ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** วันสำคัญ ****

    วันนี้.... เป็นวันที่ดี ขึ้น ๑๕ ค่ำ
    ดวงจันทร์ เป็นหน้าต่างของโลก ... แทนโลกุตตระ
    โลกุตตระธรรมเฝ้ามองมนุษย์.... เหมือนดวงจันทร์กำลังมองมาที่ท่าน
    ผู้ถวายสัจจะต่อพระธรรม พระไตรปิฎก โลกุตตระธรรม...จุดธูปเจ็ดดอก
    เลขเจ็ด....เป็นสัญญลักษณ์ระลึกถึงพระคุณของพระธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดรวมกัน
    ขอให้ท่าน เกิดปัญญาเพื่อหลุดพ้นทุกข์....ด้วยสัจจะทำ
    ด้วยข้อสัจจะ ตัดนิสัยสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตตนเอง...สักอย่าง แล้วทำให้ได้จริง
    ท่านต้องตัดเอง ต้องทำเอง ...ท่านจึงจะเห็นเอง รู้ได้เอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    วันจันทร์ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๒
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ไม่หลงพิธีกรรม ไม่หลงวัตถุ ****

    วัตถุ...ไม่ใช่ที่พึ่ง
    การกระทำในวันนี้....จะเป็นที่พึ่งต่อไป
    เข้าวัด...วัดนิสัยตัวเอง
    ถวายสัจจะ หนึ่งข้อที่ชัดเจน....แล้วทำให้เกิดขึ้นจริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    อินโดฯ เกิดอุทกภัย ขนส่งอัมพาต-สนามบินปิด <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">9 กุมภาพันธ์ 2552 16:29 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table>[​IMG]

    [​IMG]

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น กล่าวว่า เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวในจังหวัดชวาตะวันออก ต้องยกเลิกในวันนี้ (9 ก.พ.) เนื่องจากน้ำท่วมทางขึ้นลงเครื่องบิน และยังไม่มีกำหนดว่าสนามบินจะเปิดให้บริการได้เมื่อใด เพราะไซโคลนเฟรดดี้ทำให้ฝนตกหนัก เส้นทางรถไฟและถนน น้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร ตัดขาดเส้นทางขนส่งสายหลัก
    ทั้งนี้ น้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเมื่อเช้าวันนี้ ในกรุงจาการ์ตา ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพมาอยู่ที่พักชั่วคราว

    [​IMG]
    รูปจากอินเตอร์เน็ต

    ผู้รอดตายเปรียบไฟป่าออสเตรเลียเหมือนระเบิดนิวเคลียร์ <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">9 กุมภาพันธ์ 2552 15:26 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]

    สถานการณ์ไฟป่าออสเตรเลียขณะนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตยังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อย 131 คนแล้ว และยังมีคนสูญหายอีกหลายสิบคน
    เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อ่อนล้าจากการปฏิบัติหน้าที่ ดึงร่างผู้เสียชีวิตหลายสิบคนออกจากอาคารที่ถูกไฟป่าเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน ซึ่งไฟป่าครั้งนี้เป็นหายนะภัยตามธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลียใน รอบกว่า 100 ปี ตำรวจบอกว่า ไฟป่าบางแห่งใกล้เมืองเมลเบิร์น เกิดจากการลอบวางเพลิง
    นายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ กล่าวว่า ไม่มีคำบรรยายเหตุการณ์ได้ นอกจากคำว่าฆาตกรรมหมู่ ไฟป่าบางจุดมีเปลวเพลิงสูงเท่ากับตึกสี่ชั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงหลายพันคนยังคงต่อสู้กับไฟป่าหลายสิบจุดในรัฐวิกตอเรีย และรัฐนิวเซาท์ เวลส์ นายกรัฐมนตรีบอกอีกว่า คงต้องใช้เวลาหลายปีในการซ่อมแซมเมืองที่ถูกไฟป่าเผาไหม้เสียหาย

    [​IMG]

    ทั้งนี้ ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งเปรียบไฟไหม้ครั้งนี้ว่า เหมือนระเบิดนิวเคลียร์

    เพิ่มเติม ข่าวจาก BBC วันนี้แจ้งว่าวันนี้จะมีฝนตกหนักทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ และมีพายุหิมะเพิ่มในแคว้นเวลล์และบริเวณกลางประเทศ หลังจากหิมะตกหนักสัปดาห์ที่แล้วมากที่สุดในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา หิมะครั้งนี้อาจสูงถึง 8 นิ้ว ในคืนเดียวอุณหภูมิที่อาวิมัวร์ลดเหลือ -18 องศาเซลเซียส

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  4. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    [​IMG]


    จากไทยรัฐออนไลน์ ภาพจากอินเทอร์เน็ต


    ระทึกภูเขาไฟปะทุไล่เลี่ยที่ญี่ปุ่น-สหรัฐฯ [3 ก.พ. 52 - 06:02]
    สำนัก งานอุตุนิยมวิทยาแห่งญี่ปุ่นประกาศเตือนประชาชนมิให้เดินทางไปยังภูเขาไฟอา ซามะ ซึ่งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 140 กม. หลังเกิดภูเขาไฟปะทุเมื่อ 01.51 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันที่ 1 ก.พ. ทำให้มีเถ้าภูเขาไฟแพร่กระจายปกคลุมท้องฟ้าส่วนใหญ่ของภาคกลางและบางส่วน ของกรุงโตเกียว แต่ไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อทัศนวิสัย
    ด้านสัญญาณเตือนภัยภูเขาไฟอยู่ที่ระดับ 3 เป็นการเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบภูเขาอาซามะเฝ้าระวังและรอ ฟังประกาศจากเจ้าหน้าที่ ส่วนสัญญาณเตือนภัยระดับ 4 เป็นการแจ้งให้ประชาชนเตรียมตัวอพยพ ขณะที่สัญญาณเตือนภัยระดับ 5 เป็นการสั่งอพยพอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม คนงานในเหมืองแร่ทางทิศใต้ของภูเขาอาซามะได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่ ทันที หลังมีควันพุ่งจากปล่องภูเขาที่ระดับความสูงประมาณ 2,568 กม. ทั้งยังมีสะเก็ดหินภูเขาไฟหล่นจากฟ้าในรัศมี 1,000 เมตร แต่ยังไม่มีลาวาไหลออกมา และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายใดเกิดขึ้น



    [​IMG]



    ขณะเดียวกัน ศูนย์เฝ้าระวังภูเขาไฟแห่งอลาสกา แจ้งเตือนประชาชนในละแวกใกล้เคียงภูเขาไฟรีเดาบ์ในเมืองแองเคอเรจ รัฐอลาสกา ทางตอนเหนือของสหรัฐฯ เตรียมรับมือภัยภูเขาไฟ เนื่องจากมีไอร้อนพวยพุ่งขึ้นจากปากปล่องภูเขาต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค. และเกิดหลุมกว้างขนาดประมาณสนามฟุตบอลที่บริเวณธารน้ำแข็งใกล้กับภูเขาและ ตรวจพบแนวโน้มการเกิดแผ่น ดินไหว แต่ยังไม่มีควันหรือเถ้าภูเขาไฟพุ่งออกมา ด้านเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศซึ่งประจำการอยู่ที่เมืองเอลเมน-ดอร์ฟ ติดกับแองเคอเรจ สั่งย้ายเครื่องบินลำเลียง รุ่นซี-17 จำนวน 5 ลำ ไปยังกรุงวอชิงตัน เพื่อป้องกันความเสียหายของทรัพย์สินรัฐบาล.
     
  5. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    9 ก.พ. 52

    วิหค รุ่น H5 N1 ถลา.....โลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เขาพนมฉัตร

    [​IMG]

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สมจิตรเขากะลา

    วันนี้คุณวิเชียร ขลิบทองรอด ประธานสภาเทศบาล ตำบลท่าตะโก จ.นครสวรรค์ และคุณชนกนันท์ ขลิบทองรอด(ภรรยา) ได้เดินทางมาที่บ้านที่ จ.นครสวรรค์

    หลังจากได้เคยมารับฟัง การบรรยายเรื่องมนุษย์ต่างดาว ที่เขากะลาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครสวรรค์เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา

    คุณชนกนันท์ได้เล่าให้ฟังว่า เคยติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ โดยผ่านญาณเทพพ่อปู่ มีการถอดจิตไปเที่ยวบนยานอวกาศ ของมนุษย์ต่างดาวด้วย


    วันนี้ได้นำภาพถ่าย ที่เขาพนมฉัตรหรือเขาล้อ(ซึ่งเป็นเขาลูกเดียวกัน กับที่มีการเปิดมิติ ให้เห็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว) ใน อ.ท่าตะโกจ.นครสวรรค์ มาให้ดู

    ภาพนี้ปรากฏแสงสีทอง พุ่งออกมาจากยอดเขา ขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงมาก ซึ่งมองเห็นได้จากบ้าน ที่ในตัวเมือง อ.ท่าตะโก จึงได้ถ่ายภาพไว้

    ถ่ายภาพไว้เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2551 เวลา 17.00 .

    [​IMG]

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุดใจเขากะลา

    เขาพนมฉัตรแห่งนี้ เป็นสถานที่ตั้งกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาว ที่ทับซ้อนมิติของโลกมนุษย์อยู่

    เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2541 ได้มีการเปิดมิติให้เห็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวเป็นครั้งแรก

    และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2541 มีการเปิดมิติให้เห็นกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ มิสเตอร์จอห์น ฮอร์เน็ต วิศวกรชาวอังกฤษ ที่เดินทางขึ้นไปบนเขากะลาพร้อมกับบุคคลอื่น ๆ จำนวนมาก ได้เห็นการเปิดมิติในครั้งนี้ จึงรีบบันทึกภาพด้วยกล้องวีดีโอไว้ และขณะกำลังบันทึกภาพอยู่นั้น ภาพกองบัญชาการมนุษย์ต่างดาวก็ค่อย ๆ เลือนหายไป (ดังภาพแรก)

    และก็ปรากฏว่า มีครอบครัวคุณชนกนันท์ ที่อยู่ท่าตะโก ซึ่งมองเห็นภูเขาลูกเดียวกันนี้ด้วย ก็สามารถถ่ายภาพลำแสง ที่พุ่งขึ้นมาจากเขาลูกเดียวกันนี้อย่างชัดเจน

    และก็เป็นภูเขาลูกเดียวกัน กับที่อาจารย์บูรพา ผดุงไทย (อาจารย์แอ๊ด) ได้พาคณะฯ จำนวนมาก มานั่งสมาธิสื่อสารกับจักรวาลบนยอดเขานี้ เมื่อกลางปี 2542 และปรากฏว่ามีลำแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วย

    มีการเขียนเรื่องราวของเขาพนมฉัตรนี้ ลงในหนังสือ ประตูมิติ ของอาจารย์บูรพา ผดุงไทย และได้เคยนำมาลงแล้วในกระทู้แห่งนี้ในช่วงแรก ๆ

    (ติดตามอ่านเรื่องของประตูมิติ ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ-เกษม)
    http://www.suvinai-dragon.com/sri_orapin12.html

    ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?p=1483390

    ตำนานเขาพนมฉัตร

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ด

    เขาพนมฉัตร เป็นเทือกเขาที่ตั้งอยู่ระหว่าง เขตติดต่อของ 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดพิษณุโลก มีเขาบริวาร อีก 6 ลูก รายล้อมอยู่ได้แก่ เขาผาตะโล้ เขาโปกลม เขาสักพระจันทร์ เขาพาชี เขาแม่นางทิพย์ และเขาตะลุ่ม สำหรับเขาพนมฉัตรเป็นเขาลูกที่ 7 ตั้งอยู่ระหว่างกลางของเขาบริวารทั้ง 6 ทีศทางที่จะเข้าถึงเขาพนมฉัตร

    ถ้าเริ่มจากจังหวัดพิษณโลก ผ่านอำเภอวังทอง ตัดไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย ตรงไปทางพงนาพาน แต่เดี๋ยวนี้เรียกว่า วังโปร่ง ขึ้นโคกเรียงแล้วตัดข้ามเขาแหลมถึงหิน 300 ก้อน ตั้งอยู่เป็นแถวๆไปอีกหลายสิบเมตร นั่นเป็นทางเข้าถ้ำ เขาพนมฉัตร (ถ้ำทิพย์) เมื่อถึงทางเข้าแล้ว ให้บวงสรวง พาหวาน 300 พา หมู่ดำหมูด่อน 1 คู่ มะพร้าวอ่อน 1 คู่ ข้าวต้มดำ ข้าวต้มขาว ดอกไม้ ธูปเทียน และ เครื่องสัการะบูชาทั้งหลาย ให้ยกศาลเพียงตาบูชาเทพเจ้า และพระภูมิเจ้าที่กรุงพาลี จงรักษาศีล 5 ตั้งความสัจจะอธิษฐาน แล้วจึงเดินเข้าถ้ำ เถิด

    ถ้ำเขาพนมฉัตร ปากถ้ำอยู่ทางทิศตะวันตกสูงจากดิน 3 วา มีต้นตะเคียนใหญ่ตั้งอยู่ปากถ้ำ มีน้ำไหลออกจากใต้ต้นตะเคียน กลายเป็นห้วยด้วน เพราะน้ำห้วยนี้ยาวไม่ถึง 10 วา น้ำไหลไปทางหินดานก็กลายเป็นห้วยด้วน แต่น้ำนั้นเอากาดำชุบก็เป็นกาด่อน หญ้าแห้วหมูที่เกิดมา ใต้ต้นตะเคียนนั้น ให้เอาแต่คนละกำมือ เอาไปแช่น้ำฝนเดือน 5 กินอายุยืน 500 ปีจากต้นตะเคียนไปประมาณ 10 วา มีพระประธานหน้าตัก กว้าง 4 ศอก ก็ให้ผ่านไปทางด้านหลัง

    ทางหน้าพระนั้นอย่าผ่านไปเป็นอันขาด เพราะเป็นอันตราย จากดวงแก้วอสุรกายในดวงเนตร ของพระนั้นเอง เข้าไปอีก 20 วา ก็ถึงโอ่งน้ำสุรามฤตร์ 2 โอ่ง ตั้งอยู่ทางซ้ายและทางขวามือ โอ่งทางซ้ายมือถ้าใครได้กินแล้วออกมาจะมีความคิดปัญญาไว ความจำดีเลิศสามารถท่องพระไตรปิฎกได้ภายใน 3เดือน เป็นอย่างมาก ส่วนโอ่งทางขวามือถ้าใครได้กินอาบแล้วพยาธิโรคา 108 ก็หายอีกทั้งมีรูปงามดั่งจิตตะเทพบุตร มีอายุยืนยาว อยู่ยงคงกระพันทุกๆประการ

    จากนั้นเข้าไปอีกถึงกลางถ้ำ มีทองคำลักษณะรูปกลมเท่าผลฟักแฟง ท่านเอาตระแกลงเหล็กครอบเอาไว้ เพราะเป็นของพระศรีอริยะเมตไตรย เข้าไปอีกประมาณ 10 วา มีศาลาเวทมนต์ ศาลาเวทมนต์นี้จะมีตำหรับตำราต่างๆ ครบทุกประการ มีสรรพคุณอันศักดิ์สิทธิ์ ท่านให้คัคลอกเอา มิให้เอาของเดิมออกจากที่เป็นอันขาด เข้าไปอีก 10 วา เป็นที่ตั้งของวิเศษ 3 อย่าง คือ

    (1) เครื่องทรงฤาษี ถ้าอยากเป็นฤาษีสวมแล้วนั่งบริกรรมอยู่ 7 วันจะมีฤาษีจากป่าหิมพานต์มารับไป

    (2) เครื่องอัตถะบริขารของสงฆ์ เมื่อ่ครองไตรจีวรและเครื่องอัตถะบริขารแล้ว บริกรรมพุทธคุณ และสวดมนต์ภาวนาอยู่ 7 วันจะสำเร็จมรรคผลในชาตินี้ และมีพระอรหันต์มารับตัวไปเหมือนกัน

    (3) เครื่องคงกระพันสำหรับพระมหากษัตริย์ มี 5 ชนิด คือเกือกแก้ว ไม้เท้าแก้ว มงกุฎเพชร พระขรรธ์ ธนูสิน ถ้าสวมเกือกแก้วและถือของวิเศษทั้ง 4 จะสามารถบินบนอากาศได้ เดินบนผิวน้ำได้ ลุยไฟได้ ไม่มีอันตราย แม้อยากเป็นทิพยธร หรือพระเจ้าจักรพรรดิราชของโลกก็ได้

    ทุกอย่างมีอายุ 5,000 ปี มีฤทธานุภาพเลิศล้ำมาก นึกได้สารพัดไม่ขัดข้อง ผู้เป็นเจ้าของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ท่านได้อุทิศให้ไว้แก่ปวงชนทั่วไป ไม่มีหวงแหนแต่ประการใดเลย ถ้าผู้ใดมีบุญวาสนาก็ได้พบ ได้เห็นและได้ประโยชน์อันสูงสุด ไม่มีผีเปรต ปีศาจ ตนใดหวงแหนไว้เลย แต่ว่าถ้ำลูกนี้อยู่ลึกลับซับซ้อนมาก ไม่สามารถจะหาพบได้ง่ายๆ

    ถ้าใครไปทางเพชรบูรณ์ ให้ถามหาบ้านไร่ไก่ขันแล้วได้ พบเสาประโคนหิน เมือ่ไปถึงก็จะแลเห็นสันเขา มีลัษณะคล้ายถนนที่ประจบกับหินตอนถนนสุดนั้น ท่านฝังหัวแหวนเพชรแก้วปรากฏไว้ให้ 1 หัว ถนนจดปากถ้ำพอดี ณ ที่นั้นมีหัวแหวนแก้วไพฑูรย์ ทานจงตามถนนไปเถิด จะถึงถ้ำเขาพนมฉัตรสมปราถนา หน้าถำนั้นท่านสลักหินไว้เป็นเศวตฉัตร ณ ยอดเขาจึงเรียกว่า "เขาพนมฉัตร" นี่คือลายแทง "ถ้ำเขาพนมฉัตร" คัดมาจากหนังสือเก่าโบราณ ท่านผู้รู้แปลเป็นภาษาไทยอย่างนี้แล.


