เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ภพภูมิคือมิติที่ซ้อนเร้นจากหยาบไปถึงละเอียดสุด

    [FONT=&quot]มิติซ้อน[/FONT][FONT=&quot]-เร้น<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot] ข้าพเจ้าต้องขอบอกว่า ในโลกเรามันมีอะไรแปลก ๆ พิลึกกึกกือซ้อนเอาไว้เป็นชั้น ๆ ตำแหน่งใครก็ตำแหน่งมัน
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ฝรั่งเองก็งงในเรื่องของมิติ ส่วนผมเองก็เง็ง
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]มันมีประตูแบบแปลก ๆ ถ้าไม่รู้วิธีเข้าก็อย่าหวังจะเข้าไป และถ้าเข้าไปได้
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ถ้าเขาไม่คุยก็อย่าหวังได้เจอ แต่ขอกล่าวในเรื่องของศีล และ สมาธิ ที่สูงที่สุด และจะบอกประตูอีกโลกหนึ่งมันเป็นอย่างไรกัน อ่านสนุก ๆ วางมันลง แต่ถ้าออกไปลองทำดู จะได้ไม่ไปเที่ยวเรียกคนให้วุ่นวาย (เพราะกลัวว่าแบตหมด)
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ศีลที่สูงที่สุดคือใจที่ไม่ทำชั่วทั้งปวง เมื่อใจไม่เบียดเบียน จิตย่อมผ่องใส คนเรามองเอาแต่กฎข้อบังคับ ศีลแห่งพระอริยะ ศีลผู้ที่รักษาที่ใจของคนปกติ ล้วนเสมอภาค คือใจไม่ทำชั่วทั้งปวงนั่นเอง ศีลจึงเป็นความปกติของใจ<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]สมาธิที่ดีเลิศที่สุด ไม่ใช่การเข้าไปรู้ ไปเห็น เพียงแต่ทิพย์อำนาจมันเป็นของเดิมแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าหากพูดตรง ๆ ก็คือเวลาถอนออกมา ก็เป็นคนที่มีกิเลสธรรมดา เพียงแต่จิตมีคุณธรรมคอยรักษา
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]สมาธิที่ดีเลิศจึงอยู่ที่อุปจารสมาธิ เพราะเป็นฐานของปัญญามีกำลังที่จะพิจารณา สมาธิฐานนี้ตั้งมั่นที่สุด เร็วและสติตื่นตัวมากที่สุด
    [/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]แต่พอเลื่อนกำลังเข้าฌาน มันจะเหมือนคนหลับลึกไปเรื่อย ๆ เพียงแต่เป็นผู้ที่ตื่นอยู่ ความไม่คิดอะไรจริง ๆ มันเริ่มจางหายไปตั้งแต่เริ่มเข้าภวังค์ เหลือแต่ความรู้สึกตัวที่ละเอียดลงไปเป็นลำดับ <o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อจิตเข้าปฐมฌานแล้ว จิตจะเกิดความรู้สึกแรกเกิดขึ้น คืออิสระ และความสันติสุข สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความคิด แต่เกิดจากจิตรวมกันเข้าที่ และเมื่อรวมกันได้
    [/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]สมาธิของปฐมฌาน จะเกิดให้เห็นทางความรู้สึก ไม่ใช่คิด จิตที่อยู่ในปฐมฌาน ยังแบ่งออกเป็น ๓ อย่างคืออย่างอ่อน กลาง และปราณีต ถ้าจิตคิดจะท่องเที่ยวในมิติที่ซ้อนกันอยู่นี้ ให้น้อมจิตเข้าหาความสันติสุขที่กำลังเกิดขึ้น อทิสสมานกาย จะวิ่งฝ่าอากาศ เข้าไปชั้นพรหมโลกได้ ๓ ชั้น[/FONT][FONT=&quot] <o:p></o:p>[/FONT]
     
