เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เข้าใจลงทุนน่ะครับ ท่าน

    หลักหมื่น ซื้อหลัก พันล้าน

    เด็กเราเก่งซ่ะอย่าง จะเอาตัวรอดได้สบาย เงินน่ะหาทีหลังได้จ้า เอาวิชาไว้ก่อน
     
  2. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,079
    ค่าพลัง:
    +22,264

    รุ่นนี้หาไม่เจอเลยครับ ไม่รู้หายไปไหนหมด

    ที่เคยเจอมีแต่เนื้อขาวๆ เบลอๆ(ออกแพงด้วย)

    และเจอรุ่นที่หลวงพ่อเสกผงไว้ ไม่ทันตัวท่านเสก
     
  3. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    จริงครับ รุ่นนี้รู้สึกจะไม่เห็นเลยจริง ๆ
    จะกลายเป็นรุ่นหายากราคาแพงรึเปล่าเนี่ย
     
  4. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    ผมจะลองค้นๆว่ามีกี่เนื้อแล้วเอามาลงดูกันครับ พระโพธิ์เก้าใบนี่ ทำมาไม่มากครับ
     
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    พระผง รูปเหมือน แหวกม่าน นักธรรม

    มีคนโทรมา จากที่วัดวันนี้ ( ๑๘ เมษ ๕๒ ) ไปกราบหลวงพ่อ แล้ว โทรมาถามว่าจะเก็บพระอะไรดี คุยทางโทรน่ะยากน่ะครับที่จะบรรยาย ยิ่งพวกท่านทั้งชายและหญิง เล่นพระไม่เป็น ผมเลยเอารูปเก่ามาโชว์ บรรยายด้วยรูปดีกว่า

    พระที่เอามาลง ทำที่วัด ทันหลวงพ่อเสก อยู่ในหอสวดมนต์เยอะแยะ มากมาย สำหรับแจกฟรี หลวงพ่อทำพิธีหลายครั้งในหอสวดมนต์ จนหลวงพ่อมาล่ะสังขาร แม่พิมพ์ทำลายแล้ว ทุกพิมพ์ ที่จริงของที่ทำที่วัด พิมพ์ที่วัดยังมีอีกหลายพิมพ์ เช่น พระสิวลี พระพุทซ้อน หรือพระที่ลูกศิษย์นำมา ถวายเช่นพระแหวกม่านมหาจักพรรดิ์ ของดีทั้งนั้น่ะครับ

    นอกนั้นมีเหรียญที่วัดออก พระเนื้อนำมัน ยังมีให้เล่นได้อีกหลายพิมพ์ที่หลวงพ่อทรงไปสั่งทำมาเองน่ะครับ ถ้าอยากเก็บให้เก็บตอนนี้น่ะครับ ต่อไปจะหายากแน่นอนครับ

    พิมพ์พระรูปเหมือน

    รูปเหมือนผง บางขุนพรหม.JPG แม่พิมพ์ รูปเหมือน.JPG
    โชว์หน้าและหลัง พร้อมแม่พิมพ์ที่ทำลายแล้ว


    พิมพ์พระแหวกม่าน

    แหวกม่าน.JPG แม่พิมพ์ แหวกม่าน.JPG
    โชว์หน้าและหลัง พร้อมแม่พิมพ์ที่ทำลายแล้ว


    พิมพ์พระนักธรรม

    นักธรรม.JPG แม่พิมพ์นักธรรม.JPG
    โชว์หน้าและหลัง พร้อมแม่พิมพ์ที่ทำลายแล้ว

    พิมพ์ธรรมดาไม่ฝังตะกรุดน่ะครับ ท่านใดจะไปที่วัดวันพรุ่งนี้ เจอกันครับ และ ถ้าจะเก็บพระหลวงพ่อก็ สามพิมพ์นี้น่ะครับ วัดเอามาออกทิ้งทวน แค่องค์ล่ะ ๒๐๐ บาทครับ ไม่เอาตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเอาตอนไหนแล้วครับ วันข้างหน้า จะหามาก็ไม่ใช่ราคานี้ และไม่รู้จะได้หรือเปล่าน่ะครับ...แหะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2009
  6. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    พรุ่งนี้ ลุงเอาเบี้ยหลวงพ่อนุ่มติดมาด้วยนะครับ จะเอาตะกรุดมหาจักรฯหลวงพ่อฯมาแลก
    และขอดูเบี้ยหลวงพ่อคำ กะตะกรุดมนุษย์ยักษ์ด้วย จะขอศึกษา... ถ้าเป็นไปได้ ขอดูเบี้ยหลวงปู่รอด ด้วยครับ
     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    เติมให้นิดหนึ่งครับ ที่โดนจับได้ระหว่างสู้รบ เพราะกลั่นหายใจได้ไม่นาน(กลั้นใจตอนจะกำบังตน) สู้ไปกลั้นใจไป มันเหนื่อย เลยโดนจับได้ พม่าพอจับได้แล้วไม่ฆ่าให้ตาย เพราะมีคำสั่งให้จับมาให้นายดู ...[​IMG]

    ส่วนพวกสี่ร้อย ที่ไปตายยกหมู่ เพราะโดนหลอกให้ไปถ่วงเวลาให้พระยาฯหนี ก็พระยาฯคนเดียวกับที่ไปสอนให้ชาวบางระจันหล่อปืนใหญ่นั้นแหละครับ...[​IMG]

    พระยาฯ ท่านนี้ ผมเดาว่า คงจะหล่อปืนใหญ่ไม่เป็น แต่หาเรื่องหนีออกจากพระนครฯ [​IMG]

    ส่วนพวกสามร้อย ของฝรั่ง สร้างมาจากเรื่องจริงครับ...[​IMG]

