คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ถามมากจนตอบไม่ถูกครับ จะตอบให้เป็นบางข้อก็แล้วกัน
การฝึกสมาธิของแต่ละท่าน ขึ้นอยู่กับจริตหรือความชอบของแต่ละบุคคลครับ อย่าไปยึดติดว่าต้องฝึกแบบโน้นแบบนี้ เอาเป็นว่าถนัดและชอบแบบไหนก็ขอให้ฝึกแบบนั้น
เส้นทางเดินลมปราณในตัวเรา มีหลายเส้นอยู่ แต่จะสัมผัสได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละท่านด้วยครับ ใช่ว่าจะสามารถฝึกได้หมด แต่ถ้าเมื่อเส้นลมปราณของท่านสามารถเปิดและเดินได้โล่งโปร่งสบาย ร่างกายของท่านก็จะแข็งแรงฟิตปั๋งนะจ๊ะ เหมือนอายุ 70 แต่เตะปี๊บดัง
การฝึกวิชาพลังจักรวาลหรือการฝึกในแนวทางของพี่ SUWI เป็นการฝึกให้พลังเดินผ่านเส้นสายลมปราณที่มีอยู่ในตัวเรานี่เอง แต่จะสามารถฝึกจนถึงขั้น กุณฑลินีเปิดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล พลังของกุณฑลินีนั้นมีอยู่ 2 แบบ อย่างที่พี่ SUWI กล่าวไว้ ทั้งร้อนและเย็น เมื่อสามารถฝึกถึงขั้นพลังของทั้ง 2 สายเปิดและ ผสมผสานพลังทั้ง 2 ให้กลมกลืนสมดุลย์ได้ดี แล้วท่านก็จะรู้เองว่าเป็นเช่นไร ผมไม่ขอตอบมาในที่นี้ครับ ขอประทานอภัยด้วย
การฝึกลมปราณของแต่ละสายแต่ละสำนัก มีจุดเด่นของแต่สาย อยู่ที่ท่านชอบแบบไหนมากกว่าครับ ลองฝึกดูก่อนดีกว่าว่าชอบแบบไหน
;38

 

ขอบคุณ คุณมังกรบูรพาที่ให้คำแนะนำนะครับ ที่จริงที่ผมสอบถามนั้นไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไปฝึกทุกๆวิชาพร้อมกันตามที่สอบถามหรอกครับ เพียงแต่เมื่อมีโอกาสได้รู้เห็นถึงหนทางที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทางหลายๆสาย จึงเกิดความสนใจและใคร่รู้ว่าแต่ละสายมีเนื้อหา รายละเอียด หนทางในการเข้าถึงเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร แรกเริ่มเดิมทีผมฝึกการเจริญอานาปานสติกำหนดลมหายใจโดยให้รู้กายและใจตามแนวทางของหลวงปู่มั่นแต่เพียงอย่างเดียว แต่กว่าที่ผมจะรู้ว่าจริตของตัวเองเหมาะกับการฝึกแบบนี้ก็หลังจากที่ผมได้ลองศึกษาและปฏิบัติสมาธิวิปัสสนากรรมฐานแบบอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการดูกายแบบยุบหนอ พองหนอ ,การดูเวทนาแบบท่านอาจารย์โกเอ็นก้าที่จะต้องใช้จิตที่มีสมาธิสูงมากในการรู้ถึงเวทนาในระดับละเอียดมาแล้ว
จนกระทั่งไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสฝึกสมาธิแบบสหจะโยคะ และเป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสถึงกุณฑาลินีที่มีลักษณะเป็นกระแสลมเย็นแบบที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน จึงทำให้ผมเริ่มสนใจในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกุณฑาลินีหรือพลังลมปราณนี้ แต่ด้วยความที่ความรู้ของผมในตอนนี้เกี่ยวกับศาสตร์นี้แทบไม่รู้อะไรเลย จึงได้ขอคำชี้แนะจากท่านผู้รู้ทั้งหลายดังที่ได้กล่าวมา เพื่อที่ผมจะได้ก้าวไปในเส้นทางที่ผมสามารถไปได้ดีที่สุดครับ

 

