มีใครเป็นลูกหลานเสด็จปู่พญานาคาธิบดีศรีสุทโธนาคราชบ้างครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย วรุณบุตร, 9 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ไม่มีก็ดีนะครับจะได้ไม่มีคู่กรรม
    แต่ถ้ามีก็ดีนะครับจะได้มีคู่กรรม
     
  2. วรุณบุตร

    วรุณบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +1,018
    ฟากข้อความข้างล่างนี้ถึงผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลายที่ยังมีคู่อยู่ และ อยากปฏิบัตินะครับ

    เราทั้งหลายจักต้องขอบพระคุณพระนางยโสธรา
    ลองมาอ่านกันดูครับ จะรู้ว่าพระนางยโสธรา รักพระพุทธเจ้าเพียงใด

    "นานมาแล้ว มีชายหนุ่มผู้หนึ่ง นามว่า เมฆา อาศัยอยู่ ณ เชิงเขาหิมาลัย
    เขาเป็นหนุ่มใจดีและขยันขันแข็ง
    แม้ว่าเขาไม่มีเงิน แต่เขาก็มุ่งมั่นเดินทางเข้าสู่พระนครหลวงเพื่อศึกษา เล่าเรียน
    สิ่งที่เขานำติดตัวไปด้วย ไม่มีอะไรมากไปกว่าไม้เท้า หมวก เหยือกน้ำ
    เสื้อที่เขาสวมใส่อยู่ และเสื้อคลุมอีกหนึ่งตัว
    ระหว่างทาง เขาหยุดแวะทำงานในไร่เพื่อแลกข้าวและบางราวก็ได้เงิน
    ในวันที่เขามาถึงราชธานีของทิวาปาตี เขาเก็บออมเงินได้ ๕๐๐ รูปี

    เมื่อชายหนุ่มเข้ามาในราชธานี
    ดูเหมือนผู้คนกำลังจัดงานเฉลิมฉลองสำคัญอย่างหนึ่ง
    ด้วยความอยากรู้ว่าผู้คนฉลองอะไรกัน ชายหนุ่มหันไปรอบ ๆ เพื่อถามใครสักคน
    ขณะนั้น มีหญิงสาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมาทางเขา
    และกำลังถือช่อดอกบัวมาหนึ่งช่อ
    เมฆาถามหล่อนว่า "วันนี้มีงานฉลองอะไรกันหรือ"
    หญิงสาวตอบ "เธอต้องเป็นคนแปลกหน้าของเมืองทิวาปาตี
    หาไม่เธอจะต้องรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่พระทีปังกรพุทธ เจ้ากำลังเสด็จมา
    ผู้คนเล่าลือกันว่าพระองค์เป็นประดุจคบเพลิงส่องทางแ ก่สรรพสัตว์
    พระองค์ทรงเป็นพระโอรสของพระเจ้าอารจิมัท ทรงออกแสวงหาสัจมรรคจนพบ
    มรรคที่พระองค์ทรงค้นพบช่วยส่องสว่างโลกทั้งมวล
    ดังนั้นประชาชนจึงจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแก ่พระองค์"
    เมฆาปีติยินดีอย่างเหลือล้นที่ได้ทราบเรื่องการเสด็จ มาเยือนขององค์บรมครูผู้ตรัสรู้
    เขาปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะถวายบางสิ่งบางอย่างแด่อ งค์ศาสดา
    และขอฝากตัวเป็นศิษย์สาวก

    เขาถามหญิงสาวว่า "เธอซื้อดอกบัวเหล่านั้นมาเท่าไร"
    หล่อนพิจารณามองเมฆาและเห็นได้ชัดว่า
    เขาเป็นชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาดและมุ่งมั่น หล่อนตอบว่า
    "ฉันซื้อมาเพียงห้าดอก ส่วนอีกสองดอก ฉันเด็ดมาจากสระน้ำที่บ้านของฉันเอง"
    เมฆาถามอีกว่า "เธอซื้อดอกบัวห้าดอกมาเท่าไหร่" "๕๐๐ รูปี"
    เมฆาขอซื้อดอกบัวห้าดอกด้วยเงิน ๕๐๐ รูปีของเขา
    เพื่อจะได้ถวายดอกบัวแด่พระทีปังกรพุทธเจ้า แต่หญิงสาวปฏิเสธว่า
    "ฉันซื้อดอกบัวเหล่านี้เพื่อบูชาพระทีปังกรด้วยตัวฉั นเอง
    ฉันไม่มีความคิดที่จะขายดอกบัวเหล่านี้ให้แก่ผู้อื่น "
    เมฆาพยายามหว่านล้อมหล่อน
    "แต่เธอยังสามารถถวายดอกบัวสองดอกที่เธอเก็บมาจากสระ น้ำของเธอได้นี่
    ขอให้ฉันซื้อดอกบัวห้าดอกนั่นเถอะ ฉันต้องการสิ่งของบูชาพระทีปังกร
    เป็นโอกาสที่หายากและมีค่ายิ่งในชีวิตที่ได้พบกับบรม ครูเช่นนี้
    ฉันปรารถนาที่จะเข้าเฝ้าพระองค์
    ถึงขนาดทูลขอเป็นสานุศิษย์ของพระองค์เลยทีเดียว
    หากเธอตกลงให้ฉันซื้อดอกบัวทั้งห้าดอกนั่น
    ฉันจะเป็นหนี้บุญคุณเธอไปตลอดชีวิต"
    หญิงสาวก้มมองพื้นดิน ไม่ตอบอะไร เมฆาสำรวจมองหญิงสาว
    "หากเธอยอมให้ฉันซื้อดอกบัวห้าดอก ฉันยินดีทำทุกอย่างที่เธอขอ"
    หญิงสาวรู้สึกเต็มตื้นอย่างเห็นได้ชัด หล่อนยังคงก้มหน้ามองพื้นดินอยู่ครู่ใหญ่
    ในที่สุดหล่อนเอ่ยขึ้นว่า
    "ฉันไม่รู้ว่าเราทั้งสองเคยร่วมบุญอะไรกันมาในชาติปา งก่อน
    แต่ฉันรู้สึกรักท่านเมื่อแรกพบ ฉันได้พบพานชายหนุ่มมากมาย
    แต่หัวใจของฉันไม่เคยสั่นไหวเช่นนี้มาก่อน
    ฉันจะมอบดอกบัวเหล่านี้ให้แก่ท่านเพื่อเอาไปบูชาพระผ ู้ตรัสรู้
    ขอเพียงท่านให้คำมั่นแก่ฉันว่าในชาตินี้และทุกชาติใน อนาคต
    ฉันจะเป็นภรรยาของท่าน"
    หล่อนกล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างเร็วปรื๋อ และแทบจะหมดลมหายใจ

