ตอบคำถามเรื่องเด็กอภิญญาอายุ 13 จากกระทู้เรื่องแรงบุญแรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย sasiriya, 22 พฤษภาคม 2008.

  1. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    สวัสดีค่ะ ...
    คุณเม้ง คุณอ้างว้าง คุณสาวปีใหม่ คุณไพฑูรย์..
    ทานข้าวกันหรือยังคะ พี่ดีดีทานเรียบร้อยแล้ว
    ทานข้าวคลุกกะปิ 2 จาน บวกมัสมั่นไก่อีก 1
    ตามด้วยผลไม้ 1ตะกร้า และไอสครีมอีก 1 ถัง
    อิ อิ อิ อาหย่อยๆๆๆ

    อย่า!!! อย่าเพิ่งอิจฉา และอย่าเพิ่งสงกะสัย
    ว่า ทำไมพี่ดีดี ทานเยอะขนาดนี้ อิ อิ อิ ...
    ประมาณว่าทานประชดคุ่ะ ประชดเพื่อนพ้องน้องพี่
    ที่หนีไปเที่ยวกันหมด ทิ้งให้พี่ดีดี เก็บกวาดถูเรือน
    อยู่แต่เพียงผู้เดียว เลยทานให้หมดเยยยยยย...

    หวังว่าทุกท่าน...มีความสุขกับวันนี้นะคะ..

    พี่ดีดีสวัสดีค่ะ
     
  2. Nongmaika

    Nongmaika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +394

    พี่ดีดีทำงานดึก...รักษาสุขภาพด้วยนะคะ;aa51
     
  3. Nongmaika

    Nongmaika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +394

    พี่ดีดี หนูอยู่นี่ค่ะ ไม่ได้หนีเที่ยวไปไหนค่ะ ขอทานด้วยคนนะคะๆfishh_
     
  4. paitoon01

    paitoon01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +4,160

    สวัสดีครับพี่ดีดี คุณสาวปีใหม่ คุณเม้ง คุณอ้างว้าง คุณชาติ คุณเจนนี่
    และเพื่อน ๆ ทุกท่าน

    ผมทานข้าวเรียบร้อยแล้วคร้าบ
    เห็นรายการที่พี่ดีดีทานแล้ว อืม....ของชอบทั้งน้าน
    เพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ เข้ามาทักทายกันนะครับ
     
  5. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    ไหนคะ อยู่ที่ไหนเ่อ่ย.. พี่ดีดีมะเห็นเลย..
    ฮึ..หนีกลับกรมฯ (อุตุ) แล้วใช่ป่ะ..น้องใหม่
    กลับมาค่ะ มาทานขนมกัน
    oishi_..
    เมื่อกี้..:p เวปล่้มอ่ะ รอจนจะง่วงแย้ววว อิ อิ อิ

    คิดถึงค่ะ


    ;39;39;39
     
  6. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    อ่านเมนูดูรายการพาลอิ่มอก
    นึกว่าคือชูชกยกทัพหลวง
    ที่แท้พี่ดีดีมิใช่ลวง
    ดูตามดวงราศรีดีจริงใจ

    โปรดระวังและรักษาสุขภาพ
    ทั้งกินอาบเกินไปคงไม่ไหว
    กินพอดีพออิ่มลิ้มด้วยใจ
    สิ่งที่ได้คือดีและ มีสุข

    ;aa24
     
  7. Jenny_Lee

    Jenny_Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    414
    ค่าพลัง:
    +1,357
    (good)ชอบกลอนที่พี่ชาติแต่งจังเลยค่ะ ช่างไพเราะคล้องจองกันดีจัง โดยเฉพาะสีแดงท่อนบนชอบเป็นพิเศษค่ะ อิ อิ ส่วนท่อนล่างต้องปฏิบัติดีให้ได้อย่างที่พี่แต่งกลอนมาค่ะ.....


