนี้ [/SIZE]พ.ร.บ.ที่ติดขัดอยู่ก็คือ พ.ร.บ. ๒๔๗๑ เป็น พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ที่ห้ามไม่ให้พระสงฆ์บวชผู้หญิง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันขัดโดยพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ที่เถรวาทยืนยันว่า จะต้องรักษาพระธรรมวินัยของเดิมไว้โดยไม่มีการแก้ไขและต่อเติม... อันนี้เป็นจุดสำคัญแล้วการที่ออก พ.ร.บ.สงฆ์โดยห้ามไม่ให้พระภิกษุบวชผู้หญิงนี่ไม่ใช่การต่อเติมหรือ มันไม่ใช่การแก้ไขหรือมันผิดโดยหลักของพระธรรมวินัย ตอนนี้ พ.ร.บ.ก็เลยไปขัดต่อหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะปฏิบัติหลักศาสนาได้เหมือนกันหมด
อาตมาไปถามผู้พิพากษาท่านก็ตอบว่า โดยปริยายแล้ว กฎหมายลูกจะเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้น พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ถือได้ว่าเป็นโมฆะไปแล้ว แต่ตอนนี้พระยังไม่รู้พระก็เลยยังไม่กล้าบวช เพราะเป็นพระที่ได้รับการแต่งตั้งจากมหาเถรสมาคม มันเป็นเงื่อนไขกันมาอย่างนี้
ศาลรัฐธรรมนูญจะพูดได้ว่า พ.ร.บ.อันนี้เลิกไปแล้วก็ต่อเมื่อมีกรณีขัดแย้ง เช่น หลวงพ่อ ก. บวชนางสาว ข. เป็นภิกษุณีแล้วมีคนโต้แย้งขึ้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่าหลวงพ่อทำผิดต่อพ.ร.บ.ลูก ศาลรัฐธรรมนูญก็จะตีความว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้มันเป็นโมฆะ ซึ่งขณะนี้กรมการศาสนาก็ยังยืนกรานว่า เรื่องของสงฆ์นี่ให้สงฆ์จัดการกันเองแล้วไม่เกี่ยวกับกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งอาตมาคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะพระธรรมวินัยได้ระบุว่า สิ่งใดก็ตามที่สงฆ์ถือแล้วไปขัดต่อหลักกฎหมายบ้านเมือง ให้อนุโลมตามกฎหมายบ้านเมือง
มีอีกวิธีนึงก็คือ การเข้าชื่อกันและส่งเรื่องขึ้นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาตมาในฐานะคนบวช อาตมาคิดว่า ไม่เหมาะสมกับนักบวชที่จะไปทำเรื่องเช่นนั้น แต่ถ้าเป็น ลูกศิษย์หรือคนทั่วไปที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ก็ สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญได้
ตอนนี้ก็อาตมายังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับใคร เพราะว่าเรายังเป็นตัวคนเดียวอยู่ มันยังไม่เกิดเป็นคณะ ต่อเมื่อมันเกิดเป็นคณะขึ้นมามันก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้ ตอนนี้อาตมารู้สึกว่าสังคมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าสังคมให้การต้อนรับอย่างดี กระบวนการต่าง ๆ ก็อาจจะตามมาในไม่ช้า

การอุปสมบทเป็นพระภิกษุณีของพระอาจารย์ มีปัญหาในด้านของคณะสงฆ์หรือเปล่าครับ
[SIZE=+1]ถ้าเขามี[/SIZE]ก็คงว่ามาเอง แต่อาตมาไม่มีเพราะเราเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาตลอด เราไม่ได้ออกไปเรี่ยไรไปแย่งศรัทธาชาวบ้านจากพระภิกษุ เราจำกัดอยู่ในวัด ถ้าหากโยมศรัทธาก็ให้เข้ามาวัด เช่น เส้นนี้มีพระบิณฑบาตอยู่แล้ว เราจะไม่บิณฑบาตซ้ำ ซึ่งเราระมัดระวังตรงจุดนี้มาก เพราะบางทีมันกลายเป็นปัญหาของผลประโยชน์ ซึ่งถ้าหากเราระวังตัวตรงจุดนี้ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถึงเราจะมีหลายรูปขึ้นมา แต่เราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อาตมาว่าไม่สามารถที่จะเป็นปัญหาได้ มีแต่จะช่วยแก้ปัญหาลำพังคณะสงฆ์เท่าที่เป็นอยู่ก็สู้ปัญหาสังคมไม่ไหว น่าจะมีผู้หญิงที่สละทางโลกแล้วก้าวเข้ามารับใช้พระศาสนา รับใช้สังคมคณะสงฆ์น่าจะยินดี
อาตมาอยากจะเอาความสามารถของตนเองถวายคณะสงฆ์ อยากจะปวารณาตนเองรับใช้คณะสงฆ์ คณะสงฆ์เองก็ควรที่จะเข้ามาจัดการเองโดยการสร้างกรอบขึ้น เช่น ให้มีคุณสมบัติอย่างนี้ จะต้องฝึกฝนมาอย่างนี้นะ อาตมามองว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ที่มีประสบการณ์ จะไม่พอใจที่จะบวชเป็นแม่ชี เพราะสถานภาพแม่ชีต่ำกว่าผู้หญิงธรรมดาเรียกได้ว่าต่ำกว่าอุบาสิกา เท่าที่อาตมาได้ลองคุยกับคนส่วนมาก เขาจะไม่พอใจที่จะบวชเป็นแม่ชี อาตมาคิดว่า คนรุ่นใหม่จะแสวงหารูปแบบใหม่ให้กับตัวเอง

