พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของพระพิมพ์และวัตถุมงคล ที่ผมบอกว่า ต้องมีความศรัทธาและมีความเชื่อมั่นจริงๆ แต่มีข้อห้ามอยู่เรื่องนึงที่สำคัญ เรื่องนั้นก็คือ ห่วง

    หากเรา ห่วง หรือหวง เมื่อเราตายไป เราจะไม่ได้ไปไหน ต้องเฝ้าพระ เหตุจากที่เราห่วงครับ

    นอกจากที่เราจะมีพระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆของวังหน้าแล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ เราต้องปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิภาวนาด้วยนะครับ เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่พาเราข้ามการเวียนว่ายตายเกิดได้เพียงประการเดียว พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆของวังหน้าหรือของที่อื่นๆ หรือแม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ก็ไม่สามารถพาเราข้ามการเวียนว่ายตายเกิด ไปนิพพานได้

    ด้วยรักและห่วงใจ
    sithiphong

    .
     
  2. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    เห็นด้วยกับท่าน sithiphong (ขออนุญาตเรียกท่านปาทาน) ต้องปฎิบัตธรรมไปด้วยครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เห็นภาระกิจของคุณหมอหัวใจแกร่งและ คุณเพชร แล้ว

    พอมองย้อนดูตนเอง ผมเองก็คงจะต้องลาพักร้อนไป
    ศึกษาพระอภิธรรม ( ค้างส่งแบบทดสอบมาหลายเดือนแล้ว ) ครับ
     
  5. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขออนุญาตครับ บรรพบุรุษ ต้องใช้ตัวนี้"ษ" แทนตัวนี้"ธ"ครับ...

    เกี่ยวกับพระพิมพ์tott1+tott4 พระอริยสงฆ์เป็นองค์ผู้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 และองค์ที่ 4 ของภัทรกัปป์นี้เป็นองค์อธิษฐานจิตตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นพุทธคุณ แทนที่จะเป็นอิทธิคุณต่างจากพระเครื่องทั่วไปของวังหน้า และอื่นๆ เงื่อนไขต่างๆจึงรัดกุม สร้างความยุ่งยากไม่น้อย แต่หากมีโอกาสได้รับไป ก็ถือว่ามี"กระแส"ที่น้อมให้อยากทำความดี หากมีโอกาสนำองค์พระนี้มาร่วมในการนั่งเจริญสมถกรรมฐาน และต่อด้วยวิปัสสนากรรมฐาน ช่วงที่ทำวิปัสสนากรรมฐานก็พิจารณาหัวข้อตามลำดับดังนี้
    ๑) อริยสัจ ๔
    ๒) ไตรลักษณ์
    ๓) สังโยชน์ ๑๐
    ๔) บารมี ๑๐
    ๕) โลกุตรธรรม ๙ ประการ
    ๖) โลกธรรม ๘
    ๗) กสิณ ๑๐
    ๘) อนุสสติ ๑๐
    ๙) พรหมวิหาร ๔
    ๑๐)ปัญจเวร ๕
    ๑๑)อิทธิบาท ๔
    ๑๒)นิวรณ์ ๕ และการระงับนิวรณ์ ๕
    ๑๓)ทุกข์ ๑๐
    ๑๔)กรรมบท ๑๐
    ๑๕)จรณะ ๑๕
    ๑๖)โพชฌงค์ ๗
    ๑๗)จริต ๖
    ๑๘)มรรค ๘

    แบบนี้ก็จะเป็นการเข้าถึงกระแสพุทธคุณโดยแท้จริง ทดลองดำเนินจิตตามหัวข้อเหล่านี้จะทราบได้เอง ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ครั้งต่อไปก็มาต่อใหม่ ...

    พระพิมพ์tott1 พิมพ์ใหญ่ ทรงไก่ เป็นพระสำหรับเมตตาปรานี คือเป็นพระเมตตา

    ในตำรับการสร้างพระเครื่องทรงรูปสัตว์ต่างๆ ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เรียกว่าพระหกกษัตริย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาทำพระจากตำราของ"พระร่วง" รูปสัตว์แต่ละแบบสร้างจากผงคนละแบบ เมื่อผง 6 อย่างเรียบร้อย ก็นำมาเคล้ารวมกัน บรรจุลงในองค์เดียวกัน พระองค์เดียวใช้ได้หมดทุกอย่าง รวมไปถึงทำน้ำมนต์รักษาโรคด้วย ผู้ที่ทำพระต้องได้สมาบัติ 8 และต้องมีความพากเพียร หากทำพระทรงไก่ ต้องเอาผ้าขาวมาเสกเป็นไก่ ไก่จะกางปีก จดคาถาที่ปีกนั้นมาทำผง ฯลฯ ถ้าเป็นพระอนาคามี หรือพระอรหันต์ก็เรียกว่านิโรธสมาบัติ ญาณธรรมดาเรียกว่า เข้าสมาบัติ 8

    ส่วนtott1 นี้ ผู้ใช้พระคาถานี้ต้องเป็นผู้มีสมาธิจิตเป็นเอกัคตาจิตขั้นสูง ถึงเมตตาเจโตวิมุตติ จึงจะใช้พระคาถานี้ได้ เพราะเป็นคาถามหาเมตตา เพื่อปลดปล่อยสัตว์ และปลดปล่อยจิตของตัวเอง

    (สรุปคือ ทำสมาธิรวมจิตเป็นหนึ่งที่อุปจารสมาธิ แล้วพิจารณาพรหมวิหาร ๔ เกิดกระแสเมตตาจึงบริกรรมพระคาถานี้)

