ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ วันพฤหัสบดี ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2009

    </TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffd5d5><TD align=middle width="33%">ทองคำ 96.5 %</TD><TD align=middle width="33%">รับซื้อ</TD><TD align=middle width="33%">ขายออก</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>ทองคำแท่ง</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>15300 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>15400 </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>ทองรูปพรรณ</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>15084.2 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>15800 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[​IMG] ตลาดต่างประเทศ</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffd5d5><TD align=middle width="33%">ทองคำ 99.99 %</TD><TD align=middle width="33%">เปิด</TD><TD align=middle width="33%">ปิด</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>ฮ่องกง</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>8639.00 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>n/a </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>ลอนดอน</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>n/a </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#fff5ec>938.00 </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>นิวยอร์ก</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>n/a </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>943.75 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD>[​IMG] London Fix</TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR bgColor=#ffd5d5><TD align=middle width="33%">วันที่</TD><TD align=middle width="33%">AM Fix </TD><TD align=middle width="33%">PM Fix</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>Feb 11, 2009</TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>922.00 </TD><TD vAlign=top align=middle width="33%" bgColor=#ffffec>938.00 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.goldtraders.or.th/
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    [​IMG]

    *** พวกเรา คือ ใคร ? ***

    เราทุกคน คือ ผู้ที่จะทำให้คำบอกเล่า นิทานโบราณ กลายเป็นความจริง....พวกท่านทุกคน มีหน้าที่ คือ ช่วยเหลือมนุษย์ผู้ที่จะต้องพบกับ "หลักสัจจะธรรม" ในอนาคต...ทุกท่านจะต้องช่วยกัน สร้างวัดและชุมชนในชนบท ให้เป็นที่พึ่ง...เป็นต้นโพธิ์

    ให้ "กาขาว" ที่อพยพบินหนีลี้ภัย มาอาศัยอยู่...ท่านจะค้นหา จนพบว่า ท้องที่ใด คือ "ถิ่นปลอดภัย" สำหรับ "กาขาว" จำนวนมาก...พวกท่าน คือ ผู้ที่ถูกจัดสรร โดย โลกุตตระ ...ให้มาทำหน้าที่ช่วย สานต่อพุทธศาสนาที่หักกลาง ในช่วงกึ่งพุทธกาล....

    เพื่อให้พุทธศาสนา ที่มีพระสมณโคดม เป็นพระศาสดา สามารถยืนยาวจนครบพุทธกาล ๕,๐๐๐ ปี...หลังภารกิจนี้สำเร็จ โลกจะเข้า "ยุคพระศรีอารย์" ... ท่านจะสามารถเลือกทางเดินของท่านได้...

    หากปรารถนาจะหลุดพ้นสู่นิพพาน ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก...เพราะ ท่านจะได้พบ "หลักโลกุตตระธรรม" ในอนาคต.......พวกเรา คือ ใคร !!!!

    - หนุมาน ผู้นำสาร "


    ****************************************​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2009
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ปางโปรดอสุรินทราหู
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถ นอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ (รักแร้) ลักษณะเดียวกับปางปรินิพพานและปางทรงพระสุบิน หรือเรียกโดยทั่วไปว่า พระปางไสยาสน์

    ประวัติ
    ในสมัยที่พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ในนครสาวัตถี อสุรินทราหูซึ่งเป็นอสูรอุปราช ของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากเหล่าเทวดาทั้งหลาย จึงมีความประสงค์จะฟังธรรมจากพระพุทธองค์ แต่คิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์มีพระวรกายเล็ก ตนเองมีร่างกายใหญ่หากไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมองด้วยความลำบาก

    เมื่ออสุรินทราหู ไปเข้าเฝ้าสำคัญตัวว่ามีร่างกายใหญ่โตใหญ่กว่าพระพุทธเจ้า จึงไม่ยอมแสดงความอ่อนน้อม พระพุทธองค์ทรงประสงค์จะลดทิฐิของอสุรินทราหูอสูร จึงทรงเนรมิตกายให้ใหญ่โตกว่าอสุรินทราหูอสูร ทรงนอนในลักษณะเสด็จสีหไสยาสน์ พระเศียรหนุนภูเขาต่างพระเขนย พระบาททั้งสองข้างที่วางซ้อนกันอยู่ สูงใหญ่กว่าอสุรินทราหู

    อสุรินทราหูต้องแหงนคอเพื่อชมพุทธลักษณะ พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูขึ้นไปยังพรหมโลก บรรดาพรหมทั้งหลายมีร่างกายเล็กกว่าพระพุทธองค์และต่างมองอสุรินทราหู เหมือนประหนึ่งมนุษย์ดูมดปลวกตัวเล็กๆ อสุรินทราหูเกิดความกลัว ต้องหลบอยู่ข้างหลังพระพุทธองค์ นับแต่นั้นมาก็ลดทิฏฐิมานะ อ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์ และเมื่อได้สดับฟังพระธรรมเทศนาจึงเกิดความเลื่อมใส ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

    ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki

    พระอนาคตวงศ์ ๑๐ พระองค์

    องค์สมเด็จพระมหามุนีธิคุณเจ้าแห่งเราทั้งหลาย ตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า นานไปเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นั้น จะได้ตรัสรู้แด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณเป็นลำดับกันฯ คือ

    - องค์พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าเป็นปฐมที่ ๑
    - ถัดนั้นจึง พระรามโพธิสัตว์จะได้ตรัสที่ ๒
    - ถัดนั้นจึง พระเจ้าปเสนธิโกศลจะได้ตรัสเป็นพระธรรมราชาที่ ๓
    - ถัดนั้น พระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระธรรมสามีที่ ๔
    - ถัดนั้น อสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระนารทะที่ ๕
    - ถัดนั้น โสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระรังสีมุนีที่ ๖
    - ถัดนั้น สุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระเทวเทพที่ ๗
    - ถัดนั้น โตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระนรสีหะที่ ๘
    - ถัดนั้น ช้างธนบาลหัตถีนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระติสสะที่ ๙
    - ถัดนั้น ช้างปาลิไลยหัตถี จะได้ตรัสเป็นพระสุมงคลที่ ๑๐


    *****************************************************************
    ที่มา http://www.84000.org/anakot/kan3.html
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สัมมาทิฐิ และ มิจฉาทิฐิ

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    สัมมาทิฐิ แปลว่า ความเห็นถูกต้อง หมายถึงความเห็นที่ถูกคลองธรรม เห็นตามความเป็นจริง เป็นความเห็นที่เกิดจากโยนิโสมนสิการ ประกอบด้วยปัญญา ตามวัดส่วนใหญ่เขียนคำนี้ตามแบบภาษาบาลีว่า สัมมาทิฏฐิ

    สัมมาทิฐิ ที่เป็นอริยมรรคมีองค์ 8 หมายถึง ความเห็นในอริยสัจ คือเห็นทุกข์ เห็นสมุทัย เห็นนิโรธ เห็นมรรค


    สัมมาทิฐิ ที่เป็นมโนสุจริตหมายถึง ความเห็นถูกต้อง 10 อย่าง คือ
    1. เห็นว่าการให้ทานมีผลจริง (หมายถึงการให้ในระดับแบ่งปันกัน)
    2. การบูชามีผลจริง(หมายถึงการให้ในระดับสงเคราะห์กันมีผล)
    3. การเคารพบูชามีผลจริง (หมายถึงการยกย่องบูชาบุคคลที่ควรบูชามีผลดีจริง)
    4. ผลวิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง
    5. คุณของมารดามีจริง (หมายถึงมารดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทนพระคุณท่านอย่างเต็มที่)
    6. คุณของบิดามีจริง (หมายถึง บิดามีพระคุณต่อบุตรอย่างยิ่ง บุตรควรตั้งใจตอบแทนพระคุณท่านอย่างเต็มที่)
    7. โลกนี้มี (หมายถึง โลกนี้มีคุณเป็นอย่างยิ่ง เหมาะสำหรับใช้สร้างบุญบารมี)
    8. โลกหน้ามี (หมายถึง โลกหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ ความเป็นไปของโลกหน้า เป็นผลมาจากโลกนี้)
    9. พวกโอปปาติกะ (ผุดขึ้นเกิด) มี (หมายถึง สัตว์ที่ผุดขึ้นเกิดแล้วโตทันทีมีจริง อาทิเช่น ในภูมิทุคติ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ในภูมิสุคติ ได้แก่ เทวดา พรหม อรูปพรหม)
    10. สมณพราหมณ์ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนบรรลุมรรคผลนิพพาน รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองแล้วสอนให้ผู้รู้ตามด้วยมีจริง
    มิจฉาทิฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิด การเห็นกงจักรเป็นดอกบัว พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า

    "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์บางพวกมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า
    • ทานที่ให้แล้วไม่มีผล
    • การบูชาไม่มีผล
    • การบวงสรวงไม่มีผล
    • ผลของกรรมดีกรรมชั่วไม่มี
    • โลกนี้ไม่มี
    • โลกอื่นไม่มี
    • มารดาไม่มีบุญคุณ
    • บิดาไม่มีบุญคุณ
    • สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะไม่มี
    • สมณพราหมณ์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทราบถึงโลกนี้และโลกอื่นด้วยปัญญาอันยิ่งเอง และสามารถทำให้ผู้อื่นรู้ตามด้วย ไม่มี"
    ซึ่งจากการประพฤติผิดมิชอบนี้เอง จะส่งผลให้บุคคลนั้น ๆ ต้องไปเกิดยังนรกอเวจีเพื่อใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้หลายร้อยชาติ"

    ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ


    ปัจจัยให้เกิดมิจฉาทิฏฐิ มี 2 อย่าง ได้แก่
    • ปรโตโฆสะ คือ การโฆษณาแต่บุคคลอื่น เสียงจากผู้อื่น ฟังคำบอกเล่าชักจูงของผู้อื่น
    • อโยนิโสมนสิการ คือ การทำในใจโดยไม่แยบคาย การไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ความไม่รู้จักคิด การปล่อยให้อวิชาครอบงำ ตรงกันข้ามกับคำว่า โยนิโสมนสิการ
    ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki

    หมายเหตุ

    ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ลองสังเกตุดู รายชื่อ"พระอนาคตวงศ์ ๑๐ พระองค์" ให้ดีก็จะเห็นว่ามีรายชื่อ ของ พระยามาราธิราช และ อสุรินทราหู รวมอยู่ด้วยซึ่งท่านทั้งสองนี้ เคยเป็นผู้ที่มีมิจฉาทิฏฐิครอบงำใจมาก่อน แต่ก็สามารถละวางมิจฉาทิฏฐิ กลับมาเป็นสัมมาทิฏฐิได้ในที่สุด

    มิจฉาทิฏฐินี้ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของความชั่วร้ายทั้งปวง เพราะทำให้มีความเห็นผิดพลาดจากความเป็นจริง หลงกระทำความชั่วด้วยความเห็นผิดว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม หรือที่เราเรียกกันว่า"เห็นกงจักรเป็นดวกบัว"นั่นเอง

    นี่ขนาดพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีใกล้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังหลงผิดเห็นผิดเป็นชอบไปได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาๆ อย่างพวกเรา ที่จะไม่เกิดความหลงผิดไปได้ ถ้าไม่คอยระวังความคิดของตัวเองให้เป็นสัมมาทิฏฐิ อยู่ทุกขณะด้วยความไม่ประมาทแล้ว ก็มีสิทธิ์พลาดพลั้งหลงติดบ่วงของพญามารไปได้ง่ายๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2009
  5. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    Update time = Thu Feb 12 9:39:10 UTC 2009