สภาพกฎเกณฑ์ต่างๆ ขณะนี้ จะสามารถต้านกระแสการเกิดขึ้นของพระภิกษุณีได้หรือเปล่าครับ
[SIZE=+1]อาตมา[/SIZE]ว่าไม่ได้ อาตมาไม่ใช่คนแรกที่บวช หลวงย่าเป็นคนแรก และนับตั้งแต่จุดนั้นจนถึงจุดนี้ มีหลายคนมาก มีหลายคนไปบวช เขาก็แสวงหาทางออกไปทางอื่นไปบวชต่างประเทศ ที่ไต้หวัน ที่อเมริกา ที่พุทธคยาก็มี ในเมืองไทย เท่าที่อาตมาได้ทราบก็มีประมาณ ๔–๕ รูป ซึ่งเขาปฏิบัติธรรมเฉพาะตัวคือเขาอยู่เงียบ ๆ และก็ไม่ได้ออกมาทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม

พูดได้ไหมว่าถ้าหากคณะสงฆ์ไม่เข้ามาจัดการให้มีคุณภาพ ก็อาจจะเป็นปัญหาในอนาคต
[SIZE=+1]ได้[/SIZE]...อาจจะเป็นปัญหาได้ในอนาคต หรือถ้าหากไม่ช่วยเหลือเราก็ยิ่งจะต้องเข้มแข็ง ซึ่งถ้าใครเข้ามาบวชในสำนักเรา เราก็มั่นใจว่าจะฝึกฝนเขาได้ แต่อาตมาก็ไม่สามารถควบคุมข้างนอกที่บวชเองได้ เพราะเขาไม่สังกัดอยู่กับเรา ถ้าเขาเข้ามาที่วัดเรา เราก็สามารถฝึกให้เป็นคนที่มีคุณภาพได้

เคยคุยกับคณะสงฆ์เรื่องโอกาสที่จะเป็นได้ไหม
[SIZE=+1]ตอนนี้[/SIZE]ก็ยังไม่ได้คุยเพราะว่าเรายังเป็นตัวคนเดียวอยู่ มันยังไม่เกิดเป็นคณะ ต่อเมื่อมันเกิดเป็นคณะขึ้นมา มันก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้ ตอนนี้เรารู้สึกว่าสังคมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าสังคมให้การต้อนรับอย่างดี กระบวนการต่าง ๆ ก็อาจจะตามมาในไม่ช้า

 

(ต่อ)

พระอาจารย์เคยไปในงานที่มีการนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ไปด้วย และไปเจอการแบ่งแยกระหว่างพระภิกษุสงฆ์กับภิกษุณีหรือไม่
[SIZE=+1]มันยังไม่ไปถึงจุดนั้น[/SIZE] คนไทยอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะเอาเราไปนั่งไว้ตรงไหน อย่างเราเป็นเณรก็จะเอาเราไปนั่งต่อท้ายเณรซึ่งไม่ใช่ สมมติว่ามีพระภิกษุสงฆ์ ๕ รูป มีเณร ๕ รูป อาตมาจะนั่งเทียบเท่ากับพระภิกษุ เพราะว่าอาตมาเป็นตัวแทนของพระภิกษุณีสงฆ์
อาตมาคิดว่าการเกิดภิกษุณีสงฆ์เป็นการชะลอความเสื่อม ซึ่งปัญหาในสังคมเป็นปัญหาที่เยียวยาได้ ถ้าหากเรามีพลังของผู้หญิงเข้ามาช่วยโอบอุ้มค้ำจุน มันจะต้องคิดทั้งผู้ชายและผู้หญิง เช่น งานบางงานผู้ชายเก่งก็ให้ผู้ชายทำไปแต่ก็มีบางงาน ที่ผู้หญิงสามารถทำได้ดีกว่า มันสามารถแบ่งงานกันได้ งานเรามีมหาศาลเราจะไปหวงงานไว้ทำไม