    หมายเหตุ

    วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2552 คุณคณานันท์ ทวีโภค ได้ชี้ให้คณะทัวร์ของพวกเราดูเขาพนมฉัตร ในตอนที่ผมและคณะทัวร์ทริปมาฆะบูชา 7-9 ก.พ.52 ได้เดินทางกลับจากการทำบุญเรียบร้อยแล้ว

    ปรากฏว่าพวกเราทั้งคณะ สามารถมองเห็นเขาพนมฉัตรนี้ ได้ด้วยตาเนื้อ เป็นการมองเห็นเป็นภาพเงาลางๆ ของภูเขาพนมฉัตรได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อรถของคณะทัวร์พวกเราได้แล่นเข้าไปใกล้ๆ ภาพภูเขาทั้งลูกกลับเลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเรา ซึ่งทุกคนที่นั่งมาในรถ ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่ามองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ได้ด้วยตาเนื้อกันทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องคิดไปเอง หรือจินตนาการไปเองแต่อย่างใด

    ***********************************************​
    <!-- / message -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ไฟป่าออสเตรเลียคร่าแล้ว 171 ชีวิต

    [​IMG]

    ออสเตรเลีย 9 ก.พ.- ตำรวจประกาศให้หลายเมืองที่ถูกไฟป่าทำลายราบคาบเป็นพื้นที่เกิดเหตุฆาตกรรม ในขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตยังพุ่งขึ้นอย่างน้อย 171คนแล้ว

    จนถึงขณะนี้ยังคงมีไฟป่าอีกกว่า 30 จุดในหลายพื้นที่ของรัฐวิคตอเรียที่เจ้าหน้าที่ผจญเพลิงและทหารกว่า 3,000 นายยังไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้ แม้สภาพอากาศจะเย็นลงแล้วก็ตาม สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 171 คน บ้านเรือนอีกมากกว่า 770 หลังคาเรือนพังเสียหาย พื้นที่กว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร ถูกไฟป่าเผาทำลาย แต่คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตและความเสียหายจะเพิ่มขึ้นอีก หากตรวจพื้นที่เมื่อเพลิงสงบลง

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกาศให้หลายเมืองที่ถูกไฟป่าเผาผลาญจนราบเป็นพื้นที่เกิดเหตุฆาตกรรม และจะตรวจสอบว่าเกิดจากการวางเพลิงหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยวางเพลิงได้อย่างน้อย 2 คน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบอกว่าอุณหภูมิที่เย็นลงและสภาพอากาศที่ดีขึ้นทำให้พวกเขาสามารถเข้าควบคุมไฟป่าได้ดีขึ้น แต่คาดว่าอุณหภูมิจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้.- สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 22:51:12

    ไฟป่าออสเตรเลียคร่าชีวิตสัตว์เป็นจำนวนมาก

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 9 ก.พ.- เหตุไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในออสเตรเลีย นอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 171 ศพแล้ว ยังได้คร่าชีวิตสัตว์เลี้ยง รวมถึงสัตว์ป่าไปหลายพันตัว ทั้งจิงโจ้ โคอาล่า รวมถึงวัว ควาย และแกะ

    ประธานสมาคมคุ้มครองสัตว์ป่าในออสเตรเลีย เผยว่า ไฟป่าครั้งนี้ ได้คร่าชีวิตสัตว์ป่าไปเป็นจำนวนมาก โดยสัตว์เหล่านี้ได้ตายลงก่อนที่จะถูกไฟคลอกเสียอีก ไฟป่ายังสร้างความเสียหายต่อฟาร์มเลี้ยงสัตว์อีกหลายแห่ง

    สมาคมเกษตรกรแห่งชาติในออสเตรเลีย ยอมรับ ไม่ทราบว่า มีปศุสัตว์ถูกไฟคลอกตายไปกี่ตัว เพราะหลายฝ่ายมัวแต่สนใจจำนวนคนที่เสียชีวิต รวมถึงความเสียหายทางทรัพย์สิน แต่ผู้สื่อข่าวหลายคนรายงานตรงกันว่า พบซากวัว ควาย และแกะ ถูกไฟคลอกดำเกรียม ตายเกลื่อนเต็มท้องถนน บริเวณที่เกิดไฟป่า เกษตรกรบางคนต้องใช้วิธียิงแกะที่เลี้ยงไว้ เพื่อให้มันสิ้นใจตายในทันที ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากบาดแผลที่ถูกไฟคลอก

    แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว ก็ตกเป็นเหยื่อจากเหตุไฟป่าครั้งนี้ด้วย เพราะหลายครอบครัวรีบขับรถหนีไฟป่า จึงทำให้ไม่สามารถพาสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้ ติดรถมาด้วยได้ พวกมันจึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่ผจญเพลิงตามลำพัง. -สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 17:35:12

    ยอดผู้ติดเชื้ออหิวาต์ในซิมบับเวพุ่งเกิน 69,000 รายแล้ว

    [​IMG]

    ฮาราเร 9 ก.พ.- องค์การอนามัยโลกเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อโรคอหิวาต์ระบาดในซิมบับเวมีจำนวนเกินกว่า 69,000 คนแล้ว ซึ่งยิ่งกดดันให้บรรดาผู้นำซิมบับเวต้องเร่งแก้ปัญหาวิกฤติมนุษยธรรมครั้งนี้มากขึ้น

    รายงานระบุว่า โรคอหิวาต์ระบาดทำให้มีผู้เสียชีวิต 3,397 คน จากจำนวนผู้ติดเชื้อ 69,317 คนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นับเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดในแอฟริกาในรอบ 15 ปี ปัญหาสาธารณสุขในซิมบับเวมีขึ้นในช่วงเดียวกับที่ประเทศกำลังประสบวิกฤติการเงิน ผู้คนตกงานถึง 8 ใน 10 คน ระบบสุขอนามัยไม่ดี ทำให้อหิวาต์ระบาดได้ง่าย ด้านพรรคฝ่ายค้านตกลงจับมือกับประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นโดยมีข้อตกลงเพื่อยุติวิกฤติการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 18:47:19

    เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะสุลาเวสีอินโดนีเซีย

    [​IMG]

    จาการ์ตา 9 ก.พ. - สำนักงานธรณีฟิสิกส์อินโดนีเซีย รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.5 ริกเตอร์ ที่เกาะสุลาเวสีของอินโดนีเซีย แต่ไม่มีรายงานทรัพย์สินเสียหายหรือผู้บาดเจ็บ

    แผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.47 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 17.47 น.ในไทย ซึ่งอยู่ลึกใต้พื้นดิน 23 กิโลเมตร ทางเหนือของกาะสุลาเวสี แต่ไม่มีแนวโน้มเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทั้งนี้อินโดนีเซียตั้งอยู่บนรอยเลื่อนเปลือกโลก จึงทำให้เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุหลายครั้ง.- สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 21:17:15

    ก้อนน้ำแข็งยักษ์หลุดจากชายฝั่งรัฐโอไฮโอ มีผู้เสียชีวิต 1 คน

    [​IMG]

    สหรัฐ 9 ก.พ. - มีผู้เสียชีวิต 1 คน หลังจากที่ทั้งหมดติดอยู่บนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่หลุดออกจากชายฝั่งทะเลสาบอีรี รัฐโอไฮโอ สหรัฐ

    หน่วยกู้ภัยใช้เรือและเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปช่วยเหลือชาวประมงมากกว่า 130 คน ที่ติดอยู่บนก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่หลุดออกจากชายฝั่งทะเลสาบอีรี รัฐโอไฮโอ นานกว่า 4 ชั่วโมง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีรายงานชาวประมงคนหนึ่งพลัดตกลงไปในแม่น้ำที่เย็นเป็นน้ำแข็งนานหลายนาที กว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ดึงร่างขึ้นมา ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเสียชีวิต ขณะที่ชาวประมงคนอื่น ๆ ได้รับการช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย

    ทั้งนี้ ธารน้ำแข็งที่หลุดออกจากชายฝั่งมีความหนา 2 ฟุต และกว้างกว่า 10 กิโลเมตร คาดว่าอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุดเยือกแข็งไปอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส ประกอบกับมีลมแรง เป็นสาเหตุทำให้ก้อนน้ำแข็งหลุดออกจากชายฝั่ง. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 00:22:42

    อุทกภัยอินโดนีเซียทำให้ดินถล่มและปิดสนามบิน

    [​IMG]

    จาการ์ตา 9 ก.พ. - เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย รายงานว่า อุทกภัยในอินโดนีเซียทำให้น้ำท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ส่งผลให้สนามบินท้องถิ่นต้องปิดบริการ และเกิดดินถล่ม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน

    เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น กล่าวว่า เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวในจังหวัดชวาตะวันออกต้องยกเลิกในวันจันทร์ เนื่องจากน้ำท่วมทางขึ้นลงเครื่องบิน และยังไม่มีกำหนดว่าสนามบินจะเปิดให้บริการได้เมื่อใด เพราะไซโคลนเฟรดดี้ทำให้ฝนตกหนัก เส้นทางรถไฟและถนนมีน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตรตัดขาดเส้นทางขนส่งสายหลัก น้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่งเมื่อเช้าวันนี้ในกรุงจาการ์ตา ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องอพยพมาอยู่ในที่พักชั่วคราว.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 16:16:24

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลายฝ่ายร่วมต้านนโยบายกีดกันทางการค้า

    [​IMG]

    โตเกียว 9 ก.พ.- นายอากิฮิโร โอโกจิ เจ้าหน้าที่ต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า กลุ่มประเทศและดินแดนต่างๆ 15 แห่ง ผนึกกำลังร่วมต่อต้านนโยบายกีดกันทางการค้าในแผนเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่กำหนดขึ้นเพื่อรับมือกับวิกฤติการเงินโลก

    แถลงการณ์ฉุกเฉินของกลุ่มประเทศและดินแดน 15 แห่ง ได้แก่ ญี่ปุ่น บราซิล เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา ฮ่องกง อิสราเอล เม็กซิโก นอร์เวย์ สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และไทย ที่นครเจนีวา ระบุว่า ในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน ขอให้ประเทศสมาชิกหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจนำไปสู่การกีดกันทางการค้า และการทุ่มตลาดมากขึ้น

    สำหรับนโยบายเศรษฐกิจล่าสุดที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ การที่ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเฉพาะธุรกิจรถยนต์ภายในประเทศ และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่ระบุให้ใช้สินค้าที่ผลิตในสหรัฐเท่านั้น นอกจากนี้ กลุ่ม 15 ที่เรียกตัวเองว่า พันธมิตรต่อต้านการทุ่มตลาด ได้กดดันให้สหรัฐเปลี่ยนแปลงแนวนโยบายเพื่อปกป้องแต่สินค้าของตัวเอง.-

    2009-02-09 17:28:22

    จีนจะผันน้ำในสองแม่น้ำใหญ่บรรเทาภัยแล้ง

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 8 ก.พ.- สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า จีนจะผันน้ำในแม่แยงซี และแม่น้ำฮวงโห ไปช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อน จากภาวะภัยแล้งที่สุดในรอบหลายทศวรรษในขณะนี้

    ซินหัวอ้างนายจาง จื่อตง เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงทรัพยากรน้ำว่า น้ำจากแม่น้ำแยงซี แม่น้ำสายยาวที่สุดในประเทศ จะถูกผันไปให้แก่พื้นที่ทางหนือของมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของประเทศ ขณะเดียวกัน จะเปิดประตูน้ำในเขตมองโกเลียในตลอดแนวแม่น้ำฮวงโห หรือแม่น้ำเหลือง แม่น้ำสายยาวอันดับสองของประเทศ เพื่อผันน้ำให้แก่มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศ และมณฑลซานตง ทางตะวันออกของประเทศ

    เมื่อสัปดาห์ก่อนรัฐบาลจีนได้เพิ่มระดับฉุกเฉินของภาวะภัยแล้งเป็นระดับสูงสุดเป็นครั้งแรก และได้ส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญไปยังพื้นที่ 8 แห่ง ที่เดือดร้อนหนัก ซินหัวรายงานว่า ทางการได้ปล่อยน้ำจากแม่น้ำเหลืองช่วยพื้นที่ทางตอนเหนือแล้ว ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หลังจากเกิดภัยแล้งมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน นอกจากนี้ยังมีมณฑลทางตอนกลางและตะวันตกเฉียงใต้ ที่เป็นอู่ข้าวสำคัญเดือดร้อนจากภัยแล้งด้วย เป็นภัยแล้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นคริสตทศวรรษปี 1950 พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีของประเทศเกือบครึ่งหนึ่งเสี่ยงเสียหาย เพราะฝนไม่ตกมานานกว่า 100 วันแล้ว

    ด้านหน่วยงานบรรเทาทุกข์เผยว่า ประชาชนประมาณ 4.3 ล้านคน และปศุสัตว์ 2.1 ล้านตัว กำลังขาดแคลนน้ำ ส่วนที่กรุงปักกิ่ง ผู้เชี่ยวชาญตือนว่าประชาชน 17 ล้านคน เสี่ยงขาดแคลนน้ำในเร็ว ๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-08 14:52:05

    เหตุสู้รบในศรีลังกาทวีความรุนแรงขึ้น

    [​IMG]

    ศรีลังกา 9 ก.พ. - พลเรือนในพื้นที่สู้รบระหว่างกองทัพศรีลังกาและกบฏพยัคฆ์ทมิฬ เร่งอพยพต่อเนื่อง ขณะที่การสู้รบทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