    <table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"> <tbody><tr> <th> </th> <th align="center">MAG </th> <th align="center">UTC DATE-TIME
    y/m/d h:m:s
    </th> <th align="center">LAT
    deg
    </th> <th align="center">LON
    deg
    </th> <th align="center">DEPTH
    km
    </th> <th> Region</th> </tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 6.2 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 08:30:16 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.057 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.940 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.6 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 07:38:06 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.794 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.939 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.3 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 07:07:38 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.044 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.684 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 06:02:00 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.195 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 127.055 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 04:40:02 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.273 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.991 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.2 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 04:27:06 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.147 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.905 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.2 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 04:16:40 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.801 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.615 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 6.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 03:49:41 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.882 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.475 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 42.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.1 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 03:19:18 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.761 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 127.062 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 61.6 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.1 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 03:01:16 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.918 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.804 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 51.2 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 02:36:40 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.106 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 127.066 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 02:15:07 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.154 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.975 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 51.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.4 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 01:42:09 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.043 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.751 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.4 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 01:25:28 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.043 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.810 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 36.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.5 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/12 00:03:00 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.987 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.658 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> </tbody></table><hr> <table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1"><tbody><tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.2 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 23:43:32 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -5.554 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 151.696 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 29.2 </td><td valign="top"> NEW BRITAIN REGION, PAPUA NEW GUINEA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 22:32:50 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.836 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 127.080 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.7 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 22:14:26 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.702 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.562 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 20.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.3 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 20:45:33 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -20.169 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -68.715 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap">109.1 </td><td valign="top"> POTOSI, BOLIVIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.5 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 19:01:56 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.882 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.518 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.1 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 18:54:03 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.982 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.721 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.1 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 18:47:26 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.831 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.551 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.7 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 18:25:12 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 4.033 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.782 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.6 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 17:49:18 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.982 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.505 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 7.2 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 17:34:51 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 3.902 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 126.400 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 20.0 </td><td valign="top"> KEPULAUAN TALAUD, INDONESIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 17:17:03 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 6.724 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -72.984 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap">161.2 </td><td valign="top"> NORTHERN COLOMBIA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.9 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 13:52:44 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -16.211 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 178.316 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 21.8 </td><td valign="top"> FIJI</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.5 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 09:31:05 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -20.794 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -177.398 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 10.0 </td><td valign="top"> FIJI REGION</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 04:17:32 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -0.076 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 124.431 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 66.2 </td><td valign="top"> MOLUCCA SEA</td></tr> <tr><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">MAP</td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap"> 5.0 </td><td align="center" valign="top" nowrap="nowrap">2009/02/11 01:50:11 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> -0.565 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 133.225 </td><td align="right" valign="top" nowrap="nowrap"> 35.0 </td><td valign="top"> NEAR THE NORTH COAST OF PAPUA, INDONESIA</td></tr></tbody></table>
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    แผ่นดินไหวที่อินโดถี่มากครับ นับตั้งแต่กลางดึกเมื่อคืน

    ช่วงที่ผ่านมา นับแต่มาฆะบูชาพระจันทร์สีแดงผิดปกติ


    อย่าได้ประมาทในความดี อย่าประมาทในความไม่เที่ยงของโลก
     
  7. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    พรุ่งนี้ศุกร์ 13
     
  8. หล่อลำน้ำ

    หล่อลำน้ำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +40
    ^
    ^
    น่ากลัวจัง จะมีการปล่อยผีมั๊ย?
     
  9. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    13 ก.พ. 52

    สิบล้อ เล่นโบว์ลิ่ง ซื่งทำสแปร์
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องน่ารู้จาก"กระโถนข้างธรรมาสน์"

    [​IMG]
    ภาพพระยามาราธิราช กำลังมาขัดขวางการการตรัสรู้ธรรมของพระสมณโคดม

    ถาม : ทำไมเรียกภัทรกัปล่ะครับ ?

    ตอบ : ภัทรกัปแปลว่ากัปที่มีความเจริญมาก

    ถาม : ไม่ใช่ ๕ องค์ ใช่ไหมครับ ?

    ตอบ : กัปที่มีพระพุทธเจ้าจะประกอบไปด้วย สารกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ วรกัป มีพระพุทธเจ้า ๓ องค์ สารมัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๔ องค์ และ ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ องค์ คราวนี้มันจะมีพวกสุญกัป อันตรายกัป ที่ว่างจากพระพุทธเจ้ามีแต่สิ่งชั่วร้ายอะไรต่าง ๆ เยอะแยะไปหมดนาน ๆ ถึงจะมีกัปที่มีพระพุทธเจ้าขึ้นมาทีหนึ่ง แต่ปรากฏว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟลุคที่สุดเป็นภัทรกัป ๒ กัปติดกันมีพระพุทธเจ้าได้ ๑๐ องค์ ใครเกิดช่วงนี้เฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุด เฮงที่สุดก็คือทำความดีไม่ต้องมากหรอกขึ้นไปได้แค่สวรรค์น่ะ พระศรีอาริยเมตไตรย์ขึ้นไปตรัสโดยเฉพาะพวกเรายึดในทานศีลภาวนาอยู่รับรองว่า ตอนนั้นสวรรค์ร้าง ท่านคงกวาดไปหมด แต่ถ้าพลาดลงนรกนี่เอาแค่ขุมตื้น ๆ เท่านั้นนะ ผ่านไป ๑๐ องค์นี่ยังไม่ทันได้โผล่หรอก เพราะฉะนั้นเฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุดในเวลาเดียวกัน

    ถาม : อย่างนี้มาเกิดในพุทธศาสนานี่ก็วัดดวงที่สุดเลยสิครับ ?

    ตอบ : ก็โดยเฉพาะโตไทยพราหมณ์กับสุภมานพตรัสรู้ติดกันสุภมานพตรัสรู้ก่อน สุภมานพจะเป็น สมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์จะเป็น สมเด็จพระพุทธนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อไปทีหลังลูก ลูกได้ก่อน คำพยากรณ์เขาพยากรณ์แน่นอนอยู่แล้ว อาจจะป็นไปได้ด้วยว่าช่วงนี้ท่านลงกว่าจะขึ้นมาก็เลยไปทีหลังลูกก็ได้

    ถาม : อย่างนี้ก็ครบ ๑๐ องค์แล้วนี่ครับ พระศรีอาริยเมตไตรย์ หลวงปู่ปาน ?

    ตอบ : เกิน เขาบอกเอาไว้เกิน แสดงว่าจะต้องมีผู้ที่ลาพุทธภูมิในช่วงนี้อีก พระที่รู้แน่ ๆ ก็คือพระยามาราธิราชลาใช่ไหม ในอนาคตวงศ์เขาเริ่มพระศรีอาริยเมตไตรย์องค์ที่ ๑ ช้างปาลิไลยกะองค์ที่ ๑๐ แต่ว่าเราต้องการแค่ ๖ เพราะฉะนั้นต้องลาอย่างน้อย ๔ องค์ พระยามาราธิราชลาไปแล้วก็เหลืออีก ๓ องค์ ก็ดูว่าใครจะสละสิทธิ์

    เมตเตยยพราหมณ์ จะเกิดเป็น พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระรามจะเป็น สมเด็จพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิโกศลจะเป็น สมเด็จพระพุทธธรรมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถาม : องค์นั้นไปแล้วนี่ครับ ?

    ตอบ : อันนั้นน่ะมหาปเสนทิโกศลนะ เป็นหลวงปู่ปาน เป็นองค์พ่อกษัตริย์ผู้ครองแคว้นโกศลเขาเรียก ปเสนทิโกศลทุกองค์แหละ ก็พระยามาราธิราชถ้าไม่ลาซะก่อนจะเกิดเป็น สมเด็จพระธรรมสามีสัมมาสัมพุทธเจ้า อสุรินทราหูถ้าหากว่าไม่ลาก็จะเกิดเป็น สมเด็จพระพุทธนารทสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ถาม : ใครนะครับองค์นี้ ?

    ตอบ : ราหู ไม่ใช่ราหูอมจันทร์นะ ท่านเคยบอกไว้ว่าท่านไม่ไปอมขี้ดินหรอก คนมันลือกันไปเอง (หัวเราะ) ก็พระพุทธรูปจะมีอยู่ปางหนึ่งปางไสยยาสน์น่ะ ไสยยาสน์พระบาทเสมอเป็นปรินิพพาน ถ้าหากว่า ไสยยาสน์พระบาทซ้อนเหลื่อมก็จะเตรียมตัวลุก แต่มีปางไสยยาสน์อยู่อันหนึ่ง เขาเรียกว่าไสยยาสน์ลืมเนตร ไม่ได้หลับตา อันนั้นเขาเรียกว่า ปางโปรดอสุรินทราหู ไปโปรดพระราหูเพราะพระราหูนี่ท่านคิดว่าตัวท่านใหญ่มาก ตามในบาลีเขาบอกว่ารอยต่อระหว่างคิ้วนี่โยชน์หนึ่ง ๑๖ กิโลเนี่ย ของเรามันได้ ๒ นิ้วมือหรือเปล่าก็ไม่รู้ คราวนี้ตัวท่านใหญ่ขนาดนั้นก็เลยว่าจะไปกราบพระพุทธเจ้าแต่กลัวว่าจะเป็นการไม่เคารพ เพราะว่าตัวใหญ่ต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้า อยากจะไปแต่ไม่ได้ไปกลัวจะเป็นการปรามาสพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านเลยเสด็จไปโปรด ปรากฏว่าพระพุทธเจ้านอนตัวใหญ่กว่าราหู (หัวเราะ) ปางนั้นแหละเขาเรียกว่าไสยยาสน์ลืมเนตร-ปางโปรดอสุรินทราหู

    ถาม : แล้วอย่างนี้คนสร้างเขารู้ประวัติความเป็นมาหรือเปล่าครับ ?

    ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วบรรดาที่เขาเขียน ๆ ขึ้นมาก็มักจะป็นผู้ที่ได้อภิญญาได้อะไร แต่ว่าต่อมาหลัง ๆ มันมีเฝือเยอะ ถ้าอธิบายพระไตรปิฎกลงมาเป็นอรรถกถานี่โอเคล่ะ เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณไม่ใช่ส่วนใหญ่ล่ะทุกองค์ แต่อรรถกถามาฎีกา ฎีกามาเป็นอนุฎีกา อนุฎีกามาเป็นเกจิอาจารย์นี่ไม่ไหวแล้ว ชักจะเลอะ ก็เลยกลายเป็นว่าเพิ่มอะไรขึ้นมาเยอะเกินไป มันเฝือ ทีนี้ถัดจากอสุรินทราหูก็เป็นโสณพราหมณ์ จะเป็น สมเด็จพระพุทธรังสีมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เป็นสุภมานพเป็น สมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์เป็น สมเด็จพระนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ช้างนาฬาคิรี ที่เทวทัตปล่อยไปจะเหยียบพระพุทธเจ้าน่ะ จะเป็น สมเด็จพระพุทธติสสสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วช้างปาลิโลยกะ ที่อุปฐากพระพุทธเจ้าตอนที่อยู่ป่าเลไลย์น่ะ ตอนหนีภิกษุโกสัมพีที่ทะเลาะกัน นั่นจะเป็นองค์สุดท้าย จะเป็น สมเด็จพระพุทธสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อันนี้ก็เกินโควต้า เพราะต้องการ ๖ มาตั้ง ๑๐ จะต้องมีอย่างน้อย ๆ อีก ๔ องค์ที่จะลา เรารู้แน่ ๆ คือท้าวมาลัย ท้าวมาราธิราช ลาแล้ว ที่เหลือท่านไม่ได้พยากรณ์มิบังอาจบอก ลาก็คือลา ไปแทรกคิวเขาไม่ได้เดี๋ยวโดนดีเขี้ยวมันยาวจัด (หัวเราะ)

    ถาม : อย่างนี้คิวก็มีไปเป็น

    ตอบ : โหไม่ต้องนับเลยล่ะ แค่ที่บารมีเต็มอยู่นี่เข้าคิวกันยาวกี่กิโลก็ไม่รู้ ต้องชมบรรดาพระโพธิสัตว์ว่ากำลังใจท่านทรงตัวจริง ๆ กำลังใจท่านทรงตัวมาก อย่าง พลตรีศรีพันธ์ วิชชุพันธุ์ น่ะ หลวงพ่อท่านถาม “ไอ้แดง ของเอ็งน่ะอีก ๘๑ กัปนะ สู้ไหม” “สู้ครับ” ๘๑ กัปนะ ไม่ใช่ ๘๑ องค์ แต่ละกัปอาจจะเกิดหลายองค์ก็ได้ สู้ครับ มันไม่ถอยน่ะ กำลังใจของพระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่แล้วเข้มแข็งมาก เรื่องลำบากไม่กลัว

    ถาม : ถ้าเราเป็นนี่เราจะรู้ไหมครับว่าอีกนานไหม ?