    สงครามเป็นเรื่องของการสูญเสีย หากผมมีเครื่องย้อนเวลา ผมก็ไม่ไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เพราะเรารู้จักพระนเรศวร ก็เพราะเราเสียเมืองครั้งที่หนึ่ง เรารู้จักพระเจ้าตาก ก็เพราะเราเสียเมืองครั้งที่สอง
    แต่เราไม่ค่อยจะรู้กันเลย ว่าเราไปเผาเมืองญวณกี่ครั้ง เผาเมืองกัมพูชากี่ครั้ง จับกษัตริย์เขามากี่ครั้ง เผาเวียงจันทร์แล้วเอาพระแก้วกลับมาด้วย
    น้อยคนนักที่จะรู้ว่า พระชัยราชา เป็นนักรบที่เก่งมาก เก่งขนาดเปิดศึกครั้งแรกกับพม่า โดยการยกพวกไปตีเมืองขึ้นเค้าก่อนด้วย

    ผมไม่ชอบสงคราม แต่ถ้าเกิดสงคราม ก็คงเข้าสมัครแหละครับ ...เป็นห่วงเมีย
     
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ที่จริงคุณจะเล่าเรื่องนี้ ต้องเล่าให้หมด เช่นพระชัยราชาเป็นใคร เด็กรุ่นนี้ไม่รู้จักหรอกครับ แล้วก็ประวัติศาสตร์ของใคร คนนั้นเขียนครับ บอกตามตรงผมเองไม่เชื่อทั้งหมดหรอกครับ ประวัติศาสตร์พม่า หรือ ลาว หรือ ญวน ก็เขียนไปอีกแบบ bias ไปตามเชื้อสายของตน เช่น

    กรณี พระยาสีหราชเดโช ที่กลับมาตีพม่าจนแตก แต่ในพงศวดารของพม่า มีคนไปค้นเจอเล่าไว้ว่า จับแม่ทัพไทยมาได้สองคน แต่คนหนึ่งหนีไปได้ ไม่ได้ เขียนว่า คนที่หนีไปได้ กลับมาตีพม่าจนแตก ไม่ได้ขยายความเพราะพม่าเขียน

    ตกลงที่ผมเล่าก็อ่านเขามาเหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าเชื่อใครครับ คุณถูกหรือ ผมถูก...อิอิ

    ส่วนการกลั้นหายใจใน หลักไสยศาสตร์ เห็นด้วยครับ ว่าคนเราต้องหายใจ ถ้าไม่หายใจก็ตายครับ...แหะๆ เมื่อหยุดกลั้นลมหายใจ ขณิกะ หรือ อุปจารสมาธิ ที่มีก็คลายลง ที่พูดแบบนี้เพราะผมเคยฝึกสมาธิแบบกลั้นลมหายใจ ( แอบฝึกเองเพราะว่าอยากรู้ว่า ใกล้ตายจะรู้สึกอย่างไร ) การกลั้นลมหายใจ จะได้สมาธิอย่างรวดเร็ว ซึ่งเหมาะแก่การฝึกไสยศาสตร์

    แต่ทางพุทธไม่แน่ะนำน่ะครับ อย่าไปฝึก ครูบาอาจารย์สายวิปัสสนา จะไม่แน่ะนำ เพราะถ้าฝึกกลั้นลมจนติด แล้วจะเป็นอุปสรรคต่อการฝึกสมาธิชั้นสูง ซึ่งจะรู้สึกถึงลมหายใจที่ละเอียดกว่า ได้ยาก เพราะฉนั้น คนเรารบไป กลั้นลมหายใจไปก็แย่ ผู้ที่ชำนาญ เช่นพระยาสีหราชเดโช คงไม่มีทางทำแบบนั้น และไม่ใช้พร่ำเพรื่อ แต่คงใช้เมื่อจำเป็นเพื่อเด็ดหัว ตัวนาย หรือ ข่มขวัญคู่ต่อสู้ ให้เสียขวัญ และทำให้ทหารฝ่ายเราฮึกเหิม

    ส่วนการถูกจับตัวไป ก็เป็นการแพ้กลศึกเพรียงพล้ำเข้าไปในที่ล้อมมากกว่า และพม่าก็พยายามทำร้ายแล้ว ในการรบคงไม่มีใครยั้งมือ เพราะสับสน อลหม่าน และหอก ธนู ดาบ แหลน หลาว คงมาจากหลายทิศทาง หลายคน จะไปห้ามคงยาก เพราะท่านพระยาสีหราชเดโชคงไม่ให้จับตัวง่ายๆ เข้าไปใกล้คงถูกบั่นหัวแน่นอน ตกลงก็คงรุมทำร้าย ให้เจ็บให้สลบ เมื่อทำร้ายแล้วไม่ตาย ก็เลยเอาไปให้นายดู ถ้าตายไปแล้วก็คงแล้วกัน แต่เผอิญมาเจอ พญาราชสีห์ เลยสะเดาะห์พันธนาการ หนีไปได้อีก จากในค่ายพม่าน่ะแหละ

    คนที่เก่งแบบนี้ไม่ใช่มีท่านนี้ แต่อีกท่าน ต้นตระกูลรัตนโกสินทร์ซ่ะ ด้วย คือ ท่านวังหน้า (คนแรก ) วังหน้าพระยาเสือ : สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ( บุญมา ) ท่านนี้ไม่ใช่แต่เพียงเก่งทั้งอาวุธ คาถาอาคม ยังดุยิ่งกว่าเสืออีกด้วย ในการรบคราวหนึ่งทางใต้ ทัพท่านเพลี่ยงพล้ำเขาไปในที่เสียเปรียบ ถูกพม่าซึ่งตั้งอยู่ในชัยภูมิ ที่ได้เปรียบ บนเนินและเขา ยิงปืน เล็กใหญ่เข้าใส่ทัพไทย ถ้าเหตุการณ์ดำเนินต่อไป ทัพไทยต้องแตก คนต้องล้มตายให้เขาเลือกยิงแน่ๆ ภาษาฝรั่งเรียกว่า sitting duck คือยืนให้เขาเลือกยิงเอาตามสบาย