ขอบคุณ คุณ Triangle ครับ
นั่นแสดงว่าลมปราณกับกุณฑาลิณี ไม่ใช่สิ่งเดียวกันใช่ไหมครับ การฝึกแบบอ.SUWI กับพลังจักรวาลจะทำให้กุณฑาลินีทั้งแบบร้อนและเย็นตื่นขึ้น แต่การฝึกแบบโยคะที่ผมฝึกจะตื่นเฉพาะแบบเย็น (เวลาที่ผมฝึกผมไมเคยรู้สึกว่าร้อนเลย) ส่วนเรื่องเส้นสายลมปราณ ของเส้นอิทาและปิงคละ ของไทยกับอินเดียแตกต่างกัน ถ้าฝึกแบบอ.SUWI จะรู้สึกถึงพลังไปตามเส้นที่เข่าด้วย ใช่ไหมครับแต่ถ้าฝึกแบบโยคะกับพลังจักรวาลจะไม่รู้สึกในส่วนนี้

 

สงสัยไปกันใหญ่แล้วอ่ะ...ลองย้อนไปดูข้อความ ที่ผมและท่านพี่สาม แนะให้ฝึก

วิชา ที่ถูก/ที่เหมาะ กับจริตไหมล่ะ.....ทำให้มันชำนาญเข้า สิ่งต่าง ๆ ที่สงสัย มันจะคลาย

ไปทีละตัว ขืนจับจรดผสมมั่ว ไปอ่านสารพัดตำราและวิธี แถมยังใส่ ความมั่ว

ในสิ่งที่ตัวเอง ฝึกไปไม่ถึง.........มันก็เลย...............


อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง เลิกเข้าใจผิด ๆ ว่าตัวเองได้สัมผัสพลัง คุณฑาลิณี ที่บอก

มาว่า เย็น ๆ เสียทีนะ....ผมลองคลิกเข้าไปดูเว็บไซด์ สหจะโยคะ

แล้วลองใช้ฝ่ามือสัมผัสดู 55555555555 มีความเย็นที่กระหม่อม


แต่...สิ่งนั้น เป็นแค่เศษ หรือเพียงเปลือก ที่คุณเพิ่งเริ่มต้น คุณยังฝึก

ไปไม่ถึงแก่นแท้ ตามหลักที่เขาสอน.....


พลังจริงของงูร้อน และเย็น มากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ...

เดี๋ยวผมขอรอฟังความรู้จากท่านอื่น

แล้วจะมาคุยด้วย


โปรดอย่าถือ คนบ้า คนบวม อย่างผม เลยนิ อิอิ

 

คุณมังกรบูรพา จะรีบด่วนสรุปไปหน่อยหรือเปล่าครับ
"ทำให้มันชำนาญเข้า สิ่งต่าง ๆ ที่สงสัย มันจะคลาย