    ตอบ : ถ้าทำถึงเดี๋ยวมันรู้เองแหละ หรือไม่ก็รอได้รับการพยากรณ์ พยากรณ์ว่าเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น แบบเดียวกับพระพุทธเจ้านามว่า ปทุมมุตรพยากรณ์...ญาติพระเจ้าพิมพิสาร “อีก ๙๑ กัปญาติของเธอจะเกิดเป็นพระราชานามว่าพิมพิสาร ถึงเวลานั้นแล้วเธอจะได้ส่วนบุญ” ดีใจแทบตาย ๙๑ กัป

    ถาม : แล้วหลวงพ่อท่านพยากรณ์ว่าอีก ๘๑ กัปได้ด้วยเหรอครับ ?

    ตอบ : พระท่านบอกจ้ะ ท่านก็ว่าต่อ ท่านเองท่านไม่เสียเวลามาพยากรณ์หรอก สำหรับหลวงพ่อเองท่านบอกว่าถ้าไม่ลาซะก่อนอีก ถัดจากพระศรีอาริยเมตไตรย์ไปอีก ๒๒ องค์ รอกันอ่วมเลยท่านบอกรอไม่ไหว ไปดีกว่า พวกที่หมดเรื่องแล้วรอได้ ไอ้ที่มีเรื่องต้องลงเรื่อย

    ที่มา http://www.grathonbook.net/book/2.5.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2009
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องน่ารู้จาก"กระโถนข้างธรรมาสน์"

    [​IMG]

    ถาม : เมื่อตะกี้ผมเล่าให้น้องเขาฟังครับ เรื่องดารา ถ้าเกิดไม่เคยทำบุญอย่างอื่นตกนรกหมด เพราะทำให้คนยึดติดก็รู้สึกเอ๊ะ ในเมื่อดารามันทำสัมมาอาชีวะแล้วทำไมต้องไปตกนรกด้วยในเมื่อเถ้าเขาไม่ทำเขาก็ไม่มีกิน ?

    ตอบ : มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือ สิ่งที่เขาทำมันค้านกับธรรมะที่แท้จริง เพราะว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็นมายา มันทำให้คนหลงยึดติดอยู่ สังเกตไหมล่ะว่านางอิจฉาเข้าไปในตลาดดีไม่ดีเจอเปลือกทุเรียนก็รองเท้าขว้างเอานั่นน่ะ คนมันยึดขนาดนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้ละ ไอ้พวกนี้ทำให้ยึด มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเรียกว่ามิจฉาทิฏฐิ โทษของมิจฉาทิฏฐินี่มันหนักมากนะ อเวจีทีเดียว น่าสงสารมากเลย ในพระไตรปิฎกมีอยู่คือ พระตาลปุตตคามินีเถระ ท่านเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงมาก ได้รับการอบรมมาจากวงการนักแสดงเขาบอกไว้ว่า บุคคลที่สร้างความรื่นเริงให้แก่ผู้อื่นจะได้เป็นสหายของเทวดาชั้นดาวดึงส์ ก็คือว่าจะได้ไปเกิดที่นั่น ภาษาบาลีฟังยากมันต้องแปลเป็นไทยอีกทีหนึ่ง ท่านเองท่านก็ยึดมั่นในจุดนั้นมา ​

    คราวนี้พอไปเปิดการแสดงที่เมืองสาวัตถี ได้ยินมาว่าสมณโคดมทราบเรื่องทุกอย่าง ได้โอกาสก็เข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า สิ่งที่ท่านทำจะให้ท่านได้เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์จริงไหม พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ดูก่อน มายาการ อย่าเพิ่งให้ิเราพยากรณ์เลย ท่านเองตื้อถามถึง ๓ วาระ พอถึงครั้งที่ ๓ พระพุทธเจ้าบอกว่าลงอเวจีมหานรก คราวนี้ดีตรงที่ว่าท่านเชื่อ นั่งร้องไห้เลยถามว่าทำยังไงถึงจะรอดได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าบวชแล้วปฏิบัติ ไม่นานท่านก็เป็นพระอรหันต์รอดไป ถ้าไม่เชื่อก็ซวย คราวนี้มันมีตัวอย่างอยู่ ไอ้ดาราวัยรุ่น....... น่ะ ไอ้ที่มันตายดูคนไปงานศพมันกี่หมื่น ถ่ายหนังสือพิมพ์ออกมาเห็นแล้วตกใจมันทำให้คนติดได้ขนาดนั้นแล้วไอ้ดาราเพลงร็อคของญี่ปุ่น มันมากันทีคนแห่กันไปดอนเมืองรถติดบรรลัยวายวอดเลย คนติดมันขนาดไหน แต่มันเป็นการยึดในทางที่ผิด จริง ๆ แล้วการปฏิบัติมันต้องปล่อย ยึดเมื่อไหร่ก็อยู่แค่นั้นแหละ

    ถาม : แต่มันเป็นเรื่องทางโลกนะครับ ไม่มีก็ไม่ได้ ​

    ตอบ : ก็มันไม่มีก็ได้ถ้าหากว่าคนเราพอใจมีธรรมะประกอบอยู่แต่ บังเอิญว่าคนเรามันไม่สนใจจะหันมาหาธรรมะ มันสนใจแต่ทางด้านโน้นจริง ๆ แล้วพวกนี้น่าสงสารมาก การแสดงแสง สี เสียง อะไรต่าง ๆ ก็ดี ที่มันเกิดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เหล่านี้มันทำให้ปีติเกิดขึ้นในใจชั่วคราว ทำให้จิตมันฟูขึ้นมา ทำให้รู้สึกว่ามีความสุข แต่มันเป็นความสุขที่เกิดจากการกระตุ้นภายนอก มันไม่เหมือนกับการรักษาศีลเจิรญภาวนาที่เป็นความสุข ที่เป็นปีติที่เกิดขึ้นจากภายใน มันอยู่ยั้งยืนยงกว่าเพราะมันเพาะสร้างขึ้นมาเอง แต่ว่าอันโน้นมันเกิดจากการกระตุ้นภายนอก ​

    เมื่อขาดสิ่งกระตุ้นนั้นมันก็ขาดไป พวกนี้ก็จะเกิดอาการทุกข์ขึ้นมา ทุกข์ตรงที่ว่า เอ๊ะ ทำไมไอ้ความสุขที่เคยมีมันหายไปก็ตะเกียกตะกายไปหาอีก ก็ต้องไปกินเหล้าเมายา ไปเต้นรำ ไปเข้าคลับ เข้าบาร์กัน เข้าโรงหนัง ฟังเพลง ไปกรี๊ดกันมันถึงจะมันส์ ​

    ถาม : พวกนักร้องก็เหมือนกันเหรอครับ ​

    ตอบ : เหมือนกันหมด พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วทำให้คนยึดติด ถ้าไม่เคยทำบุญอื่นมาในลักษณะที่เรียกว่ากำลังใจทรงตัวน่ะนะ โอกาสรอดอเวจีน้อยเต็มที น่าสงสาร ​

    ถาม : อย่างนี้พวกนักฟุตบลมันก็เกี่ยวเนื่องไหมครับ ? ​

    ตอบ : มันก็มีสิทธิ์เหมือนกัน ​

    ถาม : อย่างพวกแมนยู ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล ​

    ตอบ : พวกนี้จริง ๆ มันไม่น่าโทษเขานะไอ้คนระยำดันไปติด ​

    ถาม : เลยพาเขาซวยไปด้วย ​

    ตอบ : ต้องดูเจตนาของเขา ถ้าเจตนาของเขาคือว่าวางลีลาจะมีท่าแปลก ๆ อะไรออกมาเพื่อดึงดูดใจคน ไอ้นี่เจตนาชัดเลย โทษ ๑๐๐%ถ้าหากว่าเป็นอาชีพของตัวเองทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดคนอื่นจะเป็นอย่างไรเราไม่เกี่ยว นี่โอกาสรอดยังมีเยอะ คราวนี้แบบแรกมันจะเยอะ เป็นแบบแรกซะเกือบหมด ​

    ถาม : ตายแน่ เดวิด เบคแฮม (หัวเราะ) โห ทั้งสามีภรรยาเลย ​

    ตอบ : เอาให้ถึงเวลาก็ไปดูแล้วกัน ถ้าคนไปติดเขาเองน่ะจริง ๆ แล้ว โทษเขาไม่มี แต่ว่าพวกนี้ส่วนใหญ่เจตนาหาจุดเด่นขึ้นมาเพื่อดึงดูดไง มันช่วยได้เยอะชื่อเสียงของตัวเองก็ได้เงินทองก็มากขึ้น ​

    ถาม : คือว่าถ้าเป็นดาราก็คิดซะว่าเราทำหน้าที่ของเรา ​

    ตอบ : คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดไป แล้วถึงเวลาเรื่องของบุญ ของบาปของอะไรบาปเราก็ละบุญเราก็ทำให้จิตใจมันเกาะบุญมากกว่าบาป โอกาสรอดมันก็มี ​

    ถาม : เอาใจเป็นที่ตั้งเหรอครับ ? ​

    ตอบ : ทุกอย่างมันเกิดที่ใจ มโนปุพพังคมาธัมมา – ธรรมทั้งหลายใจเป็นหัวหน้า, มโนเสทฏา – สูงสุดที่ใจ, มโนมยา – สำเร็จที่ใจ ถ้าใจเราบอกว่าไม่มันก็ไม่ ​

    ถาม : ครับแล้วคนที่แต่งตัวให้สวยเพื่อที่จะยั่วยวนก็บาปสิครับ ? ​

    ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือว่า ถ้าในส่วนของธรรมะแล้วพร่อง อันนี้มันเกี่ยวกับศีลระดับสูงอย่างเช่นศีล ๘ เรื่องของการประดับตกแต่งร่างกายอะไรตนเองนี่ถ้าเจตนาที่จะไปดึงดูดเพศตรงข้ามมีโทษ แต่ถ้าหากว่าเก้อเขินออกสังคมไม่ได้จึงจำเป็นจะต้องแต่งตัวตามเขาเจตนาอันนั้นไม่มีอันนี้ไม่เป็นไร

    ถาม : แต่ว่าผิดน้อยกว่าดาราใช่ไหมครับ ? ​

    ตอบ : อันนี้น้อยกว่าเยอะ ส่วนของธรรมะมันพร่องไป แต่ดารานั่น ถ้าหากเจตนาทำนี่ โทษหนักเลยเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิหมด ​

    ถาม : ผมนึกถึงพระเอกนางเอกเมืองไทยนี่ก็ล้วน ๆ เลย ​

    ตอบ : ส่วนใหญ่ใจบุญนะ

    ถาม : แล้วอย่างที่เขาแสดงละครสะท้อนสังคมอย่างเจ้ากรรมนายเวรนี่เขาได้กุศลไหมครับ ? ​

    ตอบ : ดูเจตนาของเขาว่าตั้งใจจะสอนคนหรือเปล่า ถ้าเจตนาของเขาตั้งใจจะสอนคนให้เป็นคนดีจริง ๆ มันก็ได้ แต่ถ้าหากเขารู้แต่ว่าคนจ้างเขาเล่นแล้วเขาทำหน้าที่อันนั้นไปส่วนนี้มันก็น้อยลง ยังไงเจ้ากรรมนายเวรน่ากลัวไหม (หัวเราะ) จริง ๆ มันน่าจะเห็นอย่างงั้นนะ ​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2009
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ชาวบ้านชุลมุนเหยียบกันเจ็บหลายสิบรายจากแผ่นดินไหวอินโดนีเซีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 12 ก.พ. - เหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 ริกเตอร์ทางตะวันออกของอินโดนีเซีย ทำให้มีประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิชั่วคราวในวันนี้ ชาวบ้านเหยียบกันเพื่อแย่งหนีขึ้นที่สูง อาคารหลายร้อยหลังเสียหาย และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 42 คน บางคนอาการสาหัส