    เมื่อพูดจบ เมฆามิรู้จะพูดอย่างไรต่อไป หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาเอ่ยขึ้นว่า
    "เธอเป็นบุคคลพิเศษยิ่งและจริงใจที่สุด เมื่อแรกเห็นเธอ
    ฉันรู้สึกเช่นกันว่ามีบางสิ่งพิเศษผุดขึ้นในจิตใจ
    แต่ฉันกำลังแสวงหาหนทางหลุดพ้น หากฉันแต่งงาน
    ฉันจะไม่มีอิสระที่จะดำเนินตามหนทางนั้นเมื่อโอกาสอั นงามมาถึง"

    หญิงสาวตอบ
    "ขอสัญญาว่า ฉันจะเป็นภรรยาของท่าน
    และฉันขอปฏิญาณว่าเมื่อโอกาสที่ท่านแสวงหามรรคมาถึงเ มื่อใด
    ฉันจะไม่ขัดขวางท่าน ตรงกันข้าม ฉันจะทำทุกอย่างที่ฉันทำได้
    เพื่อช่วยให้ท่านสำเร็จสิ่งที่ปรารถนาอย่างเต็มที่"


    เมฆารับข้อเสนอของหญิงสาวด้วยความยินดี
    ทั้งสองเดินทางไปเข้าเฝ้าพระทีปังกรพุทธเจ้าด้วยกัน
    ฝูงชนเนืองแน่นเสียจนคนทั้งสองสามารถเห็นพระบรมศาสดา อยู่ไกลลิบ
    แต่แค่เพียงได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เพียงแวบหนึ่ง
    ก็พอเพียงแล้วสำหรับเมฆาที่จะรู้ว่า พระองค์คือผู้ตรัสรู้แล้วอย่างแท้จริง
    เมฆารู้สึกปีติปราโมทย์อย่างใหญ่หลวง
    และปฏิญญาว่าวันหนึ่งเขาจะบรรลุถึงการตรัสรู้เช่นนั้ นบ้าง
    เขาปรารถนาจะเข้าไปใกล้มากกว่านี้เพื่อถวายดอกไม้แด่ พระทีปังกรพุทธเจ้า
    แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนฝ่าฝูงชนอันเนืองแน่น
    เมื่อไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร เขาจึงเหวี่ยงดอกบัวของเขา
    ขึ้นสู่อากาศไปที่พระทีปังกรพุทธเจ้า
    อัศจรรย์ยิ่งนัก ดอกบัวเหล่านั้นตกลงในพระกรของพระบรมศาสดาพอดี
    เมฆาปีติอย่างใหญ่หลวงที่เห็นความปรารถนาจากใจจริงขอ งเขาปรากฏผล
    หญิงสาวขอให้เมฆาโยนดอกบัวของหล่อนไปที่พระบรมศาสดาบ ้าง
    ดอกบัวทั้งสองดอกของหล่อนตกลงในพระกรของพระองค์เช่นก ัน
    พระทีปังกรพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกบุคคลผู้บูชาดอกบัวเห ล่านั้นให้ปรากฏตัวออกมา
    ฝูงชนเปิดทางให้เมฆาและหญิงสาวเดินผ่านไป
    เมฆาจับมือหญิงสาวไว้มั่น ทั้งสองน้อมเศียร อภิวาทพระทีปังกรพุทธเจ้า
    พระบรมศาสดาทรงทอดพระเนตรมองเมฆา แล้วตรัสถามว่า
    "ตถาคตเข้าใจความจริงใจจากหัวใจของเธอ
    ตถาคตเห็นแล้วว่าเธอมีความตั้งใจอย่างใหญ่หลวง
    ที่จะดำเนินตามหาทางแห่งจิตวิญญาณ
    เพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณและเพื่อเกื้อกูลสรรพชีวิต
    จงวางใจเถิด วันหนึ่งในอนาคตกาล เธอจะบรรลุถึงสิ่งที่เธอปฏิญาณ"


    จากนั้นพระทีปังกรพุทธเจ้าทรงทอดพระเนตรไปยังหญิงสาว ผู้คุกเข่าอยู่ข้างกายเมฆา
    พระองค์ตรัสแก่หญิงสาว
    "เธอจะเป็นเพื่อนผู้ใกล้ชิดที่สุดของเมฆาทั้งในชาติน ี้
    และในอีกหลาย ๆ ชาติในอนาคตกาล จงรักษาคำมั่นสัญญาของเธอไว้ให้ดี
    เธอจะช่วยสามีของเธอบรรลุคำปฏิญญาของเขา"

    เมฆาและหญิงสาวดื่มด่ำในพระวจนะของพระบรมศาสดา
    ทั้งสองได้อุทิศตนศึกษาวิมุตติมรรคของพระทีปังกรพระพ ุทธเจ้า

    "เด็ก ๆ ทั้งหลาย ในชาตินี้และในอีกหลายชาติต่อจากนั้น
    เมฆาและหญิงสาวผู้นั้นได้อยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากัน
    เมื่อผู้เป็นสามีปรารถนาสละเรือนออกแสวงหาหนทางแห่งจ ิตวิญญาณ
    ภรรยาของเขาจะช่วยสนับสนุนทุกวิถีทางที่เธอสามารถทำไ ด้
    หล่อนไม่เคยคิดขัดขวางเขาเลย
    ด้วยเหตุนี้แลผู้เป็นสามีจึงรู้สึกขอบคุณอย่างล้ำลึก ต่อภรรยา
    ในที่สุด เขาได้บรรลุคำปฏิญญาอันยิ่งใหญ่ของเขา
    กลายเป็นผู้ตรัสรู้อย่างแท้จริงด้วยตัวของเขาเอง
    ดังเช่นที่พระทีปังกรเคยพยากรณ์ไว้เมื่อหลายชาติก่อน "