    พระคาถาพระยาไก่เถื่อนนี้ เมื่อพระพุทธกกุสันโธเสวยพระชาติเป็นไก่ป่า เป็นอาการสามสิบสองของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ คือ พระพุทธกกุสันโธ พระพุทธโกนาคมโน พระพุทธกัสสโป พระพุทธโคตโม พระศรีอริยเมตไตย พระคาถาบทนี้ ถ้าเจริญภาวนา จะมีอานุภาพมาก ผู้ใดภาวนาเป็นนิจสิน จะเกิดลาภยศมิรู้ขาด ทำมาค้าขึ้น ทำนา ทำสวน ทำไร่ เจริญงอกงามดี ทั้งทำให้บังเกิดสติปัญญาด้วย ถ้าเดินทางไปทางบกหรือเข้าป่า สวดภาวนาให้คลาดแคล้วจากภัยอันตรายดีนักแล ในบั้นปลายก็จะบรรลุพระนิพพานด้วยเมตตาบารมีนี้เอง

    เริ่มต้นภาวนาให้ว่า นะโม ๓ จบ แล้วว่า

    พุทธัง ชีวิตตัง ยาวะนิพพานัง สะระณังคัจฉามิฯ

    (แล้วสวดบทพระพุทธคุณ ๑ จบ)

    อิติปิโสฯ

    แล้วจึงว่าตัวพระคาถา ๓ จบ, ๗ จบ, ๙ จบ ตามชอบ และให้จำนวนบทสม่ำเสมอทุกวัน ดังนี้

    เวทาสากุ กุสาทาเว ทายะสาตะ ตะสายะทา สาสาทิกุ กุทิสาสา กุตะกุภู ภูกุตะกุ

    เมื่อได้รับพระพิมพ์ และรู้วิธีการอาราธนาพระพุทธคุณ ก็จะสัมผัสกระแสพระเมตตา และจะเห็นคุณค่าได้ในที่สุด..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณครับคุณเพชร

    สำหรับพระสมเด็จ (top of the top) และ พระสมเด็จ (top of the top 4) ผมเองลองประกบคู่แล้วเลี่ยม พอนำมาห้อยในวันแรก มีอาการทั้งวันครับ

    ผมการันตีได้ว่า สุดยอดของสุดยอด พุทธคุณสุดยอดมากที่สุดครับ ไม่งั้นคณะพระวังหน้า จะเรียกพระสมเด็จทั้งสองรุ่นนี้ว่าพระสมเด็จ (top of the top) และ พระสมเด็จ (top of the top 4) ครับ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เทียนอีอู๋เฟิ่ง : ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ
    http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9520000061766

    [​IMG]โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    3 มิถุนายน 2552 09:54 น.[​IMG][​IMG]



    [​IMG]

    ภาพประกอบจาก http://hi.baidu.com[​IMG]

    天衣无缝

    天 (tiān) อ่านว่า เทียน แปลว่า ฟ้า
    衣 (yī) อ่านว่า อี แปลว่า เสื้อผ้า
    无 (wú) อ่านว่า อู๋ แปลว่า ไม่มี
    缝 (fèng) อ่านว่า เฟิ่ง แปลว่า ตะเข็บ/รอยต่อ

    ในอดีตกาล มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า “กัวฮั่น”( 郭翰) เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมและประพันธ์โคลงกวี ทั้งยังร่าเริงมีอารมณ์ขัน

    ในค่ำคืนหนึ่งกลางคิมหันต์ฤดู กัวฮั่นกำลังยืนรับลมอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ชมดูท้องฟ้าเขียวดั่งมรกต เมฆขาวลอยล่อง จันทรากระจ่างอยู่กลางแผ่นฟ้า ลมเย็นพัดผ่านมาจนทั่วบริเวณสวนแห่งนี้ ในยามนั้น พลันปรากฏนางเซียนผู้มีรูปโฉมงามยิ่งนางหนึ่ง ยืนยิ้มน้อยๆ อยู่เบื้องหน้าเขา กัวฮั่นจึงเอ่ยคำสนทนาด้วยความนบนอบ

    กัวฮั่น: “แม่นางนี้เป็นใคร มาจากที่ใด?”
    นางเซียน: “ข้าคือสาวทอผ้า (จือหนี่ว์) * มาจากสรวงสวรรค์”
    กัวฮั่น: “หากแม่นางมาจากสวรรค์จริง สามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์ให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
    นางเซียน: “ท่านต้องการฟังเรื่องใด?
    กัวฮั่น: “ย่อมต้องการฟังทุกเรื่อง”
    นางเซียน: “เช่นนั้นคงลำบากแล้ว ท่านจะให้ข้าเริ่มเล่าจากตรงไหนกันเล่า?”
    กัวฮั่น: “ผู้คนต่างกล่าวว่าเซียนล้วนปราชญ์เปรื่อง นางจงเล่าอะไรก็ได้มาเถิด”