    ท่านวังหน้า มีกำลังสมถะสมาธิถึงขั้นญาน ( อัปปนาสมาธิ ) และ มีวสีแคล่วคล่องมาก และจะใช้เมื่อจำเป็น ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เมื่อท่านเข้าญาน ถึง ญาน๑ ได้กำหนด ดวงกสิน บรรดาลให้ฝนตก และมีพายุลม ( กำลังญาน๑ สามารถทำให้ฝนตกได้ รับรองโดยหลวงพ่อกัสปมุนี ว่าแค่นี้พอสำหรับทำให้ฝนตก ท่านเล่าเองและเคยทำด้วยเพื่อเหตุผลบางอย่าง )

    เมื่อฝนตก ทำให้กระสุนดินดำเปียก ทำให้พม่าไม่สามารถยิงทั้งปืนใหญ่และปืนเล็กได้ ปืนสมัยก่อนบรรจุด้วยดินดำ และจุดชนวนด้วยดินดำ ทั้งปืนไฟ และปืนใหญ่ เมื่อดินดำเปียกก็ไม่สามารถยิงได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เหตุการณ์เปลี่ยน ท่านวังหน้าสั่งบุกทันที บรรดาเหล่าทหารไทยก็รู้ในเหตุการณ์นี้ดี ว่าเกิดจากบุญญาบารมี ของท่านวังหน้า เมื่อท่านสั่งให้บุกก็ไม่มีใครกล้าถอย เพราะกลัววังหน้ามากกว่ากลัวพม่า บุกไปเจอพม่า ยังอาจจะรอดตาย แต่ถ้าหนีถอยมาเจอวังหน้า ท่านเอาตายแน่นอน...แหะๆ เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนทำให้ ฝ่ายไทยฮึกเหิม และชนะศึกในครั้งนี้

    ท่านวังหน้าพระยาเสือนี้ ยังริเริ่มกองทัพเรือ ( น่าจะต่อจากพระเจ้าตากสินมหาราช ) และมีดำริห์จะขุดคลองเสริม บริเวณสุราษฎ์ธานี ให้เรือเดินได้สดวก สมัยก่อนมีการค้าขายโดยเดินเรือผ่านเข้าในคลองนี้น่ะครับ จากฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ตัดมายังอ่าวไทย มีการทดลองเอาเรือ และช้างลากดูด้วยน่ะว่าทำได้จริง ในอดีตจะง่ายกว่าเพราะยังไม่ตื้นเขิน จึงทำให้ลดเวลาการเดินเรือผ่านแหลมที่สิงคโปร์ไปได้ และในยุคโบราณ โจรสลัดแถวช่องแคบมะละกา ชุกชุมมาก จึงมองหนทางจะลัดตัดมายังอ่าวไทยดีกว่า

    เพื่อจะเตรียมทัพเรือไปตีพม่าบ้าง เพราะการไปตีพม่าทางบก เราต้องเดินขึ้นเขา ไปหาพม่า ยากลำบากในการเดินทัพ และเตรียมเสบียงข้างหน้า จะเห็นว่าในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ พม่าจะเดินลงจากเขามาตีเรา แต่เราเดินทัพขึ้นเขาไปตีพม่ายากกว่าเพราะภูมิประเทศ ไม่ใช่คนไทยไม่กล้า สมเด็จพระนเรศวรก็บุกไปตีมาแล้ว แต่อย่างว่าคือการเสบียงทำได้ยาก จึงไม่สามารถเผด็จศึกพม่าได้ ต้องยกกลับไม่งั้นจะเพลี่ยงพล้ำได้ แต่พอพม่ายกลงมา จะมาในที่ราบซึ่งมีการเพาะปลูกอยุ่ และหาเสบียงได้ง่ายกว่า

    ท่านวังหน้า ทรงเข้าใจใน ชัยภูมิ ภูมิประเทศอย่างถ่องแท้ ต้องบุกพม่าทางเรือ จึงสามารถ ขนกำลังพล และเสบียงได้ง่ายกว่า กำลังพลบอบช้ำน้อยกว่าการเดินขึ้นเขา เขาป่า ไปพม่า จึงเตรียมการจะไปตีพม่าแก้แค้นบ้าง แต่...ทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อน ไม่อย่างนั้นประวัติศาสตร์เปลี่ยนแน่นอน เพราะทัพไทยต้องบุกพม่าทางเรือแน่นอนยิ่งกว่าแช่แป้ง และต้องรบกันมันส์หยดอย่างแน่นอนอีกเหมือนกัน

    กลยุทธนี้ อังกฤษได้นำมาใช้ โดนขนทหารและ อาวุธไปในทางเรือ มาจากทะเล ไม่ใช่บก ไปทางบก เหนื่อยแน่นอน ขึ้นมาตามแม่น้ำ โดยแพ และเรือลากจูง โดยอ้างตู่จะยึดพม่า และให้พม่าฮึดสู้ พวกพม่าก็หลงกล ฮึดสู้ มีแต่แม่ทัพแก่ๆคนเดียว ที่เคยผ่านศึกมาจาก พระบิดาพระเจ้าสีป่อ ทัดทานว่ายอมแพ้เถอะ จะไม่เสียเมืองยังพอต่อรองได้ให้เสียน้อยที่สุด แต่ทัดทานไม่ไหว ทุกคนตกลงสู้

    อังกฤษตีแตกมาเรื่อยๆจนมาถึงเมืองหลวงกรุงมัณทะเลย์ ( เมืองหลวงใหม่สมัยนั้น ) มาเจอทัพหลวงของพม่าซึ่งเตรียมการมาอย่างดี พออังกฤษ ลากจูงแพพ้นคุ้งน้ำมาเจอทัพหลวงพม่า ก็ตกตะลึง ตามที่สำนวนที่ได้บรรยายไว้

