ห้องพระเครื่อง "ศิลป์พระ๙" พระเครื่องทั่วไทย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ศิลป์พระ9, 26 ธันวาคม 2020.

  1. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    209.พระพิมพ์หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค พิมพ์ขี่ไก่ รุ่นมาตุภูมิ ปี 2533 ((( บูชาชุดละ 1,500 บาท)))
    ได้รับพระ3 องค์ ตามรูป

    (ลพ.ฤาษีลิงดำ ปลุกเสก)))

    ... พระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค รุ่นสู่มาตุภูมิ ปี๒๕๓๓ พิมพ์ทรงนก หลังยันต์เกราะเพชร อุดผงเก่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี (ศิษย์สายตรงหลวงพ่อปาน) ปลุกเสก .. พุทธคุณเน้นด้านเมตตามหานิยม ส่งเสริม ธุรกิจการค้าขาย มีผู้ใหญ่ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือ
    ... อยู่ในทำเนียบวัตถุมงคลทั้งของวัดบางนมโค อยุธยา และ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี .. พระหลวงพ่อปานรุ่นเก่าราคาสูงมาก สามารถใช้รุ่นนี้แทนได้ครับ

    ... ปลุกเสกพิธีใหญ่ เสาร์ห้า ปี๒๕๓๓ จัดสร้างโดย พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาสวัดบางนมโค (หลานหลวงพ่อปาน) โดยมีพระเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสกหลายท่าน อาทิ
    1.หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.อยุธยา
    2.หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา
    3.หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.อยุธยา
    4.หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    5.พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) เจ้าอาวาส วัดบางนมโค จ.อยุธยา
    6.หลวงพ่อมี เขมธัมโม วัดมารวิชัย จ.อยุธยา
    7.พระครูกิตติธรรมธาดา (เจ้าอาวาสวัดเจ้าแปดทรงไตรย์) จ.พระนครศรีอยุธยา
    8.หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา จ.อยุธยา
    9.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี
    ... มวลสาร
    1.พระเนื้อดินที่หักชำรุดหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    2.พระเนื้อดินที่หักชำรุดของ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดฯ
    3.พระกรุเนื้อดินต่างๆที่หักชำรุดของเมืองกรุงเก่า
    4.พระที่หักชำรุดของ หลวงพ่อเล็ก วัดบางนมโค
    5.ผงเก่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ผงเก่าหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ผงเก่าหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
    ... มีสร้างทั้งเนื้อดินและผง มีทั้งหมดหกพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์ทรงไก่หางห้าเส้นและหางพวง .. พิมพ์ทรงหนุมาน .. พิมพ์ทรงปลา .. พิมพ์ทรงครุฑ .. พิมพ์ทรงเม่น .. พิมพ์ทรงนก (มีทั้งแบบจัดชุดกล่องครบพิมพ์และแบบกล่องเดี่ยวแยกแต่ละองค์)


    1432022_220314_24.jpg 1432022_220314_25.jpg
     
  2. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    210.เหรียญรูปเหมือนหยดน้ำ หลวงพ่อผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ปี 2519 ((( บูชา 850 บาท )))

    เหรียญพิธีภูธรสร้างโดยกองกำกับการตำรวจภูธรภาค4(เขต4)เพื่อวัตถุประสงค์ของทางราชการและทางศาสนาโดยมีหลวงพ่อผางเป็นเจ้าพิธี มีหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ดุลย์ พระอาจารย์จวนและเกจิอาจารย์สายอีสานอีกหลายองค์

    1432022_220314_26.jpg 1432022_220314_27.jpg
     
  3. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    211.พระสมเด็จหลวงปู่ทอง วัดเภตราฯ จระยอง ((( บูชา 1,350 บาท )))

    มวลสารบางขุนพรหมและมวลสารหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ปลุกเสก ของดีของหายากครับ

    1432022_220314_6.jpg 1432022_220314_7.jpg
     
  4. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    212.เหรียญหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า ปี 2518 จ.ระยอง ((( บูชา 650 บาท )))
    ตอกโค๊ต

    1432022_220314_11.jpg 1432022_220314_12.jpg
     
  5. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    213. พระผงพิมพ์พระพุทธชินราช หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ปี พ.ศ.2516 ((( บูชา 5,500 บาท ))) ปิดรายการ
    พระหายากน่าบูชาในสายหลวงปู่แหวน + มีเกสา + พระสวย

    พระพุทธชินราชหลวงปู่แหวน สุจิณโณ รุ่นปักกลด มีผงตะไบและเกศา พระพุทธชินราช เนื้อผงยอดนิยมของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ จัดสร้างปี พ.ศ.2516 ถือว่าเป็นพระผงยอดนิยมอันดับต้นๆ ของหลวงปู่แหวนครับ และจัดสร้าง โดยพระอริยะสงฆ์ยุคปัจจุบัน ท่านพระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล จ.สกลนคร ที่สมัยนั้นท่านอยู่กับหลวงปู่แหวน ที่เชียงใหม่ ที่ได้รวบรวมมวลสารและกดพิมพ์พระเองกับมือท่านในวัดดอยแม่ปั๋ง และในบางทีหลวงปู่แหวนท่านก็มาดูการพิมพ์พระด้วยองค์ท่านเอง เป็นการทยอยทำไม่ใช่ทำครั้งเดียวเสร็จเหมือนพระที่สั่งจากโรงงาน
    พระในชุดพระอาจารย์คำบ่อ
    -พระรูปเหมือนหลวงปู่แหวนพิมพ์ปักกลด
    -พระพิมพ์สมเด็จหลังยันต์ และ 2 หน้า ปี พ.ศ.2516
    -พระพุทธชินราช
    -พระปิดตา
    พระรุ่นนี้ได้รวบรวมมวลสารดี ดี ที่เป็นมงคลหลายอย่างอาทิเช่น
    -เกศาหลวงปู่แหวนจำนวนมาก
    -พระพุทธรูปเก่าอายุหลายร้อยปีที่โรยตะไบด้านหน้าที่เราเห็นเป็นสีทองๆ เงินๆ
    -เกษรดอกไม้
    -ดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 ประเทศอินเดีย
    -ใบพลับพลึงที่พันเข่าหลวงปู่แหวนขณะอาพาธเจ็บหัวเข่า

    1432022_220314_18.jpg 1432022_220314_19.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2022
  6. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    214. ((( บูชา 3,500 บาท )))
    สภาพสวย


    1432022_220314_13.jpg 1432022_220314_14.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2022
  7. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    215.พระเครื่องหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ จ.พิจิตร ((( บูชา PM / line สอบถาม )))

    #ประวัติ หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ

    #ประวัติที่อ้างอิงจาก : หนังสือลัทธิปัญ
    หาศพ ๑๓ ข้อแลวิธีถวายทาน สร้างขึ้นเพื่อเปนที่ระฤกในงานศพท่านพระครูธุระศักดิ์เกียรติคุณ (ภู) พระอุปัชฌาย์ วัดท่าฬ่อ มีนาคม ๒๔๖๗