    แต่..เอ๊ะมีอะไรผิดสังเกตุ เมื่อกี๊แอบเห็นอายุแวบๆ ลงไว้ว่าอายุ 37 ปี ลงไม่ผิดแน่นะคะ ถ้าเป็นอย่างนั้นตัวเองมาเรียกเค้าหมวยเล็กไม่ได้แล้วนะ แล้วก็ใหนบอกว่าลูกสาวคนเล็กของเฮียอายุมากกว่าลูกสาวคนโตของเจนนี่ 1 ปี แล้วนี่เฮียอายุเท่าไหร่กันแน่คะเนี่ย..........:z17
     
  8. gentenaar

    gentenaar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +2,320
    Jenny_Lee, ~อมริศา~, Icerain, ddalways, chattrg
    สวัสดีเพื่อนสมาชิกแห่งเรือนพญานาคราช สบายดีกันทุกท่านนะค่ะ
    ขอส่งแสงแดดอุ่นๆยามบ่ายแก่ๆที่นี่ไปให้ทุกท่านค่ะ ดูแลรักษาสุขภาพนะค่ะ อากาศเปลี่ยนแปลงและทั้งไข้หวัดหมู ไข้ชิคุนกุนยาก็แพร่หลายไปมากทั่วประเทศ หลานๆเหลนที่พังงาก็ป่วยชิคุนกุนยากันทั่วหน้า ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านในการสร้างกรรมดีค่ะ

    คิดถึงท่านเจ้าบ้านและลูกเรือนทุกท่านค่ะ
     
  9. อ้างว้าง

    อ้างว้าง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +577
    gojeta, chattrg, ddalways, gentenaar, Jenny_Lee, Icerain
    ;aa47 สวัสดีครับคุณป้าดีดี..และทุกท่านที่มาเยี่ยมชมเรือนในยามดึก..

    สงสัยกัลยาณมิตรของเราแอบหนีเข้าห้องพระ..สวดมนต์..เจริญสติ..กันแน่ ๆ เลยเนาะ...

    จุดธูปเทียนเมื่อใด...ให้มีใจมองเห็นความไม่เที่ยง..เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับลง..

    -Happy Smile_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  10. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    อย่าไปสนตัวเลขที่เสกบอก
    จะช้ำชอกดวงใจให้สงสาร
    ตัวของเฮียสี่รอบปีมีมานาน
    ก็ได้ผ่านชีวามาค่อนทาง

    oishi_
     
  11. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    อ้าววววว..?!?!?!

    จะเกี่ยวกันอย่างไร..คะน้องขา
    ที่คิดว่าเป็นชูชกยกทัพหลวง
    กับอะไรนะ..ราศรีที่ดูดวง
    น่าเป็นห่วงน้องคนนี้..พี่งุนงง?!?!?

    แค่เมนูจิ๊บๆ ชิวชิวริ้วเริงร่า
    ตามประสาคนมีสุขไร้ทุกข์เข็ญ
    ทานพร้อมกับลมโบกโบยโชยเย็นๆ
    ยุงล้อเล่นเป็นเพื่อนบนเรือนไทย

    แค่นี้ก็แสนสุขไม่ทุกข์แล้ว
    จะมาแซวพี่ให้ใจหวั่นไหว
    อิจฉากันก็บอกเถอะบอกมาไวไว..
    พี่ยินดีจะแบ่งให้ได้ทานกัน อิ อิ อิ

    ขอให้ทุกท่านหลับฝันดีตลอดคืน

    พี่ดีดี ราตรีสวัสดิ์เจ้าาาา

    ;39;39;39

     
  12. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    จริงอ่ะ... แค่สี่รอบปีมีมานาน
    คิดว่าน่าจะผ่านหกรอบปีที่แล้วนา..

    denceedenceeอิ อิ อิ
    denceedencee
     
  13. ddalways

    ddalways เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    858
    ค่าพลัง:
    +188
    จริงอ่ะ :)... แค่สี่รอบปีมีมานาน!!!
    คิดว่าน่าจะผ่านหกรอบปีที่แล้วนา..

    denceedenceeอิ อิ อิ
    denceedencee
     
  14. pinkdemon

    pinkdemon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +157
    เรียนป้าศิ