    นางเซียน: “สวรรค์ทั้ง 4 ฤดูกาลล้วนเป็นดั่งฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวไม่หนาว พฤกษาชาติล้วนเขียวสด บุปผาชาติไร้วันโรยรา หมู่มวลวิหกขับร้องประสานเสียง มัจฉาแหวกว่ายไม่ขาดสาย ไม่มีโรคภัย ไม่มีสงคราม ไม่มีการเก็บส่วยภาษี โดยรวมแล้ว ความทุกข์ยากทั้งมวลบนโลกมนุษย์ไม่มีปรากฏบนสรวงสวรรค์
    กัวฮั่น: “หากสวรรค์ดีเช่นนั้น เหตุใดแม่นางจึงหนีลงมายังโลกมนุษย์รือ?
    นางเซียน: “น่าเสียดายที่ท่านเองก็เป็นผู้ผ่านการร่ำเรียนวิชามา ผู้อาวุโสจวงจื่อ** ได้เคยกล่าวไว้มิใช่หรือว่า ‘เมื่ออยู่ในห้องหับที่เต็มไปด้วยดอกกล้วยไม้นานเกินไป กลิ่นหอมหวนย่อมจางหาย’ เช่นเดียวกับข้าที่อยู่บนสวรรค์เนิ่นนานจนหงอยเหงา จึงลงมาเที่ยวเล่นยังโลกมนุษย์เป็นครั้งคราว”
    กัวฮั่น: “ได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะ คนกินแล้วไม่แก่ไม่ตาย ท่านทราบหรือไม่ว่ายานั้นอยู่ที่ใด?”
    นางเซียน: “โอสถทิพย์นี้บนโลกมนุษย์ไม่มี แต่บนสวรรค์กลับหาได้ทั่วไป”
    กัวฮั่น: “ในเมื่อบนสวรรค์มีมากมายเช่นนั้น แม่นางควรปันลงมาแจกจ่ายให้ชาวโลกบ้างจักดียิ่ง”
    นางเซียน: “ไม่สามารถนำลงมาได้ เพราะสิ่งที่เป็นสมบัติของสวรรค์ เมื่อนำลงมายังโลกมนุษย์จะเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น ป่านนี้ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ‘จิ๋นซีฮ่องเต้’ ‘ฮั่นอู่ตี้’ คงพากันกินโอสถทิพย์นี้แล้ว”
    กัวฮั่น: “ทุกคำของแม่นางล้วนอ้างถึงสรวงสวรรค์ แต่มีหลักฐานใดกันเล่าที่ยืนยันว่านางไม่ได้โกหกผู้คน?”

    เพื่อคลายความสงสัย นางเซียนจึงให้กัวฮั่นพิจารณาเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ ซึ่งกัวฮั่นพบว่าน่าแปลกยิ่งนักที่เสื้อผ้าของนางไม่มีรอยตะเข็บแม้แต่น้อย แต่ขบคิดไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด

    นางเซียนจึงกล่าวว่า “ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ...เสื้อผ้าอาภรณ์บนสรวงสวรรค์นั้นล้วนเป็นผืนเดียวไร้ตะเข็บรอยต่อ เพียงเรื่องนี้ท่านยังไม่เข้าใจ จะสามารถเรียกว่าเป็นผู้มีปัญญาได้อย่างไร ข้าว่าท่าน เรียกว่าเป็นผู้โง่งมตัวจริงเสียจะเหมาะกว่า”

    เมื่อได้ฟังคำตำหนิของนางเซียน กัวฮั่น อดมิได้จึงหัวเราะ ฮา ฮา ออกมา แต่เพียงชั่วพริบตา พบว่านางเซียนได้หายไปแล้ว

    “ภูษาฟ้าไร้ตะเข็บ” เป็นสำนวนเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์ที่เรียบร้อยราบรื่นรอบด้าน ไร้ปัญหาอุปสรรคหรือข้อตำหนิใดๆ นอกจากนี้ยังใช้เปรียบเทียบกับบทกวีที่ประพันธ์ได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน

    อธิบายคำ
    * ในตำนานจีน สาวทอผ้า หรือจือหนี่ว์ เป็นนางฟ้าองค์ที่ 7 ธิดาสุดท้องของเง๊กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งตำนานเกี่ยวกับนางที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายคือ "ตำนานรักหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า" หรือ "จือหนี่ว์หนิวหลาง(织女牛郎)"
    ** จวงจื่อ คือปรัชญาเมธีลัทธิเต๋าซึ่งเป็นปรัชญาแนวธรรมชาตินิยม


    สำนวนนี้ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง(谓语) ส่วนขยายคำกริยา(状语) ส่วนเสริมคำกริยา(补语) มีความหมายเจือทางบวก

    ตัวอย่างประโยค
    1) 这一番话说得多么,又多么干净利索。
    การพูดครั้งนี้กล่าวได้อย่าง ทั้งยังคล่องแคล่วหมดจดอย่างยิ่ง

    2) 这篇文章立意明确,论述周到、深刻,真可谓
    บทความชิ้นนี้เสนอแนวคิดที่ชัดเจน วิเคราะห์ได้อย่างรอบด้าน ลึกซึ้ง เรียกได้ว่า อย่างแท้จริง
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ผีแดง” กับสุดยอด 5 ประตูแห่งฤดูกาล
    Sport - Manager Online
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 มิถุนายน 2552 15:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มาเคดา (กลาง) กลับตัวยิง วิลลา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เหงากันไปตามระเบียบเมื่อฟุตบอลลีกยุโรปปิดฤดูกาลไปแล้ว ระหว่างนั้นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์ พรีเมียร์ชิป อังกฤษ ฤดูกาล 2008-09 จัดอันดับ 5 ประตูที่ดีที่สุดของลีกในปีที่ผ่านมาๆ ให้ชมกัน

    1.เฟเดริโก มาเคดา - ชนะ แอสตัน วิลลา 3-2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 5 เมษายน 2009
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าประตูของเจ้าหนูวัย 17 ปี มีผลต่อการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป ในฤดูกาลนี้ เพราะ แมนฯยู กำลังจะเสมอ วิลลา 2-2 แต่ว่าดาวเตะชาวอิตาเลียน ก็มากลับตัวยิงปั่นโค้งด้วยเท้าขวาเสียบตาข่ายเสาไกลเข้าไปอย่างสุดสวยในช่วงทดเจ็บ