    พระครูธุระศักดิ์เกียรติคุณ (ภู) เจ้าอาวาศวัดท่าฬ่อ อำเภอท่าหลวง จังหวัดพิจิตร เกิดวันศุกร์เดือน ๑๑ ปีเถาะ พุทธศักราช ๒๓๙๘ เกิดที่บ้านหาดมูลกระบือ ตำบลไผ่ขวาง อำเภอท่าหลวง จังหวัดพิจิตร โยมผู้ชายชื่อแฟงโยมผู้หญิงชื่อขำ เมื่ออายุได้ ๑๑ ปี บิดาจึงนำเข้าฝากให้เล่าเรียนหนังสือขอมแลไทยในสำนักพระอุปัชฌาย์อิน กับพระอาจารย์แช่ม วัดหาดมูลกระบือ เมื่ออยู่วัดได้เข้าพรรษาหนึ่งก็ได้อุปสมบทเป็นสามเณรอยู่ในวัดนั้นและศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมภาษาบาลีต่อมาจนอายุ ๒๐ ปี บรรดาญาติโยมจึงได้จัดการอาราธนาพระอุปัชฌาย์พุ่ม วัดเขื่อน ตำบลเมืองเก่า จังหวัดพิจิตร ให้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเขื่อนนั่นเองครั้งอุปสมบทเสร็จแล้วได้มาอยู่ในสำนักพระอุปัชฌาย์อิน วัดหาดมูลกระบือเพราะว่าใกล้ญาติและโยมในบ้านนั้นในพรรษาแรกได้ศึกษาเล่าเรียนสมณกิจเสร็จแล้วจนพระปาฏิโมกข์ครั้งอยู่มาได้ ๕ พรรษาท่านอุปัชฌาย์เกษเห็นว่าท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยเรียบร้อยแลรักษาพระวินัยบัญญัติโดยเคร่งครัดจึงได้ให้เป็นคู่สวดครั้งต่อมาได้ ๑๕ พรรษาเศษ วัดท่าฬ่อซุดโซมโบสถ์วิหารกุฎิสลักหักพังลงเพราะไม่มีอธิการวัดที่จะทำนุบำรุงสัปปุรุษทั้งหลายในบ้านท่าฬ่อมีกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นต้นได้อาราธนาท่านมาเป็นเจ้าอธิการวัดท่าฬ่อเพื่อให้ช่วยทำนุบำรุงซ่อมแซมวัดให้ถาวรมั่นคงขึ้นท่านได้ทำการก่อสร้างโบสถ์กุฎิหอสวดมนต์พระเจดีย์แลศาลาการเปรียญ ธรรมาศน์จนเป็นผลสำเร็จเรียบร้อยทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่นั้นมาวัดท่าฬ่อก็มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับมามีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่พรรษาละมากๆทุกพรรษาแลพระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในสำนักของท่านก็ประพฤติถูกต้องตามธรรมวินัยเป็นที่น่าเลื่อมใสของสัปปุริสชนที่จะมาบำเพ็ญทานการกุศลยิ่งนัก ครั้งท่านอยู่มาจนถึงพุทธศักราช ๒๔๕๕ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสได้เสด็จตรวจราชการคณะสงฆ์ในมณฑลภาคเหนือ แล้วได้ส่งมาประทับแรมที่วัดท่าฬ่อ ๑ ราตรี มีรับสั่งชมเชยชัยภูมิวัดท่าฬ่อยิ่งนัก ทั้งท่านก็ได้กระทำปฏิสันทาคาระวะตาต้อนรับทูลปราสัยโดยถูกต้องตามระเบียบราชการทุกสิ่งทุกประการ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงกรุณาพระราชทานที่ถาพันดรสมณศักดิ์ให้รับพระราชทานสัญญาบัตรจาก พระบาทสมเด็จพระพระเจ้าอยู่หัวให้เป็น (พระครูธุรศักดิ์เกียรติคุณ) เจ้าอาวาสวัดท่าฬ่อเป็นพระครูพิเศษ และได้พระราชทานตราเสมาธรรมจักร์ให้นั่งที่อุปัชฌาย์อุปสมบทกุลบุตรในแขวงอำเภอท่าหลวง จังหวัดพิจิตร มาจนถึงพรรษาที่ ๔๖ พรรษาเศษ อายุ ๖๖ ปี ถึงวันแรม ๕ ค่ำเดือน ๑๐ พ.ศ. ๒๔๖๗ ตรงกับวันพุธก็ล้มเจ็บลงเป็นลมอำมพาธิ์พวกพระสงฆ์ที่เป็นสัทธิงวิหาริกแลสัปปุรุษชาวบ้านก็ได้หาแพทย์หลวงแลแพทย์เชลยศักดิ์มาช่วยการรักษาพยาบาลจนเต็มความสามารถก็มีแต่ทรงกับทรุดลงจนถึงวันที่ ๔ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๔ ล.ท. เศษ ท่านจึงได้ละสังขารมรณภาพล่วงลับไปสู่ประโลกและเมื่อก่อนที่ท่านจะถึงมรณภาพท่านยังมีสติเรียกบรรดาสานุศิษย์ญาติมิตรทั้งหลายมีพระอาจารย์ครุฑซึ่งเป็นหลานของท่านเข้ามาสั่งถึงการที่จะยกฉ้อฟ้าศาลาที่ทำค้างอยู่ให้เป็นผลสำเร็จอีกท่านพระครูธุระศักดิ์องค์นี้เป็นผู้มีสติรอบคอบรู้เท่าถึงการแลโอบอ้อมอารีทุกอย่าง ชอบทำการก่อสร้างเพื่อให้เป็นประโยชน์ในพุทธศาสนาแลมีวิชาความรู้ทางวิปัสสนาแลธรรมวินัย และช่างไม้ ช่างทองก็เป็นกับการธรรมถึกก็เทศนามหาชาติชาฎกได้ดีทั้ง ๑๓ กัณฑ์ กับมีความรู้ทางเวชศาสตร์ไสยศาสตร์ด้วยจึงทำให้บรรดาสานุศิษย์ญาติมิตรและผู้ที่คุ้นเคยรักใคร่เคารพนับถือมีความโทมนัสเสียใจเสียดายท่านอย่างยิ่ง เพราะท่านนั้นจึงได้ช่วยกันกระทำศพของท่านกำหนดเดือน ๔ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ชักศพวันขึ้น ๑๔ ค่ำ ทำฌาปนกิจที่วัดท่าฬ่อ ฉลองอัฐิธาตุเพื่ออุทิศกาละปะนาผล หิตานุหิตประโยชน์ไปให้ท่านพระครูธุระศักดิ์เกียรติคุณซึ่งเป็นผู้เคารพนับถือและเป็นพระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านที่ได้รับแจกนี้จงตั้งจิตเป็นปุเรจาริกอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้รู้ได้อ่านได้เห็นได้ฟังได้ประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ไปให้ท่านพระครูธุระศักดิ์เกียรติคุณ

    cr.#เป็นความรู้และเรื่องราวที่ควรค่าต่อการศึกษาและจดจำ (อ๊อฟ มรดกไทย)


    พระนางพญาหน้าชะนี หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ จ.พิจิตร
    1432022_220314_1.jpg 1432022_220314_2.jpg

    เหรียญหล่อหลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ จังหวัดพิจิตร หลังมีจาร
    1432022_220314_3.jpg 1432022_220314_5.jpg 1432022_220314_0.jpg 1432022_220314_6.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2022
  8. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    216.พระสมเด็จขี่สิงห์ ปี2512 หลวงพ่อหอม วัดซากหมาก จ.ระยอง ((( บูชา 950 บาท )))
    ทันท่าน บูชาแทนสิงห์งาแกะแพงๆของท่านได้อย่างสบายครับ

    ประวัติ หลวงพ่อหอม จันทโชโต วัดซากหมาก

    images.jpg

    นับว่าเป็นอดีตพระเกจิอาจารย์ดังรูปหนึ่ง "พระครูภาวนานุโยค" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หลวงพ่อหอม จันทโชโต" แห่งวัดซากหมากฯ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง วัตถุมงคลของท่านปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม

    หลวงพ่อหอมเกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 10 ปีขาล พ.ศ. 2433 เป็นบุตรของ นายสัมฤทธิ์ กับ นางพุ่ม ทองสัมฤทธิ์ เป็นชาวบ้านสำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน โดยท่านเป็นคนสุดท้อง

    เมื่ออายุ 21 ปี ทำหน้าที่ลูกผู้ชายไปเข้ารับราชการทหารเรือ 2 ปี จนปลดประจำการ กลับมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพที่บ้านเดิม และก็ได้แต่งงานมีบุตร 3 คน พร้อมกันนั้นก็ได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากบิดาจนเชี่ยวชาญ สามารถช่วยเหลือเพื่อนบ้านตลอดมา

    หลวงพ่อเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงได้อุปสมบทเมื่ออายุ 36 ปี ณ พัทธสีมาวัดทับมา เมื่อปีพ.ศ.2469 มีหลวงพ่อขาว วัดทับมา อ.เมือง จ.ระยอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจี๊ด วัดเขาตาแขก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อบวชแล้วได้อยู่จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดมาบข่ากับหลวงพ่อชื่น 2 พรรษา แล้วได้พยายามศึกษาด้านพุทธเวทอย่างจริงจังจนสำเร็จ หลวงพ่อชื่นซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านเคยปรารภกับพระภิกษุรูปอื่นว่า "อีกหน่อยคุณหอมเขาจะหอมทวนลมนะ"