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ ทางชายฝั่งเกาะสุลาเวสี เมื่อเวลาประมาณ 01.34 น.เช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 00.34 น.ในไทย ทำให้ผู้คนตื่นกลางดึก รวมทั้งยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก ที่รุนแรงที่สุดวัดได้ 6.2 ริกเตอร์ เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย กล่าวว่า อาคารบ้านเรือนเกือบ 500 หลัง ได้รับความเสียหาย ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และโบสถ์ มีผู้บาดเจ็บ 42 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 10 คน และอีกหลายพันคนต้องอพยพมาอยู่ในที่พักชั่วคราว แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้ต้องประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิด้วยการออกข่าวกระจายเสียงเคลื่อนที่ รวมทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ แต่ได้ยกเลิกในอีกชั่วโมงต่อมาหลังไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดคลื่นยักษ์แล้ว .-สำนักข่าวไทย

    2009-02-12 18:20:05

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 6.1 ริกเตอร์ที่นิวซีแลนด์

    [​IMG]

    เวลลิงตัน 13 ก.พ. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.1 ริกเตอร์ ที่เกาะเคอร์มาเดค ทางเหนือของนิวซีแลนด์ในวันนี้ศูนย์กลางแผ่นดินไหวใต้ทะเลเกิดขึ้นเมื่อเวลา 06.54 น.เช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 01.54 น.วันนี้ในไทย ห่างไปทางใต้ของเกาะราอูลราว 232 กิโลเมตร และอยู่ลึกใต้พื้นดิน 35 กิโลเมตร ทั้งนี้ นิวซีแลนด์ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลกจึงเผชิญกับแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุหลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-13 09:04:34

    ออสเตรเลียคุมไฟป่าได้แล้ว

    [​IMG]

    คิงเลก 13 ก.พ.- ออสเตรเลียสามารถคุมไฟป่าได้อย่างช้า ๆ หลังไฟป่าได้เผาทำลายพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศมานานเกือบ 1 สัปดาห์ ขณะที่ฝ่ายสอบสวนกว่า 150 คน ยังคงไล่ล่าผู้ที่ก่อเหตุลอบวางเพลิงในบางพื้นที่ จนทำให้สถานการณ์ไฟป่าทวีความรุนแรงขึ้น

    หน่วยงานควบคุมเพลิงไหม้ในออสเตรเลีย ยืนยันว่า พื้นที่ที่เกิดไฟป่าได้ลดลงจาก 35 จุด เมื่อวาน เหลือแค่เพียง 21 จุด และยังไม่มีชุมชนแห่งใดถูกไฟป่าคุกคามในเช้าวันนี้ ขณะเดียวกัน สภาพอากาศก็เป็นใจให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถกำหนดขอบเขตควบคุมไฟป่าได้

    ส่วนชายสองคนที่ถูกทางการออสเตรเลียจับกุม เพราะต้องสงสัยพัวพันกับเหตุวางเพลิง ก็ได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว โดยไม่มีการตั้งข้อหาใดใดทั้งสิ้น ด้านสารวัตรตำรวจประจำรัฐวิคตอเรีย ก็ยืนยันว่า จากการรับฟังคำชี้แจงของชายสองคนนี้ จึงไม่ติดใจเอาความ เพราะคาดว่าสองคนนี้ไม่น่าจะข้องเกี่ยวกับเหตุลอบวางเพลิง

    ทางการออสเตรเลียยืนยันยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 181 คน แต่คาดว่า ตัวเลขน่าจะพุ่งไปอยู่ที่ 300 คน เพราะยังมีอีกหลายคนที่สูญหาย และมีบ้านเรือนถูกเผาทำลายไปกว่า 1,800 หลัง ส่งผลให้มีผู้ไร้บ้านสูงถึง 7,000 คน นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย มีแผนจะจัดพิธีไว้อาลัยให้กับเหยื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟป่าครั้งนี้. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-13 10:49:56

    จีนโล่งอกฝนตกในพื้นที่ประสบภัยแล้งทางภาคเหนือ

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 12 ก.พ - พื้นที่ประสบภัยแล้งทางภาคเหนือของประเทศกลับมีชีวิตชีวาบ้างหลังจากฝนตกลงมาในวันนี้ทั้งที่ไม่มีฝนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และคาดว่าจะมีฝนตกลงมาอีกในช่วง 2-3 วันข้างหน้า ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาความแห้งแล้งที่กระทบต่อพื้นที่ปลูกข้าวสาลีแหล่งใหญ่ของประเทศที่เผชิญภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจีน รายงานว่า จะมีฝนตกลงมาอีกในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออก ซึ่งอาจทำให้มีหิมะตกในบางพื้นที่เนื่องจากอุณหภูมิลดต่ำลง นายกรัฐมนตรีเวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวว่า ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ปลูกข้าวในมณฑลทางภาคกลางและตะวันตกเฉียงใต้ อาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารในช่วงที่ผู้คนกำลังเผชิญกับความลำบากเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ. -สำนักข่าวไทย

    2009-02-12 18:48:36

    วิกฤติเศรษฐกิจโลกเป็นภัยคุกคามความมั่นคงมากที่สุด

    [​IMG]

    วอชิงตัน 13 กพ. - สำนักข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐ รายงานว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่กระทบต่อความมั่นคง ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความไร้เสถียรภาพถึงหนึ่งในสี่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และจะก่อให้เกิดสงครามทางการค้าตอบโต้กันอย่างรุนแรง

    รายงานด้านข่าวกรองประจำปีระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์อ่อนกำลังลงเมื่อปีที่แล้ว แต่ความมั่นคงในในอัฟกานิสถานแย่ลง ส่วนปากีสถานต้องควบคุมพื้นที่ตามแนวชายแดนให้มากขึ้น ด้านอิหร่านเป็นปัญหาสำคัญของตะวันออกกลางที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการโน้มน้าวให้อิหร่านระงับโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์นั้นเป็นเรื่องยาก โดยต้องอาศัยให้นานาประเทศเพิ่มแรงกดดันและเสนอเงื่อนไขจูงใจอิหร่าน

    รายงานประจำปีของสำนักข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐ ระบุว่า มีแนวโน้มว่าวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจโลกถดถอย จะทำให้เกิดปัญหาการเงินในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายแห่งช่วงปีหน้า และอาจส่งผลให้แต่ละประเทศต่างใช้มาตรการกีดกันทางการค้าตอบโต้กันอย่างรุนแรง หลังจากที่ไม่สามารถส่งออกสินค้าเข้าไปตีตลาดได้ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา.- สำนักข่าวไทย

    2009-02-13 09:11:34

    เกาหลีเหนือประกอบขีปนาวุธพิสัยยิงไกล

    [​IMG]

    โซล 13 ก.พ.-หนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ รายงานว่า เกาหลีเหนือกำลังประกอบขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฐานยิงแห่งหนึ่งทางชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และจะทดลองยิงภายในเดือนนี้เป็นอย่างเร็ว

    รายงานอ้างแหล่งข่าวกรองว่า เมื่อไม่นานมานี้ เกาหลีเหนือได้ลำเลียงส่วนที่ 1 และ 2 ของขีปนาวุธแตโปดอง-2 ไปยังฐานยิงด้วยรถไฟพิเศษ และกำลังประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ อยู่ภายในโรงงาน เพื่อป้องกันการตรวจจับโดยดาวเทียมจารกรรม แต่เมื่อประกอบเสร็จแล้ว ขีปนาวุธซึ่งมีความยาวประมาณ 36 เมตร ลูกนี้ จะต้องถูกลำเลียงไปที่ฐานยิงและเติมเชื้อเพลิง ทำให้ดาวเทียมจารกรรมของสหรัฐสามารถตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้หลายวันก่อนการทดสอบยิง

    ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ผู้นำเกาหลีเหนือสามารถใช้การทดลองขีปนาวุธเพื่อแสดงให้ประชาชนรู้ว่าประเทศเข้มแข็งเพียงพอที่จะยืนหยัดต่อสู้กับสหรัฐและเกาหลีใต้ แม้สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ เกาหลีเหนือนั้น จะเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบปีที่ 67 ให้กับนายคิม จอง-อิล ในวันจันทร์ และจะมีการประชุมสภาในต้นเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์กล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งครบรอบ 1 ปี ที่นายลี มยอง บัก ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้

    เจ้าหน้าที่สหรัฐและเกาหลีใต้ เตือนเกาหลีเหนือว่า อย่าทดลองยิงขีปนาวุธนี้ซึ่งมีพิสัยยิงไกลถึงรัฐอะแลสกา แต่ที่ผ่านมา การทดลองขีปนาวุธดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ โดยครั้งล่าสุดในปี 2549 ขีปนาวุธเกิดระเบิดกลางอากาศ หลังจากปล่อยออกจากฐานยิงได้ไม่กี่วินาที.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-13 10:47:38

    เกาหลีใต้เตือนเกาหลีเหนืออย่าทดสอบขีปนาวุธ

    [​IMG]

    เกาหลีใต้ 13 ก.พ. - เกาหลีใต้เตือนเกาหลีเหนืออย่าทดสอบยิงขีปนาวุธ ระบุจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาค และสุ่มเสี่ยงต่อการถูกประชาคมโลกลงโทษเพิ่ม

    รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์เนื้อหาใกล้เคียงกัน สรุปว่า หากเกาหลีเหนือเดินหน้าแผนการทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกล จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลี และภูมิภาคเอเชียตะวันออก อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่าง 2 เกาหลีจะยิ่งเลวร้ายลง นอกจากนี้ เกาหลีเหนืออาจถูกประชาคมโลกใช้มาตรการกดดันและลงโทษทางเศรษฐกิจรุนแรงยิ่งขึ้น

    ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เสนอข่าวว่า เกาหลีเหนือได้ลำเลียงขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถยิงไกลถึงชายฝั่งสหรัฐ ไปยังฐานยิงทางชายฝั่งตะวันออก ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า เกาหลีเหนืออาจทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยไกลในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่การทดสอบยิงครั้งล่าสุด เมื่อปี 2549 ประสบความล้มเหลว. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-13 03:21:15

    อินเดียใกล้สร้างเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์แล้วเสร็จ

    [​IMG]

    นิวเดลี 12 ก.พ.- เอ.เค.แอนโทนีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดีย กล่าวว่า โครงการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ 3 ลำ ที่ฐานทัพเรือทางใต้ของอินเดียใกล้เสร็จสมบูรณ์ โดยทุกสิ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนสร้างเรือดำน้ำจำนวน 5 ลำ รวมมูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โครงการดังกล่าวล่าช้ามาหลายปีเนื่องจากปัญหาทางเทคนิค ขณะเดียวกันองค์การพัฒนาและวิจัยด้านกลาโหมของอินเดียกำลังพัฒนาขีปนาวุธที่สามารถปล่อยจากเรือดำน้ำรุ่นใหม่ นอกจากนี้อินเดียมีแผนเช่าซื้อเรือดำน้ำนิวเคลียร์จากรัสเซียด้วย

    อินเดียมีโครงการใช้งบประมาณกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อปรับปรุงอาวุธส่วนใหญ่ที่อยู่ในยุคอดีตสหภาพโซเวียต ให้มีความทันสมัยและพยายามที่จะสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทัพเรือโดยนำระบบอาวุธใหม่เข้าประจำการ

