มีวิธีการไหนบ้างที่จะทดสอบว่าพระรูปไหนแจ่ม หรือ ไม่ได้เรื่อง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ซาตานคลั่ง, 12 พฤษภาคม 2009.

  1. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    การที่จะดูว่าภิกษุรูปไหนเข้าท่า รูปไหนไม่ได้เรื่องมีหลายแบบหลายวิธี บางคนที่เก่งๆหน่อยก็อาจจะใช้วิธีกำหนดจิตถามจากพระพุทธเจ้าหรือจากนายบัญชี ถ้าคนที่ประมาทลงมาหน่อยก็จะใช้วิธีดูจิต ซึ่งถ้าเป็นพระอรหันต์แล้วสามัญชนจะมองไม่เห็นเพราะใสติ๋งไปหมด
    แต่บางคนก็อาศัยวิธีดูจริยาว่าน่าเลื่อมใสมากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะดูว่าเป็นสายของอาจารย์ที่ตนศรัทธาหรือเปล่า หรือไม่บางคนก็อาศัยฟังตามชาวบ้านไป เขาว่าดีเราก็ว่าดีตามเขาแค่นั้น ง่ายดี

    สำหรับผมแล้วผมมีวิธีง่ายๆอยู่วิธีหนึ่ง(ใช้บ่อยกว่าใช้มโนซะอีก เพราะสามารถสร้างพยานบุคคลได้) นั่นคือ การถามเรื่องการฝึกกษิณ ซึ่งผมมักจะใช้วิธีง่ายๆ(มั้ง)อย่างนี้ คือ

    คลานเข้าไปกราบนมัสการ บอกกับภิกษุรูปนั้นว่า"ผมมีปัญหากรรมฐานอยากขอคำแนะครับ"
    - ถ้าได้คำตอบมาว่า ลองว่ามาสิ ก็แปลว่า ยังพอคุยกันได้
    - ถ้าได้คำตอบมา ไม่ตรงกับคำถามที่อยู่ในใจ(คำตอบแบบคนอวดรู้) ก็เลิกคุยเถอะ
    - ถ้าได้คำตอบมาว่า ไม่มีกรรมฐานหรอก เรื่องของคนบ้า อันนี้ก็เลิกเถอะ เพราะสมัยนี้หาหลวงพ่อที่เป็นแบบหลวงพ่อเนียมวัดน้อย ที่หลวงพ่อปานไปเรียนด้วยยากเต็มทน คงไม่มีเหลือแล้วแหละ

    ถ้าได้คำตอบแรก ลองคุยต่อไป ผมมักจะถามว่า "ผมอยากรู้เรื่องการฝึกกษิณครับ
    - ถ้าได้คำตอบมาว่า อาตมาก็ไม่รู้เหมือนกันนะ อันนี้ถือว่าพอคุยกันได้ ถือว่าไม่บอกเพราะไม่รู้ เพราะเดี๋ยวนี้ก็หาคนที่เข้าใจเรื่องกษิณยากเต็มที
    - ถ้าได้คำตอบมาว่า อย่าไปฝึกมัน กษิณมันเป็นวิชาของพวกโยคีพวกฤาษี ไม่ใช่วิชาของพระพุทธเจ้า อันนี้เลิกคุยกันได้เลย คงจะได้เห็นหน้าผมครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย

    แต่ส่วนใหญ่ที่ผมเจอ พอได้คำตอบหลัง ผมก็แกล้งหัวเราะเหอะๆ แล้วมักจะได้ยินต่อไปว่า "เสียดาย น่าจะมาเร็วกว่านี้ จะให้อารมณ์กรรมฐานไปฝึก"

    ได้ยินอย่างนั้นผมก็มักจะคิดในใจทุกครั้ง "พวกองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน ตัวเองทำไม่ได้แล้วไปด่าว่ากษิณไม่ใช่วิชาของพระพุทธเจ้า ก็อย่าสะเออะมาให้อารมณ์กรรมฐานฉันเลย"


    ผมใช้วิธีนี้ทดสอบพระแก่ๆหรือพระดังๆประจำแหละ ก็มีบ้างใช้มโนครึ่งกำลังปรึกษานายบัญชี