    แม่ทัพพม่านั้นยืนช้างกั้นสัปทนประกอบด้วยกระบวนอิสริยยศ มีคนเชิญธงชัยมยุระและธงฉาน พร้อมด้วยเครื่องยศและดุริยดนตรีประโคมอยู่

    นายกองนายหมวดทั้งปวงนั้นก็แต่งเต็มยศ อันประกอบด้วยแพรพรรณหลากสีประดับกายด้วยสุวรรณอลงกรณ์ยืนม้ากั้นร่มระย้าต่างๆ อยู่ตามหมวดกองของตน

    เป็นภาพที่สง่างามน่าชมยิ่งนัก และเป็นภาพที่ได้เห็นกันเป็นครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ของชาติพม่า

    ถ้าผมยังจำประวัติศาสตร์ได้ แว้บๆว่า สมัยโบราณกองทัพเขาจะแต่งเป็นสีๆ สี่สี เป็นโค้ดในการ บริหารกองทัพ ว่าสีใครทำอะไรหน้าที่อะไร อยู่ตรงไหน

    และที่อังกฤษตกตลึง ไม่ใช่กลัวพม่า แต่ทึ่งเพราะความสวยงามของกองทัพพม่าอันแสนจะเกรียงไกรในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นเจ้า ผู้ชนะสิบทิศในภูมิภาคนี้ ตัวจริง เสียงจริง กองทัพมีช้างม้า มีสีสรรสวยงามสุดบรรยาย เลยยิงไม่ลงเพราะเหมือนกับพึ่งมาเจอกองทัพในเทพนิยายอันสวยงาม เป็นพี่ใหญ่ตัวจริงในภูมิภาคนี้

    หลังจากคงยืนจ้องหน้ากันอยู่พักใหญ่ ด้านหนึ่งผู้ตั้งรับอยู่บนฝั่ง อีกด้านหนึ่งผุ้รุกราน อยู่ในน้ำ แต่หน้าทีก็คือหน้าที่ ก็คือต้องรบกัน แต่เป็นการรบที่แสนสั้น แค่วันเดียว เพราะข้างหนึ่งมีปืนใหญ่ ปืนกล ปืนเล็กยาว แบบทันสมัยในยุคนั้น เมื่อเปิดการยิงก็เลือกยิงเอาตามใจชอบ อีกข้างอย่างดีมีอาวุธยาว คือ ปืนใหญ่แบบเก่า ปืนไฟ และธนู หน้าไม้ การรบไปไม่นานครับ ทัพหลวงของพม่าก็แตกพ่าย และพม่าก็เสียเมือง จนเป็นแบบที่เรารู้ครับ

    บรรยายมานาน ....ผมมีเหตุผลน่ะครับที่เล่า ผมไม่อยากเป็นแบบพม่าครับ เพราะพม่าเสียเมืองเพราะผู้นำ และผู้ใหญ่ของพม่าทำตัวพากันลงเหว ....ที่ผมเห็นๆทุกวันนี้ ผมกลัวจัง...แหะๆ


    ส่วนประวัติศาสตร์ ในการที่เราบุก พม่า บุกลาว บุกเขมร บุกญวน บุกมาเลย์ ( เรียกว่าไปทั่วเหมือนกัน ) ผมเป็นคนไทยครับ ผมเกิดไม่ทัน และไม่ทราบครับ ที่เขียนถูกหรือปล่าวก็ไม่ทราบ เพราะใครเขียนก็เว้นตัวเอง ว่าคนอื่น ผมไม่มีเหตุผลต้องไป สอบสวนพฤติกรรมของบรรพบุรุษของผม ในการกระทำของพวกท่านที่ทำให้บ้านเมืองสยามอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้

    ส่วนพระแก้วมรกตน่ะ ท่านไม่ได้อยู่ที่เมืองลาวมาแต่แรกครับ บอกอีกทีน่ะ ท่านอยู่ในเมืองไทยมาก่อนครับ ส่วนจะมา จากไหนก่อนมาเมืองไทย ก็ไม่ใช่มาจากเมืองลาวครับ จะได้เข้าใจถูก จะมาย้ำทำไมว่า รัชกาลที่หนึ่งไปเอามาจากเมืองลาว ทำให้คนคิดไปว่าเป็นของเขามาก่อนก็ไม่ใช่ ท่านอยู่เมืองไทยมาก่อนหลายร้อยปีครับ ย้ายไปย้ายมาหลายที่ สรุปเราไม่ได้ของเขามาครับ เราไปเอาคืนมาครับ ...เข้าใจให้ถูกน่ะจ้ะ

    ส่วนสี่ร้อยน่ะเรื่องจริงหรือไม่ ของฝรั่งผมไม่เคยอ่านครับ ไม่อยากอ่านด้วย อ่านแค่ของไทยผมก็อ่านไม่หมดแล้ว ขอบคุณครับที่บอกน่ะจ้ะ เพราะฮอลลีวู้ด หรือ ฝรั่งน่ะ มันจอมลอกเลียนแบบ แต่งเรื่อง เอามันส์ครับ หาความน่าเชื่อถือยาก ดูแค่เอามันส์ครับ เช่น มันสร้างหนังทีไรที่เกี่ยวกับไทย ผมว่ามันทุเรศมากกว่า เช่น แอนนากับพระเจ้ากรุงสยาม The King and I ผมดูทุก เว่อร์ชั่น ตั้งแต่ จิม แฮริสัน ( อันนี้ถ้าจำชื่อไม่ผิดเพราะนานจัด ) ยูล บรินเน่อร์ โจ เหวิน ฟะ ผมดูด้วยความทุเรศฝรั่งในการมั่วเรื่องพระมหากษัตริย์ของเรา เอามาทำหนังขายทุกที และดูตอนที่ฝรั่งมันสร้างหนังประวัติพระพุทธเจ้า แล้วเอาฝรั่ง คีนู รีฟฟ์มาแสดงเป็นพระพุทธเจ้าก็ทุเรศในหนังเหมือนกัน... อย่างไปเอามาอ้างดีกว่าว่าจริงหรือไม่จริง