    นอกจากนี้ อินเดียได้ทุบงบประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งพัฒนาอาวุธขึ้นใช้เองในประเทศเพื่อสร้างกองทัพให้ทันสมัย หลังจากเกิดความตึงเครียดรอบใหม่กับปากีสถานจากกรณีการโจมตีนครมุมไบเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-12 16:40:11

    อิสราเอลอนุญาตให้กาซาส่งออกดอกไม้ได้ในช่วงวาเลนไทน์

    [​IMG]

    เยรูซาเล็ม 12 ก.พ.- โฆษกกองทัพอิสราเอลยืนยันว่า อิสราเอลได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา สามารถส่งออกดอกไม้ 25,000 ดอก ไปยังตลาดดอกไม้ในเนเธอร์แลนด์ ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้

    ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ที่รถบรรทุกดอกคาร์เนชั่นจากเขตฉนวนกาซา ได้รับอนุญาตให้แล่นผ่านเข้าไปยังประเทศอิสราเอล และส่งต่อไปยังทวีปยุโรป จึงคาดว่าดอกไม้เหล่านี้จะถูกส่งไปยังยุโรปได้ทันเวลาพอดี ก่อนจะถึงวันวาเลนไทน์

    นับจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสได้เข้าควบคุมเขตฉนวนกาซาเมื่อปี 2550 ก็ส่งผลให้อิสราเอลต้องปิดล้อมจุดผ่านแดน ไม่ให้ชาวปาเลสไตน์ในกาซาได้ข้ามเข้ามายังพรมแดนของอิสราเอล แต่เนื่องจากเนเธอร์แลนด์ขอร้องไว้ จึงทำให้อิสราเอลต้องยินยอมเปิดจุดผ่านแดน ให้รถขนดอกไม้จากกาซา สามารถเดินทางผ่านเข้ามาในอิสราเอล เพื่อส่งดอกไม้ต่อไปยังยุโรปได้. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-12 17:12:47

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    โลกน่ะ ก็ทำงานของ โลกไป ดินน้ำลมไฟประชุมกัน ตามการกระทำ หรือ กรรมที่ถูกกำหนดมา

    พวกท่าน ก็ ทำงานของพวกท่านไป ไม่ต้องเป็น กังวล

    ตายหรือไม่ตาย มันก็เป็นเพียงเเค่กาย

    เเต่ใจ ที่มี คือ ที่อาศัยเเท้จริงของพวกท่าน

    หากใจท่าน เข้าถึงใจเดิมที่เเท้จริง

    ท่านเอง ก็ เป็น กลไก ในการช่วยสร้างโลกใบใหม่ ด้วยกัน เท่านั้นเอง ^0^

    โลกอยู่ได้ ด้วยมนุษย์ เเละ โลกก็อยู่ไม่ได้ เพราะ มนุษย์ เช่นเดียวกัน

    ไม่ได้ให้ ช่วยใคร เเต่ที่ให้ ช่วย คือ ช่วยรักตัวเองเท่านั้นพอ นั้นคือ ความช่วยเหลือที่เรามอบให้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2009
  14. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6651 ข่าวสดรายวัน


    ยิวเจ๋งสร้างยานช่วยชีวิต




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>โศกนาฏกรรมร้ายแรงหลายครั้งเกี่ยวข้องกับผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และยากที่แพทย์พยาบาลจะเข้าไปช่วยเหลือ เช่น อุบัติเหตุรถไฟชนกัน นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันฟิชเชอร์เพื่อกลยุทธ์ด้านอากาศและอวกาศของอิสราเอล จึงพัฒนายาน "Med-Evacuation Aerial Vehicle" เพื่อลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บออกมา ซึ่งในครั้งแรกยานนี้พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยเหลือทหารอิสราเอลที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบ

    ยานลำนี้ไม่ต้องมีคนขับ เพราะใช้ระบบรีโมตคอนโทรล สามารถลำเลียงแพทย์ 1 คน ผู้ป่วย 4 คน ยานขึ้นและลงในแนวดิ่ง บินได้สูง 10,000 ฟุต เวลาการบินไม่เกิน 3 ชั่วโมง ใช้ได้ในพื้นที่ที่เฮลิคอปเตอร์หรือรถพยาบาลเข้าไปไม่ถึง เป็นการเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะจากการศึกษาหลายๆ ชิ้น พบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะมีชีวิตรอดสูงขึ้นถึง 6 เท่า ถ้าได้รับการช่วยเหลือภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากเกิดเหตุ

    [FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
    "แม่ฮ่องสอน"หนุนชาวบ้านทำแผนป้องกันไฟป่า



    แม่ฮ่องสอน - นายวิเชียร จันทรโณทัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า หมอกควันสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนเกิดความเสียหายทางธุรกิจ อันเนื่องจากเครื่องบินไม่สามารถเข้าไปสู่จังหวัดได้ ทางจังหวัดได้ดำเนินการป้องกัน โดยวิธีแจ้งเตือนไฟ สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้าน ร่วมกับวิธีสร้างแนวกันไฟขึ้นตามพื้นที่ที่มีความเสี่ยง

    "การแก้ไขปัญหาโดยภาครัฐส่วนเดียวไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง หากสามารถจัดการภัยพิบัติอย่างมีส่วนร่วมจากประชาชนได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้มาก จังหวัดแม่ฮ่องสอนยินดีทำงานร่วมกับชาวบ้าน ให้เป็นไปตามแผนจัดการภัยที่ชาวบ้านเสนอมา โดยเฉพาะในเรื่อง การจัดตั้งกองทุนให้ชาวบ้านจัดการไฟป่าด้วยตนเองที่คาดว่าจะเริ่มได้ในปี 2553" นายวิเชียร กล่าว

    ด้านนางเรวดี ประเสริฐเจริญสุข ผู้จัดการโครงการการจัดการภัยพิบัติธรรมชาติโดยชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาหมอกควัน ให้ประสบความสำเร็จ ต้องเชื่อมโยงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐให้เข้ากับชุมชน ด้วยวิถีชีวิตของชาวไทยภูเขาอันเป็นประชากรส่วนใหญ่ในแม่ฮ่องสอน จำเป็นต้องใช้ "ไฟ" ในการทำการเกษตร หากรัฐใช้วิธี "ห้าม" หรือ "จับกุม" ก็ยังคงเกิดการลักลอบ จึงควรให้ "ความรู้" กับชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมให้ใช้วิธีลดปริมาณเชื้อเพลิงซึ่งก็คือใบไม้แห้งจากการผลัดใบของต้นไม้ในหน้าแล้ง การทำแนวกันไฟ และการชิงเผา ชาวบ้านก็จะใช้พื้นที่ได้ รัฐก็จะควบคุมปัญหาได้

    หน้า 30

    เกาะหัวใจคู่รักเห่อ-ที่แท้ร้างแถมหนาว



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>หนังสือพิมพ์เดลี่เมล์รายงานวันที่ 12 ก.พ. ว่า เกาะกาเลสนัก ในทะเลอะเดรียติก ประเทศโครเอเชีย ซึ่งเดิมเป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก มีพื้นที่ 108,680 ตารางเมตร กลายเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ หลังจากมีภาพถ่ายทางอากาศของเว็บไซต์ กูเกิ้ลเผยแพร่ภาพเกาะแห่งนี้มีรูปร่างเหมือนหัวใจ

    วลาโด จูเรสโก เจ้าของเกาะ ซึ่งตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นเกาะคู่รัก กล่าวว่า ได้รับการติดต่อเข้ามาอย่างล้นหลามจากบรรดาคู่รักที่อยากเข้าไปเที่ยวในเกาะช่วงวันวาเลนไทน์ ยิ่งรู้ว่าบนเกาะไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีใครอยู่ บรรดาคู่รักยิ่งเห็นว่าสมบูรณ์แบบสำหรับการใช้เวลาหวานชื่น อย่างไรก็ตาม เดลี่เมล์ตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าของเกาะไม่ได้ให้รายละเอียดว่า คนที่ไปพักจะหาอาหารหรือน้ำบนเกาะร้างได้อย่างไร ส่วนอากาศบนเกาะไม่ได้เหมือนกับการไปพักร้อน ตอนนี้อุณหภูมิอยู่ที่ 14 องศา อุ่นกว่าในอังกฤษเพียงนิดเดียว ไม่เหมาะสำหรับว่ายน้ำหรืออาบแดด สิ่งที่คุ้มค่าอย่างเดียวคือเกาะมีรูปร่างเหมือนหัวใจ

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    ไพโอเนียร์โละ1หมื่นพนักงาน



    เมื่อ 12 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า บริษัทไพโอเนียร์ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นประกาศลดพนักงานทั่วโลกลงอีก 10,000 ตำแหน่ง หลังจากปีก่อนลดไปแล้ว 5,900 ตำแหน่ง โดยจะปิดโรงงานผลิตทีวีจอพลาสม่าในสหรัฐและอังกฤษและจะหันไปมุ่งมั่นกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแทน หลังประเมินว่าจะขาดทุน 50,000 ล้านบาท มากที่สุดเท่าที่ไพโอเนียร์เคยประสบมา

    หน้า 7

    ดาวเทียม2มหาอำนาจชนสนั่นฟ้า



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    ชุกชุม- ภาพกราฟิกจากสำนักงานอวกาศยุโรป จำลองดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกอย่างหนาแน่น ขณะที่เกิดเหตุดาวเทียมชนกันสนั่นอวกาศเป็นครั้งแรก ระหว่างดาวเทียมสหรัฐกับดาวเทียมรัสเซีย ตามข่าว เมื่อ 12 ก.พ. (เอพี)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>บีบีซีและเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 12 ก.พ. เกิดอุบัติเหตุดาวเทียมชนสนั่นกลางอวกาศครั้งแรกระหว่างสองขั้วมหาอำนาจโลก เมื่อดาวเทียมสื่อสารบริษัทอิรีเดียม สัญชาติอเมริกันปะทะดาวเทียมปลดระวางแล้วของรัสเซีย ด้วยความเร็วสูง 780 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บริเวณด้านขั้วโลกเหนือแถบไซบีเรีย ระยะอยู่ห่างจากพื้นโลก 800 กิโลเมตร ก่อตัวเป็นก้อนเมฆขยะ 2 ก้อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามรอยเศษซากดาวเทียมอยู่เพื่อประเมินผลกระทบ ส่วนกรณีที่หวั่นเกรงว่า จะเกิดอันตรายกับสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) และมนุษย์อวกาศที่ประจำการอยู่ 3 นายยังมีแนวโน้มเป็นไปได้น้อย

    ดาวเทียมทหาร คอสมอส 2251 ของรัสเซีย น้ำหนัก 900 กิโลกรัม ส่งขึ้นอวกาศเมื่อปี 2536 ส่วนดาวเทียมของอิรีเดียมของสหรัฐ หนัก 560 กิโลกรัม ส่งขึ้นฟ้าเมื่อปี 2540 โคจรมาชนกันด้วยแรงเหวี่ยง ผลจากการชนทำให้เกิดเศษชิ้นแตกหักเสียหายหลายร้อยชิ้นฟุ้งกระจายอยู่โดยรอบ อาจกระทบต่อดาวเทียมดวงอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง

    องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ นาซ่า แถลงว่า ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับไอเอสเอส และมนุษย์อวกาศที่ประจำอยู่ 3 นายมีแนวโน้มต่ำ เนื่องจากไอเอสเอสโคจรรอบโลกต่ำกว่าบริเวณที่เกิดการปะทะราว 435 กิโลเมตร และคาดว่าเศษซากจากการชนจะเผาไหม้หมดสิ้นในการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ เจ้าหน้าที่ติดตามรอยเศษซากดาวเทียมเหล่านั้นแล้ว เช่นเดียวกับวัตถุท้องฟ้าอื่นๆ 12,000 ชิ้น ขนาดใกล้เคียงกับดาวเทียม ต้องติดตามตรวจสอบเป็นปกติ