    1. อะฮั้นได้ยื่นเรื่องขออนุมัติใช้เบอร์ห้าแล้ว เซ็นต์
    ยินยอมโดยคุณศศิริยะค๊า เพื่อเพื่อนอะฮั้นใช้เบอร์สี่ก็ได้ เบอร์สาม
    ใช้มะได้ แก่แร้ว เพ่งมากๆ ปวดตาค๊า
    2. อะฮั้นเข้าใจค๊าว่า อะไรเป็นอะไร เพราะเป็นเพื่อน อะฮั้นยินยอมให้
    คุณศศิริยะชิ่งอะฮั้นดั่งลูกบิลเลียดไปกระทบมุมต่างๆ ได้ตามสบาย
    มะว่ากัน
    3. อะฮั้นขออนุมัติเปลี่ยนชื่อหนังสือจากทะลวงกรรม เป็น กระซวก
    กรรม นะค๊า แล้วกรุณาส่งใบบัวบกมาให้ด้วยนะคะ เพราะอะฮั้นน่ะ
    ช้ำไปทั้งตัวเพื่อให้เพื่อนศิได้ตีชิ่งได้อย่างแม่นยำ
    4. รายละเอียดติดตามได้ที่บ้านอะฮั้นนะค๊า

     
  15. pinkdemon

    pinkdemon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +157
    ป้าคัดเค้า ป้าแน๊ตจำผิดอ่ะ คิดว่า ป้าดีดีเปงป้าคัดเค้า แหะ แหะ...จิบอกว่า ของที่ฝากป้าศิมาเมื่อครั้งก่อนได้รับแล้ว ชอบมาก แต่ป้าแน๊ตยังมะได้มอบเหรียญหลวงพ่อให้เลย จะรีบเร่งเร็วๆ นี้ อย่าเพิ่งเคืองกันก่อนนะค๊า ช่วงนี้วุ่นไปโม๊ด มะเช้าว่างก็คว้าโทรศัพท์คุยกะป้าศิ สนทนาธรรมกันจนแบตหมดไปกันทีเดียว
     
  16. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    (sing)
    ใกล้วันเข้าพรรษาแล้วนะครับ วันนี้ผมจึงนำอานิสงค์ของการบวชชีพรามร์มาฝากกันนะครับ

    อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ,อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
    1.หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
    2.เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
    3.สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
    4.เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
    5.สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
    6.จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
    7.เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
    8.ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
    9.โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
    10.ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ
    ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการ
    ให้คนได้บวช
    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด
    หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญ
    ดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    วิบัติ 4 ประการที่เกิดขึ้นจาก
    การทำบุญไม่ถูกวิธี
    ทุกวันนี้เราไม่เข้าใจวิธีทำบุญที่ถูกต้องเหมาะสมในทางพระพุทธศาสนา ท่านจัดไว้ว่า การทำความดีที่ไม่ถูกต้อง 4 ประการเป็นเหตุทำให้วิบัติ เป็นทางเสื่อม ไม่เจริญ ได้แก่ ทำความดีไม่ถูกที่ ทำความดีไม่ถูกบุคคล ทำความดีไม่ถูกกาลถูกเวลา และทำความดีแล้วไม่ตามความดีของตน
    การทำความดีไม่ถูกที่ ท่านว่าการทำความดีไม่ถูกที่ ก็คือ เราจัดอะไรต่าง ๆเช่นอาหารการกิน เครื่องใช้สอยต่าง ๆ ว่าเอาไปทำบุญ บูชาบวงสรวง ผีสางนางไม้ ไร่นาเรือนสวน ต้นไม้ ภูเขา หอผี ศาลพระภูมิ ทำเอาไว้ในสถานที่ต่าง ๆ เราก็คิดว่าเราพากันไปทำบุญที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะได้บุญ ตามที่คณะศรัทธาญาติโยมทั้งหลายพากันทำอยู่เป็นส่วนมาก แต่นักปราชญ์ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นต้นตรัสว่า เราทำบุญบูชาไม่ถูกต้องเราจะไม่ไดรับผลบุญนั้นเลย เพราะเราพากันทุกบุญไม่ถูกที่นั่นเอง
    การทำความดีไม่ถูกบุคคล คือ ตัวบุคคลผู้รับสิ่งของที่เราให้เขานั้นไม่ดี เราก็ทำความดีกับเขาเช่นตัวอย่าง บุคคลเหล่านั้นเป็นคนพาล โจรขโมยปล้นจี้ฆ่าเจ้าของเอาสิ่งของ สูบกัญชา ยาฝิ่น แค็ป เฮโรอีน ผงขาว ยาเสพติดให้โทษ ทำให้เสียสติมัวเมาลุ่มหลวง ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ จิตใจหยาบช้าทุบตี ฆ่าฟันรันแทงกันอยู่ในทุกวันนี้ ให้มีความเดือดร้อนไม่สงบอยู่ทุกมุมเมืองทั่วไป บัณฑิตทั้งหลายเรียกว่าคนพาล ถ้าหากพวกเราท่านทั้งหลาย ไปสงเคราะห์ทำความดี ขวนขวายช่วยเหลือดูแลอุปถัมภ์ บำรุง ส่งเสริม ให้กำลังแก่คนพาลเหล่านี้นั้น เช่นพวกเราเอาอาหารการกินไปบำรุงให้กินอิ่ม เอายาเสพติด สุรายาเมา กัญชา ยาฝิ่น แค็ป เฮโรอีน ผงขาว ให้เขาดื่มกิน สูบสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หรือเราเอาอาวุธโธปกรณ์ ปืน ระเบิด ของแหลมคมเครื่องมือใช้เปิดงัดแงะขโมยสิ่งของต่าง ๆ เรานำเอาสิ่งของดังกล่าวมานี้ ไปให้เขา ช่วยเขา บำรุงส่งเสริมให้เขามีกำลังมากขึ้นทุก ๆ วัน ภัยอันตรายทั้งหลาย และความวุ่นวายไม่สงบสุขอยู่ทุกมุมเมืองทั่วทุกประเทศในโลกนี้ ไม่มีความสุข มีแต่ความทุกข์เป็นผล แต่ทุกคนเราก็คิดว่าเรากระทำความดีกับเขาทุกคน เพราะเราไม่เข้าใจในการทำความดีนั้นเอง เหตุนั้น บัณฑิตเจ้าทั้งหลายจึงเรียกว่า เราทำความดีผิดคน
     