    "เด็กทั้งหลาย เงินทองและชื่อเสียงมิใช่สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต
    เงินทองและชื่อเสียงอาจสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว
    ความเข้าใจและความรักเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิต
    หากเธอทั้งหลายมีความเข้าใจและความรัก เธอจะพบกับความสุข
    เมฆาและภรรยาของเขาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเป็นเวลาหลายชาติ
    ก็เพราะความเข้าใจและความรักของพวกเขา
    ด้วยรักและเข้าใจ ไม่มีสิ่งใดที่เธอทำไม่สำเร็จ"


    พระนางยโสธรา ทรงพนมพระหัตถ์น้อมอภิวาทพระบรมศาสดา
    พระนางทรงตื้นตันจนน้ำพระเนตรหลั่ง
    พระนางทรงรู้ดีว่า แม้พระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องนี้แก่เด็ก ๆ
    แต่พระองค์ก็มุ่งแสดงแก่พระนางเป็นการเฉพาะ
    เป็นวิธีการที่ทรงแสดงความขอบพระทัยแก่พระนาง
    พระราชินีมหาปชาบดีทรงมองไปที่พระนางยโสธราเช่นกัน
    พระนางทรงเข้าพระทัยดีว่าเหตุใดพระพุทธเจ้าทรงเล่าเร ื่องนี้
    พระนางมหาปชาบดีทรงวางพระหัตถ์ลงบนพระอังสาของพระสุณิสา
    แล้วทรงมีพระเสาวนีย์ว่า
    "พวกเธอรู้ไหมว่าเมฆาเป็นใครในชาตินี้ เขาคือพระพุทธเจ้า
    ในชาตินี้เขาได้เป็นผู้ตรัสรู้ และพวกเธอรู้ไหม ภรรยาของเมฆาเป็นใครในชาตินี้
    หล่อนมิใช่ใครอื่นนอกจากพระนางยโสธราของพวกเธอนั่นแห ละ
    เพราะความเข้าใจของพระนาง
    เจ้าชายสิทธัตถะจึงทรงสามารถดำเนินตามมรรคจนบรรลุควา มรู้แจ้ง
    เราทั้งหลายควรขอบพระคุณพระนางยโสธรา"



    หวังว่าคงประทับใจในความรักของพระนาง และจักขอบคุณพระนางยโสธรากันนะครับ นำมาฝากกันครับ เพราะน้องบูก็ประทับใจเช่นกัน [​IMG]

    นำมาจากคลังกระทู้เก่า ที่อ่านตอนที่เวปเสียไปนั้นแร่ะครับ ประทับใจเลยเก็บไว้ วันนี้เลยเอามาให้อ่านกันครับ

    http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/004012.htm

    http://larndham.net/index.php?showtopic=33906&st=0

    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    สาธุกับทุกท่านเลยค่ะ

    ความรักของพระนางยโสธรายิ่งใหญ่จังเลยค่ะ^^~
     
  4. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    อนุโมทนาค่ะพี่วรุณบุตร
    เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และประทับใจมากทีเดียว
    อ่านแล้วทำให้ทราบว่าความรักนั้นมีหลายแบบ
    และจะดีมากถ้ารักนั้นมาพร้อมกับความเข้าใจและเสียสละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  5. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    วันนี้ดูคึกคักกันดีนะครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นมีใครเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับพญานาคเลยนะครับ ใครมีอะไรดีๆ ที่ไหนก็บอกต่อกันบ้างนะครับ
     
  6. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568

    เที่ยวเผื่อทุกท่านเลยค่า หุหุหุ
    แจ๊คพ็อตที่ว่า=> สวดมนต์ทั้งเล่มน้อมใจถึงพระรัตนตรัยและท่านพญานาค
    และแผ่เมตตาอย่างดีนะคะแต่แหมก่อนนอนคุยเรื่องจิตและเรื่องท่านพญานาคและศาสนากับเพื่อนอยู่ดีๆอ่าค่ะ ก็รู้สึกเหมือนมีคนเดินผลักตัวขึ้นจากที่นอนนิดนึงเพื่อดูปลายที่นอน
    เห็นเป็นเงาจะๆเลยค่ะ ชัดจริงๆ อยู่ทีระยองอ่าแหละค่ะรีสอร์ตริมทะเลอิอิ
    ถึงว่าก้าวแรกที่สัมผัสพื้นห้อง
    มันเย็นยะเยือกและรู้สึกแปลกๆอิอิอิ
     
  7. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    แสดงว่าเขารับรู้ถึงบุญกุศลที่เราแผ่ออกไปน่ะสิ
    ดีแล้วจ้า ถือเป็นโอกาสที่เราได้สร้างบุญสร้างกุศล (smile)
     
  8. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    พี่สิงหนวัติมีบ้างมั้ยคะอยากฟัง^^~
     
  9. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    ขอบคุณนะค่ะ ที่มาเม้นท์ให้ เห็นตามเม้นท์ให้หลายครั้งแล้วแต่ไม่ได้ตอบกลับ วันนี้เลยถือโอกาสตอบกลับซะเลยไหนๆก็มาถึงกระทู้พญานาคนี้แล้ว เราไม่เคยคุยกันมาก่อนใช่ไหมค่ะ มิน่า เม้นท์แต่ละเม้นท์ถึงฟังแล้วแปลกๆ เพราะเราไม่คุ้นเคยกัน (smile)
    <input id="gwProxy" type="hidden"><!--Session data--><input onclick="jsCall();" id="jsProxy" type="hidden"><input id="gwProxy" type="hidden"><!--Session data--><input onclick="jsCall();" id="jsProxy" type="hidden">
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  10. ภัทรอังคาร

    ภัทรอังคาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    4,904
    ค่าพลัง:
    +14,098
    อนุโมทนาด้วยค่ะ คุณวรุณบุตร สำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่ที่นำมาให้อ่านกัน ประทับใจมากค่ะ
     
  11. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    สามเดือนแห่งการค้นหา

    บางท่านอาจเคยอ่านแล้วนะครับ จากบอร์ด http://palungjit.org/threads/ประสบการณ์-พญานาค.168727/

    ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาได้รับคำแนะนำดีๆ จากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายท่าน กอปรกับตัวผมเองที่เป็นคนอยากรู้อยากเห็นมากซะเหลือเกินจึงได้ไปค้นหาคำตอบในทุกวิถีทางที่สามารถทำได้
    ก่อนอื่นขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่ช่วยให้ผมรู้เห็นอะไรได้ด้วยตนเองมากขึ้นพอสมควร เรื่องแบบนี้ขอยืนยันครับว่าไม่ลองไม่รู้จริงๆ
    หลังจากที่คุณชยานนท์ได้แนะนำผมว่าให้ลองไปหาพี่ชาณี เจ้าของร้านบูชาพญานาคที่ จ.หนองคายดู เผื่อว่าจะช่วยหาคำตอบในเรื่องที่สงสัยได้มากขึ้น ซึ่งพี่ชยานนท์ยืนยันว่าพี่ชาณีคนนี้แน่นอนจริง เพราะคำพูดของพี่ชาณีที่เคยได้ทำนายทายทักพี่ชยานนท์ไว้เป็นจริงในเวลาต่อมา ทั้งเรื่องลี้ลับที่ไม่อาจรู้ได้ ในเวลาต่อคุณชยานนท์ก็ค้นพบด้วยตนเองได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต และมูลเหตุที่พี่ชยานนท์แนะนำให้ผมไปหาพี่ชาณีก็เพราะว่า พี่ชยานนท์สัมผัสรู้ได้ว่า ผมกับเขาเคยเกี่ยวข้องเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันมาในอดีตชาติ
    เมื่อวันเพ็ญเดือนสี่ที่ผ่านมา ผมได้ไปหาพี่ชาณีที่ร้านบูชาพญานาค จ.หนองคาย ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น แถมได้รับของแถมติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกหลายอย่าง งานนี้กะตังค์อยู่ครบเลยครับ ก่อนอื่นเลยพอพี่แกเห็นผมแกถามว่า "เกิดวันที่เท่าไหร่" ผมเลยตอบไปว่า "เกิดวันที่ _ เดือนสิงหาคมครับ" แกเลยยิ้มพร้อมทั้งบอกว่า "มาแล้วอีกคน" แกเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ก็ได้มีคนเกิดวันนี้ (วันเดียวกันกับผม) แต่ต่างเดือน มาหาพี่ชานีแล้วหลายคน ทุกคนล้วนแต่เกี่ยวข้องกับพญานาคทั้งนั้น พอจะจำได้ว่าประมาณ 3-4 คน จากนั้นแกก็ถามผมว่าเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพญานาคหรือเปล่า เชื่อในพระพุทธศาสนามากแค่ไหน ผมก็ตอบว่าเชื่อ แล้วแกก็สนธนาธรรมกับผม ต่อมาแกก็เล่าถึงความเป็นมาของแก ว่ามาเกี่ยวข้องกับพญานาคได้อย่างไร ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ แกเป็นเจ้าของร้านอาหารเมนูเด็ดชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองคาย แต่ด้วยเมนูเด็ดคือการเผากระบอกไม้ไผ่ (ใช้ปลาเป็นๆมาเผา) ประกอบกับสถานที่ที่แกเปิดร้านเป็นอาณาบริเวณของพญานาคที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพ่อเมืองหนองคาย ชาวหนองคายเรียกบริเวณนั้นว่า "ห้วยวังฮู" แปลว่า ลำน้ำที่มีรู (รูของพญานาค) จากการปรากฏกายของเจ้าของที่ (เจ้าที่ ที่ว่านี้เป็นพญานาคสีดำตัวใหญ่นะครับ) ทำให้แกต้องหมดสติ เข้าโรงพยาบาล และต้องเลิกกิจการร้านอาหารในที่สุด จากนั้นแกก็กลายเป็นสื่อกับสิ่งที่แกเรียกว่า "เสียงประหลาด" ที่จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับพญานาค หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา และเรื่องต่างๆที่พี่ชาณีอยากรู้ ผู้ที่มาสื่อกับพี่ชาณีนี้ก็คือ "จ้าวหล้าธนบดี" วิศวกรของเมืองสีสัตตนาคบาดาล เมืองพญานาคที่อยู่ใต้เมืองเซียงทองหลวงพระบาง ยอดดอยภูสี ตลอดถึงสีตะนาคเวียงจันทร์
    จากนั้นพี่ชานีทักผมว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยคุ้มครองผมอยู่ในตอนนี้ ขณะนี้ ไม่ใช่พญานาคอย่างที่ผมเข้าใจ พี่ชานีบอกว่าเป็นนาคี หรือนาคผู้หญิง เขามาคอยดูแลผมอยู่ ผมเลยบอกว่า ก่อนหน้านี้มีร่างทรงทักว่ามีพญานาค 7 เศียรมากับผม พี่ชานีบอกว่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เหตุที่เขามาก็เพื่อสื่ออะไรบางอย่างกับเรา โดยอาศัยให้คนที่สื่อได้เป็นสื่อให้เรา เพราะเขาสื่อกับเราไม่ได้โดยตรง ส่วนที่ว่าคนที่มาคอยดูแลเราจะเป็นใครนั้นมันไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ พี่ชาณีเปรียบให้ฟังว่า สมมติว่าเราไปเชียงใหม่ ญาติที่อยู่ทางเชียงใหม่ หรืออยู่ใกล้เชียงใหม่ที่สุดก็จะคอยดูแลเรา และถ้าเราไปอยู่กรุงเทพ เราก็จะห่างเหินไปจากญาติทางเชียงใหม่ แต่เราก็จะมีปฏิสัมพันธ์กับญาติทางกรุงเทพมากขึ้น เช่นเดียวกันกับพญานาคที่สับเปลี่ยนกันมาคอยสอดส่องดูแลญาติของตน ฉันนั้น เพราะพญานาคเป็นเผ่าพันธุ์ที่ผูกพันธ์ รักใคร่กับวงศ์วานของตนมาก พี่ชาณีกล่าวว่า ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับพญานาคกันก่อน พญานาคนั้นมีชั้นวรรณะไม่ต่างกับมนุษย์มากนัก แต่ละวรรณะแบ่งแยกกันโดยพลังของอำนาจบุญ คือ
    1.นาคาธิบดี (เปรียบได้กับกษัตริย์ ประธานาธิบดี)
    2.พญานาค พญานาคี (เปรียบได้กับเชื้อพระวงศ์ ชนชั้นปกครองครอง ขุนนาง)
    3.นาคา นาคี (เปรียบได้กับข้าราชการ ชนชั้นสูง)
    4.นาคผู้ นาคเมีย (ประชาชนชั้นกลาง ค่อนไปทางอำนาจฝ่ายดี)
    5.เงือกผู้ เงือกเมีย (ประชาชนมีดี มีชั่ว)
    6.งูทั่วไป (เป็นเผ่าพันธุ์ชั้นล่างสุด ที่มนุษย์พบเห็นได้ทั่วไป)
    กล่าวคือ จากที่กล่าวมาสามารถเรียงได้อีกลักษณะตามชาติกำเนิดลดหลั่นกันลงมาคือ
    1.โอปปาติกะ (เกิดแล้วโตเลย)
    2.สังเสทชะ (เกิดจากสิ่งหมักหมม เหงื่อไคร)
    3.อัพพุชะ (เกิดเป็นตัว)
    4.อัณฑชะ (เกิดจากไข่)
    จากนั้นพี่ชานีก็แนะนำให้ขยันปฏิบัติธรรม ให้ตั้งเป้าหมายในชีวิตและทำให้ประสบผลสำเร็จ ให้รักษาศีล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม และอธิษฐาน สิ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ สำหรับคนที่เกี่ยวพันกับพญานาคคือการอธิษฐานจิตขอพร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเองในการทำสิ่งต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ พี่ชาณีเปรียบว่า สมมติว่ามีแดงกับเขียว ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน ต้องการเงินคนละ 900 เท่าๆกัน ไปขอเงินจากแม่ของแดงที่มีเงินอยู่เพียง 1,000 บาท ถ้าคิดอย่างง่ายๆ แดงย่อมได้เต็มจำนวนที่ขอเพราะเป็นแม่ลูกกัน ขณะที่เขียวจะได้เพียง 100 เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ฉะนั้น คนที่ผูกพันกับพญานาคต้องใช้สิทธิพิเศษข้อนี้ให้เกิดประโยชน์ แต่กระนั้น แดงก็ต้องทำตัวให้ดี มีศีลมีธรรมด้วย มิเช่นนั้น อาจจะไม่ได้ตามที่ขอก็เป็นได้ แต่กลับกันถ้าเขียวทำตัวดีกว่าอาจจะได้ตามที่ขอมากกว่าแดงก็เป็นได้<!-- google_ad_section_end -->