    ชาวบ้านยังคงทยอยอพยพออกจากเมืองคิลินอชชีและมัลไลติวูอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลศรีลังการับประกันว่าจะคุ้มครองความปลอดภัยให้ ขณะที่กองทัพยังคงปฏิบัติการโจมตีกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ล่าสุดกองทัพได้ทิ้งระเบิดโจมตีแหล่งหลบซ่อนของกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ ซึ่งมีห้องพักและอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมอยู่ด้วย ทำให้กลุ่มกบฏเสียชีวิต 11 คน รวมถึง ชูไซ แกนนำกองกำลังทางเรือของกลุ่มกบฏที่หายสาบสูญไปด้วย คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ดี กองทัพยังไม่สามารถติดตามตัวนายเวฬุพิไล ประภาการัน แกนนำสูงสุดของกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬได้

    ด้านเว็บไซต์ทมิฬเน็ตดอตคอม ซึ่งสนับสนุนกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬ อ้างว่า กลุ่มกบฏสามารถสังหารทหารศรีลังกาได้ถึง 1,000 นาย นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ทางกองทัพปฏิเสธ. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 01:29:20

    ผู้เสียชีวิต 24 คน จากเหตุเครื่องบินตกในบราซิล

    [​IMG]

    บราซิล 9 ก.พ. - เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารตกในแม่น้ำกลางป่าอะเมซอน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศบราซิล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 24 คน

    สถานีโทรทัศน์โกลโบ ทีวี ของบราซิล รายงานว่า นักบินของเครื่องบินแบบทวิน เทอร์โบพร็อพ ของบริษัท เอ็มบราเออร์ ในบราซิล ซึ่งเดินทางจากเมืองคาโอรี ไปยังเมืองมานาอุส เมืองเอกของรัฐอามาโซนาส ห่างออกไป 300 กิโลเมตร ติดต่อกับเจ้าหน้าที่หอบังคับการบิน ก่อนจะถึงสนามบินเมืองมานาอุสไม่นานนัก ก่อนที่เครื่องบินจะหายไปจากจอเรดาร์ ท่ามกลางพายุฝนตกหนัก

    เครื่องบินลำดังกล่าวตกลงสู่แม่น้ำมานาคาปูรู กลางป่าอะเมซอน แต่ผู้โดยสารที่นั่งทางด้านท้ายของตัวเครื่อง 4 คน ในจำนวนนี้รวมถึงเด็กชายวัย 9 ปี สามารถเปิดประตูฉุกเฉินออกมาได้ ก่อนที่เครื่องบินจะจมลงสู่ก้นแม่น้ำ ล่าสุดหน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิต 24 คน ทั้งหมดติดอยู่ในซากเครื่องบิน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 7 คน สำหรับสาเหตุของเครื่องบินตกอยู่ระหว่างการสืบสวน. - สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 04:17:33

    ภาคการเกษตรของบรูไนเสียหายใหญ่จากภัยน้ำท่วม

    [​IMG]

    บันดาร์ เสรี เบกาวัน 9 ก.พ.- ภาคการเกษตรของบรูไนได้รับความเสียหายหลายแสนดอลลาร์สหรัฐ จากภัยน้ำท่วมที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้

    กระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรพื้นฐานในบรูไน ระบุลงในเว็บไซต์ว่า เหตุฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตและปศุสัตว์ในบรูไน คิดเป็นมูลค่าถึง 667,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 23.3 ล้านบาท เนื่องจากมีพื้นที่ปลูกผักกว่า 100 แห่ง จมอยู่ใต้น้ำ ส่วนฟาร์มไก่ที่ถูกน้ำท่วม ส่งผลให้ไก่ตายไปหลายพันตัว แต่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจะได้รับแจกปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์พืชฟรีจากภาครัฐ

    บรูไนเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทำการเกษตรอยู่ไม่มาก โดยข้อมูลจากองค์การการค้าโลกระบุว่า ภาคการเกษตรของบรูไนมีมูลค่ายังไม่ถึงร้อยละ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี เมื่อปี 2549 ด้วยเหตุนี้ อาหารที่บริโภคในบรูไน จึงต้องนำเข้ามากกว่าร้อยละ 80.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 13:46:55

    แนะวิธีเอาชีวิตรอดจากไฟไหม้ป่า

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 9 ก.พ.- ผู้เชี่ยวชาญในการผจญเพลิง แนะกฎในการเอาชีวิตรอดจากไฟไหม้ป่า ดังที่เพิ่งเกิดขึ้นในออสเตรเลียว่า หนีอย่างเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ต้องสู้จนถึงนาทีสุดท้าย

    นายเควิน ทอลเฮิร์สท์ ผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ซึ่งศึกษาเรื่องไฟป่าอย่างใกล้ชิดมานานกว่า 20 ปี เผยว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่เตรียมพร้อม หรือหนีในช่วงเวลาที่ไม่สมควร เขาให้แนวทางในการเอาชีวิตรอดจากไฟป่าว่า ต้องเข้าใจลักษณะของไฟที่เกิดขึ้น ไฟป่าในออสเตรเลียน่ากลัวเพราะป่าต้นยูคาลิปตัสซึ่งเป็นไม้พื้นเมือง เมื่อติดไฟมักพ่นเถ้าที่ไฟยังไม่มอด ขณะที่เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศได้สูงถึง 50 เมตร สร้างพื้นที่ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเป็นวงกว้างถึง 200 เมตร หรือ 4 เท่า ของความสูงเปลวไฟ เป็นเหตุให้ผู้ประสบภัยสำลักควันและหมดสติได้ง่าย

    กฎของการเอาชีวิตรอดเมื่อเผชิญกับไฟป่าคือ การหนีอย่างเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นก็ต้องสู้จนถึงนาทีสุดท้าย ดังนั้นหากไม่คิดหนีตั้งแต่แรก ก็ต้องตัดสินใจอย่างกล้าหาญ ด้วยการฉีดน้ำบ้านเรือนให้ชุ่มทั้งหลังตั้งแต่หลังคาลงมาเพื่อป้องกันไม่ให้บ้านติดไฟ และต้องกล้าเหยียบเถ้าถ่านที่ไฟยังไม่มอดให้ดับสนิท นายทอลเฮิร์สท์ ระบุว่า บ้านมีขนาดใหญ่ จึงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะติดไฟ แต่เมื่อติดไฟแล้วจะลุกลามอย่างรุนแรงมาก อย่างไรก็ดี หากรอบบ้านมีต้นไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ป่วยการที่จะปกป้องบ้านต่อไป ควรหาพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่าเพื่อสกัดไฟ หรือตัดสินใจหนีโดยทันที และไม่ควรเข้าไปหลบในรถเพราะรถจะกลายสภาพเป็นเตาอบทันที ส่วนการหลบในห้องใต้ดินไม่ใช่วิธีที่รับประกันว่าจะปลอดภัยเสมอไป เพราะหากบ้านหลังนั้นไฟไหม้นาน ห้องใต้ดินจะระอุไปด้วยความร้อน และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

    ผู้เชี่ยวชาญแนะต่อว่า หากบ้านสามารถต้านทานไฟได้ จะต้องใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที กว่าแนวขอบไฟจะผ่านพ้นบ้านไป ในระหว่างนั้นให้อยู่ห่างจากหน้าต่างเพราะเป็นจุดที่รังสีความร้อนเข้มข้นมากที่สุด ไม่ควรทำให้ตัวเองเปียกโชก เพราะความร้อนที่ระอุอยู่ด้านนอกจะทำให้น้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น จนกลายเป็นน้ำร้อนลวกตัวได้ ควรหายใจโดยมีผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก เพื่อป้องกันการสำลักควัน พยายามเดินไปมาในบ้าน อย่านั่งอยู่กับที่ และคอยระวังไม่ให้มีเถ้าที่ไฟยังไม่มอดกระเด็นเข้ามาในบ้าน.-สำนักข่าวไทย

    2009-02-09 15:39:14

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009
  9. a5g1aeka

    a5g1aeka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    728
    ค่าพลัง:
    +1,578
  10. wicha30

    wicha30 เพียรภาวนา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +114
    ขออนุโมทนาด้วยคนครับ ขอให้พ้นทุกข์มีสุข
     
  11. wicha30

    wicha30 เพียรภาวนา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +114
    บอกให้โททนา
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1234223903791&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1234223903791&ea=0&frm=1&ga_vid=2082313994.1234222938&ga_sid=1234222938&ga_hid=264983601&ga_fc=true&flash=9.0.47.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=13&u_java=true&dtd=30" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME>
     
  12. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    URGENT FIRE-PAK ชุดอุ้มชีวิตฝ่าพายุเพลิง นวัตกรรมหนีตายแบบพกพา <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">9 กุมภาพันธ์ 2552 10:12 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="284"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="284"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ภาพจำลองการใช้งานชุดอุปกรณ์ URGENT FIRE-PAK </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ภาพผู้คนล้มตายจากเหตุเพลิงไหม้ซานติ ก้าผับเมื่อคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา สร้างความเศร้าสะเทือนใจ พร้อมเป็นบทเรียนราคาแพงให้ทุกฝ่ายต้องหันกลับมาล้อมคอกรับมือเหตุร้ายที่ อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา

    ปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ที่ผ่านมา คนไทยใส่ใจรักษาความปลอดภัยของชีวิตจากอัคคีภัยในระดับต่ำ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ ติดตั้งไว้ส่วนใหญ่แค่เอาหน้ารอดจากข้อกฎหมาย ไม่ได้เกิดจากจิตสำนึกเตรียมพร้อมจะช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้อย่างแท้จริง

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">นพมาศศิริ ดำรัสธรรม (ซ๊าย) และลำเพาพรรณ ลีรพันธุ์ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> แต่สำหรับ “ลำเพาพรรณ ลีรพันธุ์” และ “นพมาศศิริ ดำรัสธรรม” ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวมายาวนาน จึงคิดค้น URGENT FIRE-PAK ชุดอุปกรณ์ช่วยชีวิตส่วนบุคคลยามตกอยู่ในเหตุเพลิงไหม้ มากว่า 5 ปีแล้ว ถือเป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย โดยแรงบันดาลใจเกิดจากจิตสำนึกที่บอกตัวเองตลอดมาว่า ชีวิตมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด หากสูญเสียไป ไม่มีอะไรทดแทนได้

    “จุด เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ 911 มีข่าวคนติดอยู่ในซากตึก แล้วพยายามโทรศัพท์ออกมาหาแม่ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ยังไม่ทันได้พูด ก็หมดสติไปก่อนเพราะขาดอากาศหายใจ เนื่องจากสำลักควัน หากเขามีเวลาอีกแค่ 2-3 นาที ก็จะรอดชีวิตแล้ว ประกอบกับเวลานั้น พบอุปกรณ์ต้นแบบช่วยชีวิตจากไฟไหม้ของวิศวกรไทยท่านหนึ่ง จึงเกิดความสนใจนำมาต่อยอด เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะช่วยชีวิตคนได้อีกมหาศาล” นพมาศศิริ เผย

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ชุดแบบต่างๆ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> อย่างไรก็ตาม ชุดต้นแบบดังกล่าว คุณสมบัติยังไม่เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบ และมาตรฐานวัสดุอุปกรณ์ ดังนั้น ได้วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเอง ศึกษาจากตำราวิชาการในและต่างประเทศ อีกทั้ง ได้รับการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) นอกจากนั้น จำลองเหตุการณ์เพื่อทดสอบการทำงานจริง กว่าจะได้ชุดที่สมบูรณ์แบบใช้เวลามากกว่า 3 ปี กับงบประมาณกว่าล้านบาท โดยจดเป็นสิทธิบัตรไว้แล้ว

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="300"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="300"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">กระป๋องบรรจุอากาศบริสุทธิ์ </td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ลำเพาพรรณ เล่าว่า อุปกรณ์แก้ปัญหาอัคคีภัยที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แทบทั้งหมดใช้เพื่อดับไฟที่กำลังไหม้อาคารหรือสถานที่ ไม่ได้ช่วยให้คนหนีรอดออกมาได้ ขณะที่มากกว่า 95% ของผู้เสียชีวิตจากอัคคีภัยมาจากการสำลักควันก่อนความช่วยเหลือจะมาถึง จาก การวิจัยระบุชัดว่า ช่วงเวลาวิกฤตที่สุดของเหตุเพลิงไหม้จะอยู่ระหว่าง 5-10 นาที ถ้าไม่สามารถพาตัวเองออกจากช่วงเวลานี้ไปได้ 70% จะเสียชีวิต ดังนั้น ชุดอุปกรณ์ URGENT FIRE-PAK เน้นให้ผู้ประสบเหตุสามารถพาตัวเองออกมาให้รอดจากจุดที่วิกฤตที่สุดให้ได้ด้วยตัวเอง

    ผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบเป็นชุดสำเร็จรูป ประกอบด้วยหมวกครอบศีรษะที่ทำจากพลาสติกชนิดพอลิโพรไพลีน(polypropylene) ปราศจากสารพิษ ทนความร้อนได้กว่า 160 องศาเซลเซียส สามารถปกป้องอวัยวะตา หู จมูก ปากจากควันไฟได้ ส่วนด้านหน้าหมวกเชื่อมต่อกับวาล์วและท่อนำอากาศ ซึ่งสายจะเชื่อมจากกระป๋องบรรจุอากาศบริสุทธิ์ สามารถปล่อยให้อากาศไหลออกมาอย่างอัตโนมัติในอัตราที่พอเพียงจะใช้หายใจได้ ในเวลา 3-15 นาที (แล้วแต่จำนวนกระป๋องที่บรรจุ) อีกทั้ง อุปกรณ์ต่างๆ ยังเรืองแสง ช่วยมองเห็นในที่มืด โดยชุดอุปกรณ์ต่างๆ เก็บไว้ใช้งานนานได้กว่า5 ปี ส่วนกระเป๋าบรรจุอากาศ เก็บไว้ได้นาน 2 ปี

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="325"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="325"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">ทดสอบการทำงานจากการจำลองเหตุการณ์</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> สำหรับขั้นตอนใช้งานเพียงสวมชุดอุปกรณ์เข้ากับตัว สวมถุงครอบศีรษะ ดึงสายรัดทั้งสองด้านให้พอดีรอบคอ อมจุกยางไว้หายใจออกทางปาก กดปุ่มล็อกค้างอากาศจะออกมาตามสายเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งขั้นตอนต่างๆ เหล่านี้ ถ้าผ่านการฝึกฝนจะปฏิบัติได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 วินาที ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานสากลที่กำหนดว่า อุปกรณ์ช่วยชีวิตยามเกิดไฟไหม้ควรปฏิบัติการได้ภายในเวลา 30 วินาที

    นพมาศศิริ อธิบายเสริมว่า ในต่างประเทศมีอุปกรณ์ลักษณะใกล้เคียงกัน ทว่า มีน้ำหนักมากถึง 3-5 กิโลกรัม ส่วน URGENT FIRE-PAK ทั้งชุดหนักเพียงประมาณครึ่งกิโลกรัม ไม่ เป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง ทำให้เด็กหรือสัตว์เลี้ยงสามารถใช้งานได้สะดวก นอกจากนั้น สินค้าของต่างประเทศ ราคาสูงกว่า 2-3 หมื่นบาท ขณะที่สินค้าไทยชิ้นนี้ ราคาเริ่มต้นที่พันกว่าบาท สำหรับแบบพกพากระป๋องเดี่ยว ส่วนราคาสูงสุดแบบชุดติดผนังประมาณ 6 พันกว่าบาท

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> [​IMG] </td> </tr> <tr><td class="Image" align="left" valign="baseline">แบบตู้ติดผนัง</td></tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> ด้านการทำตลาดนั้น ลำเพาพรรณ เผยว่า จะเข้าไปเสนอสินค้าด้วยตัวเองตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน หากเป็นองค์กรที่มีผู้บริหารชาวต่างชาติ จะให้การตอบรับสินค้านี้อย่างดียิ่ง ตรงกันข้ามกับหน่วยงานของไทย โดยเฉพาะภาครัฐ แม้จะชื่นชมและเห็นความสำคัญ แต่ปฏิเสธการสั่งซื้อ ด้วยเหตุผลว่า ไม่มีงบประมาณพอสำหรับซื้ออุปกรณ์ดูแลความปลอดภัย