    หลังจากนั้นท่านก็ได้กราบลาพระอาจารย์ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดซากหมาก ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเกิดของท่าน ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและพัฒนาถาวรวัตถุให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างทันตาเห็น เช่น กุฏิ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง โรงเรียน อุโบสถ หอไตรกลางน้ำ เป็นต้น

    ทั้งที่ก่อนนี้วัดซากหมากมีเพียงเรือนไม้ 2 หลัง ทรุดโทรมจนเกือบใช้การไม่ได้ เป็นสำนักสงฆ์ร้างมาประมาณ 10 ปี ขณะที่ท่านมาฟื้นสำนักสงฆ์แห่งนี้เมื่อปีพ.ศ.2471 บริเวณบ้านซากหมากนี้ยังเป็นป่า เป็นที่อยู่ของสัตว์ร้ายนานาชนิด เป็นที่อัศจรรย์สัตว์ร้ายเหล่านี้หาทำอันตรายท่านไม่ ชื่อเสียงของท่านค่อยๆ โด่งดังขึ้นมาตั้งแต่หลังสงครามมหาเอเชียบูรพา ในมณฑลพิธีพุทธาภิเษกที่จัดขึ้นเกือบทุกหนแห่งในประเทศไทย ท่านจะได้รับการนิมนต์ให้ไปร่วมเสมอ แม้ในพิธีฉลอง 25 พุทธศตวรรษ กระทั่งพิธีพุทธาภิเษกของวัดสุทัศน์ และวัดพระเชตุพนฯ ก็ได้รับนิมนต์เกือบทุกครั้ง ด้วยความเป็นพระมากเมตตาหลวงพ่อหอมต้องต้อนรับลูกศิษย์ลูกหาจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน แต่ถึงกระนั้นท่านก็ภูมิใจ เพราะทำให้วัดที่ทุรกันดารกลายเป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างทันตาเห็น

    ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 2520 ณ โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ สัตหีบ จ.ชลบุรี ด้วยโรคชรา รวมสิริอายุ 87 ปี พรรษาที่ 51