    นับแต่ปี 2500 ที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ขึ้นไปโคจรในอวกาศเป็นครั้งแรก ชาติต่างๆ ส่งดาวเทียมขึ้นฟ้าแล้วราว 6,000 ดวง ในจำนวนนี้ใช้งานอยู่ 3,000 ดวง และมีแนวโน้มจะส่งกันขึ้นไปอีก เฉพาะในวันที่ 12 ก.พ. มีข่าวว่าอินเดียจะส่งดาวเทียมทหารแกะรอยผู้ก่อการร้ายขึ้นไปภายในปี 2553 ส่วนอิหร่านกำลังสร้างดาวเทียมของตนเองอีก 7 ดวง ขณะที่โลกมีวัตถุอวกาศขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-0 เซนติเมตรโคจรอยู่โดยรอบราว 300,000 ชิ้น และหากนับชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกจะมีถึงพันล้านชิ้น

    ออสซี่ปลื้มโคอาลา รอดไฟป่าเจอเนื้อคู่



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 12 ก.พ. เดลี่เมล์รายงานความคืบหน้าชีวิตของหมีโคอาลาเพศเมียชื่อ "แซม" ที่กลายเป็นขวัญ ใจชาวออสเตรเลีย จากคลิปที่มันดื่มน้ำจากขวดในมือนักดับเพลิง ผู้เข้า ไปช่วยชีวิตจากเหตุไฟป่า ว่า ตอนนี้แซมพักฟื้นอยู่ในศูนย์ดูแลสัตว์ป่าในนครเมลเบิร์น มีเพื่อนเป็นโคอาลาเพศผู้ชื่อ "บ๊อบ" ซึ่งเจ้าหน้าที่สัตว์ป่าช่วยมาจากพื้นที่ประสบไฟป่าเช่นกัน โดยเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ก่อนแซม 2 วัน เมื่อเจ้าหน้าที่จับทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน ปรากฏว่ากลายเป็นคู่รักกันไปแล้ว ภาพที่ทั้งสองกอดกันกลม ช่วยให้กำลังใจชาวออสเตรเลียในเหตุหายนะจากไฟป่าครั้งร้ายแรงของประเทศ ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 181 ราย

    สำหรับการสอบสวนเหตุวางเพลิงที่ก่อให้เกิดไฟป่า เจ้าหน้าที่สอบเค้นบุคคล 2 รายเพื่อตัดสินว่าจะฟ้องเป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ส่วนอากาศในวันพฤหัสฯ แม้เย็นลง และกระแสลมนิ่งลง ทำให้แนวโน้มที่จุดไฟไหม้ 2 แห่งในแถบกิปส์แลนด์ใกล้มาบรรจบกันเป็นพื้นที่ใหญ่ลดลง แต่พื้นที่ไฟไหม้ยังกระจายในอีก 30 จุด

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    กทม.นำร่องทดลอง6เดือน"ไม้ไผ่ปัก-ทิ้งหิน" แก้ปัญหาชายฝั่งบางขุนเทียน-หวังลดทะเลาะชาวบ้าน



    นายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบางขุนเทียนว่า หลังจากชาวบ้านในพื้นที่เขตบางขุนเทียนเตรียมจะใช้วิธีแก้ไขปัญหาโดยการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านก่อน ด้วยการปักไม้ไผ่เป็นแนว แทนการสร้างแนวป้องกันแบบรอดักทรายรูปตัวที (ที?กรอยน์) หรือการใช้หินทิ้ง ซึ่งกทม.เคยศึกษาการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้ก่อนหน้าแล้วนั้น ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวจำเป็นต้องรับฟัง และต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้นจึงสั่งการให้สำนักการระบายน้ำ(สนน.)ดำเนินการก่อสร้างแนวเขื่อนทั้งในส่วนของการใช้วิธีปักไม้ไผ่ รวมทั้งใช้วิธีนำหินทิ้งลงไปตามรูปแบบที่ศึกษาเอาไว้แล้ว โดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเพื่อประเมินผลดูว่าวิธีใดสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ดีกว่ากัน ส่วนจุดที่จะดำเนินการทดลองปักไม้ไผ่และวางหินนั้น ทางสำนักการระบายน้ำจะนำมาเสนอตนอีกครั้งหนึ่ง

    นายประกอบ กล่าวต่อว่า ในช่วงระยะเวลา 6 เดือนเพื่อทดสอบดูว่าวิธีการใดเหมาะสมกว่ากันนั้น ตนเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะสามารถจะทดสอบและเปรียบเทียบกันได้ทันที ว่าระหว่างการใช้ไม้ไผ่ปักกับการใช้หินทิ้งลงไป วิธีการใดจะสามารถกักเก็บตะกอนเพื่อปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้มากกว่ากัน โดยเฉพาะวิธีใช้ไม้ไผ่ปักนั้นจะเคลื่อนหลุดออกไปจากแนวปักมากน้อยเพียงใด

    รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้จะมอบหมายให้สำนักการระบายน้ำดำเนินการเก็บข้อมูล ทั้งในส่วนของความแรงของกระแสน้ำ ทิศทางลมในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย หลังจากนั้นจะเรียกประชุมร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่อีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น หากวิธีการของชาวบ้านสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะเดินหน้าต่อ แต่ถ้าหากวิธีการของกทม.ได้ผลมากกว่า เชื่อว่าชาวบ้านคงจะเข้าใจและยอมให้กทม.แก้ปัญหาด้วยวิธีการดังกล่าวอย่างแน่นอน


    <TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>สังคมอังกฤษอึ้ง เปิดตัวคุณพ่อวัย13

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> หนังสือพิมพ์เดอะซัน ประเทศอังกฤษ ฉบับ 13 ก.พ. เปิดตัวเด็กชายวัย 13 ปี ชื่อ อัลฟี่ แพ็ตเทน ที่มีใบหน้าละอ่อนกว่าวัยเหมือนเด็กอายุ 8 ขวบ กลายเป็นคุณพ่อวัยเยาว์ หลังจากแฟนสาวแชนเทล สเตดแมน วัย 15 ปี คลอดบุตรสาวเมื่อ 4 วันก่อน ตั้งชื่อว่า เมซี่ ร็อกแซน
    เด็กชายอัลฟี่และน.ส.แชนเทล กล่าวว่า พวกตนต่อต้านการทำแท้ง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไร เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ทำงาน ปกติก่อนหน้านี้ พ่อให้ตังค์ครั้งละ 10 ปอนด์ หรือ 500 บาท

    ฝ่ายหญิงสาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าปวดท้องมาก จึงพาอัลฟี่ไปหาหมอ หมอถามว่า มีเซ็กซ์กันหรือเปล่า ตนตอบว่า ใช่ หมอจึงตรวจและพบว่า ตั้งท้องอยู่ ตอนนั้นตนร้องไห้ด้วยความตกใจ ตอนแรกไม่กล้าบอกแม่ แต่ต่อมาแม่จับสังเกตได้จากรูปร่าง และซักถามจนรู้ความจริง ซึ่งสุดท้ายผู้ปกครองสองฝ่ายบอกให้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะพลาดมาแล้ว ดังนั้นพวกตนจึงตั้งใจจะเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก
    "หนูจะเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม และอัลฟี่ก็จะเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยมเหมือนกัน" แชนเทล กล่าว

    สำหรับครอบครัวของเด็กไม่ได้มีฐานะอะไร ฝ่ายหญิงอยู่กับพ่อวัย 43 ปีที่ไม่มีงานทำโดยมีพี่น้องผู้ชายอีก 5 คน ในย่านอีสต์บอร์น แถบซัสเส็กซ์ตะวันออก ฝ่ายชายอยู่กับแม่ที่หย่ากับพ่อ แต่ส่วนใหญ่ไปใช้เวลาอยู่กับบ้านของฝ่ายหญิง
    นายเดนนิส พ่อของด.ช.อัลฟี่ กล่าวว่า ลูกชายคงจะกลัวอยู่ลึกๆ เพราะลูกก็ยังเหมือนเด็กวัย 13 ปีทั่วไป ชอบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ชอบมวยและเชียร์ทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ตอนที่ตนคุยกับลูก ลูกร้องไห้ และบอกว่า นั่นเป็นครั้งแรกที่มีเซ็กซ์ และไม่รู้ว่าอะไรจะตามมา ตนจึงคุยกับลูกอย่างเปิดใจ และละเอียด เพื่อให้ลูกเข้าใจว่า จะทำให้แฟนท้องอีกไม่ได้แล้ว

    แฉ6ขั้นตอนเสียตัว-สังเวย"วาเลนไทน์"

    เริ่มนัดพบ จบมีเซ็กซ์ เตือนสาว อย่าใส่โป๊!



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    วาเลนไทน์- สถานีเกษตรหลวงอ่างข่าง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เตรียมดอกไม้หลากสีไว้พร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ในงานไม้ดอกดอยอ่างขางปี 2552 เพื่อเตรียมรับวันวาเลนไทน์ ในวันที่ 14 ก.พ. ขณะที่อุณหภูมิยังหนาวเย็น 6-8 องศาเซลเซียสเท่านั้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ห่วงวัยรุ่นหลงผิดวันวาเลนไทน์ผอ.สุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น เผย 6 ขั้นตอนสู่การเสียตัว แฉกลเม็ด 5 วิธีชายหลอกหญิงและหญิงหลอกชาย พบชวนไปที่ลับตาเป็นพฤติกรรมที่ทำสูงสุด รองลงมาคือมอมเหล้า-ปลอบด้วยคำหวาน-ขู่เลิกหากไม่ยอมเสียตัว ระบุชายมองหญิงแต่งตัวโป๊เหมือนการ์ดเชิญ ขณะที่ฝ่ายหญิงคิดว่าแค่สวยงาม

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.พ. น.พ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า จากการสำรวจเยาวชนจำนวน 386 คน ระหว่างวันที่ 19-23 ม.ค.ที่ผ่านมา จากเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก เยาวชนหญิงของสหทัยมูลนิธิ นักเรียนมัธยมศึกษาจากโรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช และสุรศักดิ์มนตรี พบว่ามี 6 ขั้นตอนเปลี่ยนรักในวันวาเลนไทน์สู่การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม

    "ขั้น 1 การชวนไปเที่ยวในช่วงวันวาเลนไทน์ โดยชวนก่อนวันวาเลนไทน์ 2.ชวนรับประทานอาหาร มอบของขวัญหรือดอกไม้ 3.ชวนไปเที่ยวต่อ อาจเป็นผับ บาร์ หรือคาราโอเกะ 4.ชวนหรือหลอกไปที่ลับตาคน เช่น โรงแรม บ้าน ห้องพักส่วนตัว ในรถยนต์ เดินเล่นสวนสาธารณะหรือชายทะเล ฯลฯ โดยอ้างว่าจะพาไปส่งบ้าน แต่แวะเอาของที่บ้านอีกฝ่ายก่อนหรือพ่อแม่ต้องการพบ 5.กอดจูบ เล้าโลม 6.มีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้หากไม่ต้องการเกิดความผิดพลาด และเปลี่ยนรักเป็นเพศสัมพันธ์ควรหยุดที่ขั้นที่ 3 กินข้าวได้ รับของขวัญได้ ไปเที่ยวต่อได้ แต่ต้องกลับบ้านก่อน 22.00 น. และต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ ขาดสติ" น.พ.บัณฑิตกล่าว