    ส่วนพวกสี่ร้อย ที่ไปเสียชีวิต อันนี้ไม่กล้าวิจารณ์ การเมืองในยุคนั้น เพราะเกิดไม่ทัน มันอาจจะมีอะไรลึกๆในนั้นก็ได้ ในการดับดาวรุ่ง เพราะเท่าที่ศึกษา คนสี่ร้อยรู้แล้วจะรบกับคนเป็นหมื่น ( พม่าประมาณ แปดพัน ถึงหมื่น พูดซ่ะว่าประมาณหมื่นหนึ่งก็แล้วกัน ) ถ้าจริงคงไม่มีใครทำ ไม่ใช่เพราะเพราะกลัวเพราะจะมารบอยู่แล้ว แต่ให้ไปรบจริงๆก็ตายเปล่าๆ เป็นการหลอกให้ไปมากกว่า ว่าจะเข้าช่วยทีหลังเพราะไทยมีอยู่หลักพัน ที่จะเข้าช่วยถ้าจะช่วย การตั้งรับดีๆ คนห้าพัน น่ะน่าจะสู้กับหมื่นได้น่ะครับ อย่างน้อยถ้าตั้งรับดีๆ ก็รบกันนานน่ะแหละ และ พม่าแค่ยกมาแค่ลองเชิงเพราะไทยพึ่งเปลี่ยนแผ่นดิน แต่มาเจอไทยนิ่มเหลือเกิน เลยบุกซ่ะถึง กรุงศรีอยุธยา ดีแต่ว่า เทวดาช่วยไว้ ปืนใหญ่แตกใส่ พระเจ้าอลองพญา บาดเจ็บสาหัสจนสิ้นพระชนม์ พม่าเลยกลับไปเตรียมตัว ไม่กี่ปีให้หลัง ก็บุกมาอีกจนเราเสียเมือง

    จบดีกว่าเดี๋ยวเพลิน โม้ไปอีกสิบหน้า พรุ่งนี้มีงานหลวงพ่อ ไม่สดวกขนของไปครับ วันหลังค่อยคุยกัน

    เบี้ยหลวงพ่อนุ่มผมหวงครับ เพราะท่านเก่ง เป็นอาจารย์ของอาจารย์

    ส่วนเบี้ยหลวงพ่อคำให้ดูได้ แต่ไม่แลก เพราะของท่าน ยิงไม่ออกครับ

    ตะกรุด มหาจักร ผมมีหลายดอกแล้ว และของศูนย์ทำผมไม่อยากได้ครับ เหตุผลส่วนตัวครับ

    ตะกรุดมนุษย์ยักษ์ จะเอาครึ่งหนึ่งไปให้ดูครับ...แหะ ครึ่งเดียวก็พอแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  9. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ไทยรบพม่าครั้งแรกในสมัยพระชัยราชาธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เพราะกองทัพพม่าไล่ล้างชาวมอญเข้ามาในเขตของไทยคือเมืองเชียงกราน พระชัยราชาจึงยกทัพไปรบพม่าและได้อาณาจักรล้านนาเข้ามาไว้ในปกครองในขณะนั้นพระเจ้าเชียงใหม่สวรรคตเหลือพระนางเจ้าจิระประภาพระมเหสีรักษาเมืองจึงยอมอ่อนน้อม ดูได้จากช่วงต้นๆของภาพยนตร์เรื่อง พระสุริโยทัย จะเห็นภาพไทยรบพม่าและพระชัยราชาเสด็จเข้าเมืองเชียงใหม่โดยมีพระนางเจ้าจิรประภาแต่งขบวนฟ้อนรำออกมาต้อนรับ

    ในรัตนพิมพวงศ์กล่าวเอาไว้ว่า พระแก้วมรกตมาแต่ลังกาทวีป และไปประดิษฐานอยู่ที่เชียงรายโดยถูกซ่อนไว้ในเจดีย์ ฟ้าผ่าปูนหุ้มกระเทาะออกจึงเห็นเป็นพระแก้วเขียวและต่อมาได้อัญเชิญไปไว้เชียงใหม่ ต่อมาเมืองเชียงใหม่มีปัญหาภายในเรื่องการสืบราชสมบัติจนพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งหลานพระนางเจ้าจิระประภาเสด็จจากลาวมาครองเมืองเชียงใหม่ และทางลาวมีปัญหาเรื่องการสืบราชสมบัติจึงเสด็จกลับไปที่ลาวและได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปไว้ที่หลวงพระบาง และย้ายไปที่เวียงจันทน์ตามลำดับ จนพระเจ้าตากสินส่งเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ร. ๑) ไปปราบลาวและได้อัญเชิญกลับมายังสยามประเทศ แต่ทางประวัติศาสตร์ศิลป์กล่าวว่าพุทธลักษณะของพระแก้วมรกตนั้นเป็นสกุลศิลป์ล้านนาครับจึงเชื่อว่าน่าจะสร้างในไทย(ล้านนา)นี่เองไม่น่าจะมาจากลังกาหรืออินเดีย