    คนอื่นๆมีวิธีการไหนบ้างเหรอ
     
  2. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    "ความสงสัยทำให้ยากต่อการบรรลุธรรม"?(หรือเปล่าค่ะ)
     
  3. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....ไม่นะ...ความสงสัย ทำให้เราสนใจที่จะค้นหา เหตุและ ผล...จริงอยู่ในทาง ปฎิบัติ หลายกรณี ต้อง ตัดทอน ความสงสัย ออกไปก่อน หมายถึง การ ลดทอน ความยึดมั่นเดิมๆออกไป เพื่อ เรียนรู้สิ่ง ใหม่ๆ...แต่ รู้แล้ว ต้อง สอบทาน ความรู้นั้น ว่า ที่รู้เห็น นั้น ก็ จริงอยู่ แต่ จะจริง ตามที่รู้เห็นหรือไม่?...ข้อนี้ ต้อง สงสัย และ หมั่น พิจารณา....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2009
  4. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    จะทดสอบไปทำไมเล่าคะ เราไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคล
    พระหลายรูป ก็เป็นพระใหม่ แต่มีความตั้งใจดี
    อย่างนี้เราก็ควรสนับสนุน และร่วมอนุโมทนาด้วยไม่ใช่เหรอคะ

    ผู้บรรลุธรรม ขั้นโสดาบัน ไม่รู้เรื่องกสินก็มีถมไป
    ถ้าพระท่านสอนธรรมมะ ที่เป็นไปเพื่อการละ
    ดิฉันว่า เท่านั้นก็น่าฟังแล้วล่ะค่ะ
     
  5. OLDMAN AND A CAR

    OLDMAN AND A CAR เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +2,752
    ....สงสัยคนอื่นนั้นหรือ จะได้ประโยชน์ มากไปกว่า สงสัยใน ตัวตัวตนของเราเอง...
     
  6. ผู้ป่วยทางจิตวิญญาณ

    ผู้ป่วยทางจิตวิญญาณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +21
    การบำเพ็ญควรหมั่นตรวจสอบ กาย วาจา ใจ ของเราว่ายังมีข้อบกพร่องตรงไหน ตราบใดยังมองไม่เห็นแต่ข้อบกพร่องของตนเองเลย แต่กลับมองเห็นความผิดของคนอื่นมากมายแบบนี้เรียกว่าน้ำเต็มแก้วมักจะเสียโอกาสที่จะได้พบกับสิ่งดีๆเสมอ หน้าที่ของเราคือสำรวจตนเองมิใช่สำรวจผู้อื่นคับ ความคิดแบบนี้เป็นอกุศลจิตเป็นการปลูกฝังเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ดีคับยังไงอยากให้ลองพิจารณาดูคับ ถือว่าเป็นการแนะนำนะคับเพราะผู้บำเพ็ญเหมือนกันไม่อยากให้หลงทางน่ะคับ


    นักปราชญ์บัณฑิต มีความผิดเล็กน้อย
    อริยบุคคลมีความผิดมากมาย
    แต่คนพาลไม่มีความผิดใดเลย


    คิดเสียว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นนะคับผู้น้อยด้อยสติปัญญาหากบกพร่องประการใดก็ขออภัยด้วยคับ ผู้อาวุโสเมตตาช่วยชี้แนะเพิ่มเติมคับ
     
