รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Xorce, 26 พฤศจิกายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. อ_เอกวัฒน์

    อ_เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +270
    ปรึกษาเรื่องการทำสมาธิที่บ้าน
    เนื่องด้วยกระผมทำสมาธิมาใจไม่สงบและรู้ตามอารมในจิตตลอด ภาวนาพุธโธเสมอ แต่ใจยังไม่สงบเลย อาจเป็นเพราะไม่มีครูบาอาจารย์แนะนำหรือคอยควบคุมหรือเปล่าครับ อย่างไรช่วยแนะนำที่ครับ
     
  2. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Almon ครับ

    มีข้อสงสัยอยากถามครับ ว่าภวังค์กับทรงฌาน มันมีข้อแตกต่างกันยังไงครับ
    และสังเกตได้อย่างไรครับ

    ถ้าเราตกภวังค์ จิตของเราจะขาดสติ มันจะง่วงๆ เคลิ้มๆ แล้วก็คล้ายหลับไป จะมีอาการสัปงกด้วยครับ
    ถ้าจิตของเราเป็นฌาณ จิตของเราจะประคองในอารมณ์ใจที่เป็นสุขเอาไว้ และจะมีสติ สามารถประคองอารมณ์ไว้ได้ตลอด

    ซึ่งในบางครั้งเวลาที่นั่งสมาธิผมลืมลมหายใจไป เลยไม่แน่ใจว่าตัวเองอยู่ในภวังค์หรืออยู่ในฌาน

    ลืมหายใจ ไม่หายใจ ลมหายใจหายไป เพราะว่าจิตเป็นฌาณ4
    แล้วพอเรารู้สึกว่าตัวเองไม่หายใจ
    เราก็ดันตกใจ และรีบหาลมหายใจ ก็เลยลดระดับสมาธิของตัวเองลง
    ถ้าไม่หายใจน่ะถูกแล้วครับ
    และจะต้องประคองอาการที่จิตหยุดนิ่ง หยุดคิด จิตนิ่งเป็นเอกคตา เอาไว้ ให้ได้นานที่สุดเท่าที่เราสามารถจะทำได้
    ถ้าประคองเอาไว้ได้ตลอดเวลาเลยยิ่งดีครับ

    เมื่อเข้าสมาธิถึงจุดที่สงบที่สุดของเราได้แล้ว อย่าลืมอธิษฐาน นวสี ปักหมุด เพื่อความคล่องด้วยครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
    <!-- / message -->
     
  3. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    วันนี้เดินจงกรม ก็แว๊บถึงลูกบอลไฟบ้าง เป็นแสงสว่างบ้าง แต่ยังจับไม่ได้ว่าจะเอายังไงดี แต่ค่อย ๆ สะสมไปค่ะ

    จับภาพพระเป็นเพชรนะครับ
    เสร็จแล้วก็เปลี่ยนลูกบอลไฟ ให้เป็นเพชร แบบเดียวกันกับภาพพระน่ะครับ

    กับวันนี้ตอนที่นั่งนั้น รู้สึกง่วงนอน ปกติเวลาบริกรรมถ้าเพลินหรือรู้สึกง่วงจะผงะ หรือวูบบ่อย ๆ มีเพลินบ้างแต่กลับมาจับพองยุบได้ไว ไม่มีผงะ ทีนี้ก็เลยลองนึก ภาพพระพุทธรูปสีทอง จากนั้นก็นึกเปลี่ยนเองให้เป็นสีขาวสว่าง ๆ แล้วก็ใส จากนั้นก็ให้เป็นเพชรแว๊บ ๆ ประกายพรึก แต่ก็ยังโครงสร้างเป็นพระพุทธรูปอยู่ค่ะ

    เป็นภาพพระเป็นเนื้อเพชร ถูกแล้วครับ

    จากนั้นรู้สึกขาว ๆ มันวิ่งเป็นวงกลมหมุนรอบ ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา บางทีก็ชัด บางทีก็ไม่ชัดค่ะ แต่ชอบนึกให้เป็นเพชรแว๊บ ๆ สวยดี ได้แค่นี้อะคะ แต่พยายามสะสมไปเรื่อย ๆ แต่ก็อธิษฐานปักหมุดไว้ด้วยค่ะ

    ให้หมั่นประคองภาพพระเป็นเพชรเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลานะครับ
    นึกถึงอยู่เสมอ นึกถึงอยู่เรื่อยๆ ทำจิตให้เกาะพระพุทธเจ้าเอาไว้เสมอครับ

    ทำดีต่อไปนะครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  4. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ choosake ครับ

    รบกวน ถามครับ
    มี อาการ กาย มัน สั่น หรือ เอียง ไปข้างหลัง
    แต่ใจ สงบ ยังใช้ มโนมยิทธิ ได้ตาม ปกติ เพราะไม่สนใจ

