เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

หลวงปู่นาค วัดระฆัง 2511
"หลวงพ่อคูณ"เสกเดี่ยว 12
===============

ผู้ดูแลครอง "วัดระฆัง" ถึง 47 ปี ย่อมเป็น "ที่สุด" แห่งสงฆ์องค์เอกรูปหนึ่ง!!!

แน่นอน ไม่มีใครในปฐพีนี้ไม่รู้จัก "หลวงปู่นาค โสภโณ" ผู้สืบสานปณิธาน องค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆัง ได้อย่างเยี่ยมยอดที่สุด!

ท่านสร้างตำนาน "พระสมเด็จ" ให้กล่าวขานต่อจาก "ต้นฉบับ" ไม่น้อยหน้า และเป็นพระผู้มีวิชาเป็นเอก สร้างพระเนื้อผงผสมมวลสารในฝันหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ให้วัดต่างๆ นำไปเป็น " ต้นทุนบุญ" นับไม่ถ้วน

ไม่บ่อยนักที่ "หลวงปู่นาค" จะสร้างวัตถุมงคล "รูปตนเอง" เรียกว่ามีไม่เกิน "นิ้วบนมือ" คือ2-3 รุ่นเท่านั้น

เหรียญวาระครบ 7 รอบ อายุ 84 ปี น่าจะเป็นวัตถุมงคลรูปท่าน ทันท่านปลุกเสกเป็นวาระ "ทิ้งทวน"...!

งานแสดง "มุทิตาจิต" หลวงปู่นาค อายุ 84 ปี จึงมีพระสงฆ์เรืองนาม โดดเด่นคุณวุฒิทั่วแผ่นดินเข้าร่วมพิธีคับคั่ง หากเขียนรายนามคงไม่หวาดไหว ขอยกตัวอย่างเล็กน้อยเพียง...

--หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
--หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
--หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง
--หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาฯ
--ลพ.ทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง
--หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
=====ฯลฯ=====

ทั้งนี้ยังไม่นับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ระดับพระสังฆราชฯ พระสมเด็จอีกมาก

ส่วนหนึ่ง "หลวงปู่นาค" ได้นำมอบ "วัดแจ้งนอก" เพื่อเป็นทุนสร้างเสนาสนะในปี 2512 และช่วงนั้น "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" จำพรรษาอยู่วัดแจ้งนอก ก็ได้ "ปลุกเสกเดี่ยว" เหรียญนี้อีกวาระ กลายเป็นสุดยอดพลังหลายเด้ง เพราะพื้นเพดั้งเดิม "หลวงปู่นาค" คือคนโคราช ลูกอีสานหลานย่าโม!

เหรียญทรงคุณค่าล้ำเลิศของวัดระฆัง และอริยสงฆ์ทองคำรูปหนึ่งของแผ่นดิน สวยสุดผ่านการประกวดติดรางวัลหลายหน มอบร่วมบุญเป็นพลังใจในยุควิถีชีวิตเศรษฐกิจต้องมีตัวช่วยเพียง...

=======800=======

เหรียญกลมใหญ่ ทองแดงผิวไฟสุดแสนคลาสสิคไม่ผ่านการใช้ อายุสร้างเกินกว่า 55 ปี

รุ่นนี้ สร้างไว้ 2 ขนาดคือ ใหญ่-เล็ก เหรียญเล็กจะย่อส่วนและมีหู เหรียญใหญ่บางองค์ก็มีหู ถ้าไม่มีหูอย่างเหรียญนี้ ไว้แจกกรรมการกับผู้มีอุปการะคุณ หาค่อนข้างยากกว่ามีหู ยิ่งสภาพเดิมๆต้องบอกว่า หายากยิ่ง!

พระประธาน "ยิ้มรับฟ้า" ของวัดระฆัง เป็นพระฉายาซึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ ๕ ทรงพระราชทาน โดยมีพระราชกระแสรับสั่งว่า...

"ไปวัดไหนก็ไม่เหมือนมาวัดระฆังฯ พอเข้าประตูโบสถ์ 'พระประธานยิ้มรับฟ้า' ทุกที"!!!

เหรียญใหญ่ขนาด 10 บาท
เหรียญเล็กเท่าเหรียญบาท

ขอบข้างอย่างงาม
สมบูรณ์ทั่วทั้งองค์

 

เลขจัดส่งวันนี้

--ED 6370 4848 4 TH สังขะ

 

วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๗ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

ถอดแบบแล้วครับ ไม่มีคนยืนอยู่ดูเหมือนไม่ใหญ่เลย

 

วันหยุดเสาร์สโมสร ร่วมอนุโมทนาบุญยามเช้าส่งพรและพลังบุญทั้งปวงขึ้นเมืองเหนือที่ยังลำบากด้วยน้ำท่วม

พระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านทรงบิน ฮ.หย่อนอาหาร ช่วยชาวบ้านด้วยพระองค์เอง จิตอาสากู้ภัยจากทั่วประเทศหลั่งไหลเข้าไปช่วยร่วมกับเหล่าทหารบก เรือ อากาศ ตำรวจท้องที่ อาสาสมัครทุกมูลนิธิฯครบครัน

พระองค์ท่านทรง "ปิดทองหลังพระ" รวมทั้งชาวไทยผู้เสียสละทุ่มเทช่วยเหลือคนลำบาก ขอคารวะสดุดีขอบพระคุณตั้งแต่ "ชาวฟ้า" จรด "ชาวดิน"!!!