    พระเจ้ามินดงพระราชบิดาของพระเจ้าสีป๋อเป็นกษัตริย์พม่าที่มีประปรีชาสามารถคล้ายคลึงกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า(ร.๔) มีพระวิเทโศบายทางการเมืองในการต้อนรับชาวยุโรปคล้ายกันกับไทย คือเปิดประเทศและส่งคณะฑูตไปอังกฤษและฝรั่งเศส(ก่อนไทยจะส่งไปหลายปี)เพื่อเจรจาผ่อนปรนการค้าและเปิดประเทศ แต่น่าเสียดายทีพระเจ้ามินดงสวรรคตก่อน พระมเหสีให้พระธิดา(พระนางเจ้าศุภยารัตน์)อภิเษกกับพระเจ้าสีป๋อแล้วยกให้ครองราชย์ พระนางเจ้าศุภยารัตน์มีพระทัยอำมหิตฆ่าพระญาติวงศ์ที่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชจนหมดนับร้อยองค์และควบคุมการว่าราชการแทนพระเจ้าสีป๋อ จนดำเนินการผิดพลาดคือหลงคิดว่ากองทัพพม่ายิ่งใหญ่กว่าชาติอื่นจึงเปิดศึกกับอังกฤษในที่สุดก็พ่ายแพ้ (คล้ายพระนางซูสีไทเฮาของจีนที่รบกับชาวยุโรบเพราะคิดว่ากองทัพของตนเกรียงไกรในที่สุดก็พ่ายแพ้) ถ้าหากพระเจ้ามินดงไม่ด่วนสวรรคตก่อนการเมืองพม่าคงเปลี่ยนโฉมหน้าไปอีกรูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน

    ประวัติศาสตร์ของชาติไหนๆย่อมเขียนไว้ไม่เหมือนกันทั้งๆที่เหตุการเกิดขึ้นในช่วงเดียวกันเพราะต่างสถานะคือ ผู้ชนะกับผู้แพ้ ผู้ชนะย่อมยกย่องตนเอง ผู้แพ้ย่อมพยาบาทจึงเขียนประวัติศาสตร์ในมุมมองที่แตกต่างกัน อันเป็นบ่อเกิดของกระแสการคลั่งชาติขึ้นมาในภายหลังทำให้ดินแดนแถบนี้ไม่สามารถปองดองกันได้ทำให้เป็นปัญหาเรื่องอาณาเขตชายแดนและการปกครองอยู่จนถึงทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  10. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    สนุกครับ อยากอ่านอีก แฮ่...
     
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    พระเจ้ามินดงพระราชบิดาของพระเจ้าสีป๋อเป็นกษัตริย์พม่าที่มีประปรีชาสามารถคล้ายคลึงกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า(ร.๔) มีพระวิเทโศบายทางการเมืองในการต้อนรับชาวยุโรปคล้ายกันกับไทย คือเปิดประเทศและส่งคณะฑูตไปอังกฤษและฝรั่งเศส(ก่อนไทยจะส่งไปหลายปี)เพื่อเจรจาผ่อนปรนการค้าและเปิดประเทศ แต่น่าเสียดายทีพระเจ้ามินดงสวรรคตก่อน พระมเหสีให้พระธิดา(พระนางเจ้าศุภยารัตน์)อภิเษกกับพระเจ้าสีป๋อแล้วยกให้ครองราชย์ พระนางเจ้าศุภยารัตน์มีพระทัยอำมหิตฆ่าพระญาติวงศ์ที่มีสิทธิ์ขึ้นครองราชจนหมดนับร้อยองค์และควบคุมการว่าราชการแทนพระเจ้าสีป๋อ จนดำเนินการผิดพลาดคือหลงคิดว่ากองทัพพม่ายิ่งใหญ่กว่าชาติอื่นจึงเปิดศึกกับอังกฤษในที่สุดก็พ่ายแพ้ (คล้ายพระนางซูสีไทเฮาของจีนที่รบกับชาวยุโรบเพราะคิดว่ากองทัพของตนเกรียงไกรในที่สุดก็พ่ายแพ้) ถ้าหากพระเจ้ามินดงไม่ด่วนสวรรคตก่อนการเมืองพม่าคงเปลี่ยนโฉมหน้าไปอีกรูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน

    การฆ่าพระญาตินับร้อยองค์ นี่อำมหิตมากน่ะครับ เพราะฆ่าทิ้งลงในหลุมที่ฝังแถววังน่ะแหละ ไม่ได้ไปไหนไกล ไม่ได้เอาไปทำพิธีให้สมพระเกียรติ ในฐานะพระราชวงศ์ เป็นการฆ่าแบบถอนยวง พ่อ แม่ ลูก คนแก่ ลูกเล็ก เด็กแดง ไม่ให้มีการปฏิวัติยึดอำนาจคืน กลัวว่าจะมาแย่งอำนาจไป และพระเจ้าสีป่อ นี่ อ่อน นิ่ม เพราะไม่ใช่นักรบแต่เป็นเปรียญมาก่อน เลยออกมาแนว เกรงใจเมีย พอเป็นกษัตริย์ ก็เสวยน้ำจันทร์ ดูมโหรี เล่นของบันเทิงในวังมากกว่า

    การฆ่านี้ แบบที่เขาพูดว่าฆ่าแบบเจ็ดชั่วโคตร คือนับไปข้างบน สามโคตร (พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และทวด และญาติที่เกี่ยวข้อง ) และนับลงไปอีก สามโคตร ( ลูก หลาน เหลน และญาติที่เกี่ยวข้อง ) และโคตรตัวเอง ลูก เมีย ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่ต้องสงสัย ฆ่าตายหมด ป้องกันการกลับมาแก้แค้น แบบว่าสกุลนี้จะหายไปจากแผ่นดิน ที่ยังรอด ถ้ารอด ต้องหลบหนี เข้าป่า ย้ายทำเล เปลี่ยนชื่อสกุล ย้ายตระกูลไปไม่งั้น ตายสถานเดียว...