    เป็นปีติครับ ไม่ต้องสนใจนะครับ
    วิธีแก้ไขก็ไม่จำเป็นต้องแก้ครับ
    หรือจะปล่อยให้นอนไปเลยก็ได้ครับ
    เน้นทำร่างกาย ทำใจให้สบายนะครับ

    <!-- / message -->
     
  5. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ Maxzimon ครับ

    ผมลองเพ่งจิตนึกถึง กระดาษขาวแล้วค่อยๆ เติมสีไปเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ พอวาดออกมาก็สวยดี= = อิอิ ตอนที่ค่อยๆเติมสีผมภาวนาตลอดคับ รู้สึกถึงคำภาวนาได้เลย แต่ลมหายใจบางทีก็มีบางทีก็หาย จับเข้าออกไม่ได้เลยครับ

    อันนี้ก็ถือว่าเป็นกสิณครับ
    ลมหายใจหายไปก็แปลว่าจิตกำลังเป็นสมาธิครับ
    แต่ให้ทำใจให้สบายกว่านี้ครับ
    การฝึกกสิณก็จะทำให้ความสามารถในการใช้จินตภาพของเราสูงขึ้นด้วยครับ
     
  6. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    หลังจากก่อนหน้านั้น ที่เคยเข้า ญาณ4หยาบๆได้ครั้ง2ครั้ง จิตได้ตกลงเพราะ ผมว่าผมศีลบกพร่องนะคับ ใจมันก็เลยคิดว่าศีลด่างพล้อย แต่ก็ผ่านมาได้สักพัก ผมเริ่มปฏิบัติและพยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์ และ ก็ปฏิบัติได้สักระยะ ก็เริ่มจะเข้าสู่ปรกติ แต่มีอะไรที่แปลกๆคือ รู้ว่าร่างกายหายใจแต่จิตมันเหมือนกับแยกคนละส่วนหน่ะคับ เหมือนกับอาการของคนเป็นหวัด-*-แต่ไม่ได้เป็นหวัดนะ รู้ว่าร่างกายมันหายใจ (หรือหายใจละเอียดขึ้นนั้นเองเหมือนคราวก่อน) แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกถึงกลิ่งต่างๆรอบๆทั้งระยะใกล้และไกล แล้วอีกอย่าง นึง ผมเห็นของที่รับประทานได้ คือ มันจะรู้รสทันที หรือแม้กระทั้งแค่เห็นภาพก็ตาม ก็จะรับรู้ได้ถึงรสชาติ แต่ของที่กินไม่ได้ก็จะไม่รับรู้ -*- หรือจิตมันปรุงแต่งคิดไปเอง แต่ผมก็ลองเปลี่ยนหลายๆรูปดูมันก็แปลกนะ ไม่เหมือนกัน แล้วกลับเอารูปเดิมมาก็เป็นรสชาติเหมือนเดิมตามรูปนั้นๆ

    ขอถามอีกข้อนึงคับ เรื่อง ทิพย์จักษุ หรือ หูทิพย์ ตาทิพย์ จมูกที่หายใจละเอียด โสตประสาท อื่นๆจะทำงานดีขึ้นละเอียดขึ้น อันนี้มันจะเป็นกระบวนการปรับสภาพให้จิตมันบริสุทธิ์ขึ้นใช่ไหมคับ ไม่ว่าทุกส่วน ยังงี้ ร่างกายผมก็ค่อยๆปรับสะภาวะ ที่ดีขึ้น หรือ ผมแค่ จิตมันปรุงแต่งเอง แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกคับ เพียงแต่มันก็แปลกๆ ก็เลยมาถามว่า มันยังไงแค่เห็นภาพก็รับรู้ถึง รสชาติ กลิ่นก็ได้นะคับแต่ไม่ค่อยชัดเจนเพราะ จมูกมันรับรู้ถึงกลิ่งบริเวณรอบๆอยู่แล้ว

    จิตประคองอยู่ในสมาธิเสมอๆ จิตละเอียดขึ้น ความเป็นทิพย์ปรากฏมากขึ้นครับ

    หมั่นในทำใจให้สบาย แล้วประคับประคองความสบายเอาไว้เสมอๆนะครับ

    เวลาผมเผลอหรือว่า หลุดจากดูลมทุกอิริยาบถ มันจะมีแสง ครับ สัก2-3วิ แล้วมันก็หาย วันนี้เป็นสองสามครั้งคับ ผมเจริญ กสิณ กองแสงสว่าง อาโลกสิณไปด้วยคับ ทั้งวันจากไฟ นีออน หลอดตะเกียบที่ทำงานหน่ะ -.- แต่ก็ได้ผล ภาพเริ่มติดตามาบ้างแระคับ และเริ่มมีประกายนิดๆหน่อย ก็เริ่มนานขึ้นแล้วคับ
    จะปฏิบัติแบบ ดูลมหายใจไปด้วย เพ่งหลอดนีออนที่ทำงานบ้าง บางครั้ง ทำสองอย่างทุกๆวัน จะได้รึเปล่าคับ -*- บางครั้งอยู่ข้างนอกผมจะดูลม นั่งทำงานก็ทำงานไปด้วยบ้าง เพ่งแสงบ้าง