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    [FONT=&quot] เมื่อทำไปจนถึงฌาน ๒ ความรู้สึกจะเต็มไปด้วยปีติ จิตจะชื่นบานเหมือนตอนเราตื่นมาตอนเช้า ๆ รับอากาศที่สดใส
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]แต่สดชื่นกว่ากันเยอะ ถ้าจิตคิดจะท่องเที่ยวในมิตินี้ก็น้อมจิตไปที่ปีติ ความละเอียดก็เหมือนกัน คืออย่างอ่อน กลาง และปราณีต อทิสสมานกายก็จะวิ่งฝ่าอากาศเข้าไปหาพรหมได้ ๓ ชั้น<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเข้าถึงฌานที่ ๓ ปีติสุขจะจางหาย การจางหายเกิดจากเราไม่ใส่ใจ การเลื่อนสมาธิเข้าไปเป็นลำดับ ล้วนเกิดมาจากการไม่ใส่ใจ ไม่ยึดติดอารมณ์ ไม่งั้นเจอเอาความละเอียดของจิตแต่ละองค์ฌานก็จะติดอยู่แค่นั้น
    [/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]
    [FONT=&quot]ยามที่จิตเข้าสู่ฌาน ๓ ปีติที่เราไม่ใส่ใจ แสดงความละเอียดจนถึงที่สุด เมื่อจิตไม่เข้าไปใส่ใจกับอารมณ์ของมัน มันก็จะจางหายเข้ามาที่ฌาน ๓ ทันที
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ความรู้สึกสุขใจอย่างปราณีต จะเริ่มเกิดขึ้นเริ่มจากอย่างอ่อน กลาง และประณีต ถ้าจิตปรารถนาจะท่องเที่ยวก็น้อมนำจิตเข้าหาความสุขอันปราณีต จิตจะฝ่าอากาศเข้าไปสู่มิติของพรหมได้ ๓ ชั้น<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] เมื่อเราไม่ใส่ใจในสุขอันปราณีตมันจะแสดงตัวเองจนละเอียดถึงที่สุด จิตที่เริ่มเข้าสู่ฌาน ๔ จะเห็นว่าความสุขที่ปราณีตจางไป จะเกิดแต่ความรู้สึกตัวว่า มันเป็นกลางต่อทุกสิ่ง[/FONT][FONT=&quot] เป็นความสงบปราณีตที่เริ่มจากอย่างอ่อน กลาง ปราณีต
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ถ้าตั้งจิตท่องเที่ยว อทิสสมานกายจะฝ่าอากาศเข้าไปได้ในพรหมโลก ๓ ชั้น
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ส่วนอรูปฌาน ๔ ยากสุด ๆ ทำไม่เป็น อธิบายไม่ได้ แต่หลวงพ่อรัตน์เคยบอกว่า มีแต่กลุ่มจิตที่เป็นแสงสว่าง เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่ว ไม่ต้องมองหา มีแต่กลุ่มของแสงรัศมีในเวิ้งอากาศของแต่ละชั้น กลุ่มจิตของพระพรหมไม่มีรูปนี้ โดยมากมีปัญญาและอินทรีย์แก่กล้ายิ่งนัก<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ขึ้นชื่อว่าพรหม ก็คือพวกที่ท่านตอนเป็นมนุษย์ต่างก็บำเพ็ญสมาธิ และฌาน ๔ ต่าง ๆ ส่วนใน
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]อรูปพรหม ๔ เป็นที่ละเอียดสูงที่สุด พระบรมศาสดาท่านตรัสเอาไว้ตอนที่ไปฝึกกับอาฬารดาบสและอุททกดาบสว่า สัญญายังเหลืออยู่ แต่น้อยมากแทบไม่มี
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ยังไม่เป็นเอกภาพที่สมบูรณ์ ยังหลงเหลืออุปาทานขันธ์อยู่
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] ไม่ใช่นิพพานแท้ รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ ท่านตรัสว่าคือ วิโมกข์ ๘ หรือสมาบัติ ๘
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot]ภายหลังพระองค์ทรงค้นคว้าว่ายังมีอีกขั้นหนึ่ง คือ สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ มีแต่พระอนาคา และพระอรหันต์ที่เข้าไปเจริญได้เท่านั้น
    [/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    [FONT=&quot] บุคคลที่เจริญฌานท่านจัดเอาไว้ว่าเป็น ครุกรรมฝ่ายกุศล มีอานิสงส์มาก สิ้นอายุขัยจิตก็จะเข้าสู่ภพตามแต่จิตที่ละเอียดของตนเอง ส่วนปัญญาที่ท่านจัดเอาไว้สูงที่สุดคือ พระไตรลักษณ์ คือการเข้าไปเห็นความจริงแท้<o:p></o:p>[/FONT]
     
  3. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มิติซ้อนตำแหน่งของบ้านเราก็มี

    [FONT=&quot]คราวนี้ขอวกกลับมาที่เกริ่นเอาไว้แต่เบื้องต้น ที่[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มีดีมีเสื่อมโลกธรรมทั้ง8(ขั้นโลกีย์สุขเอาอะไรเที่ยงแท้)

    [FONT=&quot]มีดี มีเสื่อม[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อ ๑๕ ปีก่อน ผมยังจำได้อยู่เสมอตอนที่บวช
    [/FONT]

    [FONT=&quot]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ผมได้เดินทางไปหาหลวงพี่รูปหนึ่งที่ผมสนิทกับท่าน อยู่ทางกำแพงเพชร[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  5. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตรวจสอบภพภูมด้วยตนเอง(ทำได้ง่ายๆ)

    กรรมพยากรณ์

    [FONT=&quot]ในชีวิตของเรา คนบางคนเกิดมาในโลกมีความเข้าใจในเรื่องของสภาวะของจิต และเรื่องของกรรมน้อยมาก โ[/FONT][FONT=&quot] <o:p></o:p>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตรวจสอบภพภูมด้วยตนเอง(ทำได้ง่ายๆ)

    [FONT=&quot]ขอให้เข้าใจว่า จิตดวงเก่าย่อมเหมือนบิดามารดา กรรมต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดให้จิตดวงใหม่ [/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  7. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตรวจสอบภพภูมด้วยตนเอง(ทำได้ง่ายๆ)

    [FONT=&quot]บุคคลบางคนเมื่อเติบโตมากขึ้น ย่อมทำมาค้าขาย การค้าขายที่สุจริตย่อมเป็นสิ่งที่ดีแต่การค้าที่เอารัด เอาเปรียบ[/FONT][FONT=&quot]<o:p></o:p>[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2010
  8. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    คำนำก่อนการอ่านคำภีร์หมื่นโลกธาตุ

    [SIZE=-1]
    <center>เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาโดยอ้างอิงหลักของวิทยาศาสตร์แห่งกาลเวลา กรุณาอ่านอย่างสนุกสนานเหมือนอ่านนิยายแนววิทยาศาสตร์ เพราะไม่มีการนำพระธรรมหรือพระไตรปิฏก
    มาอ้างอิงซึ้งเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์และควรสำรวมและระวังกรรมอันน่าติเตียนที่จะเกิดขึ้นได้