ไปทีละตัว ขืนจับจรดผสมมั่ว ไปอ่านสารพัดตำราและวิธี แถมยังใส่ ความมั่ว

ในสิ่งที่ตัวเอง ฝึกไปไม่ถึง.........มันก็เลย..............."
ไม่เข้าใจว่าการที่เราสนใจศึกษาวิถีทางของการปฏิบัติของแนวทางต่างๆเพื่อนำไปสู่เป้าหมายปลายทางสุดท้ายมันเป็นการจับจรดผสมมั่ว ไปอ่านสารพัดตำราและวิธี ตรงไหนครับ สมมุติว่าถ้าเราจะเดินทางจากกรุงเทพเพื่อไปสงขลาโดยการขับยานพาหนะต่างด้วยตัวของเราเอง ซึ่งจะมีวิธีการไปได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ รถไฟ ทางเรือ หรือเครื่องบิน เราจะไม่ศึกษาก่อนหรือครับว่า การไปสงขลาในแต่ละวิธีดังกล่าวมีรายละเอียดเป็นอย่างไร การขับยานพาหนะต่างๆมีขั้นตอน รายละเอียดอะไรบ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางหรือครับ หรือเราเดินๆไปเห็นรถไฟแล้วมีคนบอกเราว่าขับไปเถอะเดี๋ยวรู้เอง ไปถึงสงขลาเหมือนกันละน่า เราก็จะเลือกวิธีการไปสงขลาโดยการขับรถไฟเลยหรือครับ ถ้าเราอยากจะไปสงขลาแต่เราไม่ได้ศึกษารายละเอียดของการเดินทางแบบต่างๆที่มีอยู่หรือจากผู้รู้ที่เคยเดินทางไปสงขลาด้วยวิธีการต่างๆก่อน เราอาจจะเรียนรู้การเดินทางแบบอื่นๆในการไปสงขลาครั้งต่อไป แต่นั่นหมายความว่าเราจะต้องเสียเวลาที่จะต้องเรียนรู้การขับยานพาหนะแบบอื่นๆ รวมถึงรายละเอียดของเส้นทางที่จะเดินทางไปด้วยยานพาหนะแบบนั้นๆด้วยตัวของเราเองในการที่จะเดินทางไปสงขลาถึงอีก 3 ครั้ง เพื่อจะได้รู้ว่าการขับยานพาหนะแบบใดเราถนัดที่สุด ทำได้ดีที่สุด สามารถเดินทางไปถึงสงขลาได้อย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกับเวลาของชีวิตของมนุษย์แล้วบางท่านอาจจะคิดว่าไม่เป็นไร เสียเวลาแค่นี้เอง แต่ถ้าเราต้องมาเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งกับหนทางแบบต่างๆที่จะนำไปสู่เป้าหมายคือการหลุดพ้น เมื่อมาพบในภายหลังว่าการปฏิบัติที่ทำอยู่ไม่เหมาะกับตนเองเลย แต่นั่นหมายความว่าเขาอาจจะเสียเวลาของเขาไปแล้วทั้งชีวิต ดังนั้นผมจึงอยากเรียนรู้ทฤษฎีและวิธีการปฏิบัติต่างๆ อยากเรียนรู้ถึงผลของการปฏิบัติในแต่ละวิธีต่างๆนั้นจากผู้ที่มีประสบการณ์ที่ได้ปฏิบัติมาก่อนดังเช่นท่านทั้งหลายในกระทู้นี้ เพราะผมไม่อยากเสียเวลาชีวิตทั้งชีวิตแล้วมาพบที่หลังว่าพบว่าการปฏิบัติที่ผมทำอยู่ ผมไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยวิธีการนี้ ซึ่งถ้าผมปฏิบัติอีกแบบหนึ่งผมจะสามารถถึงจุดหมายปลายทางได้ภายใน10วันแรกแล้ว(สมมุตินะครับ)

สำหรับ "ความมั่ว"ที่คุณมังกรบูรพาพูดถึง นั่นเป็นความสงสัยในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ อย่างเช่นเส้นอิทา หรือปิงคลา ของอินเดียกับไทย ทำไม เส้นทางไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ไม่มีผู้รู้ช่วยอธิบายให้ชัดเจน ได้แต่บอกว่าลองแล้วเดี๋ยวรู้เอง ผมจึงคาดเดาเอาเองว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แบบนั้น ซึ่งถ้าเกิดจะบอกว่าลองแล้วเดี๋ยวรู้เอง ผมว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่ต้องพูดถึง ไม่ต้องมีการอธิบายเส้นสายอะไรให้ผู้ปฏิบัติรู้ไปเลยดีไหมครับ เพราะลองแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละ(ขอประชดนิดนึง)

"อ้อ! อีกอย่างหนึ่ง เลิกเข้าใจผิด ๆ ว่าตัวเองได้สัมผัสพลัง คุณฑาลิณี ที่บอก

มาว่า เย็น ๆ เสียทีนะ....ผมลองคลิกเข้าไปดูเว็บไซด์ สหจะโยคะ

แล้วลองใช้ฝ่ามือสัมผัสดู 55555555555 มีความเย็นที่กระหม่อม


แต่...สิ่งนั้น เป็นแค่เศษ หรือเพียงเปลือก ที่คุณเพิ่งเริ่มต้น คุณยังฝึก

ไปไม่ถึงแก่นแท้ ตามหลักที่เขาสอน.....


พลังจริงของงูร้อน และเย็น มากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ..."