    การฝึกกสิณ ไม่ใช่ให้เอาตาของเราไปมองที่แสงไฟนะครับ
    การฝึกกสิณแสงสว่าง คือให้เราหมั่นนึกถึง จินตนาการ คิดถึงภาพของแสงสว่างเอาไว้เสมอๆ

    การมองแสงสว่างจะทำให้เราเสียสายตาและไม่ได้อะไรเลยครับ
    ให้เปลี่ยนวิธีใหม่นะครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  7. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ บุญพิชิต ครับ

    เรียนคุณxorceที่นับถือ ผู้เขียนมีข้อข้องใจอยากจะเรียนถามเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ คือผู้เขียนนั่งสมาธิตามรู้ลมหายใจ นั่งไปได้สักพัก ก็จะเห็นก้อนเมฆสีขาวรวมตัวกันเป็นจุดเล็กๆและหมุนรอบตัวเอง แล้วกลายสภาพเป็นวงกลมพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นอากาศโล่งๆ ผู้เขียนจึงถอนออกจากสมาธิ เรียนถามเป็นข้อๆนะฮะ
    1.อาการที่เห็นจุดขาวๆ ก้อนเมฆ หรือแม้กระทั่งวงกลม หมายถึงอะไรฮะ

    เห็นในจิต หรือว่าเห็นด้วยตาเนื้อครับ
    ถ้าเห็นในจิตก็เป็นกสิณ
    ถ้าเห็นด้วยตาเนื้อก็ไม่ต้องสนใจครับ

    2.ผู้เขียนถอนออกจากสมาธิ เมื่อนั่งสมาธิไปได้ประมาณ30-40นาที่ ทำมั๊ยรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน คล้ายกับหิวข้าว ใจสั่นหวิวๆ เป็นอย่างนี้ประจำ เป็นอาการอะไรฮะ
    เจริญในธรรมยิ่งๆ

    ลองทำใจให้สบายกว่านี้นะครับ
    บางครั้งเรามีความเครียดมากเกินไปในการปฏิบัติครับ จึงเกิดอาการดังกล่าว
    นอกจากอาการใจสั่นแล้ว มีอาการปวดศรีษะ มึนๆ หรือปวดระหว่างคิ้วด้วยไหมครับ
    <!-- / message -->
     
  8. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ กลับตัวกลับใจ ครับ

    คือผมมีข้อสงสัยอยากถาม อาจารย์นะครับ

    ทำไมเวลา ไ ม่ไ ด้ทำสมาธิ แล้วยังมีอาการ ขนลุก ซู่ซ่า มาเป็นพักๆ

    ขนลุกเป็นอาการของปีติ มักจะเกิดเวลาเราเกิดความปลื้มใจในธรรมะ
    อันนี้ไม่ต้องสนใจครับ ให้รู้ไว้เฉยๆว่าอาการนี้มีอยู่ครับ

    อย่างเวลา อ่านข้อความในเวปนี้บางกระทู้

    บางทีก็ปวดตรงหว่างคิ้ว เมื่อก่อนไม่เคยเป็น

    แต่ถ้า เวลาทำสมาธิ เป็นอยู่เรื่อยๆ ครับ

    อาการปวดตรงระหว่างคิ้ว เป็นอาการของการวางอารมณ์หนักเกินไปครับ
    ให้เราทำใจให้สบายกว่านี้เวลาทำสมาธิครับ


    วิธีแก้ก็คือ ให้ ล้างลมหยาบ ก่อนทำสมาธิ
    ขั้นตอนคือ <META content=Word.Document name=ProgId><META content="Microsoft Word 11" name=Generator><META content="Microsoft Word 11" name=Originator><LINK href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CDewVader%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml" rel=File-List><STYLE>@font-face { font-family: Angsana New;}@page Section1 {size: 612.0pt 792.0pt; margin: 72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin: 36.0pt; mso-footer-margin: 36.0pt; mso-paper-source: 0; }P.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}LI.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.MsoNormal { FONT-SIZE: 12pt; MARGIN: 0cm 0cm 0pt; FONT-FAMILY: "Times New Roman"; mso-style-parent: ""; mso-pagination: widow-orphan; mso-bidi-font-size: 14.0pt; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-bidi-font-family: "Angsana New"}DIV.Section1 { page: Section1}</STYLE>[FONT=&quot]หายใจเข้าลึกๆ ให้ใจสบายๆ รู้สึกผ่อนคลาย พอลมเต็มปอดแล้ว ให้กลั้นลมหายใจหรือกักลมหายใจเอาไว้เบาๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ ๆๆ ซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆไปที่ท้อง ประมาณ[/FONT][FONT=&quot]10[/FONT][FONT=&quot]วินาที[/FONT]
    [FONT=&quot]จึงค่อยหายใจออก ทำซ้ำ[/FONT][FONT=&quot]10[/FONT][FONT=&quot]ครั้ง[/FONT]
    [FONT=&quot]แล้วจึงเริ่มจับลมหายใจครับ จิตจะนิ่งเป็นสมาธิได้เร็วกว่ามากเลยครับ[/FONT]