    เรื่องออกแนวความคิดที่แปลกๆออกไปค่อนข้างจะมากแต่เชื่อว่าหลายท่าน
    อาจจะเคยคิดเช่นเดียวแบบมีเหตุและผลในธรรมชาติเหมือนผมเช่นกัน

    จุดประสงค์ของกระทู้นี้เพื่อให้ท่านที่อ่านได้เกิดกลัวในภัยแห่งสังสารวัฏที่ยาวไกลไม่มีสิ้นสุด ในขณะที่พระธรรมอันบริสุทธิ์ยังดำรงคงอยู่ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกแห่งการค้นคว้ากายและใจของตนเอง อย่าปล่อยให้เวลามันสูญเปล่า และปล่อยให้พระธรรมเลือนหายไปโดยที่เราเอาแต่ตั้งหน้ารอแต่อนาคตกันอย่างเดียว

    อนึ่งถ้าหากบทความนี้ไม่เหมาะสม อ้องยินดีให้เจ้าหน้าที่พลังจิตปิดหรือลบทิ้งได้ด้วยความยินดี

    ขอให้อ่านอย่างบันเทิงนะครับ
    [​IMG]</center>
    [/SIZE]
     
  9. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    การเกิดบนสวรรค์ในครั้งแรก(เรื่องเล่าแห่งเทพยดา)

    [​IMG]


    [​IMG]


    “วังวนแห่งความว่าง สรรพสิ่งสรรพธาตุหมุนวนปรวนแปรไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งอยู่ในกฎ วนแล้ววนเล่าอยู่ชั่วกาล”


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  10. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    คลังหนังสือแห่งสวรรค์ดาวดึงส์

    [SIZE=-1]อาหารทิพย์ของเหล่าปวงเทพ ที่แม้จะอิ่มทิพย์ แต่ในบางครั้งก็ยังปรารถนาที่จะทา[/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  11. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สัจจะธรรมแห่งจักรวาลและช่องว่างแห่งกาลเวลา

    [SIZE=-1]การที่ข้าพเจ้าและเพื่อนได้เข้ามาค้นคว้าในเรื่องของจักรวาลนั้น ก็เพื่อจะให้เกิดความเข้าใจว่า สรรพสิ่ง[/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  12. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความจริงของโลกใบนี้มนุษย์มาจากแบคทีเรียในยุคเริ่มต้นของโลก

    [SIZE=-1]การที่ข้าพเจ้าและเพื่อนเข้ามาเรียนรู้สัจธรรมความจริงแท้เช่นนี้[/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    จักรวาลแห่งความสมดุลย์พอดีจึงสามารถให้กำเนิดชีวิิตได้

    [SIZE=-1] ถ้าหากการระเบิดรุนแรงมากกว่าจักรวาลแห่งนี้ แรงโน้มถ่วงที่ดึงดูดระหว่างมวลสารกันและกันก็มีไม่ได้ เพราะจักรวาลขยายตัวเร็วมากจนไม่สามารถกำเนิดสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน

    การกำเนิดของสิ่งมีชีวิตจึงไม่ใช่แค่บังเอิญหรือฟรุ๊คเด็ดขาด แม้แต่โลกที่เราอยู่แห่งนี้ก็ต้องอยู่ในจุดที่สมดุล คือความอุ่นพอดี มีธาตุทั้ง๔ พร้อมสมบูรณ์

    ระบบสุริยะของเราแห่งนี้มีธาตุต่างๆไม่น้อยกว่าร้อยชนิด ดวงดาวต่างๆ ภายในระบบสุริยะล้วนแล้วประกอบไปด้วยธาตุหยาบ ความพร้อมสมบูรณ์ของธาตุทั้ง๔ มีได้แค่โลกใบนี้ และห่างจากดวงอาทิตย์อยู่ในจุดที่ต้องเหมาะสมอีกด้วย แต่ความบังเอิญในล้านๆ ของระบบสุริยะกับมีโลกของเราใบนี้รวมอยู่ด้วย

    ขอให้มองกลับไปที่จักรวาลมวลรวมแห่งนี้ ท่านคิดว่าความบังเอิญเพียงแค่หนึ่งเดียวจะเป็นไปได้ไม๊ ที่จะมีการระเบิดอันสมดุลอย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ ข้าพเจ้าไม่เชื่อเช่นนี้ว่าจักรวาลจะมีเพียงแค่หนึ่งเดียวแน่นอน มันเหลือเชื่อจนเกินไป จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์เช่นกัน

    นักวิทยาสาสตร์ของโลกต่างตั้งทฎษฎีเอาไว้สองกรณีคือ นอกจักรวาลคือความว่างอันไม่มีสิ้นสุดและนอกจักรวาลก็มีจักรวาลเช่นนี้อยู่เป็นจำนวนมากมายมหาศาลเช่นเดียวกัน
    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าระบบสุริยะหลายล้านๆในแกแล็คซี่ต่างๆทั่วจักรวาลแห่งนี้ต้องมีสิ่งมีชีวิตที่ใดที่หนึ่ งและต้องมีจำนวนมหาศาลทีเดียวที่มีโอกาสที่จะมีโลกเช่นเดียวกับโลกเราในแกแล็คซี่แห่งนี้หรือในแกแล็คซี่อื่นๆ

    แต่ถ้านักวิทยาศาสตร์ ที่มีตาแห่งเทพเจ้า โดยไม่ต้องอาศัยกล้องส่องดูดาว แล้วหล่ะ ก็คงจะต้องตกตะลึงจนหงายท้องกันเป็นแถวเป็นแน่แท้ ถ้าเห็นความจริงของจักรวาลแห่งนี้ และระบบสุริยะบางแห่งที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต

    ที่สำคัญคือ ถ้านักวิทยาศาสตร์คิดกล้องส่องดูดาวที่มีกำลังส่องเกินได้กว่าสองหมื่นล้านปีแสง (ปัจจุบันได้แค่หนึ่งหมื่นห้าพันล้านปีแสง) นักวิทยาศาสตร์คงจะตกใจในสิ่งที่อยู่นอกจักรวาลเป็นอย่างแน่นอน
    [/SIZE]
     
  14. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความจริงที่พิสูจน์แล้ว มนุษย์โลกนี้พึ่งผุดขึ้นมาแค่แสนกว่าปี และรวมกลุ่มกันเมื่อ5,700ปีก

    [SIZE=-1]ความเข้าใจของมนุษย์ยังเข้าใจน้อยมากเมื่อเทียบ
    กับความจริงอันยิ่งใหญ่เช่นนี้และยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ในเรื่องของมิติต่างๆ ที่ซ้อนเหลื่อมกันอยู่ทั่วไปในจักรวาลแห่งนี้

    มนุษย์ยังยึดติดที่โลกใบนี้ โดยลืมความจริงของธรรมชาติว่า การอุบัติของมนุษย์นั้นจริงๆแล้ว มีการวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบและมีอารยะธรรมและมีสังคมนั้น

    พึ่งมีมาแค่หมื่นกว่าปีที่ผ่านมานี่เอง โลกที่มีอายุประมาณสี่พันห้าร้อยล้านปี แต่มนุษย์พึ่งจะผุดมาในโลกแห่งนี้เท่านั้น และอีกไม่นานมนุษย์ก็จะทำลายโลกใบนี้จนวินาศไปด้วยกิเลสของตน

    ในเวลาแห่งอนาคตอีกสามพันปีข้างหน้ามนุษย์ก็ยังดำรงคงอยู่ แต่ต้องต่อสู้กับสภาวะแห่งการเสื่อมถอยของธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นอย่างมากมาย

    อายุของมนุษย์จะลดน้อยถอยลงเป็นไปตามลำดับ แต่ร่างกายในความสูงและต่ำ ก็จะไม่ต่ำและไม่สูงไปมากกว่านี้อีก มนุษย์ได้มาอยู่ในจุดที่พัฒนาทางร่างกายสูงสุดอยู่เพียงแค่นี้

    เพียงแต่ว่ามนุษย์ยังไม่ทราบว่าเวลานี้มีโลกอีกใบกำลังลอง
    รับจิตวิญญาณของมนุษย์ใบนี้เอาไว้ซะแล้ว โลกที่เหมาะสมกับศีลที่เหลือเล็กน้อยเต็มที โลกที่ใบเล็ก

    กว่านี้ เวลาก็น้อยกว่านี้ และมนุษย์ที่จะไปเกิดในโลกใบนั้น จะตัวเล็กอย่างไม่น่าให้อภัย ไม่ต่างกับสัตว์ในโลกแห่งนี้ที่อายุเพียงหนึ่งปี ก็เจริญเต็มวัย สามปีและห้าปีก็มีลูก แปดปีก็ตายลง พวกเราถ้าเห็นในภพแห่งอนาคตที่พวกเราต้องไปเผชิญกรรมเช่นนั้น คงจะร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด

    และที่สำคัญก็จะอยู่ในยุคแห่งความเสื่อมและมืดบอดในทุกสิ่ง ไม่มีทั้งศาสนา จักรพรรดิ นักบุญที่ยิ่งใหญ่อันใด ท้ายสุดแล้วจะมีมนุษย์อยู่กลุ่มหนึ่งที่เกิดสำนึกในกรรมเวร ก็จะเริ่มมาเพียรรักษาศีลอย่างเข้มแข็งกันใหม่

    การนับหนึ่งก็จะเริ่มต้นคือทุกๆ หนึ่งร้อยปีบวกหนึ่งปี ศีลจะทำให้จิตมนุษย์สะอาดกลับมาใหม่ อายุจะยืนยาวเพิ่มขึ้น และโลกใบใหม่ก็จะรอความเหมาะสมกับมนุษย์ในยุคต่อๆ มา

    มนุษย์ ย้ายครรภ์มารดาเป็นว่าเล่น มนุษย์ก็ย้ายโลกเป็นว่าเล่นเช่นกัน ความเหมาะสมของโลกใบต่างๆ จัดเอาไว้สำหรับมนุษย์ที่มีศีล เสมอกัน โลกมีมากมายมหาศาลยิ่งนัก มนุษย์บางที่ก็มีอายุยืนมากยิ่งนัก ทั้งส่วนสูงและผิวพรรณก็แตกต่างกันไปในสภาวะแห่งระบบสุริยะเช่นนั้น

    พวกเรามองว่าเราเป็นมนุษย์ในที่แห่งเดียวกระนั้นหรือ โปรดอย่าลืมว่าจิตนี้เป็นผู้ท่องเที่ยว จิตนี้เป็นผู้สะสมเชื้อ จิตอันมีปริมาณมากมายมหาศาลได้กระจายไปทั่วสากลจักรวาล

    พวกเราคำนวณอายุของเราในปัจจุบัน และคำนวณอายุของมนุษย์ในยุคแห่งพระศรีอริยะเมตตรัยล่วงหน้าว่า อีกกี่ล้านปีท่านจะปรากฏแต่มนุษย์ในอีกทวีปนึงก็ใช้อายุขัย
    ที่มีปริมาณมากกว่าของเค้าคำนวณได้เช่นกัน