วัตรปฏิบัติของภิกษุณีที่นี่ปฏิบัติยังไงบ้างครับ
[SIZE=+1]อาตมา[/SIZE]ก็จะตื่นเวลาตี ๕ ๑๕ นาที สวดมนต์ตอนตี ๕ ครึ่ง ทำวัตรเช้าแล้วก็นั่งสมาธิ แล้วก็จะถวายอาหารเช้าตอน ๗ โมง ช่วงเช้าอาตมาจะให้เป็นเวลาที่จะตรวจสอบตัวเองว่าวัตรปฏิบัติของเราเป็นยังไง หลังจากนั้น อาตมาก็จะทำงานส่วนตัวซึ่งเป็นงานวิชาการที่เป็นงานเกี่ยวกับพุทธศาสนา หลังจากที่บวชมาได้เดือนนึง อาตมาก็ได้เขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งชื่อว่า การบวชภิกษุณีสงฆ์ในศรีลังกา พอเพลก็รับอาหารเพลแล้วก็พักผ่อน หลังจากนั้นก็คุมงานดูแลวัดไปจนกระทั่งเย็นสวดมนต์เย็นตอน ๑ ทุ่ม อาตมาไม่รับกิจนิมนต์ เพราะว่าอาตมาคิดว่าเรามีวัดอยู่แล้ว ถ้าใครคิดจะทำบุญก็ให้มาที่วัด ซึ่งการทำสังฆกรรมการทำปาฏิโมกข์ที่นี่ เราก็ทำเหมือนปกติ

เหตุผลอะไรที่พระอาจารย์ไม่ออกบิณฑบาต
[SIZE=+1] บอกตรง ๆ[/SIZE] เจ็บเท้าเดินไม่ไหว แต่ถ้าหากพระท่านกำหนดไว้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำ เราก็จะทำ แต่เมื่ออาตมาได้ศึกษาดูแล้วไม่ใช่สิ่งที่กำหนดให้ทำ ไม่ใช่ข้อบังคับ แล้วอีกประการหนึ่งก็คือเรากินมังสวิรัติ เคยออกไปบิณฑบาตเหมือนกัน และเราจะไม่ไปเส้นทางบิณฑบาต ที่มีพระภิกษุสงฆ์บิณฑบาตอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับวัดใกล้เคียง แต่ถ้าญาติโยมนิมนต์เรา ไปรับบาตรในที่ใกล้ ๆ ที่เราสามารถเดินไปได้เราก็จะไป

ภิกษุณีทั่วโลกมีแบบแผนหรือมีการครองจีวรเหมือนกันทั่วโลกหรือไม่
[SIZE=+1] ไม่เหมือน[/SIZE] ถ้าเป็นสายจีนจะใส่เสื้อป้าย เวลาทำพิธีจะมีจีวรครอง ถ้าเป็นสายทิเบตจะครองจีวรสีมะรูน (MAROON) คือสีออกแดงแก่และใส่เสื้อแขนสั้น ถ้าเป็นศรีลังกาจะครองจีวรสีขมิ้น ส่วนอาตมาได้เลือกสีจีวรตามอุปัชฌาย์ตามหลวงพ่อธัมมโลก ตอนนี้ที่ศรีลังกาจะมีความแตกต่างกันก็คือว่า ถ้าห่มจีวรแบบเปิดไหล่ก็จะเป็นพระสยามนิกาย ถ้าห่มคลุมปิดไหล่ก็จะเป็นพระนิกายอมรปุระ