    [FONT=&quot]ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ[/FONT]

    ลืมบอกไปว่า เวลาทำสมาธิ

    ผมจับลมหายใจเพียงอย่างเดียวแล้วก็แผ่เมตตา

    ไม่ได้ฝึกอย่างอื่นเลย ต้องการให้จิตสงบ

    ผมทำถูกหรือเปล่าครับ ควรเพิ่มเติมตรงไหนอีกหรือเปล่า

    ขอบคุณครับ

    ผม ขออนุญาติ แอดเมล ท่านไว้นะครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->

    หลักขั้นพื้นฐานที่ผมอยากจะให้ทุกๆคนทำกันได้นะครับ คือ
    1.ทำจิตให้หยุดนิ่ง ลมหายใจหายไป ได้ทุกครั้ง ที่ต้องการ
    2.แผ่เมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ จากสมาธิ จนจิตใจเกิดความอิ่มเอิบชุ่มเย็นเบาสบายถึงที่สุด ทำจิตให้ชุ่มเย็น ด้วยเมตตาอยู่ทุกชั่วขณะจิต
    3.จับภาพพระให้เป็นเพชร ได้ทุกครั้ง ที่ต้องการ นึกเมื่อไหร่ได้ตลอด

    ถ้าทำสามข้อนี้ได้ สมาธิในขั้นพื้นฐานก็ถือว่ามั่นคงพอสมควรแล้วครับ

    จุดสำคัญอยู่ที่ทั้งสาม้อข้างต้น มีอารมณ์ที่มีความละเอียด ตามระดับของภูมิจิตของเรา
    ที่บอกว่าละเอียดนั้น เพราะการแผ่เมตตานั้น ยิ่งเราแผ่มากเท่าไหร่ ความเย็นของเมตตา ระยะในการแผ่เมตตา ก็จะยิ่งมากขึ้นตามลำดับ
    ความละเอียดของสมาธิในลักษณะนี้ มีในการเจริญ พระกรรมฐานทุกๆกอง

    ดังนั้นเราควรทำให้สม่ำเสมอ จนเกิดความคล่องตัวครับ

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  9. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ หมูเติ้ล ครับ

    เพิ่งฝึกกสินครับอยากขอคำแนะนำครับเวลานึกภาพกสินแล้วตอนหลับตา
    ตาเนื้อจะเห็นเป็นความมืด แต่จะเห็นภาพกสินในใจ

    เข้าใจถูกแล้วครับ ตาเนื้อย่อมไม่เห็นอะไร ภาพนั้นย่อมปรากฏในจิต
    เหมือนการจินตนาการ หรือการนึกภาพธรรมดาครับ

    เช่น นึกรูปลูกบอลสีแดง แต่ตาเนื้อจะมองไม่เห็นลูกบอลจะเห็นแต่ความมืดจากการหลับตา ใช่รึเปล่าครับ แล้ว ตอนที่นึกภาพกสินบางทีก็เผลอคิดเรื่องอื่นแต่ยังเห็นภาพกสินอยู่ อย่างนี้ใช้ได้ รึเปล่าครับ
    ผู้รู้ช่วย ชี้แนะด้วยครับ

    ถ้าภาพกสิณเป็นเพชรแล้ว ความคิดอย่างอื่น จะไม่มี หรือแทรกเข้ามาได้น้อยมากครับ
    กสิณนั้น ให้เรานึกเปลี่ยนให้เป็นเพชรเองเลยนะครับ ไม่ต้องรอครับ
    ระยะเวลาในการฝึกกสิณ จากเริ่มต้นฝึก แบบไม่เคยทำสมาธิมาก่อนเลยจนถึงเป็นเพชร
    จะให้ทำภายใน1นาที 1วินาทีก็ได้ครับ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลานานแต่ประการใด
    เรานึกให้เป็นเพชรเมื่อไหร่ มันก็เป็นเพชรได้ทันทีเลยครับ