    น.พ.บันฑิตกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมี 6 ปัจจัยเร่งบรรยากาศนำสู่การมีเพศสัมพันธ์ โดยแบ่งเป็น 3 วิธี ที่ฝ่ายชายหลอกฝ่ายหญิง และ 3 วิธีฝ่ายหญิงหลอกฝ่ายชาย โดยฝ่ายชายจะใช้วิธี 1.ใช้คำพูดหวานให้เคลิบ เคลิ้ม เช่น ผมรักคุณที่สุด วาเลนไทน์นี้มีคุณคนเดียว หรือขู่ว่าหากไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วยจะขอเลิก 2.มอมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ขาดสติ 3.ให้ดูหนังหรือคลิปโป๊ เพื่อยั่วยุอารมณ์ทางเพศ ส่วนวิธีของฝ่ายหญิงคือ 1.การแต่งกายยั่วยวน เช่น สายเดี่ยว เกาะอก นุ่งสั้นโป๊ โชว์อึ๋ม 2.การพูดยั่วยวน เชิญชวนหรือท้าทายเรื่องเพศ 3.การส่งสัญญาณการไม่ถือเนื้อถือตัว จับมือถือแขน โอบกอดจูบฝ่ายชาย แสดงกิริยาให้ดูลักษณะเซ็กซี่ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เหล้า-หลอก -เครือข่ายเยาวชน ร่วมกับสสส. รณรงค์เตือนสติวัยรุ่นหนุ่มสาว "ใครชวนดื่มเหล้า เท่ากับหลอก" เนื่องในเทศกาลวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง ที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม เมื่อวันที่ 12 ก.พ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    "จากสถิติพบว่า 5 วิธีที่ทั้ง 2 เพศใช้หลอกนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์วาเลนไทน์ มากสุดคือ ร้อยละ 42 ชวนไปในที่ลับตาคน รองมาคือ ร้อยละ 39 มอมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 36 ใช้คำพูดหวานให้เคลิบเคลิ้ม ร้อยละ 33 แต่งกายเซ็กซี่ยั่วยวน และร้อยละ 32 แสดงท่าทางไม่ถือตัว ดังนั้นหากไม่ยอมไปที่ลับตาคน ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่หลงคำพูดหวาน ไม่แต่งตัวเซ็กซี่ ไม่แสดงท่าทีไม่ถือตัว จะลดโอกาสการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมในวันวาเลน ไทน์มาก" น.พ.บัณฑิตกล่าว

    น.พ.บัณฑิตกล่าวว่า นอกจากนี้ 5 วิธีที่ฝ่ายหญิงคิดว่าเป็นตัวเร่งให้มีเพศสัมพันธ์คือ ร้อยละ 76 การชวนรับประทานอาหาร มอบของขวัญหรือดอกไม้ รองมา ร้อยละ 55 ชวนไปที่ลับตา ร้อยละ 41 พูดจาท้าทายเรื่องเพศ ร้อยละ 34 ใช้คำหวานทำให้เคลิบเคลิ้ม และร้อยละ 28 แสดงท่าทีว่าไม่ถือเนื้อถือตัว เหตุที่หญิงถือว่าการชวนรับประทานอาหาร และให้ของขวัญ ดอกไม้เป็นตัวเร่งสำคัญ เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงจากสหทัยมูลนิธิ ได้ย้อนหลังดูประสบการณ์ของตัวเองแล้วพบว่า การเริ่มต้นของการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมนั้น เกิดจากการชวนรับประทานอาหาร มอบของขวัญทำให้ประทับใจฝ่ายตรงข้าม และจบลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์

    "ส่วน 5 วิธีที่ฝ่ายชายเห็นว่าเป็นตัวเร่งในการมีเพศสัมพันธ์มากสุดคือ ร้อยละ 52 ฝ่ายหญิงแต่งตัวยั่วยวน ร้อยละ 52 แสดงท่าทางไม่ถือเนื้อถือตัว ร้อยละ 50 ใช้คำหวาน ร้อยละ 28 ชวนไปที่ลับตาคน และร้อยละ 26 ชวนรับประทานอาหาร มอบของขวัญหรือดอกไม้ ซึ่ง จากข้อมูลเห็นว่าฝ่ายหญิงให้ความสำคัญของการแสดงท่าทางการไม่ถือเนื้อถือตัวเป็นอันดับ 5 ส่วนการแต่งกายเซ็กซี่ไม่ติดอันดับ 5 ด้วยซ้ำ แต่ฝ่ายชายเห็นว่าการแต่งตัวโป๊ และไม่ถือตัวเป็นปัจจัยอันดับแรกเร่งสู่การมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ฝ่ายหญิงแต่งตัวเซ็กซี่เพราะไม่คิดว่าจะมีเพศสัมพันธ์ แต่งเพราะสวยงาม แต่ฝ่ายชายคิดว่าเป็นการ์ดเชิญ ถึงความพร้อมเชิญชวนสู่การมีเพศสัมพันธ์" น.พ.บัณฑิตกล่าว

    ด้านน.พ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ข้อแนะนำสำหรับวัยรุ่นหญิงชายในวันวาเลน ไทน์คือ 5 ไม่ สำหรับหญิงคือ 1.ไม่แต่งกายยั่วยวน 2.ไม่เชื่อคำพูดเพื่อนชายมากไป และไม่กลัวขู่ขอเลิกหากไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์ด้วย 3.ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ค้างคืน ไม่กลับดึก ถึงบ้านไม่เกิน 22.00 น. 4.ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดูคลิปโป๊ และ 5.ไม่ให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์ผิดทาง โดยเอาเพศสัมพันธ์พิสูจน์รัก สำหรับชายคือ 1.ไม่หวังเผด็จศึก 2.ไม่ทิ้งศีลธรรม 3.ไม่ลืมคิดถึงผลที่ตามมา 4.ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ค้างคืน ไม่กลับดึก ไม่ดื่มสุราหรือมีคลิปโป๊ และ 5.หากไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ลืมใช้ถุงยางอนามัย

    วันเดียวกัน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการรับมือการมั่วสุมของเด็กเยาวชนในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ว่า สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลปฏิบัติตามแผนดูแลความสงบเรียบร้อยรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินพี่น้องประชาชนและดูแลตรวจตราการมั่วสุมของเด็กเยาวชน โดยให้สายตรวจทุก สน.ตรวจตราดูแลสถานที่ท่องเที่ยว สถานบริการต่างๆ สวนสาธารณะรวมถึงโรงแรมม่านรูดทุกแห่ง เพื่อไม่ให้วัยรุ่นหนุ่มสาวเข้าไปมั่วสุมใช้บริการหรือไปในที่ที่ไม่เหมาะไม่ควร อีกทั้งให้ควบคุมการเปิด-ปิดของสถานบริการอย่างเคร่งครัดให้ปิดตรงเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไม่มีการยกเว้นใดๆ ไม่มีการเปิดเกินเวลาทุกแห่งต้องเป็นไปตามกฎหมาย

    น.ส.กรกนก สำเนากลาง ผู้ประสานงานศูนย์เฝ้าระวังภัยเทคโนโลยี (IT WATCH) มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบได้ว่าช่วงเดือนก.พ. ก่อนวันที่ 14 ก.พ. ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจะมีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับความรักกันมากในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทกลอน หรือวิธีบอกรัก ทั้งนี้พบว่าที่นักแช็ตนิยมค้นหามากอย่างหนึ่ง คือ เรื่องเกี่ยวกับความรักเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศหาคู่ตามเว็บไซต์หาคู่หรือเว็บบอร์ดต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งใน HI5, MSN และ CAMFROG ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่พบว่าเป็นกลุ่มวัยรุ่น การพิจารณาหาคู่อาจจะดูจากรูปร่างหน้าตาหรือจากการพูดคุยกันทางอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ที่สำคัญมักจะตามมาด้วยการนัดพบกันในวันวาเลนไทน์ โดยข้อมูลที่มีการสำรวจพบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ใช้ไฮไฟว์นัดเจอกันในช่วงวาเลนไทน์มักจะอยู่ในช่วงอายุ 18-23 ปี คือ ระดับมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนที่รู้จักกันมาก่อน แต่เพิ่งมารู้จักกันในไฮไฟว์ และคอมเมนต์โต้ตอบกันไปมาจนไว้เนื้อเชื่อใจและแลกเบอร์โทรศัพท์กันในที่สุด

    "เว็บหาคู่จะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยให้ผู้ใช้บริการกรอกประวัติข้อมูลเพื่อแนะนำตัวเอง ให้อีกฝ่ายที่สนใจเข้ามาติดต่อพูดคุยกัน อยากให้ตระหนักถึงความปลอดภัยอย่างมาก โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะบางกลุ่มที่เข้ามาก็มุ่งเพื่อเสาะแสวงหารักแท้ แต่มีบางกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ด้านมืด ไม่ว่าจะเป็นการล่อลวง การข่มขืน การค้าประเวณี เป็นต้น ซึ่งวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก แต่เรากำลังนำเข้าวัฒนธรรมวันวาเลนไทน์มาใช้อย่างผิดๆ จนกลายเป็นวันเสียตัวแห่งชาติเพราะขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ส่วนของเด็กเยาวชนหรือคนที่ยังไม่มีแฟนไม่มีคู่ อาจรู้สึกโดดเดี่ยวหรือถูกทอดทิ้งจากเพื่อนๆ ที่มีคู่แล้ว ทำให้เกิดความเหงาอ้างว้างเข้ามาครอบงำ และหันไปใช้วิธีการหาคู่ที่เสี่ยงภัยได้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรหมั่นสังเกตบุตรหลานว่ามีการติดต่อพูดคุยกับคนแปลกหน้าทางอินเตอร์เน็ตหรือไม่ เพราะช่วงนี้ถือเป็นช่วงอันตราย โดยเฉพาะวัยรุ่นผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกล่อลวงและเสียตัวในวันวาเลนไทน์ได้" น.ส.กรกนกกล่าว

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]




    </TD><TD vAlign=top align=left>




    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=295 border=0><TBODY><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_top.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD background=images/line_left.gif></TD><TD width="100%"><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>
    [​IMG]
    ภาพ : พ่อแม่ลูก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=images/line_right.gif></TD></TR><TR><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD><TD background=images/line_bottom.gif></TD><TD width=21 height=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    ขนลุกจังเลยค่ะคุณเกษม กับภาพ พระนอน เอ...แต่ว่า วัดใกล้ๆบ้านก้อยเลยอะ ^-^
     
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ถึง ผู้นำทุกศาสนา ****

    มนุษย์...พยายามหาทางควบคุมโลก ควบคุมดินฟ้าอากาศ
    แต่....มนุษย์ไม่รู้ว่า การกระทำของมนุษย์ มันไม่ตาย มันมีผลตอบแทน

    การจะควบคุมโลก ควบคุมดินฟ้าอากาศ ให้สงบ... ได้จริง
    คือ การกระทำ.... ที่เกิดจากการตัดนิสัยสันดานของมนุษย์เอง
    เมื่อเริ่มทำได้ ...โลกก็จะสงบ แผ่นดินก็ไม่ไหวรุนแรง พายุก็ไม่ใหญโต
    อุกาบาตก็ไม่มาทำลายล้าง ไฟใต้โลกก็ไม่ออกมาเผาผลาญ

    การกระทำของมนุษย์....จึงต้องตัดลดนิสัยตนเอง ให้ได้จริง วันละข้อ
    เรียกว่า...สัจจะทำ
    ชีวิตก็จะมีแก่นสาร เพราะทำได้จริง ตัดได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ญี่ปุ่นมีแผนรับมือไข้หวัดใหญ่แพร่ระบาด

    [​IMG]

    โตเกียว 13 ก.พ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    The Ostrich - Flanders & Swann

    [​IMG]

    Peek-a-Boo, I can't see you,
    Everything must be grand.
    Boo-ka-Pee, they can't see me,
    As long as I've got me head in the sand.
    Peek-a-Boo, it may be true,
    There's something in what you've said,
    But we've got enough troubles in everyday life,
    I just bury me head.

    Oh, Ostrich consider how the world we know
    Is trembling on the brink.
    Have you heard the news, may I hear your views,
    Will you tell me what you think.
    The Ostrich lifted its head from the sand,

    About an inch or so;
    'You will please excuse, but disturbing news
    I have no wish to know.'

    Oooh, **.....**

    Then I noticed suddenly where we were,
    I saw what time it was.
    Make haste, I said, It'll be too late,
    We must leave this place because....
    He stuffed his wingtips into his ears;

    He would not hear me speak,
    And back in the soft Saharan sand
    He plunged his yellow beak.