พระอาจารย์มีความตั้งใจที่จะขยายแผนงานต่อไปอย่างไร
[SIZE=+1]อาตมา[/SIZE]คิดว่าต้องมีศูนย์ฝึกช่วงแรก ๆ ผู้ที่จะบวชต้องไปบวชต่างประเทศ เพราะภิกษุณีที่เป็นอุปัชฌาย์จะต้องบวชมา ๑๒ ปี อาตมาคิดว่ามีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่อยากจะเข้ามาบวชเป็นภิกษุณี แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากยังไม่เข้าใจในหลักคำสอนอย่างถูกต้อง
ตอนนี้เราก็จะจัดอบรมและปฏิบัติธรรม ๓ วันคือ วันที่ ๕, ๖, ๗ พฤษภาคม รุ่นนี้เป็นรุ่น ๒๘ อบรมตั้งแต่เช้าจนถึง ๓ ทุ่ม มีที่พักให้ และรับเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เพียงแค่ ๓๐ คน จะมีลูกศิษย์มาสอนโยคะให้ แต่อาตมาจะเป็นผู้สอนธรรม อาตมาเคยคิดว่าจะนำเอาพระภิกษุเข้ามาช่วยอบรม แต่อาตมาอยากที่จะทำลายความยึดมั่นถือมั่นในผู้ชาย อยากจะสอนว่าธรรมเป็นของกลางไม่มีการแบ่งเพศผู้หญิงเพศผู้ชาย ญาติโยมส่วนใหญ่ที่เข้ามาก็จะเป็นลูกศิษย์ของอาตมา ส่วนมากได้ยินจากรายการวิทยุรายการทีวี ซึ่งที่วัดนี้เราจะสอนธรรม เราพูดคุยได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย
นอกจากนี้เราก็ยังมีโครงการบ้านศานติ์รักษ์ เป็นโครงการที่ช่วยเหลือผู้หญิงที่ด้อยโอกาส และประสบปัญหาในสังคม โดยอาตมาเริ่มต้นจากรับผู้หญิงที่ท้องแต่ไม่ต้องการจะทำแท้ง และต่อมาเราก็ขยายฐานไปดูแลผู้หญิงและเด็กที่ด้อยโอกาสในชีวิต เด็กที่มีปัญหาในชีวิต เราก็จะดูแลทำให้สามารถเดินต่อไปในชีวิตได้.

ที่มา http://www.skyd.org/html/sekhi/49/sekhi49-6-1.html
<!-- #EndEditable -->

 

003-สรรเสริญโพธิสัตว์กวนอิม-โพว มึ้ง สง


http://th.upload.sanook.com/A0/423d7e5f7c0ecf7b15ed9928104055e1

 

จัมโบ้จริงๆด้วย

 

ขออนุญาตลงชื่อร่วมกิจกรรมด้วยครับ

 

ยินดีต้อนรับ นาย เอ จอง 1 ที่ สำหรับรุ่นที่ 3/2552
ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2552<!-- google_ad_section_end -->

คนที่ 1 hastin
คนที่ 2 ลุงชาลี
คนที่ 3 จัมโบ้
คนที่ 4 ไพวรรณ
คนที่ 5 นาย เอ

ยอดจำนวนที่รับ 20 ท่าน
จำนวนยอดจองล่าสุด 5 ท่าน
คงเหลือ 15 ท่าน

ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

555+ น่ารักดี

 

เรียนท่าน ภราดรภาพ

ผมเองไม่ทราบว่าตัวเองมีองค์หรือไม่มีแต่อยากเข้าร่วมกิจกรรม ถ้าได้ก็ขอจอง 1 ที่ ครับ

 

ยินดีต้อนรับ คุณ DMZ_ZONE จอง 1 ที่ สำหรับรุ่นที่ 3/2552
ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2552<!-- google_ad_section_end -->

คนที่ 1 hastin
คนที่ 2 ลุงชาลี
คนที่ 3 จัมโบ้
คนที่ 4 ไพวรรณ
คนที่ 5 นาย เอ
คนที่ 6 DMZ_ZONE

ยอดจำนวนที่รับ 20 ท่าน
จำนวนยอดจองล่าสุด 6 ท่าน
คงเหลือ 14 ท่าน

ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

คุณภราดรภาพค่ะ

คือว่าเพื่อนได้จองไว้ในรุ่น 2 เรียบร้อยแล้วค่ะ ชื่อคุณเอค่ะ อยากรบกวนถามว่า
จะไปกับเพื่อนได้มั้ยค่ะ แบบว่าไม่รบกวนร่วมกิจกรรมหน่ะค่ะ เพราะตัวเองจองไม่ทันในรุ่นที่2 (แอบเสียใจอยู่เล็กๆ อิอิ) แล้วจะขอลงชื่อในรุ่นที่ 3 ด้วยค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

 