    ผมได้บอกพี่ชานีว่ามีหลายเรื่องที่ผมอยากรู้ พี่ชานีถามผมว่า รู้แล้วจะเกิดประโยชน์อะไรกับชีวิตผมบ้าง ในตอนนั้นผมก็หาคำตอบให้แกไม่ได้ เพียงแต่บอกไปว่า เวลามีอะไรที่มันคั่งค้างอยู่ จะทำให้ไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น ถึงได้พยายามหาคำตอบ และยิ่งสมัยนี้หาคนเชื่อได้ยาก พี่ชานีถามว่า แล้วจะมีอะไรมารับรองว่าเขาพูดถูก เป็นจริงดังที่ว่า ผมเลยตอบว่า เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และถ้าถึงวันหนึ่งผมอาจจะรู้ได้เองก็ได้ แต่ด้วยเป็นคนใจร้อน ถ้ารู้แล้วจะได้ละ จะได้ไม่เป็นทุกข์ ขณะที่สนทนากับพี่ชานี ผมรู้สึกได้ว่า มีกลิ่นหอมหลายกลิ่น เท่าที่ทราบมากลิ่นหอมเป็นกลิ่นที่ดี ประกอบกับคำพูดที่มีเหตุผลในทางโลกของพี่ชานีทำให้ผมค่อนข้างจะเชื่อถือแก ผมถามพี่ชานีว่าอดีตชาติผมเป็นใคร เกี่ยวข้องกับใคร ***จ้าวหล้าได้สื่อผ่านพี่ชานีเขียนเป็นภาษาลาวว่า "นางพะยาแก้วเกดสะลา" (นางพญาแก้วเกศรา) เป็นบุตรีขององค์นาคาธิบดีศรีสุทโธ กับนางพญานาคิณีศรีปทุมมา เป็นหนึ่งในธิดาจำนวน 5 องค์ (***โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟัง) พี่ชานีกล่าวว่า ผมจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพญานาคเลยในชาตินี้ หากไม่ได้มาอยู่ที่ จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ซึ่งตัวผมเองคิดว่า มันคงเป็นโชคชะตา หรืออะไรบางอย่างที่เป็นเหตุให้ต้องไปอยู่ เพราะทางบ้านผมพื้นเพอยู่แถบสระบุรี อยุธยา และไม่มีญาติพี่น้องอยู่ทางอุดรหนองคายเลย พี่ชานีกล่าวว่า การที่ผมมาอยู่แถบหนองคายคล้ายกับเป็นการที่พญานาคได้พบเจอคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน เลยต้องการสื่อให้รู้ ไม่ว่าจะเป็นทางความฝัน หรือทางอื่นใด เพื่อให้รับรู้ว่า ยังมีคนที่คอยดูแล จับตามองการกระทำของเราอยู่ เพื่อให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนเกิดการละอายเกรงกลัวต่อบาป ตลอดจนสื่อเสริมให้เกิดความมั่นใจว่าคนเรามีหลายชาติภพ กรรมดีชั่วที่ได้กระทำไปเช่นใด ก็จะส่งผลต่อๆกันไป ตราบเท่าที่จิตยังไม่ดับ การที่จะเป็นใครมาจากไหนนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่การกระทำของตัวเราเองที่จะต้องเพียรพยายามสร้างกุศลให้มากเพื่ออนาคตที่ดีกว่า<!-- google_ad_section_end -->