    Oooh, **....**

    (BOOM)

    From a sheltered oasis a mile away
    I observed that dreadful scene.
    And a single plume came floating down
    Where my Ostrich friend had been.
    Because he could not bear the sound
    Of these words I had left unsaid;
    'Here in this nuclear testing ground
    Is no place to bury your head!'

    </EMBED />เพลงประกอบเกี่ยวกับนกกระจอกเทศ ที่มัวแต่เอาหัวมุดทราย ไม่สนใจโลกภายนอก อ้างเรื่อยว่าแค่เรื่องของตัวเองก็ยุ่งตาย....อยู่แล้ว ขอเอาหัวมุดทรายอย่างเดียว ใครมาบอกข่าว แจ้งข่าวความเป็นไปของโลก ก็ไม่สนใจรับรู้ ยุ่ง ยุ้ง ยุ่ง....

    ไม่รู้รึไงขอเอาหัวมุดทรายก่อน เค้ามาบอกให้รีบหนีก็ปิดหูไม่ฟัง ขอเอาหัวมุดทรายก่อน สุดท้ายเลยโดนระเบิดนิวเคลียร์บึ้มไป เพราะไม่ยอมรับรู้...เลยสมใจไม่ต้องรู้อะไร.....แม้กระทั่งความตายที่มาถึงโดยไม่รู้ตัว.....

    ท่านที่สนใจฟังเพลงนี้ คลิ๊กได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้เลยครับ

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=168069
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1231681604.jpg
      1231681604.jpg
      ขนาดไฟล์:
      174 KB
      เปิดดู:
      2,003
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นายกฯ แฉมีแก๊งเป่าหู"โรฮิงยา"ใส่ร้ายไทย หวังเปลี่ยนสถานะ

    โดย ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 13 กุมภาพันธ์ 2552 18.59 น.

    [​IMG]

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=556 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="HEIGHT: 2556px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=717 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#eef6df height=2556><TABLE style="HEIGHT: 38px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=510 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center bgColor=#e7f2d0 height=38>กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย คือ การกำหนดเวลาที่จะนับจะประมาณไม่ได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="58%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#e7f2d0><TD vAlign=top height=13>ถ้านับเม็ดฝนที่ตกลงมาทั้งวันทั้งคืนตลอดทั้ง 3 ปี ไม่ได้ขาดเลย
    จนกระทั่งเต็มท่วมขอบจักรวาล
    มีระดับความสูง 84,000 โยชน์ อย่างต่อเนื่องได้ 1 อสงไขย ก็คือจำนวนเม็ดฝนที่นับได้เป็น 1 อสงไขย
    </TD><TD vAlign=top>ส่วนกาลเวลาที่เรียกว่า มหากัป คือ ระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป
    </TD><TD vAlign=top>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เรามาศึกษากาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย ที่เราได้ยินว่า ๒๐ อสงไขย ๔๐ อสงไขย ๘๐ อสงไขย อสงไขยคืออะไร

    กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย คือการกำหนดเวลาที่นับประมาณมิได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ฝนตกใหญ่อย่างมโหฬารทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลานานถึง ๓ ปี ไม่ได้ขาดสายเลย จนกระทั่งน้ำฝนท่วมเต็มขอบจักรวาล ซึ่งมีระดับความสูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ หากว่ามีใครสามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาตลอดทั้ง ๓ ปีได้ นับได้เท่าไร นั่นคือระยะเวลา ๑ อสงไขย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="26%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#e7f2d0><TD vAlign=top height=52>เมื่อครบร้อยปีจะมีเทวดาเอาผ้าทิพย์ที่บางเบามาลูบภูเขานี้ ๑ ครั้ง เมื่อใดที่เทวดานั้นเอาผ้าทิพย์บางเบามาลูบ จนภูเขาสึกกร่อนเรียบเสมอพื้นดิน จึงเรียกว่า มหากัป</TD><TD vAlign=top>หรือ มีกำแพงสี่เหลี่ยมใหญ่มหึมา มีความกว้าง ยาว ลึก อย่างละ 1 โยชน์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ส่วนกาลเวลาที่เรียกว่า มหากัป คือ ระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า มีภูเขาศิลาแท่งทึบ กว้าง ยาว สูง อย่างละ ๑ โยชน์ เมื่อครบ ๑๐๐ ปีทิพย์ จะมีเทวดานำผ้าทิพย์ที่บางเบาเหมือนควันมาลูบ ๑ ครั้ง เมื่อใดที่เทวดาได้นำผ้าทิพย์บางเบาเหมือนควันมาลูบ จนภูเขาสึกกร่อนเรียบเสมอพื้นดิน เมื่อนั้นจึงจะเรียกว่า ๑ มหากัป

    หรืออีกอุปมาหนึ่งว่า มีกำแพงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มหึมา มีความกว้าง ยาว ลึกอย่างละ ๑ โยชน์ เมื่อครบ ๑๐๐ ปีทิพย์จะมีเทวดาองค์หนึ่ง นำเมล็ดพันธุ์ผักกาดซึ่งเมล็ดนิดเดียว มาหยอดใส่ในกำแพงสี่เหลี่ยมนั้น ๑ เมล็ด เมื่อใดที่เทวดานั้นนำเมล็ดผักกาดมาหยอดใส่จนเต็มเสมอขอบปากกำแพงนั้น เมื่อนั้นจึงจะเรียกว่า ๑ มหากัป

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="26%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#e7f2d0><TD vAlign=top height=52>พอถึงร้อยปีจะมีเทวดาองค์หนึ่ง เอาเมล็ดผักกาดมาหยอดใส่ในกำแพงสี่เหลี่ยมนี้ 1 เมล็ด เมื่อใดที่เทวดานั้นเอาเม็ดผักกาดมาหยอดใส่จนเต็ม เสมอขอบปากกำแพงนั้นแล้ว เมื่อนั้นจึงเรียกว่า มหากัป</TD><TD vAlign=top>ในมหากัปยังแบ่งออกเป็น 4 อสงไขยกัป หากจะอธิบายให้ง่ายขึ้น ก็คือสมมุติว่าเรามีเค็กอยู่ 1 ก้อนในแต่ละชิ้นมีระยะเวลาเท่ากับ 64 อันตรกัป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มหากัปนั้นจะแบ่งเป็น ๔ ช่วง โดยสมมุติว่า เรามีเค้กอยู่ก้อนหนึ่ง เราแบ่งเค้กนั้นออกเป็น ๔ ชิ้นเท่ากัน ในแต่ละชิ้นมีระยะเวลาเท่ากับ ๖๔ อันตรกัป

    ชิ้นที่ ๑ มีชื่อเรียกว่า สังวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกกำลังถูกทำลาย หรือกัป กำลังพินาศอยู่ เป็นช่วงที่เกิดบรรลัยกัลป์ อาจจะ เป็นไฟบรรลัยกัลป์ เกิดไฟไหม้ หรือน้ำบรรลัยกัลป์ เกิดน้ำท่วม หรือลมบรรลัยกัลป์ เกิดลมพายุ อย่างใดอย่างหนึ่ง สมมุติว่า เกิดไฟบรรลัยกัลป์ ใช้เวลาถึง ๖๔ อันตรกัป

    ชิ้นที่ ๒ มีชื่อเรียกว่า สังวัฏฏฐายีอสงไขย-กัป หมายถึง ช่วงที่โลกถูกทำลาย เรียบร้อยไปแล้ว จนเหลือแต่อวกาศว่างเปล่า สมมุติว่า ไฟบรรลัย-กัลป์ไหม้ไปแล้ว ช่วงนี้ไฟเริ่มมอด แต่ยังระอุอยู่เป็นเวลาถึง ๖๔ อันตรกัป

    ชิ้นที่ ๓ มีชื่อเรียกว่า วิวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกกำลังพัฒนาสู่ภาวะปกติ หรือกัปที่เจริญขึ้น เป็นช่วงที่แผ่นดินเริ่มก่อตัวใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาถึง ๖๔ อันตรกัป

    ชิ้นที่ ๔ มีชื่อเรียกว่า วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกเจริญขึ้น พัฒนาเรียบร้อย เป็นปกติตามเดิม คือ มีสิ่งมีชีวิตปรากฏเกิดขึ้น มีต้นไม้ ภูเขา คน สัตว์ สิ่งของ ซึ่งเป็นช่วงที่เรากำลังอยู่ โดยเริ่มจากอาภัสราพรหม ลงมากินง้วนดิน ใช้เวลาถึง ๖๔ อันตรกัป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="26%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#e7f2d0><TD vAlign=top height=52>ชิ้นที่ 1 เรียกว่า สังวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกถูกทำลาย หรือกัปกำลังพินาศอยู่
    ใช้เวลาถึง 64 อันตรกัป

    </TD><TD vAlign=top>ชิ้นที่ 2 เรียกว่า สังวัฏฏฐายีอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกถูกทำลายเรียบร้อยเเล้ว จนเหลือแต่อวกาศว่างเปล่า ใช้เวลาถึง 64 อันตรกัป
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="26%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TD>[​IMG]</TD></TR><TR bgColor=#e7f2d0><TD vAlign=top height=52>ชิ้นที่ 3 เรียกว่า วิวัฏฏอสงไขยกัป หมายถึง ช่วงที่โลกกำลังเริ่มพัฒนาเข้าสู่ภาวะปกติ หรือกัปที่เจริญขึ้น ใช้เวลาถึง 64 อันตรกัป</TD><TD vAlign=top>ชิ้นที่ 4 เรียกว่า วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัป หมายถึง เป็นช่วงที่โลกเจริญขึ้น พัฒนาเรียบร้อยเป็นปกติตามเดิม หรือ กัปที่เจริญขึ้นพร้อมเเล้วทุกอย่างตั้งอยู่ตามปกติ ใช้เวลาถึง 64 อันตรกัป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ต่อจากนี้เรามาศึกษาว่า ๑ อันตรกัป มีระยะเวลานานขนาดไหน

    ๑ อันตรกัป คือ ช่วงที่มนุษย์มีอายุสูงสุดถึง ๑ อสงไขยปี คือ อายุมนุษย์ที่นับประมาณมิได้ และค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ คือ ๑๐๐ ปี ลด ๑ ปี จนกระทั่งอายุมนุษย์เหลือเพียงแค่ ๑๐ ปี ที่อายุมนุษย์เสื่อมลง เพราะสั่งสมอกุศลธรรมมากขึ้น เรียกว่า ไขลง จากนั้นมนุษย์ก็สั่งสมกุศลธรรมมากขึ้น เรียกว่า ไขขึ้น อายุมนุษย์จึงค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จาก ๑๐ ปี คือ ๑๐๐ ปี เพิ่ม ๑ ปี ไปจนกระทั่งอายุมนุษย์สูงสุดคือ ๑ อสงไขยปี
    [​IMG]
    <TABLE style="HEIGHT: 38px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=268 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#e7f2d0 height=38>ใน 1 อันตรกัป คือช่วงที่มนุษย์มีอายุสูงสุด ถึง 1 อสงไขยปี และค่อยๆ ลดลงมาเหลือ เพียงแค่ 10 ปี จากนั้นมนุษย์ก็เริ่มมีอายุเพิ่มขึ้นอีกจนกระทั่ง 1 อสงไขยปี เรียกว่า 1 อันตรกัป</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ดังนั้นสรุปว่า ช่วงอายุมนุษย์ตั้งแต่ ๑ อสงไขยปีลดลงเหลือ ๑๐ ปี และจาก ๑๐ ปี เพิ่มขึ้นจนถึงอสงไขยปี อย่างนี้จึงเรียกว่า ๑ อันตรกัป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=565 border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE style="HEIGHT: 38px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=565 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center bgColor=#e7f2d0 height=38>
    ทั้ง 4 ช่วงรวมเป็น 256 อันตรกัป หรือเรียกว่า มหากัป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    เพราะฉะนั้น ระยะเวลา ๔ ช่วงรวมกันแล้วเท่ากับ ๒๕๖ อันตรกัป หรือเรียกว่า ๑ มหากัป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://dhammavoice.wordpress.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...