"น้ำท่วม" พ่าย "น้ำใจ" ทุกครั้งในเมืองไทย อย่างน้อยการ "ซับน้ำตา" ก็ว่องไว ท้าได้เลยว่า ทั้งโลกนี้ ไม่มีประเทศไหนเทียมเท่า ใครโม้ว่าประเทศไหน แผ่นดินไหนดีกว่า เรื่อง "น้ำใจ" รีบงัดเอาตัวอย่างมาเขียน ยกมาบรรยายได้เลย โดยเฉพาะไอ้-อี พวกชังชาติ มือไม่พายไม่เคยช่วยประชาชน แต่อ้าง" ประชาชน" แล้วใช้ "น้ำลาย" สู้น้ำท่วม

ขนาดในสภาฯ อินังส.ส.ปลวกยังอภิปรายช่วย "พม่า" ในขณะที่น้ำตาคนไทยโดนอุทกภัยน้ำท่วมยังท่วมแผ่นดิน อินังปลวกคนนี้ต้องรีบจับมันส่งไปอยู่กับ มิน อ่อง ลาย ไปรับรางวัลกับ ออง ซาน ซูจี ด้วยการ "กักบริเวณ" มันตลอดชีวิต

เป็นสมัยโบราณต้อง "ตัดคอ-ริบเรือน-7 ชั่วโคตร" ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้แทนราษฏรไทยใจทราม สมองต่ำกว่าสุนัขอยู่ในสภาฯ...เศร้าใจแทนคนไทยทั้งประเทศผู้เสียภาษีเลี้ยงดูมันเหลือเกิน...!!!

 

ทางใต้งานบุญก็ดำเนินไป ในช่วงนี้เป็นห้วงน้ำใจสู้น้ำท่วมทางเหนือ และไม่นานแม่น้ำโขงจะอาละวาดทางอีสานอีกหลายจังหวัด (ตามกรมอุตุฯเตือน) ข่าวการบุญก็นำเสนอพอสังเขป

 

ตำนาน "พระลอยน้ำ"
"หลวงพ่อธรรมจักร"
วัดธรรมามูล-ชัยนาท
===============

หาเรื่องเขียนให้เข้ากับสถานการณ์ เรื่อง"น้ำ" เอาเป็นเรื่อง "พระลอยน้ำ" ซึ่งมีตำนานเกี่ยวพันกับ "พระดี-วัดดัง" หลายแห่งของประเทศเรา

อันดับ 1 ยกให้ตำนาน "หลวงพ่อโสธร" ซึ่งเป็นอมตะตลอดกาล กับเรื่องราว "พระ 3 พี่น้อง" มี

--หลวงพ่อโสธร แปดริ้ว ฉะเชิงเทรา
--หลวงพ่อบ้านแหลม แม่กลอง สมุทรสงคราาม
--หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน สมุทรปราการ

ต่อมามีการเพิ่มตำนานเป็น "5 พี่น้อง" ด้วยการเสริมเรื่องราว

--หลวงพ่อวัดไร่ขิง นครปฐม
--หลวงพ่อทอง วัดเขาตะเครา เพชรบุรี ผนวกเข้าไปอีก

ระหว่าง ตำนานเดิมกับตำนานเพิ่ม เชื่อกันว่า ของจริงน่าเป็นเรื่องแรก คือ "3 พี่น้อง" แต่เราคนไทยชาวพุทธ อันใดที่เกี่ยวกับพระศาสนา พระ-วัดวาอาราม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเกิดความวุ่นวาย เราก็มักปล่อยเลยตามเลย ไม่อยากตั้งข้อสังเกต สงสัย คัดง้าง ให้กลายเป็น "การปรามาส"!

หากคิดเป็น "วิทยาศาสตร์" สามารถพิสูจน์ได้จริง ต้องบอกว่า "ตำนานพระลอยน้ำ" ทุกองค์ล้วนเป็นเรื่องจริง เพราะในยามศึกสงคราม เมืองใดทำท่าจะต้านศึกศัตรูไม่ไหว สิ่งหนึ่งที่ชาวเมืองห่วงใยนอกเหนือจากชีวิตและทรัพย์สมบัติตนเอง ก็คือ "ทรัพย์สินของพระศาสนา"!!!