    อันนี้แถม

    หลังจากกลับมาจากร้านพี่ชานีได้สามวัน ก็ได้มณี (เพชรพญานาค) มาสององค์ครับ ส่วนเพื่อนกับน้องสาวผมได้มาคนละองค์ พระอาจารย์ที่ท่านให้มาเป็นพระปฏิบัติสายพระอาจารย์มั่น อยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคายครับ ได้มาแบบฟรีๆไม่มีข้อแลกเปลี่ยน เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อวันก่อนหน้าที่จะไปวัดผมได้รับทราบเรื่องเพชรพญานาคจากเพื่อนบ้านที่สนทนาธรรมแลกเปลี่ยนความรู้กัน เพื่อนบ้านก็นำเพชรพญานาคออกมาให้ดู แล้วถามผมว่าแท้ไหม ซึ่งผมก็บอกว่าไม่ทราบเช่นกัน แต่จากที่พิจารณาดูแล้ว ไม่เหมือนกับที่ท่าเสด็จ และก็ที่ท่าพระจันทร์ เพราะเพชรพญานาคของเพื่อนบ้านมีความใสจนดูเหมือนมีแสงสว่างในตัวเอง ตรงกลางโปร่งใสเป็นวง คล้ายมีอีกเม็ดหนึ่งซ้อนอยู่ สมารถส่องทะลุอีกด้านได้ คล้ายแว่นขยาย ไม่เหมือนกับที่เคยเห็นมา(ซึ่งไม่ทราบว่าแท้หรือไม่เหมือนกัน ตามท่าเสด็จ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีลักษณะมัวๆ ไม่โปร่งใส หรือโปร่งใสเล็กน้อย) ผมจึงอธิษฐานแล้วไปหาท่านที่วัด ท่านกล่าวว่า นึกว่าจะมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ผมก็ฉงนใจเล็กน้อย ท่านให้ผมรอที่ศาลา แล้วท่านก็ออกมา เทศนาสอนแล้วให้เพชรพญานาคมาคนละองค์ จากนั้นท่านก็เทศนาสั่งสอนแล้วกล่าวความเป็นมาของเพชรพญานาค ท่านกล่าวว่า สมันฃยที่ท่านเป็นเณรได้ติดตามพระเถราจารย์ออกธุดงธ์จากอำเภอศรีเชียงใหม่ ไปถึงลุ่มน้ำสาละวินเขตแดนพม่า แล้วพบกับมณีเหล่านี้ ท่านได้ถามพระอาจารย์ของท่าน ซึ่งมีอยู่หลายองค์เช่นกัน คือ หลวงปู่ชอบ หลวงปู่ขาว หลวงปู่เทศก์ พระเถราจารย์ท่านว่า ให้เรียกว่า "มณี" ดูจะเหมาะกว่าเพชรพญานาค ท่านเล่าว่าได้นำมณีเหล่านี้ใส่ลงในบาตรตั้งแต่คร้งเป็นเณร ได้เม็ดใหญ่ 108 เม็ดเล็ก 108 อาจารย์ของท่านกล่าวว่าวันหนึ่งจะได้นำของเหล่านี้มาสร้างกุศล ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการก็สร้างพระเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีการชุมนุมพระสงฆ์สายปฏิบัติ ประมาณ200-300 องค์(รูป) ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม (ทราบภายหลังว่าอยู่ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน) ท่านกล่าวว่าของเหล่านี้ (มณี) ท่านได้ปิดบาตรไปเมื่อมีนาคมปีที่แล้ว ส่วนที่เหลือจะนำไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ดูว่ามีสิ่งเล่านี้อยู่จริง ที่ท่านมีอยู่คือประมาณ30เม็ด ส่วนที่นำมาให้ผมก็อยู่ในส่วนนี้ ท่านกล่าวว่า "ถึงโยมไม่มา เราก็จะไปหา " ก่อนกลับท่านยังกล่าวว่า เอาสีขาวไปคู่กันกับที่ได้ไปแล้วกัน จากมือเปล่าๆ ไม่มีอะไร ท่านนำมือไปกล่าวพ่นอะไรสักอย่างอยู่ห่างๆ พอแบมือมาปรากฏว่ามีมณีสีขาวอยู่บนมือท่าน แล้วเรียกผมไปรับเอา ท่านว่า เราให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ จากนั้นท่านก็กลับกุฏิ ผมจึงได้ร่วมบุญหยอดตู้สร้างพระเจดีย์ไป 200 รวมกับเพื่อนอีก 100 เป็น 300 บาทครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  12. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    ปูเอาบทสวดมนต์มาฝากนะคะ สำหรับเราที่เคยเป็นพญานาคมาก่อน แม้เราได้เกิดเป็นมนุษย์กันแล้ว ก็อย่าลืมพี่น้องของเราที่ยังเป็นพญานาคอยู่ ซึ่งท่านอาจรอคอยเราอยู่ก็ได้ ไม่มีอิ่มใดที่จะเท่าอิ่มในบุญกุศล ปูสวดบทนี้เป็นประจำ เพื่อเป็นบทสวดบูชาท่านวิรูปักข์

    บทขันธปริตรคาถา

    วิรูปักเขหิเมเมตตัง เมตตังเอราปะเถหิเม
    ฉัพยาปุตเตหิ เม เมตตัง เมตตังกัณหาโคตะมะเกหิจะ
    อะปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตังทิปาทะเกหิเม
    จะตุปปะเทหิ เม เมตตัง เมตตังพะหุปปะเทหิเม
    มา มัง อะปาทะโก หิงสิ มามังหิงสิทิปาทะโก
    มา มัง จะตุปปะโท หิง สิ มามังหิงสิพะหุปปะโท
    สัพเพ สัตตา สัพเพ ปาณา สัพเพภูตาจะเกวะลา
    สัพเพ ภัทรานิ ปัสสันตุ มากิญจิปาปะมาคะมา<O:p</O:p


    อัปปะมาโณพุทโธอัปปะมาโณธัมโมอัปปะมาโณสังโฆ ปะมาณะวันตานิ สิริงสะปานิ อะหิวิจฉิกาสะตะปะทีอุณณานาภีสะระพู มูสิกา กะตา เม รักขา กะตา เม ปะริตตา ปะฏิกกะมันตุภูตานิโสหัง นะโม ภะคะวะโต นะโม สัตตันนัง สัมมาสัมพุทธานัง ฯ<O:p</O:p