    “ส่วน ตัวดิฉันมั่นใจว่า สินค้านี้มีตลาดที่ใหญ่มาก แต่เรายังไม่สามารถไปถึงจุดที่เปิดตลาดได้สำเร็จ เนื่องจากปัญหาสำคัญ คือ ภาครัฐ และคนไทย ยังไม่ได้ให้ความใส่ใจกับความปลอดภัยอย่างจริงจัง แต่หลังเหตุซานติก้า หวังว่า คงมีความตื่นตัวในด้านการหนีไฟและเตรียมการต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในระดับนโยบายจากผู้บริหารองค์กรต่างๆ เราต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกสาธารณะในด้านความปลอดภัยให้เป็นวัฒนธรรม เพื่อตระหนักถึงภัยต่างๆ และให้คนไทยมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเมื่อเผชิญเหตุการณ์อันตราย อีกทั้งขอให้ช่วยกันสนับสนุนสินค้าไทยเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และการเสียดุลการค้าต่างประเทศ” ลำเพาพรรณ ระบุ

    </td> </tr> <tr> <td class="body" align="left" valign="baseline"> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="307"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="307"> [​IMG] </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" valign="top" height="5">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> คู่หูธุรกิจ ทิ้งท้ายว่า ถึงจะผลิตอุปกรณ์ช่วยชีวิตจากอัคคีภัย แต่ภาวนาว่า อย่าให้มีใครต้องประสบเหตุเพลิงไหม้จนต้องใช้สินค้าตัวนี้จริงๆ เลย ขอเพียงซื้อสินค้าชิ้นนี้เหมือนการทำประกันชีวิต เพื่อความสบายใจโดยหวังว่าเหตุร้ายจะไม่เกิดขึ้น

    ********************

    โทร.0-2255-2808 , และwww.urgentfirepak.net</td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2009
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โลมานับร้อยเกยตื้นในฟิลิปปินส์

    [​IMG]

    มะนิลา 10 ก.พ. - เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์เผยวันนี้ว่า พบโลมากว่า 200 ตัวขึ้นมาเกยตื้นที่อ่าวมะนิลาของฟิลิปปินส์ เจ้าหน้าที่พยายามหาสาเหตุที่ทำให้โลมาขึ้นมาเกยตื้นครั้งนี้

    นายเอ็นริเก การ์เซีย ผู้ว่าการจังหวัดบาทาน ระบุว่า ชาวบ้านพบฝูงโลมาขึ้นมาเกยตื้นใกล้กับเมืองปิลาร์ และอาบูเกย์ บนแหลมบาทาน ทางตะวันตกของกรุงมะนิลา และพบว่ามีโลมาอย่างน้อย 3 ตัวตายแล้ว

    นายมัลโคล์ม ซาร์เมียนโต ผู้อำนวยการสำนักประมงและทรัพยากรน้ำฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การที่โลมาขึ้นมาเกยตื้นเป็นจำนวนมากครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ผิดปกติ เพราะโลมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีหูไวต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงกดใต้น้ำ หากเยื่อแก้วหูของมันเสียหายก็จะทำให้พวกมันสับสนและลอยขึ้นมาอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งความกังวลของเจ้าหน้าที่ในขณะนี้คือการพยายามรักษาชีวิตพวกมันไว้ ทางการจึงระดมคณะผู้เชี่ยวชาญเข้าไปช่วยโลมา นายซาร์เมียนโต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยมีโลมาขึ้นมาเกยตื้นในฟิลิปปินส์เช่นกัน แต่เป็นฝูงเล็กราว 10-20 ตัว ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โลมาขึ้นมาเกยตื้นพร้อมกันหลายร้อยตัว. -สำนักข่าวไทย

    2009-02-10 11:12:05

    โอบามาเสนอช่วยออสเตรเลียดับไฟป่า

    [​IMG]