    2.คริสเตียโน โรนัลโด - ชนะ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 21 กุมภาพันธ์ 2009
    แม้จะไม่ฮอตเท่าปีที่แล้ว แต่ว่า โรนัลโด ก็มีส่วนสำคัญช่วย แมนฯยู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป สมัยที่ 3 ติดต่อกัน หนึ่งในประตูที่งามหยดต้องยกให้การซัดฟรีคิกจากมุมเขตโทษด้านซ้ายฮุคเสียบหน้าต่างเสาไกลพาทีมเอาชนะ แบล็กเบิร์น

    3.ไรอัน กิ๊กส์ - ชนะ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ที่ อัพตัน ปาร์ค 8 กุมภาพันธ์ 2009
    เวสต์ แฮม มีสถิติเล่นในบ้านที่ยอดเยี่ยมแถมเคยเอาชนะ แมนฯยูไนเต็ด มาได้ก่อนด้วย แต่ว่า กิ๊กส์ ก็อาศัยความเก๋ายิงประตูพาทีมเอาชนะได้สำเร็จจากการลากตัดซ้ายเข้ากลางและยิงด้วยขวาบอลพุ่งเรียดผ่านมือ โรเบิร์ต กรีน เข้าไป

    4.แดนนี เวลแบ็ค - ชนะ สโต๊ก ซิตี 5-0 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 15 พฤศจิกายน 2008
    เวลเบ็ค ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองนาทีที่ 63 ในขณะที่สกอร์ของเกมขาดไปแล้ว คือ 3-0 ก่อนจะลากบอลตะลุยเดียวเท้าไปและซัดไกลที่ระยะ 30 หลาบอลพุ่งเสียบตาข่ายสุดสวย ถือเป็นการปรากฏนัดแรกในลีกได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองจริงๆ

    5.ราฟาเอล ดา ซิลวา - แพ้ อาร์เซนอล 1-2 ที่ เอมิเรตส์ สเตเดียม 8 พฤศจิกายน 2008
    ซาเมียร์ นาสรี เหมาซัดสองประตูให้กับ อาร์เซนอล นำห่าง 2-0 เกมแทบจะจบลงอยู่แล้ว แต่ว่า ราฟาเอล แบ็กขวาชาวบราซิเลียน ก็มายิงประตูแรกในสีเสื้อ แมนฯยูไนเต็ด จากการยิงด้วยเท้าซ้ายเสียบมุมอย่างสุดสวยตีไข่แตกให้ทีมแพ้น้อยลงหน่อย
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปวดหลัง… ทำอย่างไรดี ?

    ข่าวไทยรัฐออนไลน์ - ปวดหลัง… ทำอย่างไรดี ?



    [​IMG]


    อาการ ปวดหลัง เป็นความผิดปกติหนึ่งที่พบได้ในทุกคนมีผู้ทำการศึกษาแล้วว่า มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ต้องมีอาการปวดหลังเกิดขึ้น อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตของเราทุกคน
    สาเหตุเกิดจากอะไร?
    เป็นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีกระดูกสันหลังที่ตั้งฉากกับพื้นของโลกในขณะยืนหรือเดิน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของคนกล้ามเนื้อที่ประคองกระดูกสันหลังจะต้องทำงานเพื่อประคองกระดูกสันหลังทั้งวันทำให้มีอาการเครียดตึงและปวดตามมา
    [​IMG]

    คนเราต้องมีอาการ ปวดหลังบ้างเป็นบางครั้ง เราควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการปวดหลัง?
    ถ้ามีอาการปวดหลังเกิดขึ้นในวันแรก ส่ิงแรกที่ควรทำคือ ต้องไม่วิตกกังวลมากเกินไป เพราะเราทราบว่าโรคนี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่รู้สึกอยู่ ถ้าเราวิตกกังวลมากเกินไปแล้วจะยิ่งทำให้การรักษาอาจจะยิ่งยุ่งยากมากขึ้นและอาการจะเรื้อรังรุนแรงมากขึ้นควรทำจิตใจให้ผ่องใส ปลอดโปร่งอยู่เสมอ

    เราควรรักษาขั้นแรกด้วยตัวเองอย่างไร เมื่อมีอาการปวดหลัง?

    การรักษาตัวเองเมื่อมีอาการปวดหลัง ควรเริ่มต้นด้วยการ นอนพักประมาณหนึ่งถึงสองวันเพื่อให้กล้ามเนื้อหลังที่ปวดเกร็งอยู่ได้พักผ่อนและหายจากอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว ท่านอนที่เหมาะสมในขณะปวดหลังใหม่ๆ นั้นมีสองท่า คือ
    1.นอนหงายหนุนหมอนใต้เข่าสองข้างให้สะโพก และเข่างอ ประมาณ 30 องศา (ห้ามสอดหมอนใต้แผ่นหลัง)
    2.นอนตะแคง เอาด้านข้างลงขาค่อนข้างเหยียด และสอดหมอนข้างระหว่างขา (ไม่ควรงอห่อตัวมากเกินไป)
    3.ห้ามนอนคว่ำ เพราะหลังจะแอ่นและตื่นขึ้นมาปวดหลัง

    ยาที่ใช้รักษาโรคปวดหลังควรเลือกใช้อย่างถูกต้องด้วยยาแบบใดเป็นขั้นแรก?