  7. huangnang

    huangnang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +121
    ไม่รู้นะ ความคิดผมเป็นแบบนี้
    พระที่เก่ง แค่คุณคิดและอ้าปากถามแบบนี้ผมว่าท่านก็รู้เจตนาคุณแล้วท่านจะตอบเหรอครับ
    ตอบว่าใช่ก็เหมือนโอ่ว่าท่านเก่ง อาบัติหรือไม่ ผมไม่รู้ ท่านอาจห่วงตรงนี้ก็ได้ อีกอย่างเจตนาแท้ๆของคุณไม่ได้มาถามเรื่องกรรมฐาน แต่มาลองภูมิ เริ่มต้นก็เหมือนไม่เคารพท่านแล้ว
    ดูคุณก็มั่นใจในมโนของคุณพอควรนี่ แสดงว่าปฎิบัติมานานแล้ว ดีครับ แต่ระวังเผลอไปปรามาสพระเก่งที่ท่านไม่ตอบสนองความอยากรู้ของคุณ จะส่งผลต่อสิ่งที่คุณทำได้ให้เสื่อมไปได้นะ (เคยได้ยินว่าปรามาสพระดี อาจารย์ การภาวนา ปฎิบัติจะไปต่อไม่ได้)
    ส่วนพระที่ตอบว่าอย่าไปเล่นกสิณเลยเป็นอุบายของท่านหรือไม่ต้องไปพิจารณาเอง บางท่านก็คงไม่ได้ฝึกมา ก็ไม่แปลก สายจารย์มั่น ฝึกพุทโธ ก็มีปาฎิหารย์ เยอะ การมีฤทธิ์ไม่ได้ต้องมาจากกสิณอย่างเดียวนี่ อีกอย่างกสิณไม่ได้เหมาะกับทุกจริต หรือแม้แต่สภาพร่างกายที่ไม่เหมาะก็อาจฝึกไม่ได้หรอก ท่านหวังดีหรือเปล่า อันนี้ไม่รู้นะ
     
  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    มีคนไปบ้านยายผีป่านะคะ เขาบอกกับเพื่อนๆ กลุ่มที่รู้จักเขาว่า "เขาได้มโน และแจ่มมากๆ" แต่เขากลับไปนับถือพระที่เพี้ยนคือคิดว่าตนเก่งกว่าใครๆ ตนไม่ใช่พระธรรมดา"

    อาจารย์หลายรูปที่ยายนับถือบอกว่า

    เขาบ้า เขาไม่ใช่พระ บางรูปบอกว่า อย่าถือสาเขาเลย เขาหลง

    กลายเป็นว่าคนที่คิดว่าตัวเองรู้กำลังจิตกำลังใจและมองออก ชอบตามหาคนเก่งจริงนั้น ส่วนมากไม่ได้เรื่อง


    เพราะตลอดมานั้นนะคะ ครูบาอาจารย์ของยายผีป่ามักจะสอนทุกครั้งเวลายายผีป่าไปจ้องจับผิดนักปฏิบัติต่างๆ ไม่ว่าพระหรือฆราวาส

    พอกลับมาหลวงปู่ หลวงตาจะบอกว่า

    "จงมองตน!" ถามตนก่อนว่า "ตนมีอะไรดีนักหรือจึงไปคอยสังเกตผู้อื่น ไปเพ่งโทษผู้อื่น"
     
  9. ธาตุ 4

    ธาตุ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2009
    โพสต์:
    123
    ค่าพลัง:
    +110
    เราไม่เคยนะแบบนี้ พระดีอยู่ที่การมีพระรัตนตรัยอันบริบูรณ์
    การศึกษาธรรมจากพระไตรปิฏก และปฏิบัติธรรม
    ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
    ส่วนผมเรียนธาตุกัมมัฎฐาน 4 เป็นการพิจารณาร่างกาย
    เป็นคำสอนที่ง่าย ๆ และพระที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ส่วนใหญ่ก็เรียนกรรมฐานนี้กันทั้งนั้น อีกอย่างการท่องธาตุกรรมฐานมีบุญมาก เพราะเป้นการพิจรณากาย
    การทดสอบพระสงฆ์นั่นง่ายมากว่า แจ๋มหรือไม่
    คือ พระรูปใหนรับเงิน มีเงิน นั่นแหละ ไม่ใช่พระดี (ยกเว้นพระอรหันต์เพราะไม่เกิดโทษแก่ท่าน)
     
  10. Natthakorn

    Natthakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,003
    ค่าพลัง:
    +7,078

    ชอบจังเลยคำตอบนี้.......เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้หรอกถ้ายังเราไม่ดีพอจริงๆ
    อย่าเลยครับ...ผมเคยพลาดติเตียนท่านผู้ทรงคุณมาหลายรูปแล้ว
    โดยที่ใช้วิสัยของปุถุชนเปนตัววัด

    ถึงท่านจะเปนผู้ทรงคุณวิเศษ.....ก็ให้นับถือท่านในรัตนตรัย.....สิ่งใดคือพระรัตนตรัยเราก็นับถือสิ่งนั้น...จะดีที่สุด