    วอชิงตัน 10 ก.พ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ยึดติด

    โดย
    พระไพศาล วิสาโล
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>​
    สุด .. ได้เลขท้าย ๓ ตัวมาจากหลวงพ่อ เลยแทงไป ๑๕ บาท ปรากฏว่าถูกเผง ได้มา ๖๐๐ บาท เขาดีใจมาก เที่ยวอวดใครต่อใครในหมู่บ้านว่าถูกหวย แต่พอรู้ว่า คอนซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ก็แทงหวย ๓ ตัวถูกเหมือนกัน แต่ได้เงินมากกว่าคือ ๒ , ๐๐๐ บาท เพราะแทงมากกว่า สุดเลยยิ้มไม่ออก หงอยไปทั้งวัน แถมยังโมโหตัวเองที่แทงน้อยไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ใจ .. ไปเที่ยวไนท์บาซ่า เห็นผ้าพื้นเมืองลายงาม ราคา ๕๐๐ บาท แต่เธอต่อได้ ๓๕๐ บาทจึงคว้าผ้าผืนนั้นกลับโรงแรมด้วยความดีใจ แต่พอรู้ว่าไก่เพื่อนร่วมห้องก็ซื้อผ้าแบบเดียวกันมา แต่ได้ราคาถูกกว่า คือ ๓๐๐ บาท ใจก็หุบยิ้มทันที ไม่รู้สึกโปรดปรานผ้าของตนอีกต่อไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แม้เราจะมี " โชค " หรือได้ของดีที่ถูกใจ <o:p></o:p>
    แต่หากไปเปรียบเทียบกับของคนอื่นเมื่อใด <o:p></o:p>
    สุขก็อาจกลายเป็นทุกข์ทันที หากรู้ว่าคนอื่นได้มากกว่า ได้ของดีกว่า <o:p></o:p>
    หรือได้ของที่ถูกกว่า ส่วนของดีที่เราได้มากลับด้อยคุณค่าไปถนัดใจ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บางครั้งอาจทำให้เราทุกข์กว่าตอนที่ยังไม่ได้ของนั้นมาด้วยซ้ำ <o:p></o:p>
    ที่จริงไม่ต้องไปเทียบกับของคนอื่นก็ได้ <o:p></o:p>
    เพียงแค่เห็นของรุ่นใหม่วางขายหรือโฆษณาตามสื่อต่างๆ <o:p></o:p>
    ก็เกิดความไม่พอใจในของเดิมที่มีอยู่ทันที <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่มันก็ยังใช้ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนใจ <o:p></o:p>
    ยกเว้นข้อเดียวคือ มันสู้ของใหม่ที่วางขายไม่ได้ <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่มีของดีอยู่กับตัว แต่คนเราแทนที่จะพอใจกลับรู้สึกเป็นทุกข์ <o:p></o:p>
    เพียงเพราะใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งดีกว่า (หรือมากกว่า) ที่ตัวเองยังไม่มี <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่เมื่อใดก็ตามที่ของชิ้นนั้นเกิดมีอันเป็นไป <o:p></o:p>
    เช่นทำตกหล่นหรือถูกขโมยไป เราก็จะกลับมาเห็นคุณค่าของมัน <o:p></o:p>
    และนึกเสียใจที่เสียมันไป จะกินจะนอนก็ยังนึกถึงมันด้วยความเสียดาย <o:p></o:p>
    ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน กรณีที่เป็นสิ่งของเท่านั้น <o:p></o:p>
    แต่ยังเกิดกับกรณีที่เป็นคนด้วย เช่น คนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่และลูก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผู้คนจำนวนมากไม่เห็นคุณค่าหรือมีความสุขกับคนใกล้ชิด <o:p></o:p>
    เพราะไปนึกเปรียบเทียบคนอื่นว่าเขามีพ่อแม่ คนรัก หรือลูกที่ดีกว่าเรา แต่วันใดที่เราเสียเขาไป เราถึงจะกลับมาเห็นคุณค่าของเขา <o:p></o:p>
    และเศร้าโศกเสียใจจนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว <o:p></o:p>
    เฝ้าหวนคำนึงถึงวันคืนเก่าๆ ที่เขาเคยอยู่กับเรา <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คนเรามักทุกข์เพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ยังไม่มี หรืออาลัยในสิ่งที่สูญเสียไป <o:p></o:p>
    พูดให้ครอบคลุมกว่านั้นก็คือ <o:p></o:p>
    ทุกข์เพราะใจยังติดยึดอยู่กับอนาคตและอดีต <o:p></o:p>
    อนาคตและอดีตที่ว่ามิได้หมายถึง <o:p></o:p>
    สิ่งดีๆ ที่ยังไม่มีหรือที่เสียไปเท่านั้น <o:p></o:p>
    แต่ยังรวมถึงสิ่งไม่พึงปรารถนาที่ (คาดว่า) รออยู่ข้างหน้า <o:p></o:p>
    เช่นอุปสรรค และสิ่งไม่พึงปรารถนาที่พานพบ คำต่อว่า หรือการกระทำที่น่ารังเกียจ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำตำหนิติเตียนไม่ว่าจะร ุนแรงแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้ <o:p></o:p>
    หากเราไม่เก็บเอาคิดซ้ำคิดซาก คำพูดเหล่านั้นผ่านพ้นไปนานแล้ว <o:p></o:p>
    แต่ที่ยังบาดใจเราอยู่ก็เพราะเราไม่ยอมปล่อยวางมันต่างหาก <o:p></o:p>
    ยิ่งคิดคำนึงถึงมันมากเท่าไรก็ยิ่งซ้ำเติมตัวเองมากเท่านั้น <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง ทรยศ หักหลัง ก็เช่นกัน <o:p></o:p>
    แม้เป็นอดีตไปนานแล้ว แต่เราก็ยังทุกข์อยู่กับเหตุการณ์ดังกล่าว <o:p></o:p>
    ไม่ใช่เพราะเขายังทำเช่นนั้นกับเราอยู่ <o:p></o:p>
    แต่เป็นเพราะเราชอบย้อนภาพอดีต <o:p></o:p>
    กลับมาฉายซ้ำในใจอย่างไม่ยอมเลิกรา <o:p></o:p>
    ย้อนแต่ละทีก็เหมือนกับกรีดแผลลงไปที่ใจ <o:p></o:p>
    หยุดย้อนอดีตเมื่อใดใจก็หายเจ็บเมื่อนั้น <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง <o:p></o:p>
    แต่จะมาถึงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้! <o:p></o:p>
    แต่บ่อยครั้งเรากลับยึดมั่นสำคัญหมายอย่างเป็นจริงเป็นจัง <o:p></o:p>
    ว่ามันจะต้องเกิด ขึ้นแน่ เท่านั้นยังไม่พอถ้าเป็นเรื่องแง่ลบด้วยแล้ว <o:p></o:p>
    เรามักจะวาดภาพไปในทางเลวร้าย <o:p></o:p>
    แล้วก็ยึดมันเอาไว้ไม่ให้คลาดไปจากใจ ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ชายผู้หนึ่งเดินขึ้นตึกไปหาหมอ เพื่อฟังผลตรวจโรค <o:p></o:p>
    พอหมอบอกว่า พบก้อนมะเร็งระยะที่สองในปอดของเขา <o:p></o:p>
    เขาก็ถึงกับทรุด เข่าอ่อนเดินไม่ได้ กลับถึงบ้านก็กินไม่ได้ <o:p></o:p>
    นอนไม่หลับ ซึมไปเป็นเดือน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ส่วนหญิงผู้หนึ่ง ป่วยกระเสาะกระแสอยู่นานหลายสัปดาห์ <o:p></o:p>
    แล้ววันหนึ่งหมอก็บอกว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่ตับ <o:p></o:p>
    จะอยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ปรากฏว่าผ่านไปแค่ ๑๒ วัน เธอก็สิ้นใจ <o:p></o:p>
    ทั้งสองกร! ณีไม่ได้ทรุดฮวบเพราะโรคมะเร็งเล่นงาน <o:p></o:p>
    แต่เป็นเ พราะใจเสีย ทันทีที่ได้ยินข่าวร้าย <o:p></o:p>
    ใจก็นึกภาพอนาคตของตัวเองไปในทางเลวร้าย <o:p></o:p>
    ยิ่งผู้ป่วยรายที่สองด้วยแล้ว <o:p></o:p>
    เธอนึกไปถึงวันตายของตัวเองเลยทีเดียว <o:p></o:p>
    แถมยังปรุงแต่งไปในทางที่มืดมน <o:p></o:p>
    เท่านั้นไม่พอเธอยังหมกมุ่นกับภาพดังกล่าวไม่หยุดหย่อน <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่มันยังไม่เกิดขึ้น ผลก็คือถูกความทุกข์ท่วมทับจนมิอาจทานทนต่อไปได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บ่อยครั้งเราเป็นทุกข์เพราะเรื่องที่ยังมาไม่ถึง <o:p></o:p>
    เช่น การสอบไม่ติดหรือตกงาน <o:p></o:p>
    โดยตัวมันเองไม่ก่อปัญหาแก่เรา มากเท่ากับใจที่ปรุงแต่งไปล่วงหน้า <o:p></o:p>
    ว่านับแต่นี้ไปชีวิตจะลำบากยากแค้นเพียงใด แล้วจะอยู่ดูโลกนี้ต่อไปได้อย่างไร <o:p></o:p>
    แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจพบว่าที่แท้เราตีตนก่อนไข้ไปเอง <o:p></o:p>
    เพราะปัญหาต่างๆ ที่ตามมาไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด <o:p></o:p>
    สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ในที่สุด <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ปรุงแต่งเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น <o:p></o:p>
    กับสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า บางครั้งเราก็ปรุงแต่งให้เลวร้ายเกินจริง <o:p></o:p>
    เช่น อยู่รีสอร์ตคนเดียวกลางดึก ได้ยินเสียงผิดปกติ <o:p></o:p>
    ก็ปรุงแต่งไปทันทีว่าถูกผีหลอก หรือไม่ก็มีคนจะมาทำร้าย <o:p></o:p>
    เห็นคู่รักกำลังคุยอย่างสนิทสนมกับชายหนุ่มในร้านอาหาร <o:p></o:p>
    ก็คิดไปทันทีว่า เธอกำลังนอกใจ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การคิดปรุงแต่งที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนั้น <o:p></o:p>
    เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่เมื่อใดที่เราหลงยึดว่ามันเป็นเรื่องจริง <o:p></o:p>
    เราก็กำลังก่อทุกข์ให้กับตัวเอง <o:p></o:p>
    แถมยังสามารถสร้างปัญหาให้แก่คนอื่นได้ด้วย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    วัยรุ่นนั่งกินอาหารอยู่หน้าร้าน เผอิญขี้นกหล่นใส่หัว <o:p></o:p>
    แต่เขากลับคิดว่าเจ้าของร้านถ่มน้ำลายใส่หัว <o:p></o:p>
    จึงทะเลาะกับเจ้าของร้านอย่างรุนแรง <o:p></o:p>
    สักพักก็ออกจากร้านแล้วกลับมาพร้อมกับพวกอีกหลายคน <o:p></o:p>
    ควักปืนออกมายิงกราด <o:p></o:p>
    ถูกภรรยาเจ้าของร้านซึ่งกำลังท้อง ๕ เดือนตายคาที่ <o:p></o:p>
    กลายเป็นฆาตกรที่ถูกตำรวจหมายหัวทันที <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การยึดติดสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นเอง <o:p></o:p>
    เป็นที่มาอีกประการหนึ่งของความทุกข์ <o:p></o:p>
    ทีแรกเราเป็นฝ่ายปรุงแต่งมันขึ้นมา <o:p></o:p>
    แต่เผลอเมื่อใดมันก็กลับมาเป็นนายเรา <o:p></o:p>
    สามารถผลักใจของเราไปสู่ความทุกข์ <o:p></o:p>
    และชักนำชีวิตของเราไปในทางเสื่อมได้ง่ายๆ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กี่ครั้งกี่หนที่เราทำร้ายตัวเองและทำร้ายซึ่งกันและกัน <o:p></o:p>
    เพียงเพราะหลงเชื่อ ความคิดที่เราปรุงแต่งขึ้นมา <o:p></o:p>
    พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ไม่ได้ปรุงแต่งขึ้นมาเอง <o:p></o:p>
    แต่เป็นความจริงแท้ๆ จะไม่ก่อปัญหา <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่สร้างความทุกข์แก่เรา <o:p></o:p>
    เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อยู่ในขณะนี้ <o:p></o:p>
    เช่น รถเสีย เงินไม่พอใช้ ทะเลาะกับคนรัก ลูกคบเพื่อนไม่ดี งานไม่ก้าวหน้า <o:p></o:p>
    แต่ถ้าเรามัวแต่นึกถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา <o:p></o:p>
    ไม่ว่าจะทำอะไร ก็กวาดเอาปัญหาต่างๆ มาครุ่นคิดด้วย <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกันเลย เช่น กำลังทำงานอยู่ <o:p></o:p>
    ก็ไปกังวลถึงรถ ถึงลูก ถึงพ่อแม่ แล้วยังห่วงคู่รักอีก <o:p></o:p>
    อย่างนี้แล้วจะไม่ทุกข์ได้อย่างไร <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปัญหาเป็นเรื่องที่ต้องแก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม ! <o:p></o:p>
    แต่เมื ่อใดที่เรากวาดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมจิตใจ <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลา (หรือไม่ใช่เวลา) ที่จะแก้ไข <o:p></o:p>
    ก็เตรียมตัวกลุ้มได้เลย นี้เป็นการยึดติดอีกแบบหนึ่ง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อันที่จริงแม้มีปัญหาแค่เรื่องเดียว <o:p></o:p>
    แต่ถ้าหมกมุ่นอยู่กับมันตลอดเวลา ก็ทำให้คลั่งได้ <o:p></o:p>
    ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเล็กแต่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายๆ <o:p></o:p>
    เช่น หมกมุ่นกับสิวไม่กี่เม็ดบนใบหน้าวันแล้ววันเล่า <o:p></o:p>
    ก็อาจทำให้เจ็บป่วยหรือถึงกับทำร้ายตัวเองได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การยึดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมใจ <o:p></o:p>
    บางครั้งก็ไปไกลถึงขนาดไปกวาดเอาปัญหาของคนอื่น <o:p></o:p>
    มาเป็นของเราเสียเอง เช่น เพื่อนมาปรึกษาปัญหาชีวิต <o:p></o:p>
    ก็เลย?อาปัญหาของเขามาเป็นของตนด้วย <o:p></o:p>
    จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เท่านั้นยังไม่พอบางคนถึงกับแบกปัญหาของประเทศมาไว้กับตัว <o:p></o:p>
    เลยเป็นเดือน! เป็นแค้นกับสถานการณ์บ้านเมือง <o:p></o:p>
    ทะเลาะกับใครไปทั่วที่คิดต่างจากตน <o:p></o:p>
    สุดท้ายก็เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาบ้านเมืองไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การยึดติดที่ลึกไป กว่านั้นคือ การยึดติดในตัวตน <o:p></o:p>
    สาเหตุที่เราทะเลาะกับคนที่คิดไม่เหมือนเรา <o:p></o:p>
    ก็เพราะเรายึดติดในความคิดของเรา <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความสำคัญมั่นหมายว่านี้เป็น " ความคิดของฉัน " <o:p></o:p>
    สะท้อนถึงความยึดติดในตัวตน <o:p></o:p>
    หรือที่ท่านพุทธทาสเรียกว่า ยึดติดใน " ตัวกู ของกู " <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นอกจากความคิดแล้ว เรายังยึดติดสิ่งต่างๆ อีกมากมายว่า <o:p></o:p>
    เป็นตัวฉันของฉัน อาทิ สิ่งของ บุคคล ชุมชน ประเทศ ศาสนา <o:p></o:p>
    มีอะไรมากระทบกับสิ่งนั้น ก็เท่ากับว่ากระทบ " ตัวฉัน " <o:p></o:p>
    ด่าว่ารถของฉัน ก็เท่ากับด่าฉันด้วย <o:p></o:p>
    วิจารณ์ศาสนาของฉันก็เท่ากับวิจารณ์ฉันด้วย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งของสูญหาย คนรักจากไป <o:p></o:p>
    เราจึงอดหวนนึกถึงไม่ได้ เพราะใจยังยึดว่าเป็นของฉันอยู่ <o:p></o:p>
    จึงยังมีเยื่อ! ใยที่ดึงให้ใจย้อนระลึกถึงอยู่เสมอ <o:p></o:p>
    เวลาให้ของแก่ใครไป ความยึดติดในของชิ้นนั้นก็ยังมีอยู่ <o:p></o:p>
    จึงเฝ้าดูว่าเขาจะใช้ของชิ้นนั้นหรือไม่ <o:p></o:p>
    ถ้าไม่ใช้ก็รู้สึกเป็นทุกข์ที่เขาไม่ได้ใช้ของ " ของฉัน " <o:p></o:p>
    ญาติโยมหลายคนจึงไม่สบายใจที่พระไม่ได้ฉันอาหารที่ตนถวาย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ยึึดติดในตัว ตนอีกอย่างคือการยึดมั่นสำคัญหมายว่า <o:p></o:p>
    ฉันเก่ง ฉันหล่อ ฉันเป็นส.ส. ฯลฯ ไปไหนก็อดตัวพองไม่ได้ <o:p></o:p>
    อยากแสดงบารมีให้ใครรู้ว่า " นี่กูนะ " <o:p></o:p>
    อยู่ที่ใดก็ต้องการให้คนชื่นชม สรรเสริญ เคารพ นบไหว้ <o:p></o:p>
    แต่ถ้าไม่ได้รับการปฏิบัติดังกล่าว ก็จะโมโหขุ่นเคือง <o:p></o:p>
    จนอาจคำรามว่า " รู้ไหมว่ากูเป็นใคร ?" <o:p></o:p>
    ยิ่งเจอคำวิจารณ์ด้วยแล้ว ยิ่งทนไม่ได้เข้าไปใหญ่ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การ ยึดติดใน " ตัวกู ของกู หรือนี่กู! นะ " เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์ นานัปการ <o:p></o:p>
    นำไปสู่การกระทบกระทั่งขัดแย้งและทำร้ายกัน <o:p></o:p>
    ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความเครียดบีบคั้นภายใน <o:p></o:p>
    เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา <o:p></o:p>
    ใช่แต่เท่านั้น แม้ได้สิ่งที่พึงปรารถนา <o:p></o:p>
    ก็ยังทุกข์เพราะได้ไม่สมใจ หรือทุกข์ที่คนอื่นได้มากกว่า <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ที่น่าแปลกก็คือเราไม่ได้ยึดเอาแค่สิ่งดีๆ ที่ถูกใจ <o:p></o:p>
    ว่าเป็นตัวกูของกูเท่านั้น สิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกใจ <o:p></o:p>
    เราก็ยังยึดเป็นตัวกูของกูอีกเช่นกัน <o:p></o:p>
    เช่น ความเจ็บปวด เมื่อเกิดกับกาย <o:p></o:p>
    แทนที่จะเห็นว่า กายปวดเท่านั้น กลับไปยึดเอาว่า " ฉันปวด " <o:p></o:p>
    ความปวดเป็นของฉัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อความโกรธเกิดขึ้นกับใจ <o:p></o:p>
    ก็ยึดมั่นสำคัญหมายว่า " ฉันโกรธ " ความโกรธเป็นของฉัน <o:p></o:p>
    ความยึดมั่นดังกล่าวรุนแรงชนิดที่ใจไม่ยอมไปไหน <o:p></o:p>
    มัวจดจ่อวนเวียนอยู่กับความปวดหรือความโกรธนั้นๆ อย่างเดียว <o:p></o:p>
    ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเผลอของใจ <o:p></o:p>
    รู้ทั้งรู้ว่ายึดแล้วท??กข์แต่ก็ยังยึดเพราะขาดสติ <o:p></o:p>
    ถ้าใจมีสติ ก็จะไม่เผลอยึดต่อไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความปวดความโกรธยังมีอยู่ก็จริง แต่คราวนี้มันทำอะไรจิตใจไม่ได้ <o:p></o:p>
    เพราะใจไม่โดดเข้าไปให้ความปวดความโกรธเผาลน <o:p></o:p>
    เหมือนกองไฟที่ยังลุกไหม้อยู่ <o:p></o:p>
    แต่ตราบใดที่เราไม่โดดเข้าไปในกองไฟ <o:p></o:p>
    หากถอยออกมาห่างๆ เป็นแค่ผู้สังเกตเฉยๆ ไฟก็ทำอะไรเราไม่ได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สติช่วยให้ใจแยกออกมาอยู่ห่างๆ <o:p></o:p>
    จากความเจ็บปวดแ! ละอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น <o:p></o:p>
    กลายเป็น " ผู้ดู " มิใช่ " ผู้ปวด " หรือ " ผู้โกรธ " <o:p></o:p>
    จากความยึดติดกลายเป็นการปล่อยวาง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    การปล่อยว างดังกล่าว <o:p></o:p>
    คือ หัวใจของการเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งหลาย <o:p></o:p>
    เพราะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว <o:p></o:p>
    ความทุกข์ทั้งมวลเกิดจากความยึดติด <o:p></o:p>
    ยึดติดอดีตกับอนาคต ยึดติดสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นเอง <o:p></o:p>
    ยึดติดปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต <o:p></o:p>
    รวมทั้งยึดเอาปัญหาต่างๆ มาเป็นของตน <o:p></o:p>
    ที่สำคัญคือ การยึดติดในตัวตน <o:p></o:p>
    เมื่อใดที่ปล่อยวางจากความยึดติดดังกล่าวได้ <o:p></o:p>
    ความทุกข์ก็ไม่อาจทำอะไรเราได้อีกต่อไป <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สติช่วยให้เรารู้ตัวเมื่อเผลอไปอาลัยอาวรณ์ในอดีต หรือวิตกกังวลกับอนาคต <o:p></o:p>
    พาจิตกลับมาอยู่กับปัจจุบันเมื่อรู้ตัวว่า <o:p></o:p>
    เผลอไปจมอยู่กับเหตุร้ายที่ผ่านไปแล้ว <o:p></o:p>
    คอยทักท้วงใจไม่ให้หลงเชื่อความคิดปรุงแต่ง <o:p></o:p>
    เพราะตระหนักว่า ความจริงอาจไ! ม่เป็นอย่างที่คิด <o:p></o:p>
    ในยามที่เผลอกวาดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมใจจนหนักอึ้ง <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สติช่วยให้เราแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ เป็นเรื่องๆ <o:p></o:p>
    ไม่เอาปัญหาใดมาครุ่นคิดหากยังไม่ถึงเวลา (หรือไม่ใช่เวลา) ที่จะแก้ <o:p></o:p>
    เวลาพักผ่อน ก็พักผ่อนเต็มที่ <o:p></o:p>
    เมื่อถึงเวลาแก้ปัญหา ก็ใช้ปัญญาอย่างเต็มที่ <o:p></o:p>
    ไม่มามัวตีโพยตีพาย หรือน้อยเนื้อต่ำใจว่า " ทำไมถึงต้องเป็นฉัน ?" <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความทุกข์นั้นไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา <o:p></o:p>
    แต่อยู่ที่ว่าเรามีท่าทีหรือรู้สึกอย่างไรกับมันต่างหาก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แม้ปัญหาจะหนัก แต่ถ้าเริ่มต้นจากการยอมรับมันว่า <o:p></o:p>
    เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว <o:p></o:p>
    ไม่ปฏิเสธผลักไสมันหรือก่นด่าชะตากรรม <o:p></o:p>
    ตั้งสติให้ได้แล้วหาทางแก้ไขมัน <o:p></o:p>
    แต่ขณะที่มันยังไม่หายไปไหน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ไม่หวนนึกถึงอดีตอันผาสุก หรือปรุงแต่งอนาคตไปในทางเลวร้าย <o:p></o:p>
    ขณะเดียวกันก็ไม่หมกมุ่นอยู่กับปัญหา <o:p></o:p>
    หากปล่อยวางมันบ้าง ความสุขก็หาได้ไม่ยาก <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    นายทหารผู้หนึ่งไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า <o:p></o:p>
    กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ในฐานที่ทรงเคยเป็นอุปัชฌาย์ของตนมาก่อน <o:p></o:p>
    พอ! ไปถึงประโยคแรกที่กราบทูลก็คือ " หนักครับ ช่วงนี้แย่มากเลยครับ " <o:p></o:p>
    ว่าแล้วเขาก็ทูลเล่าปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาในชีวิต <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงฟังอยู่นาน <o:p></o:p>
    แทนที่จะตรัสแนะนำหรือปลอบใจ <o:p></o:p>
    พระองค์กลับรับสั่งให้เขานั่งคุกเข่า ยื่นมือสองข้าง <o:p></o:p>
    แล้วพระองค์ก็เอากระดาษแผ่นหนึ่งวางบนฝ่ามือของเขา <o:p></o:p>
    " นั่งอยู่นี่แหละ อย่าไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา " <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    รับสั่งเสร็จพระองค์ก็เสด็จเข้าไปในตำหนัก <o:p></o:p>
    นายทหารนั่งในท่านั้นอยู่นาน จาก ๑๐ นาทีเป็น ๒๐ นาที <o:p></o:p>
    สมเด็จพระสังฆราชก็ยังไม่เสด็จออกมา <o:p></o:p>
    เขาเริ่มเหนื่อย มือและขาเริ่มสั่น กระดาษชิ้นเล็กๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ <o:p></o:p>
    จนประคองแทบไม่ไหว พอสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเสด็จกลับมา <o:p></o:p>
    ก็ทรงถามว่า " เป็นไง ?" <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คำตอบของเขาคือ " หนักครับ พระเดชพระคุณ เมื่อยจนจะทนไม่ไหว " <o:p></o:p>
    " อ้าว ทำไมไม่วางมันลงเสียละ ?" <o:p></o:p>
    สมเด็จรับสั่ง " ก็ไปยอมให้มันอยู่อย่างนั้น มันก็หนักอยู่ยังงั้นนะซี <o:p></o:p>
    มันจะเป็นอื่นไปได้ยังไง " <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กระดาษที่เบาหวิว แต่หากถือไว้นานๆ <o:p></o:p>
    ไม่ยอมปล่อย ก็กลายเป็นของหนักไปได้ <o:p></o:p>
    แต่ปัญหาถึงจะใหญ่โตเพียงใด <o:p></o:p>
    ถ้าไม่ยึดถือเอาไว้ ก็ไม่ทำให้เรา! ทุกข์ได้ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ใช่หรือไม่ว่าหินก้อนใหญ่จะกลายเป ็นของหนัก <o:p></o:p>
    และสร้างทุกข์ให้แก่เราก็ต่อ เมื่อเราแบกมันเอาไว้เท่านั้น <o:p></o:p>
    เมื่อมีสติรักษาใจ รู้เท่าทันความคิด ไม่เผลอยึดติดจนจิตหนักอึ้ง <o:p></o:p>
    แม้งานจะยาก อุปสรรคจะเยอะ ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้ <o:p></o:p>
    คัดลอกจาก...ยึดติด [สารคดี กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑] <o:p></o:p>
    โดย พระไพศาล วิสาโล <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  15. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    สังเกตว่าทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ โตกว่าเดิม แสดงว่าโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นวงโคจรของโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาเร็วขึ้นด้วย
     