    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  13. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    (คำแปล) ขันธะปะริตตะคาถา<O:p</O:p

    ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพระยานาคทั้งหลาย สกุลวิรูปักข์ด้วย, ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพระยานาคทั้งหลาย สกุลเอราบถด้วย, ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพระยานาคทั้งหลาย สกุลฉัพยาบุตรด้วย, ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับพระยานาคทั้งหลาย สกุลกัณหาโคตมกะด้วย,



    ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ทั้งหลายที่มี ๔ เท้าด้วย, ความเป็นมิตรของเรา จงมีกับสัตว์ที่มีเท้ามากด้วย, สัตว์ไม่มีเท้าอย่าเบียดเบียนเรา สัตว์ ๒ เท้าอย่าเบียดเบียนเรา สัตว์ ๔ เท้า อย่าเบียดเบียนเรา สัตว์มากเท้าอย่าเบียดเบียนเรา ขอสรรพสัตว์มีชีวิตทั้งหลายที่เกิดมาทั้งหมดจนสิ้นเชิงด้วย จงเห็นซึ่งความเจริญทั้งหลายทั้งปวงเถิด โทษลามกไรๆอย่าได้มาถึงแล้วแก่สัตว์เหล่านั้น


    พระพุทธเจ้า ทรงพระคุณไม่มีประมาณ พระธรรม ทรงพระคุณไม่มีประมาณ พระสงฆ์ ทรงพระคุณไม่มีประมาณ สัตว์เสือกคลานทั้งหลาย คือ งู แมลงป่อง ตะเข็บ ตะขาบ แมลงมุม ตุ๊กแก หนู เหล่านี้ล้วนมีประมาณ (ไม่มากเหมือนคุณพระรัตนตรัย) ความรักษา อันเรากระทำแล้ว ความป้องกัน อันเรากระทำแล้วหมู่สัตว์ทั้งหลาย จงหลีกไปเสียเรานั้นกระทำการนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ทำการนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย๗พระองค์อยู่<O:p</O:p
    <O:p<!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- sig -->

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->
     
  14. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071
    ตำนานขันธปริตร (วิรูปักเขหิ เม) มนต์ป้องกันภัยบทที่ ๔

    ขันธปริตร เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อหิสูตร หรือ อหิราชปริตร (บทสวดป้องกันพญางู) ที่ตั้งชื่อว่า "ขันธปริตร" แปลให้เข้าความได้ยาก อาจหมายถึง "มนต์ป้องกันขันธ์" ขันธ์ ในที่นี้ต้องแปลว่า ตัวหรือกาย ตัวขันธปริตร จึงหมายถึง "ป้องกันตัว"
    ..............................................................

    ภิกษุรูปหนึ่งถูกงูกัดตายในเมืองสาวัตถี (นัยว่าภิกษุรูปนี้กำลังผ่าฟืนใกล้ประตูเรือนไฟในบริเวณพระเชตวันวิหาร งูเลื้อยออกมาจากระหว่างต้นไม้ผุ กัดภิกษุนั้นที่นิ้วเท้า พิษแล่นเข้าสู่หัวใจสิ้นชีวิตทันที ภิกษุทั้งหลายพูดถึงภิกษุถูกงูพิษกัดตายกันแพร่หลาย) ภิกษุทั้งหลายนำความไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ทรงทราบ พระองค์จึงตรัสว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะภิกษุมิได้แผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญางูทั้ง ๔ หากแผ่เมตตาไปยังตระกูลพญางูทั้ง ๔ แล้วก็จะไม่ถูกงูกัดตาย ตระกูลพญางูทั้ง ๔ คือ ตระกูลพญางูชื่อ วิรูปักษ์ ๑ ตระกูลพญางูชื่อ เอราบถ ๑ ตระกูลพญางูชื่อ ฉัพยาบุตร ๑ ตระกูลพญางูชื่อ กัณหาโคตมกะ ๑ ต่อแต่นี้ไป เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายแผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญางูทั้ง ๔ นี้ เพื่อคุ้มครองป้องกันตน
    ทรงเล่าเรื่องอดีตให้ฟังว่า เมื่อครั้งพระองค์เสวยชาติเป็นดาบส เป็นหัวหน้าฤาษีทั้งหลาย ตั้งอาศรมอยู่คุ้งน้ำใกล้ป่าหิมพานต์ ก็ได้สอนให้ศิษย์แผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญางูเหมือนกัน ในครั้งนั้นเหล่าทีฆชาติทั้งหลายก็พากันหลีกหนีหมด ไม่มีใครถูกสัตว์เลื้อยคลายกัดเลย
    ที่ทรงนำอดีตชาติมาเล่านี้ก็คงต้องการให้พระภิกษุทั้งหลาย มั่นใจว่าการแผ่เมตตาจิตไปยังพญางูทั้ง ๔ ตระกูลนั้นได้ผลจริง ดังเคยใช้ได้ผลชะงัดมาแล้ว


    ในอดีต
    บทพระบาลีที่มีนามว่า ขันธปริตร เป็นบทสำหรับสาธยายแผ่เมตตาจิต ไปยังตระกูลพญางูทั้ง ๔ เฉพาะพญางูวิรูปักษ์นั้น มักพบว่า เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาล หรือท้าวมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งท้าววิรูปักษ์เป็นผู้ครองทิศตะวันตก เป็นหัวหน้าบรรดานาคทั้งหลาย คงจะเป็นตนเดียวกัน


    อรรถกถากล่าวว่า สัตว์มีพิษทั้งหมดอยู่ใต้อำนาจของพญางู ๔ ตระกูลนี้ เมื่อแผ่เมตตาจิตไปยังหัวหน้าใหญ่ทั้ง ๔ แล้ว ลูกน้องตัวเล็กตัวน้อยย่อมจะไม่ทำอันตรายใดๆ แก่ผู้สวดแผ่เมตตา (ว่าอย่างนั้น)
    พระธุดงค์ท่านหนึ่งเล่าว่า ขณะทำความสะอาดผนังถ้ำที่อยู่ งูเห่าตัวมหึมาแผ่แม่เบี้ยกำลังจะฉกท่าน ท่านนึกถึง ขันธปริตร ขึ้นมา จึงยืนสงบสวดมนต์ ปรากฏว่า สักพักเดียวงูเห่าตัวนั้นก็เลื้อยหนีไป ท่านว่านี้ก็เพราะอานุภาพพระปริตรเป็นแน่แท้


    ที่มาhttp://buddhist.co.nr :
     
  15. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    ในที่สุดพี่สิงหนวัติก็ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้วนะคะ

    สาธุด้วยค่ะ...