ยินดีต้อนรับ คุณ Black Coffee จอง 1 ที่ สำหรับรุ่นที่ 3/2552
ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2552<!-- google_ad_section_end -->

คนที่ 1 hastin
คนที่ 2 ลุงชาลี
คนที่ 3 จัมโบ้
คนที่ 4 ไพวรรณ
คนที่ 5 นาย เอ
คนที่ 6 DMZ_ZONE
คนที่ 7 Black Coffee

ยอดจำนวนที่รับ 20 ท่าน
จำนวนยอดจองล่าสุด 7 ท่าน
คงเหลือ 13 ท่าน

ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกันนะครับ

 

ประกาศ กำหนดการ ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์รุ่นที่ 2/2552

ในวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2552
เวลา 10.00 - 16.00 น.
สถานที่ เลขที 98/318 ซอย 2/18 หมู่บ้านลัดลารมย์ ปิ่นเกล้า
ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย จ. นนทบุรี แผนที่



ข้อสังเกตุ
1) เส้นทางหลัก คือ ถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอก
2) อยู่ตรงข้ามกับ เทสโก โลตัส บางใหญ่
3) ก่อนถึงที่หมาย สังเกตุ ป้ายปั้มน้ำมัน ปตท. (ปั้ม jet เดิม) ถัดจากปั๊ม ปตท. ประมาณ 100 ม. จะถึง หมู่บ้านพฤกภิรมย์ก่อน ถัดไปอีก 200 เมตร ก็จะถึง หมู่บ้านลัดดารม์ ปิ่นเกล้า (จะมีป้ายตัวโตๆ บอกไว้)

โปรแกรม
10.00 - 11.00 พบปะและสนทนากลุ่ม
11.00 - 12.00 สแกนกรรม สแกนอดีตชาติ และสแกนองค์
12.00 - 13.00 รับประทานอาหารเที่ยง
13.00 - 14.00 บรรยายธรรม หัวข้อเรื่อง การภาวนา (สติ สมาธิ และปัญญา)
14.00 - 15.00 นั่งสมาธิ
15.00 - 16.00 สอบอารมณ์

หมายเหตุ
1. การสแกน
- ก่อนการสแกน ขอให้ผู้ร่วมสแกน โปรดนำเงินใส่ซองที่จัดให้ จำนวนเงินตามจำนวนอายุ บวกอีก 1 บาท เช่น อายุ 35 ปี ใส่ซองเงิน 36 บาท เมื่อสแกนแล้วเสร็จ ขอให้นำซองเงินของตนกลับคืนไป เพื่อสร้างบุญกุศล ทั้งนี้ ให้นำเงิน 1 บาท ใส่กลับไปในพานให้กับเจ้าภาพนำไปสร้างบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของท่าน เพื่อเป็นการแก้เคล็ด
- ผู้รับการสแกน ควรเตรียมคำถามไว้ล่วงหน้า คำถามควรเป็นสิ่งที่เปิดเผยได้ หากเป็นความใน จะขอให้คุยนอกรอบเป็นการส่วนตัวครับ
- เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด และจำนวนคนค่อนข้างมาก คำถามควรกระฉับและไม่มากจนเกินไป
- ผู้ร่วมสแกนสามารถเล่าประสบการณ์และความรู้ เพื่อแบ่งบันให้กับพี่น้องและญาติธรรมได้ตามแต่เห็นสมควร

2. อาหารและเครื่องดื่ม
- เจ้าภาพได้จัดอาหารและเครื่องดื่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากท่านใดมีศัทธาจะขอร่วมบุญด้วย ขออนุโมทนาเต็มกำลังครับ

3. หัวข้อบรรยายธรรม
- เนื่องจากผู้เข้าร่วม ล้วนแล้วแต่เป็นปัญญาชน มีการศึกษาในระดับสูง ผู้บรรยายจะมุ่งเน้นและนำเสนอหลักธรรมพระพุทธศาสนาเชิงวิชาการ แต่หากมีศาสนาอื่นๆ เช่น คริสต์ อิสลาม ฮินดู ผู้บรรยายจะขอปรับเปลี่ยนหัวข้อตามความเหมาะสม