    เนื่องจากในเมืองไทย ผู้ป่วยสามารถหาซื้อยาที่ใช้รักษาโรคปวดหลัง ได้จากร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ ดังนั้นท่านจึงสามารถซื้อยาได้เองเมื่อมีอาการปวดหลัง อย่างไรก็ตามขอแนะนำให้ท่านใช้ยาดังต่อไปนี้
    1.เริ่มต้นเมื่อมีอาการปวดมากด้วยการทานยา Acetamenophen (พาราเซต) ให้หายปวดก่อน
    2.ถ้ายังมีอาการปวดอีกให้รับประทานยากลุ่มที่มีชื่อเป็นทางการว่าเอ็นเซต NSAID (Non-Steroidal anti-inflamatory Drugs) ซึ่งอาจทานร่วมกับยาที่มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxant) ซี่งมีอยู่หลายยี่ห้อในท้องตลาด ประการที่สำคัญสำหรับคนที่ซื้อยารับประทานเอง คือ ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มสเตียรอยด์ซึ่งนิยมถูกจ่ายจากผู้ขายยาที่ไม่ได้มาตราฐาน หรือถูกผสมในยาแผนโบราณ ซึ่งยากลุ่มนี้ก่อให้เกิดปัญหากระดูกพรุน ไตวาย หลอดเลือดแตกเปราะและอื่นๆ ได้การรับประทานยาทั้งหมดนี้ควรทานประมาณห้าถึงเจ็ดวัน หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่นเพิ่มเช่นปวดร้าวตามขา ควรไปพบแพทย์ครับ
    ข้อมูลโดย นาวาอากาศเอก นพ.ทายาท บูรณกาล
    http://www.bangkokhospital.com
    http://www.bangkokhealth.com
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    1 ในกระบวนการรักษา คือการจัดกระดูกแบบchiropractic ซึ่งก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านของกายวิภาค คนที่เป็นส่วนมากคือคนทำงาน office กิจกรรมที่ใช้คอมพิวเตอร์มากกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ศาสตร์แขนงนี้เป็นสมบัติ หรือลิขสิทธิ์ของคนชาติหนึ่ง ทั้งๆที่คนทุกชาติ ทุกวัยมีโอกาสเกิดปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายกันได้ทั้งนั้น

    เท่าที่ทดลองนวด และจัดโครงสร้างสมดุลร่างกายด้วยวิธีนี้ ก่อนการจัดกระดูกนั้น หากได้นวดคลายช่วงสะบักไหล่ซ้ายขวา ถ้าทำได้ดี ก็ผ่อนคลายอาการปวดไปได้มากกว่า 50% แต่ต้องทนเจ็บหน่อยครับ หากอยากจะหายจากโรคนี้..

    การจัดกระดูกด้วยวิธีนี้สามารถหายขาดได้ และจะต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำกิจกรรม ไม่เช่นนั้นก็จะกลับมาเป็นใหม่...

    January 28, 2009



    Low Back Pain and Chiropractic






    Low Back Pain and Chiropractic


    [​IMG]There are many different structures that can be primary causes of low back pain. If a person has been living with a problem for an extended period of time; the other structures will develop secondary issues sooner or later.

    The traditional chiropractic treatment of an adjustment / manipulation addresses joints that have decreased motion, typically in the lower back region. It is common for there to be joint involvement but it is often not the primary problem. Thus the treatment will often give some relief but it does not deal with the underlying issue. The relief will be short lived but would need to be applied repeatedly. If the joint issue were the primary problem, no more than three applications of the adjustment to the involved joint should resolve it.

    Therefore, it is my opinion that traditional chiropractic will often give some relief to low back pain but frequently it does not deal with the underlying cause of the back pain.


    Tags: back pain relief, chiropractic, low back pain, manipulation, relief


    Filed under Blog, back pain relief by lowback

    Back Pain and Chiropractic | Low Back Pain Relief
    <A href="http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/imagepages/19581.htm" target=_blank>
    <A href="http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/ency/imagepages/19581.htm" target=_blank>

    [​IMG]Why do I have pain in my arms and hands? Because the nerves to the arms and hands exit the spine through the injured area of the neck, numbness and tingling are common. Even lower back pain can result directly from the trauma or as a reaction to the loss of proper spinal curves.


    [​IMG]

    The focus of traditional health care is on germs and blood. Chiropractic is different. Chiropractic produces results by helping your nervous system work the way it should. Orem Utah
     
  13. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ขออนุญาตตัดบทความของพี่เพชรมาบางส่วนที่เกี่ยวกับคาถานะครับ เพื่อนำไปลงในกระทู้ของผม
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  15. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>พรสว่าง_2008 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ....สวัสดีครับ....มีใครอยู่ไหม...เอ๊า...มีเราอยู่คนเดียว อิอิ...
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไต้หวันพบปลาประหลาด คล้ายพญานาค

    ??ҹҤ ?? ?Œ?Ð˅Ҵ ?ũ҂ ?Œ??ҹҤ

    ที่มา กระปุก


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ไต้หวันพบปลาประหลาด สีเงินมีหงอนตัวแบน ยาวคล้าย "พญานาค" ผวาตำนานอาจเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ (มติชนออนไลน์)

    ตะลึง เรือประมงไต้หวันพบปลาประหลาด "มีหงอน" ตัวแบนยาว5เมตร เชื่อมโยง "พญานาค" ของไทย ไต้ก๋งเชื่อเป็น "ปลาราชามังกร" ตามตำนาน เจ้าของแผงปลาไม่ยอมแล่ขายหวั่นหายนะ สุดท้ายได้ 2 พันจากชายซื้อไปสตัฟฟ์ "ธรณ์" เตือนอย่าตระหนกสึนามิ