การนำเอา "พระผูกแพ" แล้วปล่อยลอยน้ำไปก่อน ย่อมดีกว่าถูกข้าศึกยึดเอาไปหรือทำลายท่าน เป็นวิธีการรักษาพระพุทธรูปสูงค่าดีที่สุดเท่าที่จะนึกคิดกระทำได้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หน้าศึกสงคราม

อีกวิธีก็คือการ "พอกปูนหลอกตา" อย่างเช่นพระพุทธรูปทองคำ หนักกว่า 5 ตัน องค์ใหญ่ที่สุดในโลก วัดไตรมิตรฯ ซึ่งพระองค์ใหญ่น้ำหนักมากขนาดนั้น คงผูกแพนำท่านขึ้นล่องแม่น้ำไม่รอด วิธีการพอกปูนให้เป็นพระพุทธรูปที่ไม่มีค่ามากจึงดีที่สุด

สำหรับ "พระลอยน้ำ" อยู่บนแพที่จมปริ่มน้ำ มองไกลๆก็เหมือนพระท่านกระทำกฤษดาภินิหารลอยน้ำมาโดดๆ ต่อเมื่อชะลอขึ้นฝั่ง ก็เล่าขานสืบต่อกันมา "ตัดแพ" ที่บรรทุกท่านมาทิ้งไป

บางองค์อาจลอยมาบรรจบ จ๊ะเอ๋กันในห้วงคุ้งน้ำใหญ่ เรื่องเล่าจึงต่อเติมเป็นว่าลอยมาด้วยกัน

เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะ "ชะลอพระ" ขึ้นมาองค์เดียวถ้าพบเจอ 3 องค์บนแพเดียวกัน ตำนานจึงต่อเติมความขลังให้ว่าบางองค์ท่านไม่ยอมขึ้นฝั่งตรงนั้น แต่ลอยต่อไปขึ้นฝั่งที่ย่านอื่นแถบถิ่นอื่นๆ

หากเป็นพระอยู่แพเดียวกัน ไม่มีทางที่ชาวบ้านจะปล่อยลอยต่อ นี่ต้องเป็น "พระคนละแพ" ส่วนการที่พระอีกองค์จะลอยต่อไปในขณะที่ผู้คนสาละวนกู้พระองค์แรกขึ้นฝั่ง เป็นเรื่องธรรมดามาก

อย่างไรก็ดี "ตำนาน-ตำช้า" ก็เป็นเรื่องเล่าที่มีความสุขของผู้เคารพนับถือ ไม่สมควรไปหาเหตุผลใดๆมาทำลายตำนานเหล่านี้

ตำนาน"พระลอยน้ำ" จึงเคียงคู่กับสังคมไทยตราบนิรันดร์!

เช่นเดียวกับอีกหนึ่งพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืององค์สำคัญ...

หลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูลฯ ชัยนาท!!!

นี่ก็เป็นตำนาน "พระลอยน้ำ" แต่ผมจะไม่เขียนเล่าเอง นำเอาประวัติที่บันทึกโดยทางการท้องถิ่นให้อ่านกัน จะได้ไม่ผิดพลาด


** 'ธรรมจักร'..ปักหลักตรึง
เพชรน้ำหนึ่ง..ซึ่งล้ำค่า
มหาบุรุษ......ดุจเทวา
ผุดคงคา....'ธรรมามูล'
--จักรแห่งธรรม..นำชีวิต
--ฉายนิมิต.......ชิดไอศูรย์
--เกื้อกูลชน....ผลเพิ่มพูน
--ส่งไพบูลย์..ค้ำคูณเมือง!

หมายเหตุ...ไอศูรย์ = สมบัติพระราชา
-------------------------

@วัดธรรมามูลวรวิหาร@
----------------------


อ่านเพลินๆ จะเห็นเลยว่า "หลวงพ่อธรรมจักร" ก็ถูกนำไป ผูกอิงกับ "หลวงพ่อโสธร" อีกองค์ เราจึงสรุปได้ชัดเจน... ตำนาน "พระลอยน้ำ" ต้องยกให้ "หลวงพ่อโสธร" เป็นของจริงแท้และแน่นอนที่สุด องค์อื่นๆก็คงเป็น "พระลอยน้ำ" มาแต่ละองค์ตามนั้น เพราะทุกวัดทุกเมืองสมัยโบราณ ล้วนสร้าง "ติดน้ำ"อยู่ริมแม่น้ำเพื่อสัญจรสะดวก การนำพระขึ้นแพ ปล่อยลอยน้ำเป็นเรื่องไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตาม ..."หลวงพ่อธรรมจักร" นับเป็นพระพุทธรูปล้ำค่าเก่าแก่ มีชื่อเสียงลำดับ 1 ของเมืองชัยนาท เป็นพระคู่บ้านผ่านเมือง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่มีใครเถียงได้

แม้แต่ "หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า" ปรมาจารย์หมายเลข 1 แห่งชัยนาท ก็นับถือ และปลุกเสก "เหรียญหลวงพ่อธรรมจักร" รุ่นแรกในปี 2461 เอาไว้เป็นสมบัติคู่เมืองชัยนาท

เป็น "เหรียญพระพุทธ" อันดับ 1 ของเมืองนี้ ซึ่งจะได้เปิดกรุนำเหรียญเก่าอายุกว่า "หนึ่งศตวรรษ" (106 ปี) มาให้ชมกันเป็นความสุขทางสายตา คู่เคียงความรู้เล็กๆในวันหยุดเป็นลำดับถัดไป!