  16. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6648 ข่าวสดรายวัน


    "แพร่"วิกฤตแล้งหนัก-เร่งช่วยเกษตรกร




    แพร่ - นายเสกสรร สุวรรณมาโจ เกษตรจังหวัดแพร่ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณไซฟ่อน ที่คลอง ส่งน้ำบ้านแม่หล่าย อำเภอเมืองแพร่ หลังจากที่ทางจังหวัดแพร่ได้จัดสรรงบประมาณ 3.5 ล้านบาท เพื่อเร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง

    โดยนายเสกสรรเผยว่า วันนี้ทางจังหวัดแพร่ได้อนุมัติงบสามล้านกว่าบาท เพื่อมาใช้ในการจัดซื้อน้ำมัน นำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ จำนวน 5 เครื่องมาสูบน้ำจากลำห้วย ที่ต้องระบายมาจากอ่างเก็บน้ำแม่ถางลงมาสู่ลำห้วย จากนั้นก็ใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่สูบลงไปสู่คลองชลประทานเพื่อส่งน้ำไปยังพื้นที่การ เกษตรที่เดือดร้อน มีพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนและรอการช่วยเหลือจำนวน 5 อำเภอ มีอำเภอเมือง 20,164 ไร่ อำเภอสอง 846 ไร่ อำเภอสูงเม่น 13,197 ไร่ อำเภอเด่นชัย 1,787 ไร่ อำเภอหนองม่วงไข่ 3,393 ไร่

    เกษตรจังหวัดแพร่เผยว่า ขณะนี้ต้องใช้วิธีเดียวคือการสูบน้ำลงคลอง แม้กั้นน้ำไว้ก็ยังไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากน้ำในแม่น้ำยมก็แห้ง ส่วนการตั้งจุดเครื่องสูบน้ำมีที่ อ.เมือง 7 แห่ง สอง 2 แห่ง สูงเม่น 1 แห่ง เด่นชัย 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยแก้ไขได้ในระดับหนึ่ง

    หน้า 30

    "นอภ.แม่สอด"เฝ้าระวังภาวะโลกร้อน



    ตาก - นายกิติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นายอำเภอแม่สอด จ.ตาก กล่าวในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ว่า นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจ.ตาก ในฐานะผู้อำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดตาก แจ้งให้ทราบถึงปัญหาไฟป่ามหันตภัยสู่ภาวะโลกร้อนและปัญหาหมอกควัน เพราะไฟป่าลดการเติบโตและคุณภาพของต้นไม้ ลำต้นเป็นโพรงเป็นแผลเกิดการชะล้างหน้าดินและพังทลายของดิน ดินเสื่อมคุณภาพ ทำให้เกิดอุทกภัย ดินถล่มในช่วงฤดูฝนและภัยแล้ง เนื่องจากหน้าดินไม่มีสิ่งปกคลุม ทำลายที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ ป่า ตลอดจนการทำลายสัตว์เล็กๆ และจุลินทรีย์ในดิน ไฟป่าอาจลุกลามไหม้เรือกสวน ไร่นา บ้านเรือนที่อยู่ติดกับป่าได้ นอกจากนี้ ควันไฟยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดระบบทางเดินหายใจผลกระทบต่อสภาวะ อากาศโลก ทำให้เกิดหมอกควันพิษปกคลุมเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคม และทำให้เกิดภาวะอากาศโลกร้อน และที่สำคัญทำให้แหล่งอาหารของชุมชนลดลง หรือสูญพันธุ์ในระยะยาว ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกัน จึงขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับราษฎรให้เพิ่มความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอัคคีภัย เช่น การเตรียมพื้นที่เพาะปลูกด้วยวิธีไถกลบวัชพืชแทนการเผา

    หน้า 30

    ส่ง"คุกกี้วาเลนไทน์" ให้ทหาร3จว.ภาคใต้



    นครศรีธรรมราช - นายจักรพรรดิ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการรร.ทวินโลตัส จ.นครศรี ธรรมราช กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จนส่งผลให้เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากว่า คนไทยต้องประสบกับความหดหู่กับเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ทางโรงแรมทวินโลตัสจึงร่วมกับทางกองทัพภาค 4 จัดโครงการ "ส่งความรักถึงหัวใจคุณ ส่งความอบอุ่นถึงแนวหน้า" ใช้โอกาสวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จัดส่งมอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรดอกบัวคู่ 2,000 ชุด และขนมคุกกี้ 2,000 ชุด มูลค่าเกือบ 2 แสนบาท โดยจะมอบผ่านพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อจัดมอบไปให้กำลังใจทหารหาญที่กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยด้วยความยากลำบากและเสียสละ โดยที่ผ่านมาทางโรงแรมทวินโลตัสก็ได้มีการลงพื้นที่และนำสิ่งของไปมอบ ให้กำลังใจแก่ทหารในชายแดนใต้มาตลอด

    หน้า 30

    โสมสลดย่ำกันตาย-ไฟโหมพิธีบูชา



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เพลิงมรณะ- นาทีชาวเกาหลีผู้ร่วมงานประเพณีจุดไฟบนเทือกเขาฮวาวาง เมืองจางยอง ในเกาหลีใต้ แตกตื่นวิ่งหนีเปลวเพลิงที่ถูกไฟโหม จนเป็นเหตุให้เหยียบกันตาย 4 ศพ บาดเจ็บราว 30 ราย ตามข่าว เมื่อ 9 ก.พ. (เอเอฟพี)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 9 ก.พ. เกิดโศกนาฏกรรมในเกาหลีใต้ ผู้คนเหยียบกันตายบนภูเขาฮวาวาง ระหว่างร่วมพิธีจุดไฟบูชาดวงจันทร์ ในงานประเพณีที่เมืองจางยอง ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อฉลองวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งแรกตั้งแต่ตรุษจีน ปรากฏว่ากระแสลมพัดให้เปลวไฟโหมลุกลาม คนที่ร่วมพิธีอยู่ด้านบนจึงวิ่งหนีลงมาจนเหตุการณ์โกลาหลอลหม่านมากขึ้น กลายเป็นการเหยียบทับกัน เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 30 ราย อีก 2 รายหายสาบสูญ

    "คาดว่าบรรดานักปีนเขาหลายคนที่ไปดูพิธีดังกล่าวตกลงมาจากหน้าผา หลังจากเปลวไฟทำให้ผู้ร่วมพิธีวิ่งหนีกันกระเจิดกระจิง" ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ กล่าว ขณะมีรายงานด้วยว่า ศพที่พบเป็นหญิง 3 ราย ชาย 1 ราย เสียชีวิตขณะที่ผู้คนวิ่งหนีเปลวไฟบริเวณหน้าผา โดยในช่วงเกิดเหตุมีฝูงชนอยู่หนาแน่นราว 15,000 คน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เพลิงพิโรธ - นาทีเปลวไฟลูกใหญ่ลุกลามที่อาคารก่อสร้างโรงแรมหรู แมนดาริน โอเรียนทัล ในกรุงปักกิ่ง เกิดในวันเดียวกับที่เกิดโศกนาฏกรรมไฟโหมในพิธีบนเขาฮวาวาง ของเกาหลีใต้ (ภาพเล็ก) จนผู้คนตกใจวิ่งหนีเหยียบกันตาย เมื่อ 9 ก.พ. (เอเอฟพี)

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    นายลี ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง เล่าว่า ความโกลาหลเกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ร่วมพิธีพยายามหลบเปลวไฟที่ยอดเขา รวมถึงควันดำที่ตลบไปทั่วบริเวณ ทั้งนี้ ประเพณีจุดไฟดังกล่าวจะจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี ตามเรื่องเล่าโบราณว่า พลังแห่งไฟจะนำมาซึ่งความสุขและทำให้การเพาะปลูกได้ผลดี

    วันเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อ 9 ก.พ. เกิดเหตุเพลิงไหม้รุนแรงที่อาคารก่อสร้างโรงแรมแมนดาริน โอเรียนทัล จำนวน 44 ชั้น ใกล้อาคารหอคอยสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ในกรุงปักกิ่ง ตอนแรกผู้คนคิดว่าเป็นการจุดไฟในช่วงเทศกาลโคม เพื่อฉลองคืนจันทร์เต็มดวง แต่ต่อมาสังเกตว่า เพลิงโหมเป็นลูกไฟใหญ่เหนือท้องฟ้าในเมืองหลวง ควันไฟตลบไปทั่วบริเวณฝั่งตะวันตก ตำรวจปิดล้อมบริเวณ

    ด้านผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า อาคารที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ห่างจากหอคอยของซีทีทีวี สัญลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไฮเทคยุคใหม่ ไม่กี่ร้อยเมตร แต่ไม่มีแววว่าหอคอยจะถูกไฟลุกลามไปด้วย เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงสิ้นสุดการหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน

    ขณะเดียวกัน เอเอฟพีรายงานความคืบหน้าเหตุไฟป่าลุกลามพื้นที่ภาคใต้ในประเทศออสเตรเลีย ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 135 ศพแล้ว ขณะที่นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตามล่ามือวางเพลิงให้ได้ โดยระบุว่าคนเหล่านี้ เป็นฆาตกรสังหารหมู่

    เดมอน มุลเลอร์ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้วางเพลิงจนทำให้ไฟป่าลุกลามมาแล้วหลายครั้ง แม้ว่าปกติแล้วการวางเพลิงจะมีแรงกระตุ้นมาจากการแก้แค้น หรือหวังผลจากประกันภัย แต่กรณีของไฟป่า ไม่มีใครที่จะได้เงินจากการวางเพลิง ดังนั้นเรื่องเงินไม่น่าจะเป็นสาเหตุ

    นายมุลเลอร์ กล่าวต่อว่า แรงบันดาลใจสำหรับคนที่วางเพลิงก่อไฟป่า น่าจะเป็นเหตุผลทางจิต การเห็นไฟลุกลามเผาผลาญอาจตอบสนองความต้องการในจิตใจของคนเหล่านี้ เป็นไปได้ที่ต้องการความตื่นเต้น ต้องการรู้สึกมีอำนาจเหนือสิ่งแวดล้อม หรือเร้าใจที่ได้เห็นพนักงานดับเพลิงกระวนกระวายกับการดับไฟ

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    วิกฤตเงินลามแฟชั่นอิตาลี-รายใหญ่เจ๊ง



    เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 9 ก.พ. บริษัทอิต โฮล ดิ้งส์ เจ้าของห้องเสื้อจิอันฟรังโก้ เฟอร์เร แบรนด์แฟชั่นชื่อดังของอิตาลี ส่อเค้ายื่นขอคุ้มครองกิจการล้มละลาย ขณะที่วิกฤตการณ์การเงินลามมาถึงอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของอิตาลีแล้ว

    โฆษกบริษัทกล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่บริษัทอิตเทียร์เร สาขาในเครือ จะยื่นเรื่องขอคุ้มครองล้มละลายทั้งกิจการตามระเบียบของผู้ถือหุ้น เนื่องจากตอนนี้บริษัทไม่มีเงินสดเหลือที่จะจ่ายลิขสิทธิ์สำหรับแบรนด์ต่างๆ นอกจากห้องเสื้อจิอันฟรังโก้ เฟอร์เร แล้ว บริษัทยังมีใบอนุญาตผลิตสินค้าให้จุตส์ คาวาลลี, เวอร์ซาเช่ สปอร์ต และกัลลิอาโน

    ด้านตลาดหุ้นอิตาลี ขึ้นป้ายระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทอิต โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีพนักงานราว 1,800 คน มีหนี้ที่ต้องจ่าย 300 ล้านยูโร หรือ 13,700 ล้านบาท

    ก่อนหน้านี้ เมื่อปลายปี 2551 สมาคมแฟชั่นและสิ่งทอของอิตาลี ร่วมกับผู้นำสหภาพเรียกร้องให้นายซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี เปิดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจต่อวงการแฟชั่น หลังจากวิกฤตดังกล่าวลุกลามมาถึงวงการแฟชั่นทั่วโลก ปริมาณความต้อง การซื้อสินค้าในตลาดลดฮวบ และการขอสินเชื่อเป็นไปอย่างยากเย็นยิ่งขึ้น

    หน้า 7

    "มะกัน"กันท่า!

    รุ้งตัดแวง

    สปาย-กลาส



    เมื่อสองวันก่อน นายโรเบิร์ต กิ๊บส์ เลขา นุการฝ่ายสื่อประจำ "ทำเนียบขาว" เปิดเผยว่า

    ตัวเลข "คนตกงาน" ในสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีมากถึง 3.6 ล้านคนเข้าไปแล้ว

    จึงขอเรียกร้องให้ "วุฒิสภา" เร่งรับรองกฎหมายอนุมัติเงินกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหม่ 9 แสนล้านดอลลาร์ ตามคำร้องขอของประธา นาธิบดีโอบามา ซึ่งข่าวว่าจะยกมือลงมติกันไม่เกินพุธที่ 11 ก.พ.

    อย่างไรก็ตาม "ปัญหา" ใหญ่ที่ซุกอยู่ในกฎหมายดังกล่าว ก็คือ

    การ "ฝัง" รูปรอยแนวคิด "ลัทธิปกป้องทางการค้า" เอาไว้เต็มๆ

    ภายใต้คำขวัญ "Buy American" หรือ "ซื้อของอเมริกัน"

    โดยกำหนดเงื่อนไขไว้ว่า เงินกระตุ้นเศรษฐ กิจที่เบิกจ่ายออกไป จะต้องนำไปใช้ซื้อวัตถุ ดิบ-ผลิตภัณฑ์-วัสดุ-สิ่งของ ฯลฯ ที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา

    เช่น วัสดุสำหรับสร้างถนนหนทาง-สะพานต่างๆ ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะต้องซื้อเหล็กและวัสดุก่อสร้างพะยี่ห้ออเมริกันพันธุ์แท้ "เมด อิน ยูเอสเอ" เท่านั้น!

    กลยุทธ์นี้ถือว่าขัดกับ "ลัทธิการค้าเสรี" ซึ่งรัฐบาลอเมริกันแทบทุกยุคชอบสั่งสอนนานาชาติ แต่พอถึงทีตัวเองกลับคิดแหกกฎดื้อๆ

    สำหรับส.ส.และส.ว. ผู้สนับสนุนมาตรการ "Buy American" ส่วนใหญ่จะเป็นผู้แทนในรัฐที่กระอักเลือดจากพิษเศรษฐกิจซบเซา

    ขณะที่โอบามาพยายามดึงๆ เพื่อนนักการ เมืองว่า อย่าเน้นแนวทาง"Buy American" แบบสุดโต่งเพราะอาจจุดชนวนให้เกิด "สงครามทางการค้า" ทำให้ชาติคู่ค้าอื่นๆ งัดวิธีการเดียวกันมากีดกันสินค้าอเมริกันบ้าง

    คราวนี้จะยิ่งปั่นป่วนหนักกว่าเดิมกันไปใหญ่!