    ลองนึกถึงภาพลูกบอลกสิณ ดวงกสิณ ให้เป็นเพชรอย่างรวดเร็วดูนะครับ

    <!-- / message -->
     
  10. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    การใช้มโนมยิทธิ การถอดจิต ก็คือตัวเดียวกันแหละครับ
    และอารมณ์จริงๆนั้น ไม่มีการเพ่ง ไม่มีอาการเครียด ไม่มีอารมณ์หนักแต่ประการใด
    ยิ่งใจของเราเบา ยิ่งใจของเราสบาย มากเท่าไหร่ ความแจ่มใสก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นครับ
    และระยะทางที่จิตสามารถจะเดินทางได้ ก็มีไม่จำกัดเช่นเดียวกันครับ

    หลักการสำคัญของมโนมยิทธิ ก็คือการขอบารมีจากพระพุทธเจ้าครับ
    ห้ามใช้กำลังของตัวเราเองเป็นอันขาดครับ
    ความแจ่มใสจริงๆ ของการรู้เห็น จึงขึ้นอยู่กับความนอบน้อมเคารพต่อพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า
    ผู้ใดที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ย่อมมีความสามารถทางญาณทัศนะที่สูงครับ

    กายทิพย์ หรือจิตของเรา เป็นสภาวะที่ไม่สามารถจะแตกสลายได้ ไม่มีความเปราะบางแต่ประการใด
    ร่างกายของเราตะหากที่เป็นของไม่เที่ยง ที่มีความเสื่อมสลาย พังทลายลงไปอย่างเสมอๆ

    ดังนั้นต้องไม่ติดในร่างกาย
    ส่วนจิตนั้น เราจะต้องคอยทำความสะอาด และรักษาความดี ให้คงอยู่เอาไว้เสมอๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  11. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ขอบคุณป๋าx แต่ ก่อนหน้านั้นผม ไม่รู้ภาพมันเป็นยังไง แต่ผมไม่ได้จ้องแสงโดยตรงและก็ใช้กระจกเงาส่องเอา ระยะห่างก็พอสมควร มันจะจ้าตอนแรกก็จริงแต่พอมองไปสักพัก แสงมันก็ลดระดับลงแต่จะ สว่างขึ้นเมื่อลองหลับตาหลังจากนั้น ไอที่ว่าประกายเพรช ผมจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกหรอกครับ แต่หลังจากที่เพิ่งแบบนี้ มันทำให้ผมมองเห็นภาพว่า ประกายเป็นระยิบระยับเป็นยังไง สวยมากทำให้ผม จดจำกสิณได้นานขึ้น ผมก็เลยลองสลัย มามองกสิณไฟดูบ้างมันทำให้ติดนานและ มองเห็นประกายเพรชระยิบระยับที่ จดจำมาจากแสงที่มองดูเมื่อตอนที่ทำงาน ด้วย ทำให้มองภาพเริ่มชัดเจน จะมองอะไรก็ติดตาง่ายมากๆ
    ตอนนี้ก็เริ่มรู้ว่าไอประกายเพรชมันเป็นยังไงผมก็จะลดจากที่เพ่งแสงไฟก็แล้วกันนะครับ^^; ไปเพ่งไฟจากเทียนแทนพอ เริ่มจดจำได้ดีผมค่อยไปจับภาพพระให้เป็นประกายเพรชครับ
     
  12. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    การฝึกสมาธินั้น ถ้าเรายังรู้สึกว่า ต้องฝืนตัวเอง ต้องฝืนใจเพื่อให้ปฏิบัติ
    แปลว่าเรายังไม่ค้นพบความสุขจากสมาธิ อย่างแท้จริง

    ถ้าเราค้นพบความสุขจากสมาธิแล้ว
    เราจะเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้ว เราจะต้องประคองจิตให้เป็นสมาธิเอาไว้เสมอ

    เพื่อรักษาจิต ให้ชุ่มเย็นมีความสุขอยู่เสมอ
    ถ้าสมาธิ เสื่อมหรือคลาดไปจากจิตของเราเมื่อไหร่ ความทุกข์ก็จะมาเยือนเราเมื่อนั้น

    ดังนั้นอารมณ์จิตจะไม่มีอาการฝืนปฏิบัติ หรือรู้สึกว่าลำบากใจที่จะต้องปฏิบัติแม้แต่ประการใด
    กลับกัน เราจะรู้สึกว่า หากเราไม่ปฏิบัติ แม้แต่ชั่วขณะจิตเดียว
    กิเลสต่างๆก็จะครอบงำ ทำจิตของเราให้เกิด ความทุกข์ ความเร่าร้อน อย่างฉับพลันทันใด

    ดังนั้นขอให้ทุกๆคน ลองเสวยสุขจากความเมตตาอันไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    อันเป็นความสุขจากสมาธิในเบื้องต้น ดูซักครั้ง
    แล้วจะเข้าใจว่าการปฏิบัตินั้น ทำจิตของเราให้มีความสุขเพียงใด
     