  18. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    การทำความดีผิดกาลเวลา นั้นคือสมมุติว่าเราจะปลูกพืชพันธุ์ต่าง ๆ พืชที่ควรปลูกในกาลเวลาฤดูฝนจึงจะงอกงามดีมีผลมาก แต่เราก็นำพืชพันธุ์เหล่านี้ไปปลูกในฤดูแล้ง ถ้าพืชพันธุ์ควรปลูกในฤดูแล้งแล้วจึงจะงอกงามดีมีผลมาก แต่เราเอาพืชพันธุ์ชนิดนี้ไปปลูกในฤดูฝน ก็ทำให้พืชผลเสียหายไม่งอกงาม หรือตายไป การปลูกพืชพันธุ์ต่าง ๆ ผิดกาลเวลาก็ย่อมไม่ได้ผลที่สมบูรณ์ เสียเวลาเปล่าประโยชน์หรือต้นไม้ต่าง ๆ เช่นต้นไม้ปลูกในพื้นที่ในเมืองที่มีอากาศหนาว ต้นงอกงามดีใบดกผลมีมาก แต่ถ้าเรานำต้นไม้ชนิดนี้มาปลูกในเมืองที่มีอากาศร้อน ต้นก็ไม่งอกงาม เหี่ยวแห้งหรือตายไปก็ได้ เสียเวลาเปล่า ๆ อีก เราจะทำความดีกับสัตว์ต่าง ๆ ทั้งหลายเช่น ช้าง ม้า โค กระบือ เสือ หมี สุนัข งูพิษ ที่เรามีเมตตาเลี้ยงดู ถ้าเราไม่ดูก่อนว่าเวลานี้ควรให้อาหารแก่สัตว์เหล่านี้ไหม เราควรเข้าไปใกล้สัตว์ได้ไหมในเวลานี้ ถ้าเราไม่รู้เวลาที่ควรเข้าใกล้ได้ หรือเวลาที่ไม่ควรเข้าใกล้ เวลาสัตว์แสดงอารมณ์ไม่ดี ทำท่าทางมีความโกรธอยู่นั้น ถ้าเราไม่รู้กาลเวลา ก็เข้าไปใกล้สัตว์ดุร้าย สัตว์เขาไม่รู้อะไรเขาก็ทำร้ายทุบตีเอางวงฟาด หรือเตะขวิดชนกัดเราให้เจ็บปวด เป็นอันตรายหรือถึงตายไปก็ได้ นี่ก็ทำความดีผิดกาลเวลาอีก ทำความดีไม่ถูกกาลเวลากับคนเรานั้น เราไม่พิจารณาดูเสียก่อนว่า บุคคลกลุ่มใดหมู่ใดที่เรามีแต่ความเมตตาเขา อยากแนะนำสั่งสอนเขานั้น แต่คนเราเกิดมามีนานาจิตตัง หลายระดับสติปัญญาต่าง ๆ กัน เราไม่เข้าใจ เอาแต่ความเมตตาเขาเป็นส่วนใหญ่เพราะขาดสติปัญญา ตัวอย่างเช่น เราไปพบกับคนพาลไม่รู้บาปบุญอะไร ใจหยาบช้าโหดร้าย ทำลายสมบัติของบ้านเมือง เป็นโจรขโมย ปล้นจี้ เมาสุรา อาละวาด ขี้ยา อยู่ทั่วมุกเมืองต่าง ๆ เมื่อไปพบเห็นคนพาลทั้งหลายเหล่านี้ เขาถืออาวุธ ปืน ระเบิด มีด หอก ดาบ ไม้ฆ้อน ก้อนหิน ของแข็งมีคม ร่มอยู่ในมือ เราเห็นว่าพวกนี้เป็นคนไม่ดี ก็อยากสอนให้เขาเป็นคนดี ไม่ดูกาลเวลาที่ควรสอนหรือไม่ควรสอนเขา เราก็เข้าไปแนะนำสั่งสอนเขาเหล่านั้น นายโจรนายขโมยอย่าไปปล้นจี้ ลักเอาสิ่งของของบุคคลอื่นนะไม่ดี อ้ายขี้ยาก็อย่าไปสูบกัญชา ยาฝิ่น แค็ป เฮโรอีน ผงขาว ดมกาวทินเนอร์นะไม่ดี อ้ายขี้ยาเมาสุราก็อย่าไปดื่มกันสุรายาเมาทั้งหลาย เป็นคนไม่ดี