สำหรับเรื่องกุณฑาลินี ที่มีลักษณะเย็น ผมไม่ได้คิดเองหรอกนะครับ(ด่วนสรุปอีกแล้ว) สำหรับการปฏิบัติสมาธิที่ศูนย์ของสหจะโยคะ จะมีช่วงที่โยคีของสหจะโยคะส่งพลังให้แก่กันทุกครั้งเมื่อไปปฏิบัติที่ศูนย์ ในครั้งแรก(และครั้งถัดๆไป)ที่ผมไปฝึกก็จะมีพี่โยคีช่วยส่งพลังให้ ในครั้งแรกที่ผมได้รับการส่งพลัง ผมรู้สึกมีกระแสเย็นอะไรซักอย่างวิ่งไปตามกระดูกสันหลังขึ้นไปบนศรีษะ และเมื่อมีการส่งพลังให้เสร็จ พี่โยคีก็ให้ผมลองเอามือไปกวาดๆผ่านบนศรีษะดูและถามว่าผมรู้สึกอย่างไร ซึ่งผมก็บอกว่า มันมีอะไรไม่รู้เย็นๆ บนศรีษะและระหว่างที่มีการส่งพลังให้มันก็รู้สึกมีอะไรเย็นวิ่งไปตามกระดูกสันหลังด้วย พี่โยคีก็ได้บอกกับผมว่านั่นละคือ"พลังกุณฑาลินี"ล่ะ และเมื่อผมไปฝึกสมาธิที่ศูนย์สหจะFยคะในครั้งต่อๆไปที่มีการส่งพลังให้ความรู้สึกถึงกระแสเย็นนี้ก็ค่อยๆชัดเจนขึ้นทุกครั้ง
ก็อยากจะขอชี้แจงให้เข้าใจเพียงแค่นี้ครับ ก็อย่างที่ผมได้เคยrep.ไว้ในกระทู้นี้ว่าผมเพิ่งเริ่มปฏิบัติก็ยังไม่รู้อะไรมาก และแน่นอนผมยังไม่ถึงแก่นแท้ตามที่คุณมังกรบูรพาบอกแน่นอน แต่ก็อยากขอคำแนะนำจากผู้ที่ปฏิบัติมาก่อนโดยเฉพาะผู้ที่ถึงแก่นแท้แล้วช่วยกรุณาชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณที่ไขข้อสงสัยครับ

 

คิดว่าจะตั้งใจเข้ามาตอบ ต้องขอตัวก่อนล่ะครับ 5555555555

ตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ โทรฮาโหล คุยกับ อาจารย์ SUWI นันท์

คืนนี้โทรฮาโหล กับท่านอาจารย์ผู้เฒ่า นี่ก็รวม 3 วันแล้วอ่ะจ้า

ตกลงว่า 3 วัน หลับนอนเพียง 3 ชั่วโมง ขืนเป็นอย่างงิ

ม่ายไหว อ่ะ...

 

อืม ! การเรียนการศึกษาในศาสตร์ต่างๆ มีมากมายหลายแบบ จะว่าของใครถูกหรือผิดนั้นหรือว่าเหมือนกันหรือไม่นั้น ย่อมตอบได้ยาก ขึ้นอยู่กับผู้เรียนและฝึกมากกว่าว่าเรียนแล้วฝึกแล้วได้สิ่งใดมา การสัมผัสหรือรู้ได้ของแต่ละท่าน ก็ใช่ว่าจะเหมือนกัน เอาเป็นว่าชอบแบบไหนก็เรียนแบบนั้นจะดีกว่าครับ เด๋วจะกลายเป็นว่าของใครดีกว่ากันไปอีก พิจารณาดูก่อนก็แล้วกันเด้อ อย่าได้ยึดติดว่าสิ่งใดถูกหรือสิ่งใดผิดน่าจะดีกว่า

 

ขอเสริมอีกนิดครับ..ท่านพี่สาม

สมองมนุษย์ เป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ ที่มีเส้นประสาท/เชื่อมต่อ และท่อทางพลัง อยู่ไม่
น้อยกว่า 72,000 เส้น (ตามตำราของโยคี) เส้นประสาททั้งหมด ต่างวิ่งไปอยู่
ส่วนตำแหน่งต่าง ๆ ของร่างกาย และก่อตัวเป็นศุนย์รวมพลังงานย่อย ในส่วนที่ลึก
กว่ากายเนื้อ(กายทิพย์) จนเป็นที่มาของคำว่า "จักร" หรือสุดแต่จะเรียก

ตำแหน่งจักร ของแต่ละสายวิชา ต่างล้วนตั้งชื่อตามเจ้าลัทธิ/ผู้ค้นพบ และล้วน
เป็นที่มา/ที่กำเนิดของ แต่ละสายวิชา/สำนัก ขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบ...