    สำนักข่าวซีเอ็นเอของไต้หวันรายงานเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนว่า ลูกเรือประมง เซิง ฝ่าไซ้ จับปลาประหลาดได้ตัวหนึ่งในทะเลนอกชายฝั่งเขตไถตง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวัน ระหว่างการออกเรือหาปลาในน่านน้ำนอกฝั่งเมือง เฉิงกง เมื่อคืนก่อนหน้านั้น​

    ทั้งนี้ นาย ถง ฉิ่น ซิ่ง ไต้ก๋งเรือลำดังกล่าวเปิดเผยว่า ลูกเรือของตนเห็นปลาประหลาดตัวนี้ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. เพราะเกล็ดสีเงินของมันสะท้อนแสงวูบวาบกลางน้ำในยามกลางคืน เมื่อจับขึ้นเรือได้จึงพบว่าเป็นปลาหายากที่มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างกันออกไปในหลายท้องถิ่น ลูกเรือประมงชาวไต้หวันบางคนเรียกว่า ปลาอานนท์ หรือ ปลาแผ่นดินไหว เพราะเชื่อว่า เป็นปลาที่เป็นต้นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหว

    อย่างไรก็ตาม ในบางท้องถิ่นเรียกมังกรทะเล หรือ ซี เซอร์เพนท์ บางท้องถิ่นเรียก ปลาราชามังกร แต่ชื่อสามัญที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในหมู่ชาวประมงนานาชาติ คือ คิง ออฟ เดอะ เฮอร์ริ่ง หรือ ราชาแห่งฝูงปลาเฮอร์ริ่ง​

    รายงานข่าวระบุว่า ปลาประหลาดที่จับได้มีความยาวถึง 5 เมตร ลำตัวแบนยาวเป็นสีเงิน มีจุดสีฟ้า และดำประปราย มีครีบหลังสีชมพูแดง พร้อม "หงอน" ที่ลูกเรือเชิง ฝ่าไซ้ อ้างว่า เมื่อยืดออกจนสุดแล้ววัดความยาวได้ถึง 11 เมตร ทั้งนี้ นายถง ไต้ก๋งเรือประมงลำนี้ เชื่อว่า นี่คือปลาราชามังกรที่มีระบุไว้ในตำนานพื้นบ้านของไต้หวัน และเปิดเผยด้วยว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น "ราชามังกร" ในตำนานนี้หลังทำประมงมา 30 ปี​

    นายถงและลูกเรือพยายามขอร้องให้แผงขายปลาที่ท่าเรือซินกังแล่ปลาตัวนี้เพื่อนำเนื้อจำหน่าย แต่ไม่มีเจ้าของแผงรายไหนกล้าจัดการกับปลาตัวนี้ หลายคนไม่ยอมแตะต้องตัวปลาด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่า ถ้าหากไปแตะต้องปลาชนิดนี้จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว หรือหายนะภัยครั้งใหญ่เหมือนที่ระบุไว้ในตำนาน ที่ถือว่า ปลาชนิดนี้คือ "ผู้นำสารจากวังมังกร" แม้ว่าชาวประมงบางคนจะเชื่อว่าปลามังกรนี้จะนำโชคดีมาให้ แต่ก็ไม่กล้าแตะต้องเช่นเดียวกัน​

    เจ้าของแผงปลารายหนึ่งบอกว่า เมื่อไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าปลานี้ดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็อย่าไปแตะต้องมันเลยจะดีกว่า สุดท้ายแล้ว ชายผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ขอซื้อปลาตัวนี้จากนายถงด้วยราคา 2,000 เหรียญไต้หวัน (ราว 2,000 บาท) โดยบอกว่า จะนำไปสตัฟฟ์เก็บไว้โชว์ที่บ้านพัก


    [​IMG]


    ทางด้านนาย โฮ หยวน ซิ่น นักวิจัยจากศูนย์วิจัยชีววิทยาทางทะเลตะวันออก ของไต้หวันเปิดเผยว่า ปลาชนิดนี้เป็นปลาทะเลน้ำลึก มักอาศัยอยู่ในเขตทะเลน้ำอุ่นที่ความลึกระหว่าง 50 - 250 เมตร จึงพบเห็นได้ยากมาก แต่มีผู้พบเห็นกันเป็นระยะๆ ในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของออสเตรเลีย เรื่อยไปจนถึงทะเลนอกชายฝั่งเม็กซิโก และแถบหมู่เกาะเบอร์มิวดา ส่วนใหญ่มักถูกคลื่นซัดออกมาเกยหาด หรือไม่ก็เกิดอาการผิดปกติขึ้นกับปลา เช่น ป่วย หรือใกล้ตาย น้อยครั้งที่จะมีการพบเห็นขณะมีชีวิตอยู่

    ปลาประหลาดชนิดนี้เคยถูกทหารเรืออเมริกันจับได้ในลำน้ำโขง เมื่อวันที่ 28 กันยายนปี 2539 มีการถ่ายภาพตีพิมพ์เผยแพร่อ้างว่ามีความยาวถึง 10 เมตร ทั้งนี้ เชื่อว่า ปลาตัวดังกล่าวพลัดหลงเข้ามาในเขตน้ำจืดและกำลังจะเสียชีวิต เพราะมีรายงานว่า ทหารอเมริกันส่งปลาดังกล่าวกลับสหรัฐอเมริกาแต่ไม่รอดชีวิต เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปมีการพูดถึงปลาประหลาดตัวนี้ว่า เป็นพญานาค และนำไปเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในบริเวณลำน้ำโขงในเขต จ.หนองคาย และอ้างกันว่า "นางพญานาค" ที่จับได้นั้นผิวหนังเป็นเลื่อมประกาย 7 สี และมีเลือดเป็นสีเขียวอ่อน​

    อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเอ็นไซโคลพิเดีย บริเทนนิกา ระบุว่า ปลาชนิดนี้เรียกชื่อสามัญว่า "คิง ออฟ เดอะ เฮอร์ริ่ง" หรือ "ออร์ ฟิช" (ปลาใบพาย เข้าใจว่ามาจากลักษณะของลำตัวแบนแคบและลักษณะการว่ายสะบัดพลิ้วเหมือนริบบิ้นของมัน) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "รีกัลเลคุส เกลสเน" อยู่ในวงศ์ "รีกัลซิเด" อาจโตได้สูงสุดยาวถึง 9 เมตร และหนัก 300 กิโลกรัม แต่ก็มีบันทึกไว้ในกินเนสส์ บุ๊ก ออฟ เวิร์ลด์ เรคคอร์ด ด้วยว่า ปลาชนิดนี้เป็นปลาชนิดที่มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก โดยอาจยาวได้ถึง 11 เมตร ในขณะที่รายงานไม่ยืนยันอีกบางกระแสระบุว่าอาจยาวถึง 15 เมตร หรือกว่านั้น โดยทั่วไปแล้วออร์ฟิชกินแพลงตอนเป็นอาหาร ไม่เป็นอันตรายและไม่ทำร้ายมนุษย์ แม้จะมีรายงานไม่ยืนยันจากนักวิจัยในนิวซีแลนด์ที่ระบุว่าถ้าหากแตะไปที่ตัวของมันขณะยังมีชีวิตออร์ฟิชจะปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาช็อร์ตได้

    ด้านนายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า หากเป็นปลาชนิดเดียวกับที่เคยรู้จัก เข้าใจว่า เป็นปลามังกรทะเลลึก หรือ Dragons of The Deep ปลาชนิดนี้เป็นปลาน้ำลึกอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึก และเป็นปลาชนิดเดียวกับที่ทหารอเมริกันช่วยกันอุ้มตั้งแต่หัวถึงหางไปถ่ายรูปยืนยิ้มเรียงหน้ากัน และมักจะมีคนอ้างว่ารูปดังกล่าวคือ พญานาค และจับได้จากแม่น้ำโขง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ใช่ แต่เป็นปลาที่จับได้แถวอเมริกาใต้ ในมหาสมุทรแปซิฟิก​

    "หากเรื่องการเจอปลาพญานาคเป็นเรื่องเดียวกับที่มีการพูดว่า จะเกิดคลื่นสึนามิขึ้นที่อ่าวไทยในช่วง 3-4 เดือนที่จะถึงนี้ ก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน แต่ว่ากันตามภูมิประเทศแล้ว หากเกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางอยู่แถวหมู่เกาะสุมาตรา กว่าคลื่นจะมาถึง จ.สงขลา ก็ใช้เวลา 14 ชั่วโมง ขณะที่ไปถึงพัทยาใช้เวลา 20 ชั่วโมง และมีการคำนวณว่า หากไหวด้วยความแรง 9 ริคเตอร์ ความสูงของคลื่นที่พัทยาจะสูงเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น แต่ถึงอย่างไร หากจะหาทางป้องกันเหตุความเสียหายจากคลื่นสึนามิที่จะเกิดในอ่าวไทยก็ทำได้ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมหาศาล หรือต้องตื่นตระหนกจนเกินกว่าเหตุ" นายธรณ์กล่าว​


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชนออนนไลน์
    [​IMG]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนภัยเสียงดัง 10 สถานที่ อาจทำให้หูหนวก

    <A href="http://hilight.kapook.com/view/37580" target=_blank>???ǒ?ʘ??? ൗ͹? ʕ§?ѧ 10 ʶҹ?ը˙˹ǡ 㹡Ø?෾Ϧlt;/a>



    [​IMG]



    เตือนภัยเสียงดัง 10สถานที่หูหนวก ในกรุงเทพฯ (มติชน)

    เสียงดัง . . .รำคาญ ปวดหู

    อาการเหล่านี้เกิดขึ้นกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร ที่เต็มไปด้วยความศิวิไลซ์ ด้วยความห่วงใย ทาง "ชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ" ชมรมที่เกิดจากการรวมตัวของคนหลากหลายอาชีพ อาทิ แพทย์ สถาปนิก อาจารย์ พยาบาล ฯลฯ ที่มีความฝันอยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสงบ และสุขภาพดี จึงได้สำรวจสถานที่หนวกหูทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งมีความดังเกิน 50 เดซิเบล พบ 10 สถานที่ ที่เป็น "ภัย" ต่อโสตประสาท ของคนกรุง

    [​IMG] รถไฟฟ้าบีทีเอส แม้จะนำความสะดวกสบายมาให้ในการเดินทาง แต่ข้อเสียอยู่ที่เสียงโฆษณาทั้งในและนอกขบวนรถที่ดังเกินไป, โรงภาพยนตร์, ห้างสรรพสินค้า แหล่งเกิดเสียงดัง ไม่ว่าจะเป็นเสียงประกาศ เสียงโฆษณาสินค้า แต่ที่หนักสุด คือ การจัดงานอีเว้นต์ ที่เปิดเสียงการจัดงานดัง จนเรียกว่าจัดที่ชั้น 1 ดังถึงชั้น 5 ซึ่งมีความดังถึง 85 เดซิเบล​