ผิดศีลธรรมขอให้พากันละเลิกจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เสีย เราก็ปรารถนาดีเมตตาแก่เขา แต่เราไม่ดูเวลาก่อน ว่าสมควรสอนไหมในเวลานั้น เราก็ไปสอนเขาผู้เป็นคนพาล สอนไปสอนมาสอนไม่หยุด ไม่รู้เวลาสอนธรรมะแก่เขา ธรรมะที่สอนให้คนพาลเหล่านั้น ก็ไปขัดกิเลสจิตใจเขา คนพาลก็โกรธพระหรือญาติโยมผู้สั่งสอนเขาอยู่ มีอะไรอยู่ในมือคนพาล มีร่ม ไม้ฆ้อน ก้อนหิน มีด หอก ดาบ ปืน ระเบิด คนพาลก็ใช้ร่มตี ไม้ฆ้อนตี ก้อนหินขว้างเรา มีฟัน หอกแทง ดาบฟาดฟัน ใช้อาวุธปืนยิง ขว้างระเบิด ประหัตประหาร ทำร้ายเราให้เจ็บปวดปางตาย หรือมีอันตรายถึงชีวิตเกิดขึ้นแก่ตน เพราะเหตุเราสอนเขาเหล่านั้นผิดกาลผิดเวลา จึงมีโทษ เสียประโยชน์ ทำความดีผิดกาลเวลากับบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง บุคคลยังไม่เคยเข้าวัดจึงทำบุญกราบไหว้บูชาพระก็ไม่เป็น เราก็ไปสอนบังคับเขาให้เข้าวัดทำบุญ กราบไหว้บูชาพระ เขาไม่ทำเพราะเขาไม่รู้เรื่อง เราจึงเสียเวลาโดยใช่เหตุ คนไม่เคยรักษาศีล เราก็ไปบังคับให้เขารักษาศีล คนไม่เคยทำสมาธิภาวนา เราก็ไปบังคับให้นั่งสมาธิภาวนา คนยังไม่พร้อมด้วยการพิจารณาธรรมะ เราก็ไปบังคับเขาให้พิจารณาธรรมะ เขาก็พิจารณาธรรมะไม่ได้ ไม่รู้เรื่อง เมื่อเราอยากแนะนำสั่งสอนเขาเหล่านั้น มีเมตตาต่อเขา อยากให้มีความสุขความเจริญ แต่เราก็ไม่รู้กาลเวลาที่ควรสอน หรือยังไม่ถึงเวลาที่ควรสอนเขา เพราะยังไม่พร้อม ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะทำบุญ เข้าวัด กราบไหว้บูชาได้ยังไม่ถึงกาลเวลาจะรักษาศีลได้ ยังไม่ถึงเวลานั่งทำสมาธิภาวนาได้ บุคคลผู้ที่จิตใจของเขายังไม่เป็นสมาธิหนักแน่นเขาก็ ยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณาธรรมะให้เข้าใจได้ บุคคลทั้งหลายเหล่านั้นแต่ละคน มีภูมิฐานสติปัญญาต่างระดับกัน พระก็ดี โยมก็ดี เมื่อเข้าไปพูดคุยกันสนทนากันเรื่องต่าง ๆ หรือสนทนาธรรมะก็เหมือนกัน สนทนากันไปสนทนากันมา ไม่รู้กาลเวลาว่าควรสอนเขาหรือไม่ควรสอนเขา ก็ไปสอนคนอื่นบังคับคนอื่น ให้เชื่อตามตนเอง คล้อยตามตนเอง สนทนาไม่หยุด ก็เกิดไม่พอใจ ถกเถียงกันขึ้นทั้งพระทั้งญาติโยม จนแตกแยกจากัน จากหมู่คณะไป พระเณรก็แตกจากกันไป อยู่คนละสำนักหรือไปอยู่วัดอื่นเสียเวลา เปล่าประโยชน์ เพราะทำความดีผิดกาลผิดเวลา
     