    ในสมัยที่หลวงพ่อหอมกำลังก่อสร้างวัดซากหมากฯอยู่นั้น ท่านได้เดินธุดงค์มาจากวัดมาบข่า
    เมื่อปี๒๔๗๑มีพรรษาเพียงสองพรรษาเท่านั้นสันนิฐานว่าท่านคงประสงค์จะมาเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่บ้านสำนักท้อนแต่เมื่อผ่านบ้านซากหมาก ซึ่งขณะนั้นเป็นป่าคงดิบซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดเช่น ช้าง เสือ หมูป่า ลิงค่าง และงูพิษอาศัยอยู่มากมาย มีบ้านเรือนอยู่เพียงไม่กี่หลัง คือครอบครัวนายแผน นายมาน นายแหว นายจิ๊ด นางนก และนายไพร หลวงพ่อได้พบกับบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่สองหลังทรุดโทรมจนเกือบใช้การไม่ได้แล้วสอบถามชาวบ้านก็ทราบว่าเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งพระอาจารย์ล้าเคยอยู่มาก่อน
    แต่ได้ปล่อยให้เป็นสำนักล้างมาประมาณ๑๐ปีเศษ
    หลวงพ่อจึงตกลงใจที่จะฟื้นฟูสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้เป็นวัดขึ้นมาให้ได้
    จึงได้เข้าป่าไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำเขานางหย่องเพื่อแสวงหาไม้ที่จะนำไปปลูกสร้างถาวรวัตถุของวัดที่ตั้งใจไว้ และในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ในถ้ำนั้นก็ปรากฏว่ามี ช้าง เสือ และสัตว์ร้ายอื่นๆ มาวนเวียนอยู่ใกล้ท่านตลอดเวลาแต่ก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์ที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นหาได้เข้าทำร้ายท่านไม่
    ตรงกันข้ามเมื่อนานๆเข้ากลับปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นเชื่องได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถพูดกับช้างป่ารู้เรื่องกันเป็นอย่างดี ถึงขนาดทำอะไรๆตามคำสั่งท่านได้
    เมื่อท่านคัดเลือกไม้ที่ต้องการได้แล้วจึงได้นำชาวบ้านขึ้นไปตัดโค่นจนได้จำนวนพอแก่ความต้องการ
    แต่ก็เกิดมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรจึงจะชักลากไม้เหล่านั้นลงมาแปรรูปข้างล่างได้ เพราะเป็นระยะทางไกลถึง ๗กิโลเมตร จึงได้ชักชวนชาวบ้านที่ขึ้นมาช่วยตัดโค่นต้นไม้กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ซากหมากก่อน
    เพื่อที่จะหาวิธีขึ้นไปชักลากไม้ลงมาจากเขานางหย่องให้ได้
    แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านเป็นเวลาหลายวันก็ยังไม่พบวิธีที่ต้องการ
    หลวงพ่อจึงย้อนขึ้นไปบนเขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรวจดูเส้นทางให้ละเอียดเสียก่อนอีกครั้งหนึ่ง
    พอหลวงพ่อไปถึงเชิงเขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะปรากฏว่าที่เชิงเขานั้นมีไม้ที่ตัดไว้บนเขา
    ได้ลงมากองอยู่จนครบทุกท่อน กับได้เห็นรอยเท้าช้างป่าขนาดใหญ่รอบๆบริเวณกองไม้และทางขึ้นเขาเปรอะไปหมดซึ่งต่อมาหลวงพ่อก็ทราบว่าเป็นฝีมือช้างป่าที่คุ้นเคยกับท่านจำนวน ๗ เชือก ช่วยกันชักลากมาไว้นั้นเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ชาวบ้านได้ประสบกับความมหัศจรรย์ในอภินิหาริย์ของหลวงพ่อและเริ่มบังเกิดความศรัทธาอย่างสูงมาตั้งแต่นั้น
    เมื่อหลวงพ่อสร้างอุโบสถได้มีชาวบ้านใกล้ๆวัดเข้ามาหาหลวงพ่อบอกว่าช้างป่าเข้าไปในไร่เก็บกินพืชผลที่เขาปลูกเอาไว้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาจะยิงก็เกรงใจหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อช่วยเขาด้วยเถิด
    เมื่อหลวงพ่อได้ทราบเช่นนั้นก็รับปากว่าจะช่วย และลุกเดินไปยืนบริกรรมอยู่สักครู่หนึ่งหน้าโบสถ์
    แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า” ลูกหลานพญาฉัททันต์ อย่าไปเหยียบย่ำไร่ของเขาเลย เจ้าของเขาจะยิงเอา
    ของเรามีอยู่แล้วในแปลงขวามือไปกินได้”ซึ่งภายหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีช้างเข้าไปรบกวนชาวบ้านอีกต่อไปเลย แต่ตรงกันข้ามกับของหลวงพ่อที่มีอยู่ใกล้ๆ วัดกลับไม่มีพืชผลเหลืออยู่เลย เพราะฝีมือช้างป่านั้นเอง
    อีกครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อสร้างความมหัศจรรย์แก่ชาวบ้านเอาไว้คือเมื่อประมาณปี ๒๔๘๑
    ตอนนั้นหลวงพ่อบวชได้๑๒พรรษาแล้ว
    วันหนึ่งได้มีนายพรานช้างมาขอพักที่วัดและตอบคำถามของหลวงพ่อว่าจะมาล่าช้างในป่าแถบๆนี้แต่เวลาใกล้คร่ำจึงขอพักเอาแรงที่วัดสักคืนก่อน หลวงพ่อก็อนุญาตให้พรานเหล่านั้นพักตามประสงค์
    แล้วหลวงพ่อเดินไปยืนบริกรรมที่หน้าโบสถ์สักครู่ก็ตะโกนขึ้นว่า”ลูกหลานพญาฉัททันต์ทั้งหลายวันนี้อย่าออกไปหากินไกลวัดมีคนเขาจะมายิง
    ให้หากินอยู่ในบริเวณวัดนี้”เมื่อนายพรานออกป่าเพื่อล่าช้างก็ปรากฏว่าไม่พบช้างเลยแม้แต่ตัวเดียว
    เพราะช้างป่าเหล่านั้นได้ชวนกันมาหากินอยู่ภายในบริเวณวัดหมด นายพรานจึงต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป
    ต่อมาหลวงพ่อพร้อมด้วยพระภิกษุอีก ๔ รูป ได้ชวนกันไปหากระเพรา ๗ อ้อม ด้วยการเดินธุดงค์
    เมื่อเดินทางไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อบอกว่า
    สงสัยจะเป็นเขตจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นท้องที่เดิมบางนางบวชในปัจจุบัน
    ได้พบศาลายกพื้นสูงมากหลังหนึ่งอยู่ในป่าทึบ มีหนังสือเขียนไว้มีข้อความว่า”ใครผ่านมาทางนี้
    เมื่อมืดแล้วให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนเพราะมีสัตว์ชุกชุมมาก”แต่หลวงพ่อกลับบอกพระที่ไปด้วยกันว่าเราปักกลดกัน
    อยู่ข้างล่างนี้แหละไม่ต้องขึ้นไปหลอกทั้งหมดก็ปักกลดอยู่ข้างล่างนั้นเองเมื่อปักกลดเสร็จหมดทุกองค์แล้ว
    หลวงพ่อก็ได้เสกทรายซัดล้อมกลดไว้โดยรอบ และสั่งพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดว่าอย่าได้ออกไปนอกกลดเป็นอันขาดไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนกันนั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์โดยทั่วกัน
    ซึ่งในคืนวันนั้นปรากฏว่ามีสัตว์ร้ายหลายชนิดมาวนเวียนอยู่แถวรอบๆกลดเหมือนกัน
    แต่ไม่มีตัวใดเข้ามาทำร้ายจนรุ่งเช้าสัตว์เหล่านั้นก็หายไปในป่าหมด
    หลวงพ่อจึงได้ชวนพระที่มาด้วยกันเดินทางต่อไป
    ในการเดินทางต่อไปในช่วงนี้ หลวงพ่อเล่าว่าเป็นป่าเขาโดยตลอด
    ขนาดเดินทางมาสามวันแล้วยังไม่พบบ้านเรือนคนเลยแม้แต่หลังเดียวต้องอดอาหารกันทั้งสามวัน
    จนกระทั่งวันที่สี่จึงได้สวนทางกับชาวบ้านคนหนึ่งหาบขนมจีนผ่านมา
    แล้วเอาขนมจีนนั้นถวายทุกองค์ได้ฉันกันจนอิ่ม
    หลวงพ่อได้ถามชายคนนั้นว่า”ต่อจากที่นี่ไปอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านคน”ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า”พอพลบค่ำก็จะเห็นแสงไฟบ้านคน”แล้วเดินหายไปในป่านั้น หลวงพ่อจึงชวนพระที่ไปด้วยออกเดินทางต่อไป
    ซึ่งตลอดทางที่เดินผ่านไปนั้นไม่พบบ้านคนเลยจึงหน้าสงสัยว่าคนที่ถวายขนมจีนนั้นเป็นใครกันแน่
    เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาจะอยู่แถวนั้นได้อย่างไรกันจนกระทั่งเวลาพลบค่ำจึงได้พบบ้านคนจริงตามที่ชายคนนั้นบอกไว้จึงชวนพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดปักกลดพักที่บริเวณใกล้ๆกับหมู่บ้านนั้นและต่อมาก็เดินทางกลับวัดซากหมากฯโดยไม่ได้กระเพรา๗อ้อมมาตามต้องการเพาะไม่พบว่ามีอยู่ี่ที่ใดเลย ส่วนเรื่องที่พบคนเอาขนมจีนมาถวายกลางป่าทั้งๆบริเวณใกล้ๆนั้นไม่มีบ้านคนเลยก็คงเป็นปริศนาให้แปลกใจอยู่ตลอดมา
    สมัยอู่ตะเภามีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่ ได้มีฝรั่งชาตินิโกร ซึ่งเป็นทหารนักบินคนหนึ่ง
    มีเมียเช่าเป็นคนไทยภาคอีสานได้พากันไปหาหลวงพ่อที่วัดแล้วเช่าพระกริ่งรูปเหมือนของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวเป็นประจำ และมีอยู่ครั้งหนึ่งทหารฝรั่งนิโกรคนนี้ได้ถูกคำสั่งให้ขับเครื่องบินไปนครพนม
    แต่บังเอิญไปเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างทาง เครื่องบินนั้นได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้
    ทหารที่ไปด้วยกันก็เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน แต่ฝรั่งนิโกร
    ซึ่งเป็นนักบินคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จึงบังเกิดความเลื่อมใสหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
    เมื่อมีโอกาสจะต้องมาหาหลวงพ่อที่วัดเป็นประจำ
    เมื่อวัดหลวงพ่อมีงานก็จะมาช่วยงานอย่างแข็งขันทุกครั้งไป
    เมื่อถูกส่งกลับไปอเมริกาแล้วก็ยังส่งเงินมาถวายหลวงพ่ออยู่เนืองๆ
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าวัยรุ่นย่านบางรัก
    กรุงเทพฯยกพวกต่อยตีกันเป็นมวยหมู่ มีการบาดเจ็บกันเป็นระนาว
    แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆที่ได้เข้าไปประจัญบานกับเขาด้วยอย่างเมามัน
    ซึ่งภายหลังปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นล้วนแต่มี”สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ทั้งนั้น
    สอบถามได้ความว่าเคยร่วมคณะกฐินจากกรุงเทพฯซึ่งไปถอดวัดซากหมากฯแล้วเช่า
    “สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวกันคนละตัว ซึ่งครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้
    จนได้ประสบเหตุเข้ากับตัวเองจึงเชื่อและพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเดินทางไปขอเช่าที่วัดกันอีกหลายคนด้วยกัน
    แต่หลวงพ่อก็เตือนว่า”ถ้ารังแกข่มเหงเขาสิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ”
    ตามธรรมดาทุกๆปี ที่วัดซากหมากฯจะต้องมีงานประจำปี
    และมีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือนองค์หลวงพ่อขึ้นเป็นรุ่นแรก
    ได้มีทหารจำนวนหนึ่งไปเที่ยวงานและเช่าพระกริ่งนี้คนละองค์
    แล้วชวนกันไปหลังโรงเรียนวัดซากหมากซึ่งอยู่ใกล้วัดนั้นเอง เพื่อจะทดลองความศักดิ์สิทธิ์ดูให้แน่ใจ
    จึงได้นำเอาพระกริ่งของหลวงพ่อออกมาวางรวมกันแล้วยิงด้วยปืน .๓๘ ก็ปรากฏว่ายิงกี่ครั้งๆก็ไม่ออก
    แต่เมื่อเบนปากกระบอกปืนไปทางอื่นกลับยิงออกทุกนัด ทหารเรือกลุ่มนั้นจึงกลับเข้ามาในวัด
    และขอเช่าเพิ่มกันอีกจนเงินหมดกระเป๋า
    เมื่อกลับไปแล้วยังได้บอกกล่าวให้บรรดาเพื่อนฝูงพากันมาเช่ากันไปไว้ประจำตัวอีกมากมาย
    และตั้งแต่นั้นมาเมื่อหลวงพ่อมีงานอะไรขึ้น
    บรรดาทหารเรือจากฐานทัพเรือสัตหีบจะมาช่วยกันอย่างมากมายทุกครั้งไป
    เมื่อนายสงั่น ไตร่ตรอง ได้เป็นกำนันตำบลสำนักท้อนใหม่ๆ
    เคยขับรถยนต์ไปธุระที่สมุทรปราการพร้อมกับลูกบ้านอีก ๘ คน
    แต่พอรถไปถึงโค้งบางปิ้งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโค้งผีสิง จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจทราบได้
    รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบ เผอิญมีตำรวจอยู่ใกล้ๆกับบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เข้า
    คิดว่าจะต้องมีคนในรถได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงตายแน่ๆ
    จึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโดยรีบด่วน
    แต่เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเพระไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่อยู่ในรถคันนั้นได้รับบาดเจ็บกันเลย
    ซึ่งต่อมาเมื่อมีการสอบถามกันขึ้นด้วยความสงสัย จึงทราบว่าทุกคนที่ไปกันในรถคันนั้นต่างก็มี
    “สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อหอมติดตัวกันทั้งนั้น
    วิทยาเวทย์ที่เป็นคุณวิเศษของหลวงพ่อหอมวัดซากหมาก
    อีกประการหนึ่งที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยได้เรียนรู้มาก่อนคือ”การต่อชะตาดิน”ซึ่งคุณวิเศษนี้ก็เป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอย่างมากทีเดียว
    คือหากที่ดินของผู้ใดที่เคยอยู่อาศัยหรือใช้ประกอบกิจการใดๆมาก่อน
    เกิดอาการเสื่อมโทรมใช้ประโยชน์ไม่ได้ดีเหมือนเดิม
    หรือกิจการบนดินนั้นเสื่อมโทรมลงหลวงพ่อก็จะไปทำพิธี”ฝังหิน”
    ให้แล้วกิจการบนที่ดินแห่งนั้นก็จะกลับคืนเป็นคุณแก่เจ้าของดั่งเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    ซึ่งวิชาต่อชะตาดินนี้ได้เคยมีบรรดาศิษย์อยากจะเรียนจากหลวงพ่อ
    แต่หลวงพ่อก็บอกว่าผู้ที่จะเรียนได้จะต้องเป็นพระภิกษุเท่านั้น
    และเมื่อเรียนแล้วก็จะต้องตั้งมโนปนิธาณด้วยว่า
    “จะบวชจนตายในผ้ากาสาวพัตร์”คือจะสึกออกไปครองเพศฆราวาสไม่ได้อย่างเด็ดขาด
    ถ้าผิดไปจากนี้แล้วจะต้องถูก”ฟ้าผ่า”ทันที จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะเรียนต่อจากท่าน
    เพราะการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ ไม่ใช่เป็นของง่ายนักที่จะประกาศตนว่าจะไม่สึกไว้ล่วงหน้า
    นอกจากหลวงพ่อหอมวัดซากหมากจะเป็นผู้มีวิทยาคุณในทางเครื่องรางของขลังแล้วท่านยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดอีกด้วย
    ทั้งนี้เพราะท่านได้เคยศึกษาเล่าเรียนมาจากบิดาของท่านซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบล
    ในสมัยเมื่อท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ตามธรรมดาทุกๆวัน
    จะมีคนป่วยด้วยโรคต่างๆมาหาท่านที่วัดเพื่อขอให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคร้ายเหล่านั้นให้หาย
    วันหนึ่งๆถึง
    ๔๐-๕๐ คน หลวงพ่อจึงเป็นพระภิกษุผู้ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ทั้งที่เป็นคนไทย จีน แขกซิกส์
    และฝรั่ง ดังจะเห็นได้จากเมื่อหลวงพ่อมรณภาพได้มีผู้หลั่งไหลกันไปเคารพศพของท่านอย่างล้นหลาม
    โดยเฉพาะในวันถวายน้ำสรงศพของท่าน
    เจ้าหน้าที่ได้จัดให้เรียงแถวกันเข้าไปต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเศษจึงหมดคนที่ไปถวายน้ำสรงท่าน