  13. แว๊ด

    แว๊ด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    982
    ค่าพลัง:
    +509
    แว๊ด ถามต่อเลยนะคะ สะสมไว้มาหลายวัน อิอิ

    คือว่า ขณะที่นอนหลับนั้น แว๊ดก็รู้สึกเสียววาบ แล้วก็ซ่านตั้งแต่ศรีษะไปถึงปลายเท้า ค่อนข้างแรง จนแว๊ดตื่น เป็นมาหลายวัน และเวลาที่ตื่นก็ใกล้เคียงกันค่ะ

    ขณะเดินจงกรม ที่ระหว่างคิ้วมันมีลูกกลม ๆ กลิ้งไปมา แล้วตอนนั้นเหมือนบรรยากาศรอบ ๆ ตัวมันแปลก ๆ น่ะค่ะ แต่จะเป็นพัก ๆ แต่จะตึง ๆ ที่ระหว่างคิ้วบ่อยค่ะ ไม่ว่าเดิน ยืน นั่ง นอน เป็นหมดค่ะ

    กับมีวันหนึ่ง รู้สึกตัวอยู่ข้างใน มันเห็นภาพโดยยังไม่ลืมตา คือมันเห็นเป็นเพ็ชรยิบ ๆ แต่ยังไม่เยอะนะคะ กึ่งรู้สึกตัว กับไม่รู้สึกตัว แว๊ดก็อธิษฐานปักหมุด แบบเบลอ ๆ น่ะค่ะ

    และสองวันมาแล้ว แว๊ดฝันเห็นกระดูก แต่กระดูกขาว ๆ สว่าง ๆ ในฝันบอกว่า แม่แว๊ดตายไปนานแล้ว(แต่แม่แว๊ดยังอยู่) แว๊ดก็จับมือกับแม่ แล้วเดินไปด้วยกัน แต่ไม่เห็นหน้าแม่ ในฝันเขาก็บอกมาอีกว่า ต้องบวมก่อน(คือศพอืดก่อนจะเห็นกระดูก) แว๊ดก็ก้มลงไปมองที่มือ ที่จับแม่ไว้ รู้สึกมันอืด ๆ บวม ๆ กับที่หน้าแข้งลงไปถึงเท้าของแม่ เป็นกระดูกหมดเลย แว๊ดก็มอง ๆ ตอนนั้นไม่กลัว พอตื่นมาแล้วนึกได้ ถึงกลัวอะคะ

    กับเมื่อวาน แว๊ดฝันว่า แว๊ดผ่านไปเห็นรถเขาชนกัน มีศพคนตายนอนอยู่บนถนน ตอนที่รถผ่านศพ แว๊ดเห็นศพมันดำ เหมือนช้อคโกแลต ในฝันแว๊ดก็สงสัยว่า แค่รถชนกัน ทำไมศพมันดำมัน เหมือนศพโดนเผาไฟ

    แว๊ดเจออสุภะ หรือเปล่าค่ะ รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มีนาคม 2009
  14. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    ขอบคุณป๋าx แต่ ก่อนหน้านั้นผม ไม่รู้ภาพมันเป็นยังไง แต่ผมไม่ได้จ้องแสงโดยตรงและก็ใช้กระจกเงาส่องเอา ระยะห่างก็พอสมควร มันจะจ้าตอนแรกก็จริงแต่พอมองไปสักพัก แสงมันก็ลดระดับลงแต่จะ สว่างขึ้นเมื่อลองหลับตาหลังจากนั้น ไอที่ว่าประกายเพรช ผมจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกหรอกครับ แต่หลังจากที่เพิ่งแบบนี้ มันทำให้ผมมองเห็นภาพว่า ประกายเป็นระยิบระยับเป็นยังไง สวยมากทำให้ผม จดจำกสิณได้นานขึ้น ผมก็เลยลองสลัย มามองกสิณไฟดูบ้างมันทำให้ติดนานและ มองเห็นประกายเพรชระยิบระยับที่ จดจำมาจากแสงที่มองดูเมื่อตอนที่ทำงาน ด้วย ทำให้มองภาพเริ่มชัดเจน จะมองอะไรก็ติดตาง่ายมากๆ
    ตอนนี้ก็เริ่มรู้ว่าไอประกายเพรชมันเป็นยังไงผมก็จะลดจากที่เพ่งแสงไฟก็แล้วกันนะครับ^^; ไปเพ่งไฟจากเทียนแทนพอ เริ่มจดจำได้ดีผมค่อยไปจับภาพพระให้เป็นประกายเพรชครับ