    หน้า 7

    เวียนเทียนวันมาฆะคึกคัก-แห่บูชา"พระราหู"

    โหรเตือน ทั้งรัฐบาล "ฝ่ายค้าน" จะสูญเสีย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    บูชาราหู- ประชาชนจำนวนมากบูชาพระราหูองค์ยักษ์ ที่วัดศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งจัดพิธีบูชาพระราหู ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. เนื่องจากเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคา หรือราหูอมจันทร์ ในคืนวันที่ 9 ก.พ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ชาวพุทธแห่เข้าวัดทำบุญ-เวียนเทียน ทั่วประเทศคึกคัก รวมทั้งเยาวชนคนรุ่นใหม่หนาตาเป็นพิเศษ พร้อมชมปรากฏการณ์จันทรุปราคา หรือ "ราหูอมจันทร์" หมอดูไพ่ยิปซี "คฑา ชินบัญชร" ชี้มีความหมายถึงเรื่องการเมือง เตือนระวังเรื่องผู้หญิงและพระ รวมถึงกระทรวงเกษตรฯ ที่น่าปรับเปลี่ยนรมต. ด้านนายกสมาคมโหรฯ ระบุมีปัญหาทางน้ำด้วย อีกทั้งจะมีความสูญเสียทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล

    เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายคฑา ชินบัญชร หมอดูชื่อดังด้านไพ่ยิปซี กล่าวถึงปรากฏการณ์จันทรุปราคา หรือ "ราหูอมจันทร์" ที่เกิดขึ้นและสามารถมองเห็นได้ในเมืองไทย ตรงกับวันมาฆบูชา ว่า ถ้าดูจากไพ่ยิปซีสถานการณ์ตามดวงดาว จะเห็นว่าพระจันทร์หมายถึงผู้หญิง ถ้าเปรียบกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ จะต้องเน้นไปในกระทรวงที่เกี่ยวกับผู้หญิง จะมีทั้งกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หรือแม้แต่ที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาซึ่งจะต้องระมัดระวัง เมื่อมองช่วงระยะเวลาที่เกิดจันทรุปราคานั้นเป็นช่วง 20.00-00.00 น. เปรียบได้กับสัตว์จำพวกหนูกับหมู นั่นแสดงให้เห็นว่ากระทรวงที่เกี่ยวข้องกับหนูและหมู คือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การแก้ไขเพื่อให้ผ่านพ้นไป น่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี หรือรูปแบบของการทำงานเพื่อให้เกิดความสะดวกในการบริหาร หากไม่มีการแก้ไขหรือไม่มีการปรับ น่าจะเกิดปัญหาตามมารวมถึงขั้นกระทบกับการทำงานของรัฐบาลได้

    "อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่ได้ดับ 100% หากประคับประคองหรือหาวิธีการแก้เคล็ด และให้ผ่านพ้นไปในช่วงวันที่ 26 มี.ค. เป็นช่วงหนึ่งค่ำอีกรอบ ปัญหาทุกอย่างก็จะราบรื่น รัฐบาลก็จะบริหารประเทศได้อีกยาว ผมไม่ได้ต้องการดูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่ดูตามลักษณะของดวงดาว หากเชื่อก็รีบหาทางแก้เคล็ด ทุกอย่างก็จะสะดวกสบาย" หมอดูไพ่ยิปซีกล่าว

    ด้านนายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหรนานาชาติ กล่าวว่า สำหรับปรากฏการณ์ราหูอม จันทร์ตามหลักโหราศาสตร์ ถือว่าเกิดในช่วงของราศีกรกฎ เป็นราศีชั้นหนึ่ง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะเกิดและผ่านไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ราศีกรกฎถือเป็นราศีธาตุน้ำ จึงอาจจะส่งผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำน้อย เกิดอุบัติเหตุทางน้ำ โรคเกี่ยวกับน้ำ และผลผลิตทาง การเกษตรที่อาจได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ผู้ที่ประกอบอาชีพทางน้ำก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

    นายภิญโญ กล่าวต่อว่า ในช่วงปรากฏการณ์ราหูอมจันทร์ยังอาจจะทำให้เกิดเรื่องที่ไม่ดีกับครูบาอาจารย์ รวมถึงศาสนาและพระสงฆ์ เนื่องจากตรียางศ์เกิดขึ้นระหว่างดาวพฤหัสฯ จะส่งผลต่อกลุ่มคนทางศาสนา นักบวชและผู้นำทางจิตวิญญาณ อีกทั้งอาจมีการสูญเสียผู้นำทางศาสนา ส่วนผลที่จะตามทางด้านการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อภพที่สี่ นั่นหมายถึงฝ่ายค้าน สำหรับฟากรัฐบาลก็จะเกิดการอับโชค เกิดการสูญเสีย เสื่อมเสียเกียรติ รวมถึงอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    เวียนเทียน- ประชาชนจำนวนมากร่วมเวียนเทียนรอบพระแก้วมรกตจำลอง ที่นำมาประดิษฐานไว้บริเวณท้องสนามหลวง เพื่อให้สักการะและทำพิธีเนื่องในวันมาฆะบูชา ขณะที่วัดทั่วประเทศมีประชาชนไปร่วมทำบุญและเวียนเทียนจำนวนมาก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ด้าน รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า ปรากฏการณ์จันทรุปราคา เป็นเรื่องของธรรมชาติ ปกติเกิดขึ้นในวันเพ็ญ มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในวันมาฆบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันวิสาขบูชา ตรงกันข้ามกับสุริยุปราคา ที่จะเกิดขึ้นในวันจันทร์ดับ อย่างไรก็ตามในปีนี้จะมีปรากฏการณ์จันทรุปราคาเกิดขึ้น 4 ครั้ง ครั้งแรกคือวันนี้ ครั้งที่สอง วันที่ 7 ก.ค. ครั้งที่สามวันที่ 6 ส.ค. และครั้งสุดท้ายจะเกิดในวันที่ 31 ธ.ค. ประชาชนที่สนใจเรื่องดาราศาสตร์จะได้เห็นเงามืดเท่านั้น เพราะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมีน้อย ส่งผลให้แสงจันทร์มีความสว่างลดลง

    นายสิทธิชัย จันทรศิลปิน หัวหน้าฝ่ายท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา กล่าวว่า จันทรุปราคาปีนี้มี 2 ครั้ง ครั้งแรกเกิดในวันที่ 9 ก.พ. ตรงกับวันมาฆบูชา แต่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์จันทรุปราคาเงามัว เพราะว่าดวงจันทร์โคจรเข้าสัมผัสบริเวณเงามัวของโลกเท่านั้น เริ่มเกิดปรากฏการณ์เวลาประมาณ 19.36 น. ดวงจันทร์เข้าไปในเงามัวเต็มที่ 21.49 น. และจะเริ่มเคลื่อนออกจนสิ้นสุดเวลาประมาณ 23.39 น. ซึ่งจันทรุปราคาเงามัว มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่จะเห็นเพียงแสงสว่างของดวงจันทร์ลดลงเท่านั้น ไม่มีการเว้าแหว่งแต่อย่างใดปรากฏการณ์จันทรุปราคา เกิดจากการที่ดวงจันทร์โคจรผ่านเข้าไปในเงาของโลก ทั้งดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน จึงมองเห็นดวงจันทร์แหว่งมากขึ้นจนหมดดวง และโผล่อีกครั้ง หรือที่เรียกว่า ราหูอมจันทร์ เกิดขึ้นในวันเพ็ญ 15 ค่ำ และมักจะเกิดหลังปรากฏการณ์สุริยุปราคา

    นายบุศรินทร์ ปัทมาคม กล่าวถึงปรากฏการณ์จันทรุปราคาว่า จันทรุปราคาเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หากเกิดจันทรุปราคาแล้วมักจะเกิดเรื่องเบาๆ ตามมา ไม่ร้ายแรงหรือรุนแรงเหมือนการเกิดสุริยุปราคา ส่วนในทางการเมืองนั้นเมื่อเกิดจันทรุปราคา ในอดีตคงมีสถิติเก็บไว้แต่ตนไม่ทราบ เชื่อว่าไม่มีอะไรรุนแรง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมักเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ในทางโหราศาสตร์ส่วนใหญ่ทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน มักจะศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางสุริยุปราคามากกว่า เพราะในอดีตมักจะมีแต่เรื่องร้ายๆ เรื่องที่รุนแรงที่เกิดขึ้นกับบุคคลสำคัญๆ ดังนั้นเชื่อว่าปรากฏการณ์จันทรุปราคาคงไม่ส่งผลใดๆ

    สำหรับบรรยากาศวันมาฆบูชา มีประชาชนมาทำบุญเวียนเทียนจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนชาว จ.สุพรรณบุรี แห่ร่วมเดินทางเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชาแน่นทุกวัดไม่ว่าจะเป็นวัดเล็กหรือใหญ่ สำหรับที่วัดแค ต.รั้วใหญ่ จ.สุพรรณ บุรี ที่เป็นวัดที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน ถึงจะเป็นวัดเล็กๆ แต่ประชาชนชาวบ้านทั่วสารทิศต่างเดินทางมาร่วมเวียนเทียนกันจนแน่นวัดในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    แห่ผ้า - นักเรียน-นักศึกษา และประชาชนร่วมประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุเมืองคอน อัญเชิญผ้าพระบฏพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และผ้าห่มธาตุร่วมในขบวนประเพณีมาฆบูชาแห่ผ้าขึ้นธาตุ เพื่อนำไปห่มองค์พระบรมธาตุเจดีย์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 9 ก.พ.

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระครูปลัดธรรมวงศานุวัตร เจ้าอาวาสวัดแค ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า สำหรับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีประชาชนตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุรวมถึงวัยรุ่นที่จะเดินทางเข้ามาประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนากันเป็นจำนวนมากซึ่งถือว่าเป็นการปลูกฝัง ให้เยาวชนอยู่ใกล้วัดเข้ามาวัดมากขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าในอนาคตจะมีเยาวชนรุ่นใหม่หันหน้าเข้าวัดมากขึ้นเป็นลำดับ

    เวลา 17.00 น. วันเดียวกัน ที่ศาลาการเปรียญ วัดเมืองยะลา พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนัก งานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) จ.ยะลา นายเดชรัฐ สิมศิริ รองผวจ.ยะลา ข้าราชการตำรวจ และพุทธศาสนิกชนชาว จ.ยะลา กว่า 1 พันคน เดินทางมาฟังพระธรรมเทศนา เนื่องในวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ คือเป็นวันที่พระอรหันตสาวกที่พระพุทธเจ้าทรงผนวช 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นวันพระจันทร์เสวยฤกษ์ มาฆะเต็ม และพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งถือเป็นวันประกาศหลัก และวิธีปฏิบัติทางพระพุทธศาสนา

    จากนั้นพระสงฆ์ นำบรรดาพุทธศาสนิกชนชาว จ.ยะลา เดินประทักษิณเวียนขวารอบพระอุโบสถ 3 รอบ หรือประกอบพิธีเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเนื่องในวันมาฆบูชาด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครปฐม ว่าในวันมาฆบูชาขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ตรงกับวันที่ 9 ก.พ. และเป็นวันที่จะมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จันทรุ ปราคาราหูอมจันทร์ (จันทรคราส) ที่วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม มีพระราหูองค์ยักษ์ที่เป็นที่รู้จักของประชาชนที่มีความเชื่อเรื่องโชคลางพากันไปกราบไหว้บูชากันทั้งวัน โดยทางวัดจัดพิธีบูชาพระราหูขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-9 ก.พ. โดยเฉพาะวันที่ 9 เป็นเทศกาลมาฆบูชา และมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ จันทรุปราคา ราหูอมจันทร์ (จันทรคราส) โดยช่วงเช้า เวลา 09.00 น. มีพิธีใส่บาตร ช่วงเวลา 14.09 น. มีพิธีพุทธาภิเษก เทวาภิเษก พระราหู-วัวธนู ซึ่งทั้งวันพบว่า มีประชาชนทั้งจากพื้นที่ ต่างจังหวัด และบุคคลมีชื่อเสียงทุกวงการมาร่วมงานบุญ โดยเฉพาะการมาไหว้บูชาพระราหูด้วยของดำแปดอย่าง และเวลา 20.00 น. มีพิธีเวียนเทียนวันมาฆบูชาด้วย

    สำหรับวัดศีรษะทอง เป็นวัดที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะในแต่ละวันจะมีประชาชนนิยมมาสักการบูชาพระราหูเพื่อความเป็นสิริมงคลที่วัดนี้เป็นจำนวนมาก ด้วยคติความเชื่อที่ว่าพระราหูนั้นเป็นเทพซึ่งสามารถบันดาลประโยชน์และโทษให้เกิดขึ้นกับบุคคลหรือสิ่งต่างๆได้ ดังนั้นจึงเกิดพิธีกรรมในการบูชาพระราหูขึ้นเพื่อช่วยให้โชคร้ายอันอาจจะเกิดขึ้นนั้นบรรเทาลงหรือกลับแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ดีงามกับชีวิต

    ด้านพระครูอนุสิฐธรรมสาร เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยกองมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า เนื่องในวันมาฆบูชาปีนี้ นอกจากจะเป็นวันสำคัญของทางพระพุทธศาสนาแล้ว ทางรัฐบาลยังได้ส่งเสริมให้ตลอดทั้งสัปดาห์ เป็นสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา จะมีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ การเวียนเทียน การสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ รวมถึงมีซุ้มกิจกรรมทางพระ พุทธศาสนาต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา

    นอกจากนี้แล้วประชาชนโดยเฉพาะพุทธศาสนานิกชนควรมีการนำเอาหลักธรรม คำสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาประยุกต์ใช้ อย่างเช่น หลักธรรม อุ อา กา สะ ซึ่งถือได้ว่าเป็น 4 คำล้ำค่า คาถามหาเศรษฐี ที่น่าจะเหมาะกับการดำเนินชีวิตในช่วงที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลง

    วันเดียวกัน เมื่อเวลา 04.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณโบสถ์และศาลาภูมิปัญญาสินไซ 1 ของวัดไชยศรี หมู่ 8 บ้านสาวะถี ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น พระครูบุญชยากร เจ้าอาวาสวัดไชยศรี เจ้าคณะตำบลสาวะถี เขต 1 พร้อมกับเจ้าอาวาสทุกวัดในตำบลสาวะถี เขต 1-2 และชาวบ้าน จ.ขอนแก่น ประมาณ 500 คน ร่วมในพิธีทำบุญตักบาตรข้าวจี่ เนื่องในวันมาฆบูชา โดยคณะสงฆ์วัดไชยศรี และชาวบ้านสาวะถี ร่วมกันจัดงานบุญข้าวจี่ประเพณีเดือน 3 ในวันที่ 9 และ 10 ก.พ.นี้ด้วย

    เพื่อรักษาสืบสานประเพณีฮีตสิบสอง และเพื่อการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณีวัฒนธรรมและวิถีชุมชนระหว่างชุมชนและนักเรียน นักศึกษาใน จ.ขอนแก่น โดยพิธีทำบุญตักบาตรข้าวจี่ดำเนินการเริ่มตั้งแต่เวลา 04.30 น. ทางวัดตีกลอง เพื่อเป็นสัญญาณให้ชาวบ้านออกมาจี่ข้าวที่วัดร่วมกันทุกครัวเรือน ภายในบริเวณสนามหญ้าด้านทิศเหนือโบสถ์ ที่ทางคณะกรรมการได้จัดเตรียมปูเสื่อสาดไว้ให้ พร้อมผู้เข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวจี่ทุกคนนำถาดข้าวจี่มานั่งเรียงแถวรอใส่บาตรพระสงฆ์ 15 รูป หลังจากนั้นพระสงฆ์เดินบิณฑบาตข้าวจี่ตามเส้นทางที่กำหนด กระทั่งพระสงฆ์ฉันภัตตาหารข้าวจี่เป็นเสร็จพิธี

    นอกจากนี้ในเวลา 20.15 น. พระครูบุญชยากร เจ้าคณะตำบลสาวะถี เขต 1 เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชารอบโบสถ์วัดไชยศรี 3 รอบ ส่วน วัดหนองแวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ทางวัดจัดให้มีกิจกรรม "สัปดาห์เผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันมาฆบูชา ประจำปี 2552 พร้อมกับมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 150 รูป หลังจากนั้นเวลา 19.30 น. นายมานิต วัฒนเสน ผวจ.ขอนแก่น นายพยัต ชาญประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ประชาชนชาว จ.ขอนแก่นจำนวนมากได้ร่วมพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันมาฆบูชารอบบริเวณวัดหนองแวงพระอารามหลวง

    [FONT=Tahoma,]หน้า 1[/FONT]
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>แนะเลี่ยงจราจรสวนอัมพรช่วง 11ก.พ.-2มี.ค.