    พวกเราไม่ทราบเวลาที่แท้จริงได้ว่าท่านจะมาบังเกิดเมื่อไหร่และที่ใด โลกใบไหน แต่เวลานี้ที่เราทราบคือ โลกใบนี้มีพระธรรมอันบริสุทธิ์ให้พวกเราเหล่า มนุษย์ เทพและพรหม ได้มาค้นหาความจริงแท้อันนำไปสู่การทำลายภพชาติ

    การพบเจอพระธรรมอันบริสุทธิ์ ลองนึกดูว่ายากมากขนาดไหน หมื่นโลกธาตุมีที่นี่ที่เดียว พวกท่านรออันใดอยู่หรือ มากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาแห่งพวกเราทั้งหลาย ณ บัดนี้ไม่ดีกว่าหรือ
    การเกิดเป็นมนุษย์ก็ยากแสนยาก การเจอพระธรรมยิ่งแทบเป็นไปไม่ได้ อย่าผลัดวันประกันพรุ่งอีกเลย มาค้นคว้าหาความจริงในชีวิตของพวกท่านทั้งหลายเถิด
    [/SIZE]
     
  15. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    มหาสมุทรและบ่อน้ำร้อนในยุคปฐมดึกดำบรรพ์

    [SIZE=-1]สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติคือเหตุและผล ที่ใดมีผลที่นั้นมีเหตุ เหตุและผลมีที่ใดก็ดับที่นั่นเหมือนแสงสว่างที่สว่างด้วยเชื้อก็ดับไปเป็นธรรมดา



    [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  16. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ออกซิเจนมาจากไหนอย่างมากมายบนโลกใบนี้

    [SIZE=-1]ผ่านมาอีกหลายล้านปีแอรีส์อยู่ในจุดที่สมดุลมากที่สุดและมีความเป็นกลาง
    ที่เอื้อเฟื้อพอเหมาะ ทั้งอุณหภูมิ สถานที่ สสารพลังงานที่แลกเปลี่ยนกันและกัน

    แอรีส์ที่เกิดมาพร้อมกับธรรมชาติได้เกิดแรงผลักดัน
    ในสภาวะที่ถูกแรงกดดันในสิ่งต่างๆของธรรมชาติ

    จิตแรกเริ่มกำลังเกิดขึ้นมาพร้อมกับธรรมชาติ

    การเกิดดับของแอรีส์เริ่มช้าลงมีเวลายาวนานมากขึ้นในโลกใบนี้ ผัสสะที่กระทบอยู่ตลอดเวลากับโลกภายนอกได้ไปสร้างอวิชชาแรกเริ่มให้กับแอรีส์

    มันกำลังโดนห่อหุ้มด้วยอวิชชาและกำลังโดนหมักหมมเป็นอาสวะกิเลส
    เป็นชั้นๆในเวลาต่อมาอย่างไม่รู้ตัวเพราะอวิชชาคำเดียวแท้ๆ


    เพราะมีเจตน์จำนงในการเกิดเป็นตัวผลักดัน สังขารอันประกอบไปด้วยกรรมและวิบากกำลังโดนถูกปรุงแต่ง
    ด้วยเหตุมาจากการโดนอวิชชาห่อหุ้ม
    กลายมาเป็นอาสวะกิเลสเห็นว่ากายและใจมีตัวตนซะแล้วซะแล้ว


    แอรีส์กำลังเริ่มจากจุดที่ไม่มีอะไรเลยเป็นแค่ธาตุแท้ที่บริสุทธิ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ที่กระแสแห่งการต้องการเกิดต่ออ่อนๆได้ส่งจากแอรีส์ตัวเดิมที่ดับลงไป เหมือนแสงไฟที่ดับไป

    แต่เริ่มเกิดเชื้อที่สืบต่อเกิดขึ้น ไฟแทนที่จะมอดดับลงกับสว่างขึ้นมาใหม

    ่สันตติอันเป็นสิ่งสืบต่อระหว่างของเก่าและของใหม่

    กำลังแสดงอำนาจแห่งการดิ้นรนด้วยการโดนอวิชชาครอบงำ จิตเดิมที่ดับไปแล้วได้ฝากเชื้อส่งต่ออันเป็นกรรมและวิบากแห่งสังขาร
    ไปปรุงแต่งให้แอรีส์พัฒนาในรูปแบบของดีเอ็นเอเกิดขึ้น


    กรรมเป็นเหมือนท้องนา กรรมเป็นเหมือนดิน วิญญาณเป็นเหมือนพืช ตัณหาเป็นเหมือนยาง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงเห็นมาตั้งแต่ต้น

    แอรีส์ในยุคต่อมาจากเซลล์ ได้พัฒนามาเป็นแท่งแห่งชีวิตเกิดขึ้น เราเรียกมันว่าโปรแครีโอไซต์ไม่มีนิวเคลียส ชีวิตแรกเริ่มจึงเกิดขึ้นมาจากองค์ประกอบของสารเคมีล้วนๆ

    แม้แต่จิตแรกเริ่มก็ล้วนมาจากการไม่รู้ความจริงแต่โดนธรรมชาติอันคือโลกครอบงำ

    โลกอันประกอบไปด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กำลังพัฒนาร่วมกับจิตเช่นกัน ยิ่งโลกวิจิตรพิศดารจิตก็ยิ่งโดนสะสมตามไปด้วยเหตุแห่งการไม่รู้เช่นกัน