    1532022_220315_2.jpg 1532022_220315_3.jpg
     
  9. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    217.พระท่ากระดาน เนื้อผงผสมผงกรุบางขุนพรหม หลวงพ่อนารถ วัดศรีโลหะฯ ปี 2512-2517 (((บูชา 1,500 บาท )))

    เมื่อประมาณปีพ.ศ.2509 หลวงพ่อนารถท่านได้รับนิมนต์จากสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ฟื้น ชุตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพฯ ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมปัญญาบดี ให้มาปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดสามพระยาร่วมกับพระเกจิอีก 8ท่าน ภายหลังจากเสร็จพิธีแล้ว สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านได้นำผงกรุบางขุนพรมที่ท่านได้รับมาเมื่อคราวเปิดกรุในปีพ.ศ.2500 แล้วแจ้งแก่พระเกจิที่มาปลุกเสกทั้ง 9 รูปว่า ท่านปรารถนาจะมอบผงทั้งหมดนี้แก่พระที่มาร่วมปลุกเสกแต่ไม่รู้ว่าจะแบ่งอย่างไรดี ท่านจึงให้พระเกจิทั้ง9รูปได้ทำการจับสลากเพื่อมอบผงทั้งหมดให้ หลวงพ่อนารถท่านได้ทำการอธิษฐานจิตระลึกถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผู้สร้างพระสมเด็จบางขุนพรหมและเป็นเจ้าของผงชุดนี้ว่า ท่านปรารถนาอยากจะได้ผงทั้งหมดนี้เพื่อนำมาสร้างพระเพื่อหาเงินมาสร้างโบสถ์วัดศรีโลหะ ผลปรากฏว่าท่านเป็นผู้โชคดีได้รับผงกรุบางขุนพรหมนี้มาทั้งหมด
    และเมื่อท่านกลับมาที่วัดท่านได้เริ่มดำเนินการสร้างพระผงชุดนี้ขึ้น มีจำนวนทั้งหมด 10 พิมพ์ และพิมพ์จัมโบ้อีก 1พิมพ์ รวมถึงพระสมเด็จหลังขีดแดงด้วย โดยเป็นการสร้างขึ้นเองที่วัด โดยท่านให้พระที่วัดช่วยกันทำ เป็นการสร้างแบบทยอยทำไปเรื่อยๆจนผงหมด(ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี2512-2517) เมื่อปั้มพระและนำไปผึ่งจนได้ที่แล้วท่านก็จะวางไว้ในลังกระดาษโดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเป็นชั้นๆจนเต็มลัง เมื่อถึงฤกษ์ที่กำหนดท่านก็ทำพิธีปลุกเสก เสร็จแล้วท่านจึงนำลังที่บรรจุพระเหล่านี้ขึ้นไปเก็บไว้บนชั้น2ของกุฏิท่าน โดยท่านตั้งใจว่าจะนำพระขุดนี้ออกให้ทำบุญเพื่อหาเงินมาสร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้น จึงทำให้พระชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้จวบจนท่านมรณภาพในปี2530 ภายหลังคณะกรรมการวัดได้เข้าไปตรวจดูสิ่งของภายในกุฏิท่านได้พบเจอวัตถุมงคลต่างๆของท่านรวมทั้งพระเนื้อผงชุดนี้ด้วย แต่เนื่องจากฝ้าบนเพดานตรงนั้นเกิดรั่ว ทำให้มีน้ำซึมและหยดลงมาโดนกองวัตถุมงคลพอดีและมีเกิดมีปลวกขึ้นมาทำรังอีกด้วย(เป็นที่มาของพระชุดที่มีคราบกรุนั่นเอง)
    เนื่องจากพระเนื้อผงชุดนี้ในสมัยที่หลวงพ่อนารถยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้นำมาแจกให้แก่ลูกศิษย์หรือชาวบ้านน้อยมาก เพราะท่านตั้งใจจะเก็บพระชุดนี้ไว้เพื่อหาโอกาสออกให้ทำบุญเพื่อนำเงินมาสร้างโบสถ์(หลังปัจจุบัน)นั่นเอง ทำให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริงได้กล่าวหาว่าพระชุดนี้หลวงพ่อนารถไม่ได้สร้าง และพูดทำนองที่ว่าวัดสร้างขึ้นมาเสริมทีหลัง ทำให้ในสมัยก่อนคนพื้นที่เองก็ไม่นิยมเล่นหาพระชุดนี้ ซึ่งความเป็นจริงแล้วพระชุดนี้หลวงพ่อนารถท่านได้ตั้งใจสร้างขึ้นมาเอง(ทำเองที่วัด) และที่สำคัญคือพระชุดนี้ท่านได้ผสมผงกรุบางขุนพรหมที่ท่านได้รับมาลงไปจนหมด

    1532022_220315_6.jpg 1532022_220315_7.jpg
     
  10. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    218.เหรียญปั๊มรุ่นแรก หลวงพ่อมน วัดนาพรม พ.ศ. 2496 จ.เพชรบุรี ((( บูชา 1,500 บาท )))
    สภาพน่ารัก เหรียญประสบการณ์เมืองเพชรครับ