    ผมเปนแต่ผู้น้อยถ้าผิดพลาดก็ขออภัยด้วยนะครับ


    ท่านผู้ใดที่ผมเคยล่วงเกินผมก็ขออภัยด้วยนะครับ;34
     
  11. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อืมๆๆ ช่างอยากมันเนาะ ดูที่ใจเราเป็นพอ
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ง่ายนิดเดียว

    เข้าไปหา จะถามหรือไม่ถามไม่ใช่ประเด็น

    สิ่งที่ดูคือ เท้าที่ก้าวเข้าประตูวัด กับเท้าที่ก้าวกลับออกจากประตู
    ครั้งไหนหนักกว่า

    หาก ขากลับหนักกว่าขาเข้า เดินตึงๆ ยังกะยักษ์ มั้นอ๊กม้วนใจ แปลว่า
    ...พระท่านอาจจะมีดี

    หาก ขากลับเบาไปหมดแต่ก็หนักกว่าขาเข้าอยู่ จิตตั้งมั่นไม่เลิก แปลว่า
    ....พระท่านอาจะมีดี

    หาก ขากลับเบาพอๆกับขาเข้า แปลว่า พระท่านอาจะมีดี แต่เรารับไม่ได้
    พอลุกก็หล่นจากหน้าตักหมด

    หาก ขากลับเบากว่าขาเข้า แปลว่า พระท่านมีดี แล้วเราก็รับมาได้หมด

    หาก ขาเข้าไปก็หนัก ตึงตังๆ เข้าไป กลับออกมา ก็หนักเท่าเก่าหรือมาก
    กว่า แบบนี้ สงสัยเสมอกัน และไม่ใช่ทางที่ดี

    * * * *

    อ้อ วิธีนี้ใช้ไม่ได้กับพวกศรัทธาอินทรีย์กล้า เช่น เทวราชทั้งหลาย พวกนี้
    จะเข้าจะออก ยังกะแมวย่อง งุดๆ คลานเข้า คลานออก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2009
  13. ผู้รู้แจ้ง

    ผู้รู้แจ้ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +42
    จาบจ้วงมาก...ไร้พุทธสามัญสำนึก...ดูจากความคิดและการกระทำแล้ว...น่าจะเป็นคนถ่อยไร้ศาสนา...หากไม่นับถือ...ก็กรุณาอย่าลบหลู่...พระจะดีหรือไม่ดีไม่ใช่ประเด็น...ประเด็นคือเคารพนับถือในศาสนานี้หรือไม่...ทำอย่างนี้กรุณาออกไปให้ไกลจากบอร์ด...และศาสนานี้ให้ไวด้วย....น่าสมเพช...
     
  14. โชเต

    โชเต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    285
    ค่าพลัง:
    +331
    เรียน คุณซาตามคลั่ง
    ในฐานะสมาชิกของเวปนี้ ผมขอแนะนำบางอย่างกับคุณว่า

    ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ยังไง ๆ ท่านก็เป็น "พระ" ถึงแม้ว่า
    "จะไม่โดนใจคุณ" ก็ตาม
    ท่านฯ ก็ยังถือศีลมากกว่าคุณ ต่อให้ "ท่านฯ"
    ทั้งหลาย ทุกๆ องค์ ที่คุณเคยพบเจอมาก่อนหน้านี้ "จะดี หรือไม่ดี"
    ก็ตามที คุณเองก็ไม่สมควรที่จะทำ "กิริยา" ที่ไร้ "มารยาท"
    ทั้งต่อหน้า และลับหลัง
    ท่านฯ ถึงแม้ว่า คุณจะไม่พอใจ ไม่ชอบ ในคำพูด คำจาของท่านฯ
    ซึ่งเราก็ไม่รู้อีกแหละว่า "ลับหลัง" ท่านฯ
    ปฏิบัติแบบไหน คิดอย่างไร ฝึกยังไง มันก็เป็นเรื่องของท่านฯ ไม่เกี่ยวกับคุณ
    ดีไม่ดี นี่ก็เท่ากับว่า คุณไป "ลบหลู่" ท่านฯ ระวังจะเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว

    ยกเว้นว่า คุณจะไม่ "นับถือ ไม่เลื่อมใส ไม่ศรัทธา" ซี่งก็ไม่มีใครเขาว่าคุณหรอก
    คุณก็ไปหา "พระ" องค์อื่น ที่คุณคิดว่า "โดนใจ" ของคุณ จะไม่ดีกว่าหรือ?
    อะไร ๆ ก็มักจะไม่ได้ "ดั่งใจ" ในสิ่งที่เราหวังทุกอย่าง เสมอหรอก
    เผลอ อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราได้คิดไว้ซะด้วยซ้ำ
    ผมอยากจะให้คุณคิดแบบง่ายๆ อีกแง่นึงว่า "เป็นกรรมเป็นเวร"ของคุณเอง จะดีกว่าไหม?

    อีกอย่างหนึ่ง ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน ที่คุณบอกว่า
    "มีวิธีการไหนบ้างที่จะทดสอบว่าพระรูปไหนแจ่ม หรือ ไม่ได้เรื่อง"
    ไม่มีใครเขาทำกันแบบนี้ล่ะครับ ไปทดสอบท่านฯ แล้ว "ตำหนิ ติเตียน" ท่านฯ ว่า
    "แจ่ม" หรือ "ไม่ได้เรื่อง" ไม่มีใครเขาทำแบบคุณหรอก ต่อให้มี ก็น้อยมากๆ
    มันเป็น "บาป" เข้าใจไหมครับ "บาป" น่ะรู้กันบ้างไหม
    กิริยาในตรงนี้ ก็เท่ากับว่าคุณ "อวดดี" กับพระ กับเจ้า มีใครเขาทำแบบคุณบ้าง?

    จากประโยค โพสของคุณซาตานคลั่ง ซึ่งผมได้อ่าน แล้วพิจารณาแล้ว ผมจะบอกว่า
    "คุณโทษคนอื่น มากกว่าที่คุณโทษตัวเองเสียอีก "
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

    พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้นับถือ เฉพาะบุคคล เเต่ให้นับถือ คำว่า พระสงฆ์

    แค่คิด ทดสอบ พระสงฆ์ก็บาปเเล้ว ไม่ใช่ วิสัยของ พุทธศาสนิกชน

    พระสงฆ์ จะมีฤทธิ์ หรือ ไม่มีฤทธิ์ ก็ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์

    ตั้งกระทู้ วิจารณ์ พระสงฆ์ บาปกรรมจริงๆ


    ------------------------------------------------------------------

    การตำหนิติเตียน

    การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิด และบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน การกล่าวโทษผู้อื่น โดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง

    คติธรรมคำสอนของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    จากหนังสือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2009
  16. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    หลวงพ่อพุธ ฐานิโย สอนไว้ว่ากิเลส มันก็ดีถ้าทางโลกมันสร้างอะไรต่อมิอะไรมากมาย
    กิเลสทางธรรมที่ดีก็อยากทำบุญ อยากขึ้นสวรรค์ จนถึงนิพพาน ก็เกิดความเพียร
    เปรียบเหมือนไฟถ้าให้หุงต้มของกินก็สุขดี หาเอามาเผาบ้านก็จะวอดวาย

    กิเลสอยากรู้นี้รู้ให้ถูกเรื่องถูกควรก็จะเป็นเรื่องดี
    มโนมยิทธิจุดประสงค์ใช้ให้คลายความลังเลสงสัย
    ในเรื่องนรกสวรรค์ กฎแห่งกรรม ไม่ใช่เหรอครับ...
    .
    .
    เด๊วนี้ลูกพี่Troไม่โหดเลย แล้วจะปราบอวิชชาได้เหรอลูกพี่
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ความหายนะอย่างถึงที่สุด10ข้อ ของการปรามาสพระรัตนตรัย


    อ้างอิงจากหนังสือ "พระประวัติ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน"


    ท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย ด่าบริภาษ
    แม้จะเป็นพระอริยะบุคคลที่เป็นคฤหัสถ์

    ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้
    การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก

    เกิดความหายนะอย่างร้ายแรงที่สุด10อย่างคือ

    บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ 1
    เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที 1

    สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว 1
    เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม 1

    ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ 1
    ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง 1

    ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก 1
    ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน 1

    หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ 1
    เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก 1

    กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน
    มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆในทันใด

    วิธีแก้กรรมนี้ ต้องกล่าวขอขมาโทษ แก่พระอริยเจ้า เมื่อพระอริยเจ้าอดโทษไม่เอาโทษแล้ว ก็ไม่ห้าม มรรค ผล นิพพาน กลับมาเป็นปรกติดังเดิม

    ขอขอบพระคุณ องค์สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อนครับ สำหรับธรรมะนี้

    ดังนั้นให้เราหมั่นขอขมาพระรัตนตรัยทุกๆวัน
    เพราะเราไม่รุ้ว่าบุคคลที่เราเดินผ่านไปผ่านมา หรือว่าพบเจอ แล้วเราไปแสดงอากัปกิริยานไม่เหมาะสม ใส่ท่าน บุคคลเหล่านั้น ท่านเป็นพระอริยเจ้าหรือไม่
    เพื่อความปลอดภัยและเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง ให้เราอย่าประมาท ปรามาสพระรัตนตรัยเด็ดขาด


    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บพลังจิต ที่ค่อนข้างจะมีทั้งพระโพธิสัตว์

    ทั้งพระอริยเจ้า แวะเวียนมาเสมอๆ ดังนั้นอย่าไปปรามาสท่านใดเป็นอันขาด

    ความหายนะที่ร้ายแรงก็คือ การหลงว่าเราบรรลุธรรมไปแล้ว เพราะถ้าเราหลงว่าตัวเองบรรลุโดยที่ยังไม่ได้บรรลุจริงๆแล้วล่ะก็

    ส่วนมากจะกู่ไม่กลับและมีอบายภูมิเป็นที่ไป

    แล้วยิ่งเราไปสอนคนผิดๆ เพราะหลงว่าตัวเองบรรลุธรรมไปแล้ว

    ยิ่งสอนคนด้วยธรรมะผิดๆไปเป็นจำนวนมากเท่าไหร่ เราเองก็จะยิ่งต้องชดใช้กรรมนานเท่านั้นครับ

    ดังนั้นอย่าเผลอปรามาสพระเป็นอันขาด



    ที่มา http://www.zone-it.com/68609
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2009
  18. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    บทสวดขอขมาพระรัตนตรัย

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
    อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฯ
    (ว่า 3 จบ)
    วันทามิ พุทธัง, สัพพัง เม โทสัง, ขะมะถะ เม ภันเต
    วันทามิ ธัมมัง, สัพพัง เม โทสัง, ขะมะถะ เม ภันเต
    วันทามิ สังฆัง, สัพพัง เม โทสัง, ขะมะถะ เม ภันเต
     
  19. บุคคลไปทั่ว

    บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106
    สงฆ์ แจ่มไม่แจ่ม เอาหนังยางยิงดูก็รู้ ตกนรกนาน ๆๆๆ ก็แสดงว่าดีว่าแจ่ม ตกนรกไม่นานก็แสดงว่าพอได้ แต่วิธีนี้กักขะะป่าเถื่อนใช้เวลาในการพิสูจน์นานหน่อยแต่แน่นอน...ล้อเล่นกันเนาะอย่าไปลองหล่ะ............................................................

    " ให้เกรียติแก่กาสาวพัสตร์ดีกว่าเนาะ ถ้ามองรูปลักษณ์ภายนอก หรือจับด้วยการสนทนา เดี๋ยวจับพลัดจับผลูไปรูปหัวเณรที่เป็นอรหันต์เหมือนในสมัยพุทธกาลเข้าหล่ะ "
     
  20. murano

    murano Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +57
    พระดี คือพระที่มีธรรม ไม่ใช่พระที่มีฤทธิ์ ถ้าฤทธิ์แปลว่าดี หมอผีก็คงแจ่ม อิอิ

    สำหรับสันโดษ: เมื่อการปรามาสผู้มีธรรม ถือเป็นกรรมหนัก ดังนั้น ผู้มีธรรมจึงควรแต่งกายให้ดี มีกิริยาที่สำรวม เพื่อไม่ให้ผู้อื่นหลงปรามาสไป ใช่ป่ะ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...