  19. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    การทำความดีแล้วไม่ติดตามความดีของตน เช่น เราเคยกระทำความดีต่าง ๆ เป็นนักเรียน นักศึกษา เคยศึกษาเล่าเรียนมาแล้ว ก็ขี้เกียจ ไม่ศึกษาเล่าเรียนต่อไป หรือเป็นครูบาอาจารย์ สั่งสอนคนมาแล้วก็ไม่อยากสั่งสอนต่อ เคยทำงานทางราชการทุกหน่วยงานในกระทรวงต่าง ๆ มาแล้ว ก็ไม่ทำต่อทิ้งงานไปเลย ผู้ที่เคยทำไร่ไถนา ค้าขาย ปลูกพืชพันธุ์ต่าง ๆ เช่น ปลูกข้าวกล้าในนา ถั่วงา หัวหอม กระเทียม ผัก ผลไม้ ต้นลำใย ลิ้นจี่ ส้มเขียวหวาน ทุเรียน และมีอีกหลายอย่าง ต้นไม้มีผลทุกชนิด เราก็ไม่ดูแล ปล่อยทิ้งไว้ตามยถากรรม จะขึ้นหรือไม่ขึ้นน้ำ ปุ๋ย ก็ไม่เลี้ยงต้นไม้เลย ปล่อยให้เทวดารักษาต้นไม้ ข้าวกล้า พืชไร่ต่าง ๆ หญ้า หรือเครือเขาเถาวัลย์ ก็เกิดขึ้นทับถมปกคลุมต้นไม้เหล่านั้น มองก็จะไม่เห็นเสียแล้ว พืชต่าง ๆ และต้นไม้ก็จะงอกงามขึ้นมาได้อย่างไร มีแต่จะตายหมดเท่านั้นแล้วก็ไม่ได้ผลิตผลอะไร การงานค้าขาย หรือการก่อสร้างตึกรามบ้านช่อง ห้องแถว แฟลต อพาร์ทเมนต์ ถ้าเราเคยค้าขายแล้วก็ไม่ติดต่อการค้าขายอีก ก็ไม่ได้เงินมาใช้ ส่วนตึกรามบ้านช่อง ห้องแถว แฟลต เมื่อลงมือก่อสร้างแต่ยังไม่เสร็จ เราก็หยุดไม่ไปก่อสร้างต่อ สิ่งก่อสร้างทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อสร้างไม่เสร็จ ก็ไม่ได้ขายเอาสตางค์มาใช้ และตนเองก็เข้าอยู่อาศัยไม่ได้ หรือการก่อสร้างสะพานก็ดี การสร้างถนนหนทางไปบ้านน้อยเมืองใหญ่ก็เหมือนกัน ถ้าลงมือก่อสร้างแล้ว แต่ไม่ก่อสร้างให้แล้วเสร็จ สะพานก็เดินข้ามน้ำไปไม่ได้ถนนสร้างไม่เสร็จก็ใช้เดินไปไม่ได้ ขับรถขับราวิ่งไปมาก็ไม่ได้ สร้างครึ่งปี 1-2-3 ปี ก็ไม่เสร็จสักทีก็เน่าเฟะอยู่นั้นแหละ รถวิ่งไปมาลำบาก เขาก็ด่ากันทั้งเมือง เพราะนายช่างรับเหมาทำแล้ว ไม่ติดตามงานก่อสร้างของตน ผลงานของตน ผลก็เลยไม่เจริญ เพราะไม่ติดตามความดีของตน บุคคลที่เคยช่วยสงเคราะห์คน เคยเข้าวัดทำบุญกุศลจำแนกแจกทานมาบ้างแล้ว แต่ต่อมาภายหลังก็ไม่เข้าวัด ไม่ทำบุญต่อไปอีกตามกำลังของตน หรือได้เคยรักษาศีล 5 ศีล 8 มาแล้วก็ไม่รักษาศีลต่อไปละทิ้งเสีย บุคคลที่เคยนั่งทำสมาธิภาวนามาแล้วก็ละทิ้งเสีย เกียจคร้านไม่นั่งภาวนาต่อไปอีก อ้างโน้นอ้างนี่ว่าไม่มีเวลา ว่ายุ่งกับงาน ยุ่งกับลูกหลานว่าร้อนมาก หนาวมาก ตื่นดึกตื่นสาย หิวกระหาย อ่อนแอ ท้อแท้ เหน็ดเหนื่อยมาก เจ็บโน้นเจ็บนี้ ขี้เกียจ เอาแต่งานแบกหมอน เอาแต่นอนท่าเดียวหมดท่าแล้วกัน หรือเคยพิจารณาสังขารต่าง ๆ ทางภายนอกและภายในอะไรเที่ยง อะไรไม่เที่ยง สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นสุข สิ่งใดเป็นอัตตา สิ่งใดเป็นอนัตตาก็เคยพิจารณามาแล้วบ้างแต่ก่อน ก็กลับมาละเลิกถอนเสีย ไม่พิจารณาต่ออีก สติปัญญาก็ไม่เกิดขึ้นผลออกมาแล้วจึงเรียกว่า ทำความดีแล้วแต่ไม่ติดตามความดี ก็ไม่เกิดผลดีอะไรขึ้นมา มีแต่วิบัติอย่างเดียว ซึ่งเป็นไปในทางเสื่อมเสียเท่านั้น
     
  20. Aodzilla

    Aodzilla Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2009
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +50
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ


    ๑ . ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี

    ๒ . ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๓ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๔ . ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๕ . ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ
    พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น " พระ " แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า " สมมุติสงฆ์ " พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น " พระ " ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ " พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธมเจ้า " และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

    ๖ . ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่ - พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม ( ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น )

    ๗ . ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๘ . ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๙ . ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๐ . ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๑ . ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแด่พระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๒ . ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะถวายสังฆทานดังกล่าวเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    ๑๓ . การถวายสังฆทานที่มีองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่า " การถวายวิหารทาน " แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทางอันเป็นสาธารณะประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน " อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น " โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ " ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

    ๑๔ . การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ( ๑๐๐ หลัง ) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " ธรรมทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม " การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้รู้ได้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ "

    ๑๕ . การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ " อภัยทาน " แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือ " การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู " ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อ " ละโทสะกิเลส " และเป็นการเจริญ " เมตตาพรหมวิหารธรรม " อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง " พยาบาท " ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง
    อย่างไรก็ดี การให้อภัยทานแม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่น ๆ ทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า " ฝ่ายศีล " เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...