    กสิณนั้น อย่าให้ติดตานะครับ
    จะต้องให้ภาพติดใจครับ
    คือสามารถนึกเมื่อไหร่ก็เห็นได้
    นึกเหมือนเวลานึกถึงหน้าคุณพ่อ คุณแม่น่ะครับ แค่นั้นเองครับ

    สำคัญที่สุดว่า จะต้องนึกเอานะครับ ขอย้ำว่าจะต้องนึกหรือ จินตนาการถึงภาพนั้น
    ที่ให้มองวัตถุต่างๆ ก็อยู่ในขั้นที่จะจดจำภาพนั้น เพื่อเอาไว้นึกครับ
    ดังนั้นถ้าสามารถจะนึกได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องหาวัตถมาดูแม้แต่ประการใด
    เพราะเวลาที่อาจารย์ของผมนำเรื่องกสิณจริงๆ ก็สามารถจะนำกสิณให้ครบทั้ง10กองได้
    โดยไม่จำเป็นจะต้องมีวัตถุให้มองแม้แต่ประการใดครับ
    ทั้งหมดอยู่ที่ความสามารถในการใช้จินตนภาพของเราครับ

    คำว่าเพ่งในสมัยโบราณ ไม่ได้แปลว่าการเอาตาไปจ้องสิ่งต่างๆนะครับ
    การเพ่งจริงๆนั้น สมัยก่อนแปลว่า การใช้จิตนึกถึง การจินตนาการถึง
    ไม่เกี่ยวกับการมองด้วยตาเนื้อนะครับ
    แต่เมื่อการเวลาเปลี่ยนไป ความหมายก็เปลี่ยนไป
    ทำให้คนเข้าใจการฝึกกสิณ การทำสมาธิผิดไป
    และลงเอยด้วยการทรมานร่างกายเสียเป็นส่วนมาก

    ดังนั้นขอให้ทุกๆคน เข้าใจว่า
    การฝึกกสิณก็ดี การใช้ญาณต่างๆก็ดี ภาพที่เห็น จะเห็นด้วยจิต เห็นด้วยใจ เป็นจินตภาพ
    ไม่ใช่ภาพที่เห็นด้วยตาเนื้อแม้แต่ประการใดนะครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ แว๊ด ครับ

    อันนี้เป็นกรรมฐานในกองอสุภะเก่า ที่เราได้เคยฝึกมานะครับ
    อสุภะกรรมฐาน ก็ทำเหมือนกสิณน่ะครับ
    คือให้เรานึกถึงภาพของศพ ในลักษณะต่างๆกันครับ
    แล้วอารมณ์สุด ก็คือจะเห็นภาพศพนั้นๆ เปลี่ยนเป็นเนื้อเพชรครับ จะเป็นศพเพชร
    สรุปว่าลงเอยด้วยเพชรหมดครับ

    อสุภะกรรมฐานมี 10 ได้แก่
    1.ศพขึ้นอืด
    2.ศพหนองไหล เยิ้ม
    3.ศพเลือดท่วม
    4.ศพที่พองเป็นสีเขียว
    5.ศพถูกตัดครึ่งท่อน
    6.ศพถูกสับละเอียดเป็นชิ้นๆ
    7.ศพถูกสัตว์ต่างๆ รุมกระชากกัดกิน
    8.ศพถูกหนอนชอนไช
    9.ศพเป็นโครงกระดูก
    10.ศพที่อวัยวะกระจัดกระจายทั่วบริเวณไปหมด

    แล้วเราก็ไล่นึกถึงแต่ละกอง ให้เป็นศพเนื้อเพชรทั้งหมด
    ในขั้นที่เป็นเพชร ถ้าเราจะไล่จริงๆ 10กอง ไม่นานก็เสร็จหมดแล้วครับ
    อารมณ์ที่จะเกิดเวลาฝึกอสุภะก็คือ อารมณ์ที่ปล่อยวางจากร่างกาย
    อารมณ์ที่ปล่อยวางซึ่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เห็นธรรมดาในร่างกาย