    พระครูมน สุวณฺโณ ชาติภูมิ นามเดิม มน นามสกุล แก้วสนทอง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2421 แรม 15 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ที่บ้านนาขลู่ ตำบลนาพันสาม อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อนายแก้ว โยมมารดาชื่อนางดำ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม 5 คน คือ 1. นางเลี่ยม สนพราย 2. นางเกลื่อน 3. นายมน แก้วสนทอง(พระครูมน) 4. นางเกลี้ยง 5. นางกลิ้ง
    ชีวิตในวัยเยาว์ โยมบิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับพระอธิการอาจเจ้าอาวาสวัดนาพรม เพื่อศึกษาอักขระสมัยและอบรมศีลธรรมจรรยามารยาทจนมีความรู้อ่านออกเขียนได้ทั้งภาษาไทยและขอม เป็นที่รักใคร่ของอาจารย์ ต่อมาได้ลาออกกลับมาอยู่บ้านเพื่อช่วยโยมบิดามารดาประกอบอาชีพ ครั้นอายุครบ 21 ปี จึงได้เข้าอุปสมบทเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2442 ณ พัทธสีมาวัดนาพรหม โดยมีเจ้าอธิการสังข์ วัดบางทะลุ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดบุญ วัดชีว์ประเสริฐกับพระอธิการอาจ วัดนาพรหม เป็นคู่พระกรรมวาจารย์-อนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุวณฺโณ” เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่วัดนาพรหม อยู่เล่าเรียนพระปริยัติธรรมตลอดจนปฏิบัติสมณกิจเรียบร้อยด้วยดีเสมอมา

    สมณศักดิ์และตำแหน่งต่างๆ

    พ.ศ. 2472 ได้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดนาพรมและได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสตามลำดับ

    พ.ศ. 2479 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน ตำแหน่งกรรมการศึกษา

    พ.ศ. 2487 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

    ช่วงปัจฉิมวัย ใน พ.ศ. 2493 หลวงพ่อมนเริ่มมีอาการอาพาธเป็นอัมพาต เดินทางไปไหนลำบาก บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือได้จัดการนำแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนโบราณมาทำการเยียวยารักษาแต่อาการอาพาธของหลวงพ่อมนก็มีแต่คงที่ไม่ดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามท่านยังคงปฏิบัติสมณกิจออกให้การบรรพชา-อุปสมบทแก่กุลบุตรผู้เลื่อมใสด้วยจิตอนุเคราะห์อยู่เสมอ จวบจนอาการของท่านได้กำเริบขึ้นสุดความสามารถที่แพทย์จะเยียวยาได้ หลวงพ่อมนได้มรณภาพลงเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2497 แรม 10 ค่ำ เวลา 15.20 น. ด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 76 ปี พรรษาที่ 55


    เหรียญท่านเป็นเหรียญที่ชาวบ้านละแวกบ้านนาพรมนับถือ เคารพศรัทธามีประสบการณ์มากมายต่อเนื่อง

    1532022_220315_4.jpg 1532022_220315_5.jpg
     
  11. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    219.เหรียญอาจารย์หนู จิตตสุทธิ ราชบุรี ปี 2510 ((( บูชา 650 บาท)))

    1532022_220315_0.jpg 1532022_220315_1.jpg
     
  12. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    220.เหรียญหลวงพ่อทองสุก วัดหัวบึงทุ่ง จ.นครพนม รุ่นแรก ปี พ.ศ. 2520 ((( บูชา 650 บาท )))
    เหรียญสภาพสวยกริ๊ป ครับ


    หลวงพ่อทองสุก สุธฺมโม วัดหัวบึงทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม หลวงพ่อท่านมีอายุถึง 100 กว่าปี เหรียญรุ่นแรก ปี 2520 ศิษย์สร้างถวาย หลวงพ่อทองสุกท่านเป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น แต่เดิมก่อนมาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นท่านได้ร่ำเรียนวิชาอาคมมามากพอสมควร ก่อนจะมาร่ำเรียนด้านวิปัสนากรรมฐาน ท่านเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านในระแวกนั้นทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาวมากพอควร ถือว่าเป็นอดีตพระเกจิอาจารย์สายวิปัสนากรรมฐานผู้สูงด้วยบารมีธรรมอีกรูปหนึ่งและพระเกจิที่น่าเลื่อมใสนับถือแห่งดินแดนภาคอีสาน
    ครั้งมีอายุครบ ๑๐๘ ปี เมื่อตอนปลุกเสกเหรียญเสร็จแล้ว ท่านได้เอาสายสิญจน์ที่ใช้ในการปลุกเสกเหรียญนั่นแหละ มาจ่อกับเปลวเทียนไขที่ใช้ในพิธี จ่ออยู่พักใหญ่สายสิญจน์ก็ไม่ไหม้ไฟ จนเกิดความฮือฮาในหมู่ลูกศิษย์ที่นั่งชมการปลุกเสกกันมาก นอกจากนี้แล้วท่านยังกำชับอีกว่า "เหรียญของท่านห้ามนำไปทดลองเป็นอันขาด" เพราะท่านได้ลงคาถาป้องกันตัวเอาไว้ หากนำไปทดลองแล้วอันตรายจะสะท้อนกลับมาหาตัวเอง แต่ก็มีคนลองดีเอาเหรียญท่านไปทดลองยิง เท่านั้นแหละครับได้เรื่องเลย “ปืนระเปิดใส่หน้าตาแตกเลือดโกรกเลย” แล้วนับแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเอาเหรียญท่านไปทดลองยิงอีกเลย


    1532022_220315_8.jpg 1532022_220315_9.jpg
     
  13. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    221.เหรียญหลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน รุ่นแรก ปี 2506 จ.เพชรบุรี ((( บูชา 1,750 บาท ))) ปิดรายการ
    พระสภาพสวยแชมป์

    พระครูวชิรรังษี (หลวงพ่อจันทร์ ธมมสโร) วัดมฤคทายวัน ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี "ศิษย์ในหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง"

    33302987_1820920318203505_3027754650062290944_n.jpg
    ประวัติหลวงพ่อจันทร์
    หลวงพ่อจันทร์ถือกำเนิดที่บ้าน ตำบลบางหวาย อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2443 เป็นบุตร นายแม้น กับนางปุ้ย ขำม่วง มีพี่น้องอีก 2 คน คือ 1.นายจง ขำม่วง 2.นายเมี้ยน ขำม่วง...
    ...หลวงพ่อจันทร์ เดินทางมาสู่อำเภอชะอำ ในเพศของสามเณรด้วยการติดตามพระอาจารย์ คือ พระครูพินิจสุตคุณ(หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง)ซึ่งเดินธุดงค์ปักกรดไปยังสถานที่ต่างๆ และสุดท้ายมาปักกรดที่เขตตำบลบางเก่า ในขณะนั้นเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวงว่างลง ประชาชนที่ไปทำบุญยังที่ปักกรด เกินความศรัทราในบุคลิกลักษณะและปฏปทา ในตัวหลวงพ่อทองศุข จึงอาราธนาให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวง จ.เพชรบุรี สามเณรจันทร์ ซึ่งติดตามท่านพระอาจารย์อยู่ไหน ศิษย์ก็ต้องอยู่นั่นด้วย...
    ...หลวงพ่อจันทร์ได้บรรชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 12 ปี ที่วัดใหม่ ตำบลหวาย อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และได้อุปสมบทโดยไม่ได้ลาสิขาจากสามเณร เมื่อ วันที่ 1 กรกฏาคม พ.ศ. 2464 ที่วัดโตนดหลวง ซึ่งมีเจ้าอธิการแช่ม วัดนายาง เป็นพระอุปฌาย์ พระครูทองศุข วัดโตนดหลวง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ณ วัดโตนดหลวง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี จำพรรษาได้ 10 พรรษา หลวงพ่อทองศุข ได้ส่งไปสร้างวัดใหม่ขึ้นที่หมู่บ้างช้างแทงกระจาด ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และเป็นเจ้าอาวาสวัดช้างแทงกระจาดอยู่ 26 พรรษา...
    ...หลวงพ่อจันทร์จึงได้มาสร้างวัดใหม่อีก เมื่อในปี พ.ศ. 2499 ทางรัฐบาลสมัยนั้นมีการประกาศเฉลิมฉลอง 25 พุทธศัตวรรษ ในปี พ.ศ. 2550 หลวงพ่อจันทร์ เกิดความศรัทรา จะทำกุศลให้เป็นอนุสรณ์ 25 พุทธศตวรรษ จึงได้มาสร้างวัดใหม่ขึ้น เพื่อเป็นการฉลอง 25 พุทธศตวรรษเป็นพุทธบูชา ขึ้นที่ระหว่างหมู่บ้านห้วยทรายเหนือ กับหมู่บ้านห้วยทรายใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกรมทรัพย์สิน จำนวน 16 ไร่เศษ คือวัดมฤคายวันในปัจจุบัน หลวงพ่อจันทร์ เป็นเจ้าอาวาสวัดมฤคทายวันได้ 21 พรรษา จนกระทั่งถึงวันที่ 18 กรกฏาคม พ.ศ. 2521 ก็ถึงแก่มรณะภาพ รวมอายุของท่านได้ 77 ปี 8 เดือน 12 วัน...