    ในประวัติ เล่าว่าผีนี้ตายโหง ถูกฝังไม่ได้ทำพิธีพระศพ พอตกกลางคืนจะมา ร้องไห้ โหยหวน คร่ำครวญ จนต้องเอา พระ หมอผีมาทำพิธีสกด

    ที่พม่านี่ผีดุน่ะครับ เขาไม่เล่ากัน พวกทัวร์กลัวคนไม่ไปเที่ยว เลยไม่เล่า พม่าเรียก แนท พวกผีเจ้าที่ หรือ เทวดาเจ้าที่นั่นเอง มีเยอะมากๆ เป็นวัฒนธรรมของเขาอย่างหนึ่ง ตอนผมไปทำงานที่พม่า รู้ตัวล่วงหน้าแล้ว เพราะไปนอนเปรอะหลายที่ ( เข้าป่า ลงเรือ ไปหลายจังหวัด ไปสำรวจและตรวจแท่นเจาะน้ำมันบนบก ไปด่ะไปหมด ) ผมนิมนต์ของกันผีไปด้วย...แหะๆ สวดมนต์ไหว้พระแม้จะง่วงเต็มแก่ เลยรอดตัวไป ของกันผีนี่คือมีดหมอเล่มเล็กๆ เลี่ยมแขวนคอไป

    เรื่องผีพม่านี่ กลาววันแสกๆก็โดนน่ะครับ เช่นมีคนไปเที่ยวดูพวกเจดีย์แถวพุกาม จะไม่โม้มาก เพราะมีเยอะเหลือเกิน ดูเป็นอาทิตย์ถ้าจะยังไม่หมด มีหลายแบบ หลายขนาด หลายฐานะ มีมากเหลือคณานับ แผ่นดินไหว พังไปก็เยอะ น่าจะหลายๆพันเจดีย์ ประมาณว่าสี่พันเจดีย์ คนไปเดินๆดู พวกของเก่า พอมองเข้าไปในช่องเจดีย์ เจอหน้าคน หน้าผู้หญิงก็มี กำลังมองสวนออกมา ข้างในนั่นไม่ใช่คนแน่ๆ เพราะถ้าเป็นคนมันไม่รู้ว่าเข้าไปอย่างไร วิ่งกันตับแลบ...แหะๆ

    ผมเป็นคนช่างสังเกตุ เพราะอาชีพ และชอบดูพระ เลยดูอะไรละเอียดหน่อย เมืองพม่านี่ แทบไม่มีหมาน่ะครับ ผมนั่งรถเป็น พันๆกิโล น่าจะสามสี่พันกิโล ผ่านชนบท ไปหลายท้องที่ เจอสุนัขตัวเดียวที่ในเมืองพุกาม และไม่เห็นแมวเลย ถ้าเป็นชนบท บ้านนอกของไทย รถวิ่งไป สุนัขต้องเห่ากันเกรียวเพราะคนไทยชอบเลี้ยงสุนัข แต่ที่พม่าไม่มีครับ มีเรื่องเล่าเยอะที่เห็น แต่ผิดกระทู้ ไม่เล่าล่ะครับ

    คนพม่ามีเครื่องรางและชอบคาถาอาคม ผมไปได้พระปิดตามาองค์ ยังหาหลวงพ่อไม่เจอเลย น่าจะเป็นพวกไทยใหญ่ พ่อค้าพม่าที่ขายเขาบอก ได้แหวนงาหัวเสือมาหนึ่งวง แจกเขาไปแล้ว ส่วนมรกต ไม่กล้าซื้อดูไม่เป็นแล้วกลัวโดนจับที่สนามบินครับ

    วันนี้ เป็นงานพระราชทานเพลิงศพ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทรงน่ะครับ ท่านเป็นพระเหนือโลก ถ้าว่างกราบเรียนเชิญไปร่วมงานกันน่ะครับเพื่อเป็นเกียรติแก่หลวงพ่อ พระครูสุภัทรธรรมโสภณ งานนี้จะมีแค่ครั้งเดียว หลังจากนี้จะไม่มีร่างของหลวงพ่อที่วัดศาลาดินอีกต่อไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  12. Maha Jakkraput sutta

    Maha Jakkraput sutta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +915
    อิติอะระหัง สุคะโต
    ฉันทโสภี หลวงพ่อทรง
    นามะเต อาจาริโยเม
    อายัสมา อาจาริโยเม
    ภันเตโหหิ สาธุ สาธุ สาธุ
    ขอไว้อาลัยแด่หลวงพ่อที่เคารพรักยิ่งในใจเสมอ เป็นเทพเจ้าของชาวดิน
    รักและเคารพ จากลูกศิษย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2009
  13. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ครับ พระนางเจ้าศุภยารัตน์อำมหิตมาก มีพระราชเสาวนีย์ให้เชิญบรรดาพระญาติวงศ์มางานพระราชทานเลี้ยง ให้นักดนตรีบรรเลงเพลงมโหรีดังสนั่น แล้วปิดประตูวังจากนั้นให้ทหารเริ่มลงมือสังหารพระญาติวงศ์ โดยไม่มีใครได้ยินเสียงร้องโหยหวนเพราะมโหรีดังกลบไปหมด ตายหรือยังไม่ตายสนิทก็นำไปโยนทิ้งลงหลุมขนาดมหึมาที่ให้ขุดเตรียมไว้เอาดินกลบเอาช้างเหยียบซ้ำอีกทีจนดินแน่น เปลี่ยนราชวงศ์ทีก็กำจัดเสี้ยนหนามกันทีหนึ่งสยดสยองจริงๆ

    เอ่อ...คือว่า..คุ้ยประวัติศาสตร์ไปไกลจนถึงพม่าเชียว ...พากระทู้ออกทะเลแล้วกระมัง....กลับฝั่งดีกว่า หุๆๆ
     
  14. G.sis.t

    G.sis.t เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,321
    ค่าพลัง:
    +11,307
    ..เคยอ่านเรื่อง พม่าเสียเมือง ของ อ.หม่อม คึกฤทธิ์ ปราโมช ถึงตอนนี้แล้วสยดสยอง หย้าา....
     