    โลกในยุค 3,800 ล้านก่อน จุลชีวิตที่มีนิวเคลียสได้กำเนิดเกิดขึ้นและได้แพร่
    ไปทั่วทะเลของมหาสมุทรในยุคดึกดำบรรพ์อย่างรวดเร็ว โปรคาริโอไซต์ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นพร้อมกับการพัฒนา
    ในการสังเคราะห์แสงจากโฟตอน

    ออกซิเจนได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในน้ำทะเล

    ในขณะที่ชีวิตที่ใช้คาร์บอนและไฮโดรเจนเป็นอาหารก็สูญหายไป

    โลกในยุคต่อมาเมื่อ 2,500 ล้านปีก่อนจึงเต็มไปด้วยตะไคร่ราเขียวและราน้ำเงิน ที่กระจายไปทั่วมหาสมุทรอย่างหนาแน่น พร้อมกับการสร้างออกซิเจนในน้ำจนอิ่มตัวและเริ่มกระจายออกไ
    ปสู่ชั้นบรรยากาศของโลก

    โลกจึงเกิดสภาวะที่เริ่มอบอุ่นและเย็นตัวลงและเตรียมพร้อมขนานใหญ่
    ในการวิวัฒนาการของชีวภาพอันหลากหลาย และสุดท้าย

    จิตกำลังพัฒนามาพร้อมกับโลก

    โลกมีรูปจิตก็สร้างตา
    โลกมีเสียงจิตก็สร้างหู
    โลกมีกลิ่นจิตก็สร้างจมูก
    โลกมีรสจิตก็สร้างลิ้น
    โลกมีสิ่งสัมผัสจิตก็สร้างกาย

    โลกและจิตต่างก็พัฒนามาพร้อมกัน

    จิตเกิดได้ต้องอาศัยเหตุ ที่ใดมีเหตุจิตก็เกิดที่ช่องนั้นโพรงนั้นและดับไปที่ช่องนั้นโพรงนั้น

    จิตเป็นแค่ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ชนิดนึงเท่านั้น

    จิตไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่สิ่งอมตะ จิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมีเหตุเท่านั้นจริงๆ

    จึงเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่อาศัยเหตุและก็ดับลงไป


    อ่านสนุกๆนะครับเป็นแค่นิยายวิทยาศาสตร์และจินตนาการเท่านั้นเอง
    [/SIZE]
     
  17. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความพินาศของโลกครั้งแรก

    [SIZE=-1]
    ในขณะจิตแรกเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรก
    ยังมีกระแสแห่งการเกิดแค่อ่อนๆ
    แต่สันตติอันเป็นการเชื่อมต่อระหว่างของเก่าและของใหม่


    [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2010
  18. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ความพินาศของโลกครั้งแรกจบ

    [SIZE=-1]เมื่อมีเริ่มต้นของอนิจจัง
    ก็มีปานกลางที่เป็นทุกข์ขังตั้งอยู่ไม่ได้

    และก็มีท้ายที่สุดนั้นเป็นกฏแห่งความไม่เที่ยงแทบังคับไม่ได้แห่งอนัตตา

    ้หนีไม่พ้น

    โลกกำลังพินาศซะแล้วในยุคของการเริ่มต้นของโลก ปริมาณของตะไคร่ที่มีมากมายมากเกินไปได้ไปสร้างอ๊อกซิเจน

    ในชั้นบรรยากาศจนโลกเริ่มหนาวจัด น้ำแข็งกำลังเริ่มปกคลุมไปทั้งโลกดวงนี้อย่างทั่วทุกทิศ
    โลกกำลังเข้าสู่ในยุคของแครเบรียนโลกแห่งความเย็นสุดขั้ว

    สัตว์ต่างๆมลายหายสาบสูญไปทั่วท้องทะเลเกือบ 80เปอร์เซนต์ และก็เป็นธรรมดาตะไคร่มันก็ทำลายตัวของมันเองด้วยเช่นกัน เพราะอยู่ไม่ไหว

    ถัดจากนั้นมาเกือบ30ล้านปี โลกเริ่มอบอุ่นมากขึ้นในขณะที่จิตก็ยังมีการสะสมเชื้อและพัฒนาตัวของมันเอง
    ไปตามกรรมและวิบากเช่นกัน

    จิตกำลังสร้างดวงตาเพือการมองเห็นในการระวังภัยอันตรายต่างๆ จิตกำลังสร้างลิ้นรับรู้รสเพื่อป้องกันกายตัวเองไปเผลอกินของไม่ดีอาจจะตายเอาง่ายๆ

    แขนยังไม่ปรากฏเริ่มมีแต่ขามาก่อนในยุคน
    ี้จึงเต็มไปด้วยกุ้งปูแมงมุมน้ำมหายักษ์ใหญ่ปะการังแห่งท้องทะเล หอยที่เริ่มพัฒนาเปลือกแข็งและสัตว์อื่นๆตามมาอย่างมากมาย

    โลกในยุคแรกเริ่มจึงเต็มไปด้วยน้ำ ชายฝั่งยังปรากฏอยู่น้อย

    จนกาลเวลาต่อมาภูเขาเริ่มดันตัวเองสูงขึ้นชายฝั่งจึงเริ่มปรากฏมากขึ้น
    ในขณะที่ท้องทะเลปรากฏปลาที่มีกระดูกสันหลังที่พัฒนาตัวมันเองมาจากหนอนตัวแบน