    ม.ราชภัฎรับปริญญา

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> วันที่ 10 ก.พ. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ขอเชิญเฝ้าทูลละอองพระบาท พล.อ.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวโรกาสเสด็จฯ พระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏ เขตภาคกลาง และ กทม. ประจำปี 2552 ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร รวมเวลา 11 วัน ซึ่งจะมีบัณฑิตและญาติเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีทั้งจากใน กทม.และต่างจังหวัดมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวทั้งรถตู้ รถปิกอัพ เป็นจำนวนมากในแต่ละวัน จะมีปัญหาในเรื่องการจอดรถแนะนำให้จอดได้ที่ถนนกำแพงเพชร 7 ด้านข้างกระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนี้สามารถเข้าไปใช้บริการที่จอดรถของสวนสัตว์ดุสิต(เขาดินวนา) สนามม้านางเลิ้ง ทั้งบัณฑิตและญาติจะร่วมกันถ่ายภาพที่ระลึกบริเวณลานพระราชวังดุสิตตั้งแต่เช้าจนค่ำ ขอแนะนำประชาชนผู้สัญจรหลีกเลี่ยงเส้นทางโดยรอบสวนอัมพรและถนนโดยรอบ ทั้ง ถนนศรีอยุธยาตั้งแต่แยกวัดเบญจฯ ถึงแยก พล.1 ถนนราชดำเนินนอกตั้งแต่แยกสวนมิสกวันถึงแยกอู่ทองใน ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยก พล.1 ถึง แยกการเรือน เป็นต้น หากประชาชนสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเส้นทางหลีกเลี่ยงสอบถามได้ที่ โทร.1197
    สำหรับกำหนดการรับปริญญามีดังนี้ ช่วงที่ 1 วันที่ 11-14 ก.พ. วันที่ 11 ก.พ. รอบเช้า จันทรเกษม รอบบ่าย รำไพพรรณี , จันทรเกษม 12 ก.พ. รอบเช้า ธนบุรี รอบบ่าย กาญจนบุรี , วพ.สุพรรณบุรี 13 ก.พ. รอบเช้า พระนคร รอบบ่าย พระนคร
    ช่วงที่ 2 วันที่ 19
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ๑กุหว่าใจ๋๑ <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1862078", true); </script>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jan 2006
    อายุ: 34
    ข้อความ: 227
    <if condition=""></if> พลังการให้คะแนน: 287 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message --> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ
    littlelucky


    <center></center><center>[SIZE=+2]บันทึกเสด็จเตี่ย[/SIZE]

    </center>เจอบันทึกนี้ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรู้ว่า
    "กูกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์" ผู้เป็นโอรสของพระปิยมหาราช
    ขอประกาศให้รับรู้ไว้ว่า
    แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษ ได้เอาเลือดเอาเนื้อเอาชีวิตแลกไว้
    ไอ้อีมันผู้ใด คิดชั่วร้ายทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    ฤา กระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว
    ก่อนที่ที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยามอันเป็นที่รักของกู
    ตราบใดที่คำว่า "อาภากร"ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาผืนแผ่นดินสยามของกู
    ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้เรากำเนิดมา มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น
    แผ่นดินใดที่ให้ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น


    [​IMG]
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฮ่องกงพบนกกาติดเชื้อไข้หวัดนก

    [​IMG]

    ฮ่องกง 10 ก.พ. - ฝ่ายบริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เผยวันนี้ว่า พบนกกาติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 จากไข้หวัดนกระบาดระลอกใหม่ในฮ่องกง

    ฮ่องกง ระบุว่า การตรวจพบนกกาติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์มรณะเอช 5 เอ็น 1 ครั้งนี้ ทำยอดนกติดเชื้อไข้หวัดนกที่พบในฮ่องกงเพิ่มเป็น 12 ราย นับแต่วันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา โดยนกส่วนใหญ่ที่พบถูกน้ำซัดขึ้นไปเกยชายหาดเกาะลันเตาของฮ่องกง คาดว่าถูกน้ำซัดมาจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ของจีนที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ทางการฮ่องกงยังสั่งปิดเขตอนุรักษ์นกชื่อดังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังพบนกกระสานวลติดเชื้อไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1. -สำนักข่าวไทย

    2009-02-10 19:39:59

    พานาโซนิคให้พนักงานต่างแดนอพยพครอบครัวกลับญี่ปุ่น หวั่นหวัดนกระบาด

    [​IMG]

    โตเกียว 10 กพ.- บริษัทพานาโซนิคสั่งให้พนักงานชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในสาขาต่างแดน อพยพครอบครัวกลับประเทศญี่ปุ่น เพื่อเตรียมรับมือหากเกิดกรณีเชื้อหวัดนกระบาด

    โฆษกของพานาโซนิค เผยว่า ครอบครัวของพนักงานพานาโซนิคประจำสาขาในเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา รัสเซีย กลุ่มประเทศในเครืออดีตสหภาพโซเวียต และในละตินอเมริกา จะเดินทางกลับญี่ปุ่นก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า หากเชื้อหวัดนกเกิดระบาดไปทั่วโลกอย่างฉับพลัน

    มาตรการของพานาโซนิคมีขึ้น หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อหวัดนกสายพันธุ์ เอช 5 เอ็น 1 ไปแล้วถึง 8 คนในประเทศจีนปีนี้ และ 5 คนในนี้ เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทางโฆษกของพานาโซนิค ก็ระบุว่า แม้เชื้อหวัดนกจะยังไม่กลายพันธุ์จนถึงขั้นระบาดจากคนสู่คน แต่ทางบริษัทก็ต้องเตรียมการเอาไว้ เพราะถ้าวันใดที่เกิดเหตุดังกล่าว สถานการณ์จะโกลาหลเป็นอย่างมาก เพราะหลายบริษัทต้องพยายามให้พนักงานของตนกลับประเทศให้ได้ จึงอาจส่งผลให้มีการแย่งจองตั๋วเครื่องบินกันอย่างชุลมุน

    ส่วนพนักงานของพานาโซนิคที่ทำงานอยู่ในสาขาอเมริกาเหนือ ยุโรปตะวันตก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ ไม่อยู่ในข่ายที่ต้องส่งครอบครัวกลับประเทศ รายงานขององค์การอนามัยโลกระบุว่า นับจากเชื้อหวัดนกระบาดในเอเชียเมื่อปี 2546 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 250 คน -สำนักข่าวไทย

    2009-02-10 15:08:24

    เมืองหลวงเวียดนามยกเลิกข้อห้ามขนส่งสัตว์ปีกด้วยจักรยาน

    [​IMG]

    ฮานอย 10 ก.พ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ทั่วโลกจับตา "ไทย–อินโดนีเซีย-จีน"
    ใครจะเป็นต้นตอหวัดนกกลายพันธุ์

    [​IMG]
    ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ

    ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลก ด้านไวรัสวิทยา กล่าว ในการแถลงข่าวความคืบหน้าในการคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมเพื่อเข้ารับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับจ้องว่าประเทศใดใน 3 ประเทศ คือ จีน อินโดนีเซีย และไทย จะเป็นต้นตอของเชื้อไวรัส H5N1 กลายพันธุ์
    <O:p</O:p</O:p
    โดยประเทศที่ประชาคมโลกยังคลางแคลงใจในด้านการเปิดเผยข้อมูลคือ จีน เนื่องจากเพิ่งประกาศว่ามีโรคไข้หวัดนกระบาดเมื่อปี 2548 แต่กลับมีรายงานจากแพทย์ที่เข้าไปรักษา และวิจัยโรคซาร์สในปี 2546 ระบุว่าคนไข้ที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตด้วยโรคซาร์สบางรายติดเชื้อไข้หวัดนก
    <O:p</O:p</O:p
    มาตรการที่ดีที่สุดที่ใช้ตอนนี้เพื่อจำกัดการระบาดของเชื้อไข้หวัดนกคือ การทราบว่าพื้นที่ใดมีสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกจะได้ไม่ไปติดสู่คน เพราะในการระบาดรอบที่ 3 ผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายที่ อุทัยธานี และพิจิตร เกิดจากการไม่รู้ว่าติดเชื้อ
    <O:p</O:p</O:p
    ส่วนการใช้วัคซีนนั้นในขณะนี้เห็นว่ายังไม่ควรใช้ เพราะไทยไม่ได้เลี้ยงสัตว์ปีกในระบบปิด และตัววัคซีนเองก็ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อฉีดให้สัตว์ปีกแล้วจะไม่ถ่ายเชื้อสู่สิ่งแวดล้อม
    <O:p</O:p</O:p
    "ถือได้ว่าเราไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับโรคไข้หวัดนกเลย แต่เรารู้ว่าในประเทศเม็กซิโกมีการระบาดของเชื้อนี้ไปเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว แต่ไม่ว่าจะควบคุมอย่างไรก็ยังมีเชื้อไข้หวัดนกอยู่ เพราะมีนกจากธรรมชาติมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน มีรายงานว่านกปากห่างบริเวณบึงบรเพ็ดที่ตาย ไปหลายร้อยตัว เกือบ 100% ติดเชื้อไข้หวัดนก และยังมีเป็ดไล่ทุ่งที่แม้จะติดเชื้อแต่ก็ไม่ตาย และมีการเคลื่อนย้ายที่เลี้ยงเป็ดอยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ย้ายทุ่งเลี้ยง แต่บางคนขนขึ้นรถไปเลี้ยงไกลจากเดิมถึง 20 กิโลเมตร" นพ.ประเสริฐกล่า
    <O:p</O:p</O:p
    นอกจากนี้ยังกล่าวต่อว่า ไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่าเชื้อไข้หวัดนกจะกลายพันธุ์เมื่อไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเชื้อที่แยกได้เมื่อนำมาตรวจจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากเชื้อที่พบก่อนหน้านี้ไปบ้างพอสมควร ทั้งนี้ทางมูลนิธิศึกษาโรคไข้หวัดใหญ่ได้ทำความเข้าใจกับแพทย์ที่ทำการรักษาแล้ว และจะขยายการอบรมไปยังผู้ประกอบการ และลงไปชุมชนต่อไป
    <O:p</O:p</O:p
    สำหรับสถานการณ์ล่าสุดวันนี้พบผู้ป่วยเข้าข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก ในพื้นที่ กทม.อีก 1 ราย ที่เขตลาดพร้าวเป็นเพศชาย อายุ 41 ปี รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลาดพร้าว ส่งผลให้ยอดรวมในกรุงเทพฯเป็น 6 ราย
    <O:p</O:p</O:p
    ส่วนพื้นที่อื่น นพ.ประจักษ์ วัฒนะกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงพยาบาลพิจิตรและโรงพยาบาลประจำอำเภอต่างๆ ได้รับตัวผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดนกไว้เฝ้าระวังอีกจำนวน 5 ราย เป็นเด็ก 3 รายและผู้ใหญ่ 2 ราย อยู่ที่โรงพยาบาลพิจิตร โรงพยาบาล อ.วังทรายพูน โรงพยาบาล อ.บางมูลนาก โรงพยาบาล อ.ทับคล้อและโรงพยาบาล อ.วชิรบารมี แห่งละ 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยทั้ง 5 ราย ล้วนมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก และบริเวณบ้านและบ้านใกล้เคียงมีไก่พื้นเมืองล้มตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้น ก็ป่วยเป็นไข้ ไอ หายใจเหนื่อย
    </O:p</O:p
    นพ.ประจักษ์ กล่าวว่า แพทย์ได้เก็บตัวอย่างเลือดและเสมหะส่งตรวจกับห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่พร้อมกับนำตัวไปเฝ้าระวังที่ห้องปลอดเชื้อ โดยจะทราบผลตรวจในช่วงค่ำของวันนี้
    <O:p</O:p</O:p
    นอกจากนี้ นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหาไข้หวัดนก ได้ออกมายอมรับว่า มีข้อมูลการลักลอบใช้วัคซีนไข้หวัดนกในประเทศไทย แต่ไม่สามารถไปเจาะเลือดเพื่อตรวจพิสูจน์ได้ว่าสัตว์ปีกตัวใดใช้วัคซีนหรือไม่ ทั้งนี้การลักลอบใช้วัคซีนจะทำให้มาตรการต่าง ๆ ที่ทางการกำหนดขึ้นดำเนินไปผิดทางได้ เนื่องจากปัจจุบันดำเนินการบนสมมติฐานว่าสัตว์ปีกทุกประเภททุกชนิดในประเทศไทยไม่ได้ใช้วัคซีน แต่เมื่อมีการใช้วัคซีนจะต้องปรับมาตรการให้มีการสุ่มตรวจหาภูมิคุ้มกันสัตว์ปีกทั่วประเทศปีละ 2 ครั้ง ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณมหาศาล
    </O:p</O:p
    นพ.จรัล ยังเปิดเผยข้อมูลที่น่าวิตกอีกว่าว่า ได้รับแจ้งมาว่า มีฟาร์มไก่ไข่ขนาดเล็กหลายแห่ง ลักลอบนำเอาไก่ไข่ที่ป่วยหรือตายออกมาจำหน่ายในท้องตลาดในราคาถูกซึ่งถือว่าอันตรายมาก เพราะไม่รู้ว่ามีเชื้อไข้หวัดนกผ่านมือพ่อค้าไปยังผู้บริโภคระหว่างที่มีการจับจ่ายซื้อของสดหรือไม่ ซึ่งผู้บริโภคควรระมัดระวังและหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
    <O:p</O:p</O:p
    ทั้งนี้ยังพบว่าลักษณะดังกล่าวเชื่อมโยงกับการลักลอบใช้วัคซีนทำให้เกิดความประมาทและนำซากสัตว์ออกมาจำหน่าย ขณะนี้ได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมฟาร์มไก่ไข่ที่ยังไม่มีระบบความปลอดภัยที่ดีพอให้การดูแลเป็นพิเศษ และเชิญชวนให้เลี้ยงอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผู้ประกอบการก็ขาดทุน และรัฐต้องนำเงินภาษีไปชดเชย

    ประชาไท – 10 ส.ค. 49

    ที่มา http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ID=4561&Key=HilightNews
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 92688.jpg
      92688.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.6 KB
      เปิดดู:
      2,076
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</DIV>
    ใช้โลกให้เป็น....วีระกรรมของคนหมดกรรม

    กูเหนือโลก เพราะโศกดับ ไปกับจิต
    จึงหมดพิษ ฤทธิ์ตัณหา ที่พาอยาก
    แต่ที่อยู่ จนตัวกู อายุมาก
    ก็เนื่องจาก มากเมตตา ประชาชี

    คอยเวลา สะสาง หนทางธรรม
    เพื่อไว้นำ โลกที่ทุกข์ ให้สุขศรี
    เมื่อชาวชน คนทั้งหลาย ใจถึงดี
    เพราะยังมี พระธรรม องค์สัมมา

    จึงทนอยู่ สู้วิบาก ยากสังขาร
    จนเกินกาล แก่เก่า เฒ่าชรา
    ใช่อยากอยู่ มันไป จนค้ำฟ้า
    เพียงคอยท่า วันวิบัติ ของสัตว์โลก

    จะได้ช่วย คนดี ให้มีชัย
    พ้นจากภัย ไฟใต้ดิน มากินโลก
    แล้วมีน้ำ กระหน่ำเติม เพิ่มวิโยค
    ล้างโสโครก โลกเหม็น ให้เย็นลง

    คนจะตาย เป็นเบือ เหลือน้อยนิด
    มีชีวิต จิตฟั่นเฟือน เหมือนคนหลง
    กูจึงอยู่ เพื่อชี้ทาง วางมันลง
    ให้คนหลง คงคืนดี มีศีลธรรม

    ถึงวันนั้น กูจะดับ กลับนิพพาน
    คืนสังขาร กลับลงดิน ก็สิ้นกรรม
    จึงขอเตือน เพื่อนผอง ที่หมองช้ำ
    ควรสร้างกรรม ทำแต่ดี เป็นศรีเอย.

    *********************************************

    (คัดลอกมาจากหนังสือ คัมภีร์นิรทุกข์ ชีวิตเหนือโลก ของหลวงปู่เครา อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์) </DIV>
    </O:p</O:p</O:p></O:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...