  15. endocardium

    endocardium Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +43
    ถ้าไม่เป็นการรบกวน จะเป็นอะไรมั๊ย

    พี่ๆที่ได้ไปร่วมงาน ช่วยลงภาพบรรยากาศพิธีด้วยนะครับ

    กราบ กราบ กราบ

    หลวงพ่อทรงเป็นที่สุด
     
  16. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    จะลงตั้งแต่เมื่อคืนวานแล้วครับ แต่เผอิญตากแดดร้อนมาก กลับบ้านผมหลับ...แหะๆ แก่แล้วครับ

    มีคนไปเยอะมากงานหนึ่งน่ะครับ

    ยิ่งตอนกลางคืน ตอนไชยา- แอน มา วัดคงแตก...แหะๆ

    เดี๋ยวเช้านี้เคีลยร์ งานแล้วผมจะลงให้ดูครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 เมษายน 2009
  17. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เริ่มต้นจากท่านขุนรองปลัดชู เลยพาไปถึงเมืองพม่า เพราะอย่างไรคือคู่ปรับตัวสำคัญของชาติสยาม และในอดีต พูดตามตรงเราค่อนข้างจะเสียเปรียบพม่า มาตลอดด้านกำลังพล และ ด้านผู้นำ เราจะเป็นรองพม่ามาตลอด

    ลักษณะของชนชาติพม่า จะมีความภูมิใจในตัวเองสูง เหมือนๆพวก เกาหลี ญี่ปุ่น มีความชาตินิยมมาก มากกว่าคนไทยน่ะครับ และคนพม่าเคร่งศาสนามากกว่าคนไทยมากน่ะครับ

    คนไทยจะลืมง่าย เจ็บแล้วไม่ค่อยจำ เราจะเรื่อยๆตามลักษณะคนไทย ชอบสนุกสนานเฮฮามากกว่า

    ผมเจตนาจะเล่าถึงสายวิชา ของ วิเศษฯ ว่ามาเกี่ยวพันกับหลวงพ่อทรงอย่างไร ผมจะลองสอบถามดูว่ามีใครบ้าง เผื่อเอามาเล่ากันฟัง

    วิชาคงยังมีอยู่ อาจจะมีคนฝึกได้ แต่ของจริงจะนิ่งเป็นใบ้น่ะครับ เราต้องค้นหาให้เจอ
     
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ผมไม่สามารถ โหลด ภาพได้น่ะครับ

    ตอนสายๆ ลองอีกทีน่ะครับ
     
  19. ลูกพ่อลิงดำ

    ลูกพ่อลิงดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +13,560
    พี่พี ได้ถ่ายรูปงานพระราชทานเพลิงศพบ้างมั่ยครับ
     
  20. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    ที่งานเมื่อวานเหมือนมี shopping street ย่อม ๆ ระยะทางสั้น ๆ (ไม่กี่เมตร) สั้นกว่าที่ผมจินตนาการไว้เยอะเลย เสียความรู้สึกเลยอ่ะ (คิดว่าจะได้เจอการหั่นราคาเป็นเวลาของผู้มีจิตศรัทธาซะที) แต่ก็มีบางท่านได้เหรียญบินในราคาถูกกว่าเบี้ยแก้นะ (y)
    ได้เห็นได้สัมผัสแหวนเสือของจริงก็ในงานนี้เอง เสียดายที่วงใหญ่ผมใส่นิ้วโป้งขวายังหลวมเลยไม่ได้สวมกลับบ้านด้วย

    ที่วัดมีการนำพระ (น่าจะเป็นที่ตกค้างอยู่ที่วัด) มาให้ทำบุญ องค์ละ 100 และ 200 มีทั้งแหวกม่าน ซุ้มกอ พุทธซ้อน ขุนแผน พระพุทธนิมิตร แต่ผมไม่เห็นพระนักธรรม (สงสัยผมจะมาไม่ทัน)

    ในงานมีการแจกหนังสือที่ระลึกและพระปรกโพธิ์เก้าใบ (เนื้อขาว) แก่ผู้ร่วมทำบุญตามอัธยาศัย หลังจากนั้นก็มีพระคุณเจ้า (น่าจะมาจากพิจิตร) นำพระผงหลวงพ่อเงินมาแจกด้วย มีการแจกฤาษีเนื้อผง ในใบแนบลงชื่อไว้ว่า คณะโพธิจิต ผมมาบ่ายมากแล้วเลยไม่รู้ว่าพี่พีมีแจกอะไรในงานด้วยรึเปล่า..อิอิ
    พี่ลายสะลองได้อัดรูปหลวงพ่อ (พื้นแดง) มาฝากผมไปแจกในงาน 400 รูป ผมยืนดูทีท่าด้วยความมึนงงว่าจะแจกตอนไหน ตรงไหนดี ก็เลยปรึกษาพี่พี พี่พีแนะนำให้ไปมอบให้ จนท. ที่แจกหนังสือ ผมก็เลยนำไปมอบให้ จนท. จนท. รับไปด้วยความงงเช่นกันแต่ก็แจกทันที แป๊บเดียวหมดครับ กว่ารูปนี้จะถูกแจกก็เหลือไม่ถึง 300 รูปแล้ว เพราะผมถวายพระคุณเจ้าที่เคารพไปหลายองค์ ๆ ละหลายสิบรูป รูปนี้หากท่านใดได้รับไป ได้โปรดทราบไว้ด้วยครับว่า รูปหลวงพ่อ (พื้นแดง) มีอักขระ นะชาลีติ ที่ตักหลวงพ่อ ได้ผ่านการเสกโดยหลวงพ่อเสียน วัดมะนาวหวาน หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน และพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งแล้ว มิใช่รูปเปล่า ๆ ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...