    มันได้สร้างคีบสร้างฟันดวงตาขากรรไกรเพราะเพื่อการดำรงค์ชีวิต

    จิตแต่ละขณะได้ไปสร้างกิเลสให้กับตัวมันเองตลอดเวลา มันปรารถนาอะไรอยากมีอะไรอยากเป็นอย่างไร
    จิตได้สะสมกิเลสต่างเอาไว้และเป็นเชื้อส่งต่ออันเป็นกรรมและวิบาก
    ต่อมาอย่างยาวนานหลายล้านปี


    จิตที่พัฒนาจากไม่มีอะไรมาพร้อมกับโลก เมื่อโลกปรากฏรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสตัวมันเองก็วิจิตรตามมาด้วย

    เพราะเหตุจากการไม่รู้เช่นกัน ธรรมชาติมันก็เป็นไปตามตัวของมันเองแม้แต่จิตมันก็เป็นไปตามกระบวนการของมันเอง

    ถ้าเราเอากิเลสออกเสียแค่นั้นจิตก็จะเสรีและเป็นไท เพราะจิตก็จะเป็นแค่ธรรมชาติเท่านั้น

    ในเวลาเกาะแก่งเริ่มปรากฏ
    ทวีปเริ่มปรากฏมากขึ้น สัตว์เริ่มสร้างสายพันธ์ของตัวมันเองตามกิเลส
    ที่อยากมีอยากเป็นโดยเริ่มปรากฏแมลงแห่งยุคดีโวเนียน

    ยุคแห่งแมลง เห็บ หมัด กิ้งกือ ตะขาบ แมงมุม แมลงไม่มีปีกเล็กๆอยู่ตามชายฝั่งมากมายทั่วไปหมด
    สะสารอินทรีย์แรกธาตุที่บริสุทธิในยุคแรกเริ่มสัตว์ที่กำลังขึ้นบก
    ต่อมาจะตัวใหญ่อย่างมโหราล

    ต้นไม้เริ่มปรากฏตามชายฝั่งมากขึ้นปลาเริ่มมีปอด ปลาฉลามและปลาน้ำจืดกำลังเริ่มคลืบคลานเข้าหาชายฝั่งมากยิ่งขึ้น จิตมันกำลังพัฒนากายของมันด้วยกิเลสอย่างแน่นเหนียวมากยิ่งขึ้น โลกผ่านการพินาศมาสามรอบล้วนแล้วแต่ความเย็นการเคลื่อนตัวของทวีป

    ทุกอย่างล้วนมาจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งสิ้นจะมีก็แต่อุกาบาตเมื่อ
    65ล้านปีเท่านั้นที่ทำให้สายพันธ์ของสัตว์หายไปจะขอเอ่ยทีหลัง
    [/SIZE]
     
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    [SIZE=-1]สารเคมีต่างๆที่มารวมตัวกันในท้องมหาสมุทรของยุคดึกดำบรรพ์ ได้ถูกการกระตุ้นของพลังงาน น้ำ ไฟ ความร้อน อินทรีย์สะสารจากปล่องภูเขาไฟใต้ทะเลและบ่อน้ำพุร้อน และองค์ประกอบร่วมจึงทำให้ธาตุรู้กำเนิดเกิดขึ้นมา

    แต่ธาตุรู้ดั้งเดิมยังไม่เรียกว่าจิต


    เพราะปราศจากการรับรู้อารมณ์อันเนื่องมาจาก ยังไม่มีประสาทนั่นก็คือมันสมองของกายยังไม่ปรากฏ

    สัตว์เช่นว่านี้ยังเป็นได้แค่สัตว์ชั้นต่ำจำพวกเซลล์หรือโปรโตซัวร์ จุลินทรีย์แค่นั้น


    ระยะเวลาต่อมาการที่ถูกบีบคั้นของธรรมชาติ กาลเวลาที่ผ่านมาหลายล้านป

    ีสัตว์ชั้นต่ำ ได้ขยายตัวแบ่งออกมาหลายเซลล์ กลายมาเป็นสัตว์ชั้นสูง

    โดยมีโครงสร้างที่สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีแค่รูปและเวทนา
    และตายลง หายกลายเป็นความว่างเปล่า

    แต่เมื่อองค์ประกอบเริ่มมากขึ้นมาจากการวิวัฒนาการ และโดนปฏิกิริยาตอบสนองจากภายนอกมาปลุกเร้าตลอดเวลา

    ทำให้มันสร้างกายสัมผัสเกิดขึ้น
    ตัวมันเองได้พัฒนาจนมีสมองและระบบประสาทสัมผัสเกิดขึ้น

    จิตและกายเริ่มสัมพันธ์ร่วมกัน

    เมื่อกายปรากฏ สมองและระบบประสาทสัมผัส จิตจึงเริ่มทำหน้าที่ให้สมองเป็นแกนกลางในการผ่านงาน นั่นคือเจตนาอันเป็นกรรมเริ่มปรากฏ


    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า
    “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนาคือกรรม”

    เจตนาไม่ใช่ตัวรู้อารมณ์ หรือเป็นตัวเห็นตัวได้ยิน
    เจตนาเป็นอำนาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดรู้อารมณ์ขึ้นเท่านั้น เจตนาคือกรรม

    สรรพสัตว์ที่ปรากฏ ระบบประสาทสัมผัสรับรู้ เริ่มปรากฏการรู้อารมณ์สัมผัสแยกแยะ

    ในสิ่งที่สุขและทุกข์และเริ่มที่จะ

    หนีทุกข์ตั้งแต่แรกเริ่มปรากฏ

    องค์ประกอบของโลกในยุคดึกดำบรรพ์

    เต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน

    เพื่อการดำรงค์ชีวิตกายและจิตที่เริ่มสัมพันธ์กัน ทำให้สรรพสัตว์ในยุคแรกเริ่มถ่ายเทกรรม
    อันเป็นเชื้อแห่งกิเลสแห่งความต้องการอยากมีอยากเป็นกันขนานใหญ่