    [​IMG] อีกหนึ่งสถานที่ที่ให้ประโยชน์ทางกายแต่ให้โทษทางหู คือ สถานที่ออกกำลังกายในสวนสาธารณะอย่างการเต้นแอโรบิค ซึ่งมักเปิดลำโพงยักษ์หันหน้าหาผู้เต้น งานนี้หูของคนรักสุขภาพต้องรับความดังของเสียง 75-82 เดซิเบล ลำโพงกลางแจ้ง ลำพังเสียงดังของการจราจรบนท้องถนนก็ดังอยู่แล้ว แต่ปัจจุบันยังมีโทรทัศน์ขนาดยักษ์ เปิดเสียงดังแข่งกับเสียงรถให้คนผ่านไปมาได้ปวดทั้งหัว ปวดทั้งหู ซึ่งเสียงจากลำโพงกลางแจ้งดังกว่า 74 เดซิเบล​

    [​IMG] แหล่งมลพิษทางหูอีกแห่ง คือ เสียงนกหวีด บรรดา รปภ.มักจะสร้างมลพิษทางหูอยู่บ่อยๆ เรียกว่า เป่านกหวีดเป็นว่าเล่น รู้ไหมว่าการเป่านกหวีดแต่ละครั้งเป็นการสร้างมลพิษทางเสียงถึง 94 เดซิเบล ​

    [​IMG] สถานที่สร้างมลพิษอีกที่คือ วัดใครจะคิดว่างานวัดที่จัดกันอย่างเกลื่อนในวัดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษทางเสียงที่ดังกว่า 85 เดซิเบล ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ คงไม่พ้นพระภิกษุ​

    [​IMG] นอกจากนี้ ยังรวมถึง สถานที่ที่มีการก่อสร้าง ทั้งการตอกเสาเข็ม เจาะคอนกรีต, ขนส่งมวลชน ที่มักติดตั้งโทรทัศน์ในรถโดยสาร และนิยมเปิดเสียงดังๆ ​

    [​IMG] สุดท้าย เสียงเพื่อนบ้าน ทั้งเสียงตะโกน เสียงทะเลาะ เสียงการจัดงานเลี้ยง ร้องคาราโอเกะกลางแจ้งของเพื่อนบ้านก็นับเป็นมลพิษทางเสียงด้วย​

    อาจารย์อรญา สูตะบุตร อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ประสานงานชมรมหรี่เสียงกรุงเทพฯ (Quiet Bangkok club ???Õ蠊Ղ??Ø?෾ ”??յ鍹Ñ?) บอกว่า จากการลงพื้นที่สำรวจทั่วกรุงเทพฯ ปัญหาที่พบคือ มีการใช้โทรทัศน์จอยักษ์ เครื่องขยายเสียง และลำโพงมากขึ้นๆ ซึ่งอันตรายจากเสียงดัง เบื้องต้นจะทำให้เกิดความหงุดหงิด เครียด และหากยังไม่เร่งแก้ไข ผลในระยะยาวคือ การสูญเสียการได้ยินในที่สุด​

    "ระดับเสียงปกติที่ไม่เป็นอันตราย ควรต่ำกว่า 50 เดซิเบล แต่ขณะนี้ตามท้องถนนในกรุงเทพฯ ระดับเสียงอยู่ที่ 70 เดซิเบล ซึ่งจุดยืนของกลุ่ม ไม่ต้องการให้กรุงเทพฯ ไร้เสียง แต่อยากให้ผู้ที่มีหน้าที่ทำให้เกิดเสียงดังตระหนักและควบคุมเสียงไม่ให้เกินกว่า 50 เดซิเบล แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ควรมีมาตรการในการจำกัดเวลาเปิดเสียงดัง เพื่อคนกรุงเทพฯ จะได้มีสุขภาพการได้ยินที่ดี"

    เป็นภัย . . .ที่คนกรุงต้องช่วยกันแก้ไข ก่อนที่คนในเมืองศิวิไลซ์จะกลายเป็นคนสูญเสียการได้ยินในที่สุด

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก มติชน
    [​IMG]
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รถพันธุ์ใหม่

    <A href="http://hilight.kapook.com/view/37555" target=_blank>?荧ễ? ễ? öŘ¹铦lt;/a>

    ที่มา ข่าวสด


    [​IMG]


    รถพันธุ์ใหม่ (ข่าวสด)

    คุณลุงเบิร์น ไวส์ สมาชิก "ชมรมรถสะเทินน้ำสะเทินบกแห่งกรุงเบอร์ลิน" แดนเยอรมนี ขี่รถคันโปรดโชว์โฉมแล่นโดดเด่นอยู่กลางลำคลองสายใหญ่ ใกล้สะพานริอัลโต นครเวนิซ อิตาลี

    "รถลุยน้ำ" คันนี้ดัดแปลงมาจากรถ "ไทรอัมพ์" รุ่น "เฮอรัลด์" ปี ค.ศ. 1961 นู่นแน่ะ แต่เครื่องยังฟิตเปรี๊ยะ ยามวิ่งบนบกทำความเร็วถึง 110 ก.ม./ช.ม. พอเปลี่ยนลงน้ำก็แล่นฉลุยด้วยความเร็วราวๆ 8 นอต

    แฮ่ม.. แต่ใครจะขับรถแบบนี้ได้ลุงบอกว่าต้องมีใบขับขี่ 2 ประเภท ทั้งใบขับขี่รถยนต์และใบอนุญาตขับเรือนะจ๊ะ ไม่งั้นโดนจับจนหมดสนุกแน่ๆ!


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ข่าวสด
    [​IMG]
    คอลัมน์ เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์

    -----------------------------------------------

    น่าซื้อใช้นะครับ เหมาะกับกรุงเทพฯ อิอิ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 8 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมไปนอนก่อนนะครับ ง่วงแล้วครับ

    ราตรีสวัสดิ์ครับ

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...