วิชาของนาย ก. ให้ฝึก ตั้งต้นที่ท้องน้อย...วัดลงไปได้ 2 นิ้วมือ
วิชาของนาย ข. ให้ฝึก ตั้งต้นที่ท้องน้อย แต่...ให้วัดลงไป 3 นิ้วมือ
(ตำแหน่งไหน ถูกต้อง กระนั้นหรือ)

วิชาของนาย ก บอกว่าจักร1...อยู่ที่ฝีเย็บ เนื่องจากอยู่ระหว่างกลางรูทวาร
และอวัยวะเพศ

วิชาของนาย ข กลับบอกว่าจักร1.. อยู่ตรงปลายสุด ของกระดูกก้นกบ
บางท่านบอกว่าไม่ถูก... ต้องอยู่ที่รูทวาร
(ตำแหน่งไหน ถูกต้อง กระนั้นหรือ)

สิ่งเปรียบเทียบมา แสดงให้เห็นถึง จักร/ตำแหน่ง ที่ใช้ในการฝึก ของแต่
ละสายวิชา/สำนัก/อาจารย์ นั้นไม่ตรงกัน

เมื่อศิษย์ใหม่ป้ายแดง ได้เรียนรู้จากสำนักของนาย ก. มาแต่เพียงต้น
พอมาเห็นสำนักของนาย ข. ว่าสิ่งที่รู้เห็น/สัมผัส ต่างกับตน ต่างกับ
สำนักที่สอนมา "ทำไมพลังต่างกัน" ....."ไหนถูก ไหนผิด"

เป็นที่มาแห่ง "วิกิจฉา" สงสัยในเหตุ สงสัยในผล

เมื่อปฏิบัติแล้ว ผลลัพท์ที่ได้ เป็นอย่างไร....มีต่ออ่ะ

 

รอ อ่านต่อครับ พี่มังกร

 

งานนี้พี่มังกรเอาจริงเอาจังไม่น้อยเลยนะครับ 55..
ต้องขอบคุณที่เอาข้อมูลความรู้มาฝากเพื่อนๆ ในกระทู้

วิชาความรู้ต่างๆ เมื่อศึกษาค้นคว้าและปฏิบัติฝึกฝน
จนเข้าใจอย่างละเอียดถ่องแท้จนถึงแก่นแล้วแล้ว
ก็จะสามารถนำมาพลิกแพลงต่อยอดขึ้นไปได้อีกหลากหลาย
อยู่ที่ว่าจะพัฒนาไปในด้านในก็สุดแล้วแต่จริตหรือ
ความชอบของคนผู้นั้นครับ

วิชาความรู้ยังมีอีกมากมายครับ มีโอกาสก็ศึกษากันไปครับ
;aa44

 

เส้นประสาท/ท่อทางพลัง ที่โยงใยเกาะเกี่ยว เหมือนแผงวงจรไฟฟ้า เมื่อเราจี้
หรือกระตุ้น ไปยังจุดหนึ่ง(บางจุด) จะเกิดผลให้แหล่งจ่ายพลังงาน (power)
ได้รับผลกระทบ...จากจุดดังกล่าว ผมขอเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า "แรงสะท้อน"


<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:16.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman";} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
เมื่อเรากดจุดไปที่ หัวแม่เท้าด้านใน ลึกเข้าไปตรงกระดูกข้อที่สอง จะส่งผล[/FONT]
[FONT=&quot]เป็น "แรงสะท้อน"[/FONT][FONT=&quot] ขึ้นมายังแกนสมอง (สมองน้อย)[/FONT][FONT=&quot] ซึ่งควบคุมระบบการเคลื่อน[/FONT]
[FONT=&quot]ไหว ระบบรับรู้ตอบสนอง ตา หู จมูก ระบบเลือด และความรู้สึกเจ็บ/ปวด/ร้อน/เย็น[/FONT]