    เวลา3เดือนของพี่คุ้มค่าจริงๆ

    โชคชะตา ปาฏิหาริย์ ความผูกพัน พรหมลิขิต กรรม

    จะนำทุกสิ่งมาบรรจบกัน~
     
  16. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107


    สวดบทเดียวกันเลยนะครับ ผมเพิ่งจะรู้ได้ไม่นานมานี้เองว่าบทนี้เป็นบทที่ทำให้พญานาคเมตตาเรา สำหรับคนที่อยากให้พญานาคตลอดจนงูเงี้ยวต่างๆ เมตตาไม่ทำร้ายเราก็ต้องใช้บทนี้ครับ บางคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นบทกันภัยจากงู ผมไม่อยากให้คิดอย่างนั้น เพราะเหมือนกับว่าผู้สวดกับงูเป็นศัตรูกัน เพราะแท้จริงแล้วบทนี้เป็นบทที่ขอความเมตตาจากพญานาคทั้ง4 เหล่า ซึ่งเป็นผู้ปกครองเผ่าพัธุ์งูทั้งหลายครับ

    หลังจากที่ผมได้สวดมนต์บทนี้นะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับในวันพระ มีผู้หญิงมาเข้าฝันครับ ลักษณะคล้ายบานเย็น รากแก่น (ราชินีหมอลำอ่าครับ ไม่ได้พูดเล่นนะครับ เรื่องจริง ลักษณะคล้ายๆกัน ลองนึกภาพดู) ผิวพรรณงามมากครับ แต่งตัวใส่ผ้าซิ่นผ้าถุงไหม เสื้อคล้ายเสื้อเกาะอกนางรำ อะไรประมาณนี้ครับ หน้าตาก็สวยมากครับ รูปร่างใหญ่โตค่อนข้างอวบนิดๆ สมบูรณ์ๆอ่า อิ่มเอิบ ท่านมาถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้มีปัญหาอะไรบ้าง เหมือนว่าท่านจะมาช่วยคลี่คลายปัญหา แต่น่าเสียดายที่ตื่นขึ้นมาเสียก่อน ในใจผมคิดๆๆ อยู่นาน ก็เลยคิดว่า ท่านผู้นี้น่าจะเป็นนางพญานาคิณีศรีปทุมมาครับ เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งได้ เหรียญพญานาค 5 เศียร มาจากคุณชานี และผมก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณชานีฟัง เขาก็คิดแบบเดียวกับผม พูดขึ้นมาว่า ก็เป็นแม่ย่าปทุมมานั่นแหละ เพิ่นมาดูลูกหลานเพิ่น มาบอกให้รู้ว่าเพิ่นมีตัวตนจริง (เพิ่น แปลว่า เขาหรือท่านผู้นั้นครับ)
     
  17. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    สวดเหมือนกันค่ะ เวลาที่สวดมนต์ชุดใหญ่

    เพิ่งทราบมาเมื่อไม่นานเหมือนกันค่ะ

    จำไม่ได้ว่าใครบอก

    ^^

    ท่านนาคิณีที่พี่เทียนเจอในความฝัน คิดตามได้เลยค่ะ
    คงสง่าสวยงามมากๆ
    สาธุคร่า
     
  18. poozaa

    poozaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +1,071

    อนุโมทนาค่ะพี่สิงหนวัติ (ขออนุญาตเรียกพี่ ไม่ว่ากันนะคะ)

    ดีจังค่ะที่พี่ได้เห็นท่านด้วย ของปูนี่ได้ยินแค่เสียง ท่านมาชวนไปเมืองบาดาล
    กับมาเข้าฝันทดสอบปูเล็กน้อย มาท่อนบนเป็นชายหนุ่มรูปงามท่อนล่างเป็นงู สีเขียวทองสวยเชียว(มาฉกปูในฝันนั่นเอง 55)

    ล่าสุดนี่ปูลองทำสมาธิดู แต่เห็นได้แค่ชฎาส่วนบนเท่านั้น ถามอาจารย์ที่ฝึก เขาว่าไม่ใช่ท่านพญานาคหรอก เป็นเทวดาที่ท่านลงมาคอยควบคุมการปฏิบัติของเรา ตามที่เราได้เคยไปอธิษฐานในเมื่อก่อนไว้ ปูเลยไม่ได้เห็นเลย

    แหม..โม้ซะนาน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน(smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2009
  19. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107
    อ่อ ลืมไป เรื่อง "แก้วเกศรา" นี่นะครับ ผมได้ลองถามผู้รู้ในเว็บนี้ดู ท่านก็ไปถามผู้รู้อีกท่านหนึ่ง ได้ความว่า "แก้วเกศรา" เป็นพระนามหนึ่งของนางพญานาคิณีศรีปทุมมาครับ ผมก็ฟังๆไว้ ส่วนอีก 2 ท่าน เป็นร่างทรงท่านหนึ่งที่ จ.หนองคาย บอกว่า ชื่อนี้เป็นชื่อของนางพญานาคตนหนึ่ง อีกท่านเป็นผู้ปฏิบัติครับ เป็นฆราวาส บอกว่า ชื่อนี้เกี่ยวพันกับน้ำ เกี่ยวพันกับงู (ทั้ง 3 ท่านที่กล่าวมานี้ ผมไม่ได้บอกข้อมูลใดๆเกริ่นนำไปก่อนเลยนะครับ เขาทำนายทายทักมา เพียงแต่ผมถามไปว่า "แก้วเกศรา คือใคร" เท่านั้นแหละครับ ปล.ขอบคุณท่านผู้นั้นด้วยนะครับ ที่เป็นธุระให้)
     
  20. สิงหนวัติ

    สิงหนวัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    788
    ค่าพลัง:
    +2,107

    ครับผมพี่น้องร่วมาพันธุ์เดียวกัน ไม่แน่นะครับชาติก่อนเราอาจได้เจอกันมาแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...