4. การสอบอารมณ์
- เนื่องจากผู้เข้าร่วมปฏิบัติ มีการฝึกฝนและจริตแตกต่างกัน บางท่าน ฝึกพลังจิต พลังกุลฑาลินี พลังจักระ พลังธรรมจักร พลังหมุน บางท่านฝึกแบบสุขวิปัสสโก บางท่านฝึกแบบวิชชาสาม บางท่านฝึกแบบมโนมยิทธิ บางท่านฝึกแบบมีองค์บารมี รวมไปถึงการเข้าฌาน 1 - 4 และฌานสมาบัติ ซึ่งสภาวะต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ผู้สอบอารมณ์อาจดูแลได้ไม่ทั่วถึง และเวลาค่อนข้างจำกัด ผู้สอบอารมณ์จะให้ท่านจับกลุ่มกับนักปฏิบัติธรรมขั้นสูงหรือจริตคอเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

หากท่านใดมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ 081 - 808 6695 คุณภราดรภาพ

 

อยากทานลอดช่องพี่กุ๊ก อีก ^-^

 

ประกาศ ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์ โปรดทราบ

น้องกิ๊ป คนสวย แม่งานสร้างพระประธาน พระชัยพุทธมหานาถ (พระพุทธเจ้านาคปรก)





พร้อมนำปัจจัยถวายผ้าป่าให้แก่สำนักสงฆ์ป่าวชิรธรรม อ. บ้านแหลม จ. เพชรบุรี
ในวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค. 2552 โดยมีกำหนดการดังนี้






กำหนดการเบื้องต้น
06.00 น. รอพบกันที่จุดนัดพบ (อยู่ระหว่างกำหนดเส้นทาง)
06.30 น. รถออกเดินทาง
08.30 น. ถึงสำนักสงฆ์ป่าวชิรธรรม อ. บ้านแหลม จ. เพชรบุรี
08.45 น. ทำพิธีถวายพระประธาน
09.09 น. ทำพิธีเบิกเนตรพระชัยพุทธมหานาถ
10.00 น. เดินทางออกจากวัด
11.00 น. แวะเที่ยวแหล่งท่องเที่ยว เพชรบุรี (อยู่ระหว่างสรรหาสถานที่)
14.00 น. กลับกรุงเทพฯ
16.00 น. ถึงกรุงเทพฯ


กำหนดการยังไม่เป็นทางการ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง โดยจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันครับ

สำหรับรถที่จะใช้เป็นพาหนะ เป็นรถตู้จำนวน 2 คัน ท่านใดมีความประสงค์จะเดินทางในครั้งนี้
สามารถจองล่วงหน้า ณ บัดนี้ ได้เลยครับ

คนที่ 1 คุณภราดรภาพ
คนที่ 2 คุณกิตติ
คนที่ 3 แม่เล็ก
คนที่ 4 แม่ตุ๊กตา
คนที่ 5 พี่ทิพย์
คนที่ 6 พี่นุช
คนที่ 7 ลุงนพ
คนที่ 8 คุณวีณา
คนที่ 9 ลูกสาวคุณวีณา
คนที่ 10 คุณพิมพ์
คนที่ 11 คุณรุจนี
คนที่ 12 คุณส้ม
คนที่ 13 คุณอ้อ

จำนวน 28 ที่นั่ง
จำนวนยอดจองล่าสุด 13 ท่าน
เหลือที่นั่ง 15 ที่

 

อยากไปเร็วๆจังเลย อยากปายยย -0-

 

ขอกราบบบบงามม งามมมม ในความไม่รู้ไม่เห็นของคุณภราดรภาพค่ะ

 

ยินดีต้อนรับ คุณโน๊ต จอง 1 ที่ สำหรับรุ่นที่ 3/2552
ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2552<!-- google_ad_section_end -->

คนที่ 1 hastin
คนที่ 2 ลุงชาลี
คนที่ 3 จัมโบ้
คนที่ 4 ไพวรรณ
คนที่ 5 นาย เอ
คนที่ 6 DMZ_ZONE
คนที่ 7 Black Coffee
คนที่ 8 คุณโน๊ต

ยอดจำนวนที่รับ 20 ท่าน
จำนวนยอดจองล่าสุด 8 ท่าน
คงเหลือ 12 ท่าน

ยังคงสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

ก้อบอกแว้ว...ถ้าจะไปบ้านคุณจอยแล้วให้ pm บอกเค้าแล้วจะหิ้วไปฝาก อั้งไล้ฯ แอบไปไม่บอก(งอนแล้วด้วย).pity_pig..ตะเองเลยอดกินเลย แล้วจะไปอีกเมื่อไหร่จ๊ะ...ได้เอาไปฝากคุณจอยด้วย

 

อยากไปด้วยจัง:z8พี่เอ็ดดี้
(แอบถามหน่อย...เสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่คะ)เตรียมงบในกระเป๋าถูก