[FONT=&quot]เมื่อเรากดจุดไปที่ หัวแม่เท้าด้านล่าง (ตรงกลาง) ต่อมใต้สมองที่มีรูปร่าง[/FONT]
[FONT=&quot]ทรงกลม สีเทาอมแดง ที่อยู่ในส่วนลึกของ สมองส่วนล่าง จะได้รับ "แรงสะท้อน"[/FONT]
[FONT=&quot]มีผลให้ ต่อมต่าง ๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย ถูกปรับเข้าสู่ความสมดุลย์[/FONT]
(ใครที่ชอบฝึกตาทิพย์ หมั่นกระตุ้น 2 จุด)
<o></o>
[FONT=&quot]หากใครมีอาการบวม ที่หลังมือ เมื่อเรากดไปยังฝ่าเท้าด้านข้าง
จะได้รับแรงสะท้อนกลับ[/FONT][FONT=&quot] ส่งผลรักษา ที่หลังมือได้[/FONT]<o>

กฏแห่ง"แรงสะท้อน" ดังกล่าว ตรงกับกฏของท่านอาจารย์ SUWIนันท์
ที่ใช้รักษาผู้ป่วยได้ผล

"เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว"

มีต่ออ่ะ...
</o>

 

น้องโยดา มะต้องแซวครับ น่าจะจำได้ว่า ตัวผมเอง แจ้งเกิดที่บ้านหลังนี้อ่ะ
อยู่หน้า 41 (หาซะนาน) เลยมีความรู้สึกลึก ๆ กับกระทู้นี้อยู่ อย่างน้อย ชอบในรูปแบบที่เหมือน และคล้ายกัน 555555555 พวกฝึกสายพลัง

 

ภาพประกอบ จากศาสตร์พุทโต ชินโต


จะทางไหน สภาวะธรรม สภาวะสัมผัสรู้

ของผู้ฝึกชอบแล้ว เห็นแล้ว...สู่จุดเดียวกัน

 

ผมขอแยกประเด็นคำถาม คุณพลบค่ำ ไว้เป็นข้อ

ลมปราณกับกุณฑาลิณี ต้องประสานกัน ต่างอาศัยซึ่งกันและกัน เหตุจึงจะเกิด
การที่ท่านสัมผัส พลังเย็น ตามที่เล่ามา นั้นถูกต้อง เป็นสายวิชาของเขา
ศิษย์สายพลังจักรวาล ต่างก็สัมผัส พลังที่เกิดขึ้นภายใน ให้มีอาการวูบ ๆ
วาบ ๆ วิ่งไปยังจุดต่าง ๆ นา ๆ

สรุปแล้วคือ การส่งลมปราณ/พลัง จากผู้เป็นอาจารย์ เพื่อกระตุ้นศิษย์ฝึกใหม่
ให้ได้รับสัมผัส ที่ชัดเจน....เสร็จแล้ว ต้องมาฝึกอีกที เพิ่มความชำนาญ

เส้นสายลมปราณ และตำแหน่งจักร ผมได้ตอบแล้ว ลองพิจารณาข้อความ
ข้างบนดู มองย้อนกลับไปมา จึงจะเข้าใจ

เห็นบอกไม่เคยรู้สึกร้อน แหม! อยากให้ลองเปิดจักร ระดับ1-2 ดู ถ้าจักรไม่
สมบูรณ์ จะรู้ว่าอะไร คือพลังร้อน

การฝึกแบบอาจารย์ SUWI เห็นบอกว่า พลังวิ่งไปที่เข่า ขอตอบดังนี้
จะฝึกสายไหน ถ้าจิตแรงพอ ส่วนที่เป็นจุดอ่อนของร่างกาย จะถูกซ่อมแซม
เพื่อเปิดให้เส้นสายต่าง ๆ กว้างพอ ที่พลังงานจะ ไหลผ่านสะดวก

อืม! ตอบมาถึงตรงนี้ ผมอยากแชร์ประสบการณ์ ที่คล้ายกับคุณพลบค่ำ
จากการฝึกพลังจักรวาล ระดับ 4 ให้ดู...แต่เวลานี้ ขอติดไว้ก่อน

จำไว้อย่างหนึ่งว่า พลังร้อน/พลังเย็น จะมาทั้ง 2 สาย สุดแต่ว่า จะสัมผัส
สิ่งใดก่อน หรือสัมผัสแล้ว มองทันหรือไม่ และหากไม่สามารถฝึกจับ ให้มา
รวมเป็นหนึ่งเดียวได้ พลังคุณฑาลิณี คืองูตัวที่แท้จริง ย่อมไม่เกิด