    1532022_220315_10.jpg 1532022_220315_11.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2022
  14. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    222.เหรียญหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ ปี 2515 รุ่น 3 จ.นครพนม ((( บูชา 1,500 บาท ))) ปิดรายการ

    เหรียญวัตถุมงคล "หลวงปู่จันทร์" หรือ "พระเทพสิทธาจารย์" พระเถรานุเถระชื่อดังแห่งวัดศรีเทพประดิษฐาราม อ.เมือง จ.นครพนม ในฐานะศิษย์เอกพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล และท่านยังเรียนกับหลวงปู่มั่น ในด้านกรรมฐานเพิ่มเติมอีกด้วย หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ เป็นพระสงฆ์รูปแรกที่สามารถทำให้พระสายธรรมยุตมีหลักที่มั่นคงในนครพนม และเป็นผู้บุกเบิกการสอนกรรมฐานในจังหวัด ท่านจะออกวัตถุมงคลเพียงแค่ 3 รุ่น คือรุ่น พ.ศ.2500 (ราคาหลักแสน สำหรับเหรียญกะไหล่สวยๆ) ส่วนรุ่นสอง ปีพ.ศ.2512 ค่านิยมก็หลักหมื่น และ เหรียญหลวงปู่จันทร์ รุ่น พ.ศ.2515 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะมรณภาพลงในปี พ.ศ.2516 เหรียญหลวงปู่จันทร์ รุ่น พ.ศ.2515 เป็นเหรียญรูปไข่ เฉพาะด้านหลังมี 3 พิมพ์ คือ ยันต์วัด ยันต์วัดอุขาด และของพุทธสมาคม
    เหรียญยันต์ขาด รุ่น 3 สร้างโดยพระธรรมบัณฑิต (ศิลา สิทธิธัมโม) วัดนรนาถสุนทริการาม กรุงเทพฯ เป็นผู้ดำเนินการสร้างเมื่อปี 2515 โดยมีวัตถุประสงค์แจกให้ผู้มีจิตศรัทธาสมทบทุนสร้างโรงเรียนพระปริยัติ และเป็นทุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร เรียนบาลี สำนักเรียนวัดศรีเทพฯ เนื้อทองแดงสร้าง 5000 เหรียญ ไม่มีเสริม หลวงปู่จันทร์ปลุกเสกเดี่ยวให้ 1 ไตรมาส และมีเข้าพิธีพุทธาภิเษก


    1.jpg

    หลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านมีนามเดิมว่า จันทร์ สุวรรณมาโจ
    เกิดเมื่อ วันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๔ ปีมะเส็ง ณ บ้านท่าอุเทน หมู่ ๓ ตําบลท่าอุเทน อําเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โยมบิดาชื่อ นายวงศ์เสนา สุวรรณมาโจ มารดาชื่อ นางไข สุวรรณมาโจ อาชีพชาวนา ชาวไร่ ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา เดียวกัน ๖ คน ท่านเป็นคนที่ ๓ ในสมัยเป็นเด็กชายเล็กๆ เคย เป็นโรคหืดหอบ ก็มีเทวดาเข้านิมิตบอกยาให้คือ “ยาต้นส้มป่อย” ท่านจึงหาต้นส้มป่อยมาต้มกิน แล้วก็รักษาหายมาตั้งแต่บัดนั้น จนกระทั่งอายุได้ ๖๐ ปี

    ต่อมาบิดาเกิดเสียชีวิตลง ตอนนั้นอายุของหลวงปู่จันทร์ได้ ๑๐ ปีพอดี จึงบวชสามเณรหน้าไฟ โดยถือเป็นประเพณีของชาวไทยชนบททุกๆ ภาค บวชเณรแล้วก็ได้มาจําพรรษา ณ วัดโพนแก้ว ได้ศึกษาหลักพระพุทธศาสนามีพระธรรมวินัยเป็นต้น นอกจากนี้สมัยเป็นสามเณรน้อยอยู่นั้น ท่านได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานโดยการไปขอฝึกอยู่ กับท่านพระอาจารย์สีทัตถ์ ด้วยท่านเป็นพระนักปฏิบัติมีความชํานาญด้านสมถกรรมฐานและ วิปัสสนากรรมฐาน หลังจากนั้นก็ได้เดินธุดงค์ ไปทางฝั่งประเทศลาว

    สมัยเป็นสามเณรหลวงปู่จันทร์ เคยถูกหญิงสาวรูปร่างดี สวย ผิวขาวเหลืองดังขมินฉาบทา เดินมาประจันหน้าแล้วก็ท้าปลา กัน… เมื่ออายุได้ ๒๐ ปี ท่านก็อุปสมบท ณ วัดโพนแก้ว อําเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
    โดยมี พระอาจารย์เหลา ปัญญาวโร เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “เขมิโย” หลังจากบวชเป็นพระแล้ว ท่านก็ต้องหนีบรรดาสาวสวยลูกพญามาร ที่มาเฝ้าเวียนแวะแสดงอิตถีมายาต่าง ๆ ท่านเป็นนักปฏิบัติ กระแส กิเลสจึงยากแก่การไหลซึมเข้าจิตใจของท่าน หลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านเป็นพระผู้มีปฏิปทาบริสุทธิ์งดงาม เป็นที่เคารพบูชาของประชาชน โดยทั่วไป ความดีมีมากก็ไม่ดี เพราะคนเรานี้ถ้าลองได้ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินอันราบเรียบด้วยกันแล้ว แม้มีความดีมากก็มักถูกอิจฉาตาร้อน แต่ถ้ามีความชั่วแยะเขาก็ค่อนแคะด่าทอ เอาอะไรกับใจของคนที่ไร้ร่องรอย เพียงองค์พระแก้วมรกตองค์ เดียวกันแท้ๆ เว้นแต่เปลี่ยนทรงในสามฤดูกาล คนก็มองความงามไม่เหมือนกันแล้ว แล้วจะเอาอะไร ดังนี้หลวงปู่จันทร์จึงถูกกลั่นแกล้ง คิดฆ่าให้ตาย โดยการส่งคุณไสย เสกหนังควายเข้าท้องบ้าง เสกวัวทองหรือวัวแดง มาทําร้ายบ้าง แต่วิชาเหล่านี้ หลวงปู่เคยศึกษามาแล้ว แล้วก็โยนลงถังขยะไปนานแล้วตั้งแต่สมัยเป็นสามเณร อายุ ๑๔-๑๖ ปีโน้น ต่อมาหลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านได้เข้าสมทบอบรมธรรมกับ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และพระปัญญาพิศาลเถร (หนู ฐิตปัญโญ) ได้ฝึกอบรมจิตจนได้รับความก้าว หน้าทางจิตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้มีท่านพระอาจารย์สีทัตถ์ มาร่วมสมทบเข้าอีก ก็ย่อม เป็นพลังอันสําคัญของพระพุทธ ศาสนายิ่งขึ้น หลวงปู่จันทร์ เขมิโย มีธรรมะที่เป็นหัวใจเคยอบรมศิษย์อยู่เสมอๆ ว่า “ทํากรรมฐาน ถ้าไม่พบตัว วิปัสสนาก็จะไม่มีทางพบกับความสุขอันแท้จริงได้

    “สมฺพปาปสุส อกรณ์ ถ้าจะเข้าถึงพระพุทธเจ้าจะต้องไม่ทํา ชั่วทุกอย่าง ศีลต้องบริสุทธิ์