    ขอให้ลองนำไปปฏิบัติดูนะครับ
     
  16. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ขอบคุณครับป๋า x ผมม๊ะเถียงล่ะคับ เชกเช่น เซอร์ไอแซกนิวตั้นที่เห็นลูกแอปเปิ้ลหล่น จะได้ไอเดียเรื่องแรงโน้มถ่วงเพราะได้เห็น หรือ สองพี่น้องตระกูลไรต์ ที่ได้เห็นนกและเกิดอยากบินได้เหมือนนก ก็เพราะเค้าได้เห็น พระพุทธเจ้าก็เช่นเดี๋ยวกัน หาก พระสาวกได้เห็นแจ้งเชกเช่นพระพุทธเจ้า พวกเค้าก็จะมีความเพียรและยึดมั่นในพระพุทธเจ้า ก็เพราะพวกเค้าเห็น นี่เป็นภพภูมิมนุษย์ที่มีทางแยกหลายทาง แต่มนุษย์ปตุชน ทั่วๆไปไม่เคยได้เห็น มันก็พูดยาก ผมก็เช่นเดียวกัน ป๋าx ทำได้แล้วเจอมาแล้ว แต่ ผมหรือ น้องๆยังไม่เคยเจอเคยผ่าน ก็ต้องค่อยๆฝึกไป ผมอาจจะฝึกข้ามขั้นตอน ตอนนี้ จะค่อยๆฝึกอาจจะถูกวิธีบ้าง หรือไม่ถูก ก็เพื่อที่จะหาวิถีของตัวเอง หา จริตของแต่ละบุคคล ถ้าหากหาเจอแล้ว นั้น มันก็จะช่วยให้เจริญสมาธิเพิ่มพูลสติปัญญาได้ดี แต่ถ้า ฝึกเหมือนกับงมเข็ม ผมยอมรับผมฝึกอย่างนั้นนะครับ ก็ได้ เว็บนี้กับ ท่านผู้รู้ผู้ที่เห็นมาก่อน เป็นแนวทางปฏิบัติ ^^; แต่ผมก็ต้องหาจริตผมด้วยครับ แผ่เมตตาก็ดี เพ่งกสิณต่างๆก็ดี เจอด้วยตัวเองเห็นด้วยตัวเอง ^^; ขอบคุณคับ สำหรับ คำแนะนำ ผมเคย มองพระอาทิตย์ด้วยนะ แต่ กระพริบตาเอา แค่แสงของพระอาทิตย์ ก็ดี แต่ จะไม่ดีผมก็รู้ครับ แต่มองพระอาทิตย์นั้นผมก็เลิกทำไปแระเด่วตาบอดก่อน เลยมองแค่แสงพอ ขอบคุณครับ
    อนุโมทนา คับ ป๋า x ^^; วันหลังจะมาถามใหม่


    ส่วนระลึกนึกถึงท่านพ่อกับท่านแม่นั้น ก็ใช่ครับ ก็เพราะเราเจอกันบ่อยเจอกันทุกวันจึงจดจำได้ติดตรึงติดตาจนมันฝังลงในจิต พอนึกคิดก็ดึงภาพที่เคยเห็นบ่อยๆ เจอบ่อยๆก็ดึงเอาภาพนั้นมาได้โดยง่ายโดยคนทั่วๆไป แต่ผมเป็นผู้ที่อาภัพจำหน้าแม่ไม่ได้แล้ว ^^; แต่ก็ไม่ได้จมกับอดีตที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขออภัยที่พูดมาเยอะแยะ

    คำสอนและคำแนะนำของ ท่านๆต่างๆในที่นี้ ท่าน x ด้วย ผมก็จะนำมาปรับปรุงใช้ครับขอบคุณคับกับคำชี้แนะ

    เด่วต้องไปพยายามนึกถึงรูปพระก่อน มีอยู่องค์นึงที่ชอบมากๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มีนาคม 2009
  17. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ขอขอบคุณ..สำหรับคำตอบและคำแนะนำ

    ผมจะนำไปปฏิบัติ...ในการทำสมาธิต่อไปครับ
     
  18. ALMON

    ALMON สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +2
    ขอพระคุณมากครับเลยครับสำหรับคำแนะนำดีๆ
    มีข้อสงสัยจะกลับมาถามใหม่นะครับ

    อนุโมธนาบุญด้วยครับ
     
  19. นายเมธี12

    นายเมธี12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +540
    ขอบคุณคับ ผมก็หัวดื้อมีถิทธิ อยู่บ้าง เพราะเป็นเด็กมีปัญหา ก็อย่าว่ากันนะครับ ป๋า x แค่ พูดตามที่ผมเข้าใจหน่ะครับ ;)
     
  20. Xorce

    Xorce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +4,400
    ถึงคุณ makoto12 ครับ

    ทุกๆคน ก็ย่อมมีทิฏฐิเป็นธรรมดาครับ
    ผู้ที่พ้นจากทิฏฐิได้แล้ว คือพระอรหันต์เท่านั้นครับ

    ดังนั้นก็ทำใจให้สบายนะครับ
    ผมก็หวังดีอยากจะให้การปฏิบัติของทุกๆคนมี ความลัดสั้น ง่ายดายที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
    เนื่องจากผมได้พบความทรมานของการปฏิบัติอย่างไม่ถูกมาแล้ว
    จึงไม่อยากจะให้ผู้ใด ต้องเสียเวลา ต้องเสียกำลังใจ ไปกับการทรมานร่างกายตัวเองครับ

    อย่างไรก็ให้ลองนำที่ผมแนะนำไปปรับใช้ ตามความเหมาะสมนะครับ


     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...