    ในขณะที่โลกเริ่มปรากฏแผ่นดิน แม่น้ำ สัตว์ที่อยู่ในทะเลแห่งยุคดึกดำบรรพ์ก็ปรารถนาในการที่จะก้าวขึ้นมาบนบกเช่นกัน

    จิตที่เกิดดับส่งเชื้อต่อไปกับจิตดวงใหม่ จิตที่สัมพันธ์กับกายก็มีผลต่อกายมากขึ้นเช่นกัน

    เซลล์ตัวเดิมแม้ตายไป แต่ก็ถ่ายทอดคุณลักษณะทุกประการ ให้กับเซลล์ตัวใหม่ ไม่ต่างกับจิตทุกประการ

    จิตส่งต่อกันโดยอาศัยเชื้ออันเป็นปัจจัย
    นั่นคือกรรมของสัตว์ ที่เกิดมารุ่นต่อรุ่นเป็นระยะหลายพันหลายหมื่นรุ่น
    และค่อยๆปรับสภาพร่างกายให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อม

    ที่บางครั้งก็อุดมสมบูรณ์ บางครั้งก็แร้นแค้นเพื่อการดำรงค์อยู่รอดแห่งชีวิต
    [/SIZE]
     
  20. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    จิตสร้างรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปตามกิเลสของมันที่ยึดกาย

    [SIZE=-1]คงจะเห็นได้ว่าจิตเกิดและดับเป็นอันมากมายเหมือนต้นไผ่
    ที่ขึ้นแรกเริ่มและขยายเป็นหมื่นๆแสนๆไร่

    จะหาต้นเดิมจากที่ไหนเพราะกาลเวลามันยาวนานมากนั่นเอง

    ทุกสิ่งเริ่มมาจากความว่างเปล่า
    เริ่มมาจากไม่มีกลายเป็นมี

    เริ่มมาจากสิ่งหยาบ กลายเป็นสิ่งละเอียด

    เริ่มมาจากไม่มีปัญญา กำลังจะกลายเป็นมีปัญญา
    นั่นคือมนุษย์ที่จะเกิดขึ้นมาในภายภาคหน้า

    350 ล้านปี ที่แล้วป่าไม้เริ่มปรากฏเกิดขึ้น ใบเฟิร์น ปรกกระจายไปทั่ว
    แมลงเริ่มมีมากขึ้นแต่ยังไม่มีปีก อากาศที่อบอุ่นทำให้ปรากฏหญ้าแพร่กระจายปกคลุมไปทั่วพื้นดิน

    จิตเริ่มจดจำได้ในการกระทำอันเป็นกรรมต่างๆ จิตแห่งผู้รู้ คิด นึก จดจำ ปรุงแต่ง
    ได้กำลังสะสมบุญและบาป

    อันเป็นสันดานของสัตว์ให้ทวีความยึดมั่นมากขึ้นเรื่อยๆ

    ด้วยความวิปลาสแบบไม่รู้ตัว
    ผ่านไป 20 ล้านปี สัตว์ที่เป็นรุ่นต่อรุ่น ผ่านไปหลายล้านรุ่นจิตแห่งความต้องการ
    ได้ผลักดันในรูปกายวิจิตรตามกิเลสของตัวมัน

    ยิ่งประกอบไปด้วยวาสนาอันคือความข้องอยู่ในสิ่งที่เคยชิน

    จิตดวงเก่าที่ส่งต่อ และมาเกิดเป็นสัตว์ชนิดเดิม ก็จะเกิดความชำนาญในการระลึกได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

    กรรมที่กระทำก็ประกอบไปด้วยความเคยชิน ในอดีตกรรมแห่งวาสนาที่สะสมมา มันปรารถนาจะมีปีกบินได้ อยากกิน อยากมีชีวิต อยากมีรูปร่างเช่นใด เจตนาในสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็จะสร้างรูปในสิ่งที่ต้องการขึ้นมา

    360 ล้านปีก่อน ปรากฏสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเริ่มวิวัฒนาการก้าวขึ้นสู่บกมากขึ้น

    330 ล้านปีก่อน แมลงปอตัวขนาด 5 ถึง 6 ฟุต ปรากฏขึ้น
    แมลงสาบยาว 3 ฟุต


    310 ล้านปีก่อน ปลาซีลาแค้นท์ปรากฏ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์เลือดเย็นและป่าไม้เริ่มสมบูรณ์

    240 ล้านปีก่อน ความพินาศของโลกครั้งที่4 เกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่แผ่นดินได้เกิดการแยกตัว
    และอากาศหนาวเย็นลงฉับพลัน สัตว์และพืชต่างๆหายไป
    ไม่ต่ำกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

    10ล้านปีต่อมา ธาตุต่างๆบนผิวดินอุดมสมบูรณ์ถึงที่สุด

    อินทรีย์ธาตุต่างๆทำให้เกิดป่าแห่งยุคดึกดำบรรพ์มากมาย และสัตว์ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเกิดขึ้น

    เริ่มจากตัวเล็ก และเริ่มวิวัฒน์การจากความอุดมสมบูรณ์ของอินทรีย์ธาตุที่สมบูรณ์

    ์มาเป็นตัวใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
    [/SIZE]
     

แชร์หน้านี้

Loading...