    กุสลสสูปสมุปทา ทําความดี มีเฉลียวฉลาด ศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมเสมอทําจิตให้ผ่องแผ้ว นี้เป็นจุดหมายอันแท้จริงของพระพุทธเจ้า และพระศาสนาอย่างแท้จริง”

    เมตตาครั้งสุดท้าย “ปู่อนุญาต จงพากันทําโดยเร็วเถิด เพราะอีกไม่นานปู่ก็จะต้องจากลูกหลานไป ปู่จะแผ่เมตตาด้วยเต็มใจ จักได้เป็นอนุสรณ์แก่ลูกหลานเป็นครั้ง สุดท้าย เพราะขณะนี้เขาสร้าง เรือนไว้สําหรับปู่จวนเสร็จเรียบ ร้อยแล้ว”
    หลังจากนั้นเพียง ๓ เดือน หลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านก็มรณภาพด้วยอาการสงบ จากไปแล้ว พระเถระผู้ทรงคุณแห่งนครพนม
    หลวงปู่จันทร์ เขมิโย ท่านถึงมรณภาพ ด้วยโรคชรา ในวันศุกร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๖ สิริรวมอายุได้ ๘๒ ปี พรรษา ๗๒


    1532022_220315_12.jpg 1532022_220315_13.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2022
  15. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    223.พระเนื้อว่านหลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า ยุคต้น ระโนด สงขลา ((( บูชา 4,500 บาท )))

    นับสิบกว่าปีที่ผ่านมา หลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า เป็นที่รู้จักของนักนิยมสะสมพระเครื่องทั้งสายใต้ ตลอดจนทั่วประเทศ ด้วยอิทธิคุณด้านโภคทรัพย์ เมตตา ค้าขาย เจริญก้าวหน้า อย่างเชื่อขนมกินได้ ของพระเครื่องของท่าน ด้วยสัญลักษณ์ในด้านการค้าขายเป็นเหตุให้พระเครื่องพิมพ์นางกวัก มีราคาพุ่งสูงแซงพระเครื่องพิมพ์อื่นๆของท่าน แซงพระเครื่องยอดนิยมในถิ่นในยุคเริ่มต้นทุกๆพิมพ์ ยกตัวอย่างย้อนไปสักประมาณ 20 ปี ก่อนพระเครื่องสายหลวงพ่อปลอด พระพิมพ์นางกวักมีค่านิยมที่แทบจะลำดับท้ายๆ เลยทีเดียว แต่ฉะนั้น พระเครื่องของท่านไม่ว่าจะรุ่นไหน พิมพ์อะไร มีอิทธิคุณไม่แตกต่าง อยู่ที่ว่าผู้นำไปใช้บูชาในด้านใดในชีวิตประจำวัน ทำให้ในยุคปัจจุบันเรื่องรบราฆ่าฟันมีน้อยลง คนมีวิถีเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ อุปเท่ห์พิมพ์นางกวักจึงเป็นพิมพ์ที่ตอบโจทก์ การบูชาในยุคนี้มากกว่าพิมพ์อื่น ราคาบูชาเช่าหาจึงสูงขึ้นจนปัจจุบันนับว่าเป็นพิมพ์ที่แพงที่สุดของหลวงพ่อปลอดวัดหัวป่า แต่อย่างไรก็ตามพระพิมพ์อื่ืนของท่านก็บูชาได้อย่างดีเยี่ยม บางองค์เนื้อเดียวกันสร้างคราวเดียวกันเสกคราวเดียวกันกับพิมพ์นางกวักอีกด้วย

    สำหรับองค์นี้เนื้อหามันส์ พระสวย จัดจ้าน ราคานี้เมื่อเทียบกับนางกวักราคาต่างกันเกือบ 10 เท่าครับ

    UJ09072806A-6020.jpg UJ09072806B-7279.jpg
    UJ09072806C-2272.jpg
     
  16. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    224.เหรียญหล่อพระศาสดาใบเสมา ภปร. วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2532 กทม. ((( บูชา 3,250 บาท ))) จอง>>>พี่j999
    เนื้อนวะ (ราคาจอง 3,999 บาท )))

    พระศาสดา ภปร. ปี32 วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ พ.ศ.2532 สร้างเนื่องในโอกาสครบสองทศวรรษโรงพยาบาลรามาธิบดี ศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ เนื้อชนวนโลหะที่นำมาหลอม นอกจากแผ่นอักขระยันต์และชนวนโลหะมงคลจำนวนมากแล้ว สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานลงอักขระแผ่นทอง แผ่นนาก และแผ่นเงิน อย่างละ 5 แผ่น เพื่อนำมาหล่อหลอมเป็นองค์พระกริ่งศาสดา พิธีเททองโดยสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประกอบพิธีเททองหล่อพระศาสดาชุดนี้หน้าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร วันพฤหัสบดี ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 11 พฤษภาคม 2532 เวลา 13.18 น. อันเป็นราชาฤกษ์และได้เกณฑ์เพชรฤกษ์และธนโยค พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ที่วัดบวรนิเวศ โดยมีสมเด็จพระสังฆราช เป็นองค์ประธาน

    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้ทรงเป็นประธานให้ โดยนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2532 โดยมีประธานฝ่ายสงฆ์ คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงจุดเทียนชัย เมื่อเวลา 18.30 น. อันเป็นบูรณฤกษ์ (ภูมิปาโล) และทรงแผ่เมตตาจิตให้จนเสร็จพิธี มีพระสงฆ์เจริญ พระพุทธมนต์ 10 รูป สวดพุทธาภิเษก 4 รูปและมีพระเกจิคณาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตอีก 9 รูป มีหลวงพ่อุตตมะ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธินิมิต เป็นอาทิ

    พระศาสดาท่านได้ชื่อว่าเป็น"พระหมอ" ส่วนใหญ่จะมีคนไปขอบนกับท่านแล้วจะหายทุกราย หากการอธิษฐานนั้นไม่เกินกรรมทางโรงพยาบาลรามาจึงนำรูปท่านมาสร้างเพื่อหมายให้ผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยได้นำไปบูชา

    ในการสร้างนั้นสร้างขึ้นโดยคณะแพทย์ศาสตร์ของโรงพยาบาลรามาเองซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยร่วมกับมูลนิธิรามาธิบดีในการจัดสร้างวัตถุมงคลบชุดนี้เพื่อดำเนินการหาทุนเพื่อตั้งเป็นกองทุนผู้ป่วยที่ยากไร้ และก่อสร้างศูนย์การแพทย์สิริกิติ์

    ในที่นี้จะพูดถึงพระศาสดาหลัง ภ.ป.ร. และความพิเศษที่น่าสนใจดังนี้

    1. มีปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร.ขององค์พระมหากษัตริย์ ผู้เป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวไทย ประดิษฐ์อยู่ด้านหลังขององค์พระศาสดาเป็นครั้งแรก

    2. มีประธานฝ่ายสงฆ์ คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานอุปการคุณฝ่ายสงฆ์

    3. รายได้ที่เกิดขึ้นนำมาใช้ในกองทุนผู้ป่วยยากไร้ และสร้างอาคารรักษาผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี

    ขอบคุณประวัติจาก https://thaigoldcoin.tarad.com/products_detail/view/4709778ครับ


    UJ09102806A-7492.jpg
    UJ09102806B-8937.jpg UJ09102806C-8226.jpg
    UJ09102806D-5517.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2022
  17. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,970
    ค่าพลัง:
    +5,385
    ขอจองครับ
     
  18. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับพี่
     
  19. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    ปิดรายการ

    190.ชุดปรกหลวงพูล วัดบ้านแพน จ.อยุธยา ((( บูชาชุดละ 950 บาท )))
     
  20. ศิลป์พระ9

    ศิลป์พระ9 Active Member สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    617
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +485
    ปิดรายการ

    222.เหรียญหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ ปี 2515 รุ่น 3 จ.นครพนม ((( บูชา 1,500 บาท )))

    221.เหรียญหลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทายวัน รุ่นแรก ปี 2506 จ.เพชรบุรี ((( บูชา 1,750 บาท )))
     

แชร์หน้านี้

Loading...