ผมต้องขอติง คุณพลบค่ำสักนิด เกี่ยวกับการตั้งคำถาม

ควรฝึกในรูปแบบ ที่ชำนาญก่อน พอติดขัด หรือไม่เข้าใจก็ให้ถาม
กับครู อาจารย์ในสายที่ฝึกมา เอาในส่วนที่ตัวเอง ฝึกแล้ว ติดขัดจริง ๆ
ขืนมายิงกระสุน 108 นัด แบบนี้ 555555555
คนตอบกุมหัว กุมขมับ ถ้ามีเคสแบบคุณสัก 10 ราย...คางเหลืองพอดี
ตอบไปแล้ว 1 เดี๋ยวก็มี 2 3 4 5 เข้ามาอีก...

กรรมบางอย่าง ผมได้ชดใช้ให้ท่าน เรียบร้อยแล้ว ขออนุโมทนา
กับความรู้ ในสายแห่งสหจะโยคะ ตามที่เล่า ขอให้ตั้งใจฝึก...

 

ก็ขอขอบคุณ คุณมังกรบูรพา คุณtriangle อีกครั้งนะครับที่กรุณาให้คำแนะนำบนเส้นทางสายนี้ สำหรับผมเมื่อได้เริ่มเดินทางสายนี้ก็รู้สึกเหมือนถูกจับยัดเข้าไปในหมอกพิกล ยอมรับตรงๆว่าสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าพลังกุณฑาลินีเห็นอย่างมากว่าแท้จริงแล้วสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้รับคำอธิบายเรื่องนี้จากสหจะโยคีว่า กุณฑาลินีคือพลังไฟเย็นจุดเริ่มต้นของพลังจะอยู่ที่จักระบริเวณก้นกบ(เราจะเรียกพลังนี้ว่าคุณแม่ ) มีลักษณะเหมือนงู2ตัวพันกัน เป็นกระแสเย็นแต่ถ้าจักระตรงไหนอุดตันหรือมีปัญหา มันจะทำการทะลวงจักระนั้นทำให้เรารู้สึกร้อน ณ บริเวณจักระนั้นๆ แต่ถ้าเป็นกุณฑาลิณีแบบที่ลามะธิเบตฝึกจะอธิบายว่า เป็นพลังงูไฟจุดเริ่มของพลังอยู่ที่จักระบริเวณฝีเย็บ มีลักษณะเหมือนงู2ตัวพันกัน มีลักษณะร้อนเพราะเป็นพลังธาตุไฟ แต่ถ้าเป็นพลังกุณฑาลิณีดังที่คุณมังกรบูรพาอธิบาย พลังกุณฑาลินีจะมีลักษณะตัวหนึ่งร้อน ตัวหนึ่งเย็น ผสมผสาน
สรุปผลจากข้อมูลทั้งหมดก็คือ ช่างมันเถอะครับต่อไปนี้ผมจะไม่คิดมากดังที่คุณมังกรบูรพาบอกนั่นแหละครับ และต้องขอโทษสำหรับความวิกิจฉาของผมด้วยครับ

 

ได้มีโอกาสอ่านเนื้อหาของการฝึกสมาธิเกศา โลมา ของอ.SUWI แบบเต็มๆ รู้สึกว่าการฝึกสมาธิแบบของอาจารย์จะไม่ใช่แค่การฝึกในรูปแบบของสมถะอย่างเดียว แต่มีส่วนของการฝึกในแบบของวิปัสสนาโดยการพิจารณาเวทนา(เวทนานุสติปัฐาน)อยู่ด้วย ไม่ทราบว่าการฝึกสมาธิแบบนี้มีความเป็นมายังไงครับ

 

อย่าลืมกันนะครับ ทุกๆวันเวลาหกโมงเย็น ทำสมาธิร่วมกันทั่วโลก
เข้าชมได้ที่เวป

UNIVERSAL ENERGY TV

หรือ

www.universalenergy.tv | HUESA

 

penp@chaiyo.com ขอรายละเอียดด้วย

 

จขกท. มาตอบด้วย มีคนมา ขอรายละเอียดด้วย แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร