สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ป้จจุบัน ท่านไม่ค่อยทำแล้วแระ ต้องไปจองคิววันนี้ เพื่อดูวันพรุ่งนี้
เด่วนี้ รับแค่วันละ ๒๕ คนเท่านั้น พิธิยิบย่อ ท่านไม่ค่อยทำแล้วจร้า

ปล. ส่วนตัวไปครั้งไหน เจอครั้งนั้นแระ เรื่องคนถูกผีเข้าบ้าง
สืบเชื้อมาบ้าง ป่วยรักษาแพทย์ปัจจุบันไม่หายบ้าง
ปว่ยเป็นโน้นนี่นั้นสารพัดบ้าง มีทั้งเรื่องทางโลก สารพัดเรื่อง
ไปนั่งฟัง บางทีก็แอบขำเรื่องคนอื่นๆก็มี

 

ขอถามพี่นพ เรื่องกรรมของดารานักร้อง คือสงสัยมานานแล้วว่าดารา-นักร้อง-นักแสดง ที่ดังๆที่ทำให้คนหลงใหลในรูปร่างหน้าตา เพลงยั่วยวน หยาบคาย ด่ากันหยาบๆ หรืออื่นๆเช่นยาเสพติด ซึ่งเป็นการชี้นำ และทำให้เห็นเป็นของธรรมดา ตั้งแต่อดีตมาบางคนตายเร็วหรือไม่ก็เป็นโรคร้าย ผมสงสัยว่าโดนทางโลกวิญญาณจัดการหรือเปล่าครับ

 

ประเภทตายเพราะโลกทางวิญญานนะ มีน้อยมากจริงๆ แต่ไม่ใช่ไม่มี
ต้องดูเป็นกรณีๆไป
ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตามนะ ต้องประมาณว่า มีเหตุเข้าไป
ข้องเกี่ยวทางด้านโลกวิญญานจริงๆ ซึ่งพอเข้าไปข้องเกี่ยว
ก็จะไปรับ กระแสต่างๆในส่วนวิญญานนั้นๆเข้ามา
จนเป็นเหตุให้อายุสั้นลง

โดยปกติ ที่ตายๆกันไป ที่เราเข้าใจว่า ก่อนเวลาอันควร
จะเป็นการสร้างเหตุให้เกิดกระแส
ต่างๆจากภายนอก ณ ปัจจุบัน กับไม่ได้สร้างเหตุที่ดีไว้
เพื่อรองรับ กระแสที่จรเข้ามาจากอดีตที่เรามักเรียกวิบากกรรม
กลายเป็นให้กระแสเหล่านี้ก่อตัว จนเป็นต้นเหตุของสาเหตุของการเสีย
ชีวิตไม่ว่าจะด้วยแบบคาดไม่ถึง หรือ ว่าแบบป่วยตายก่อนวัยอันควร


พยายามมอง ภาพรวมๆ เช่น สภาพแวดล้อม ลักษณะการใช้ชีวิตทั้งทางกาย
และจิต ร่วมเหตุก่อนจะเกิด ลักษณะการเสียชีวิต เราจะพอคาดการณ์อะไรๆได้เองนั่นแระ

สาเหตุที่เราเข้าใจ ก็เป็นเพียงบางส่วน
แต่ยังไม่สามารถไปสรุปได้ว่า เป็น กรณีเพราะทางโลกวิญญาน

ถ้าสังเกตุ มันจะมีการสร้างเหตุก่อนเสมอ
เหตุในปัจจุบัน เหตุจากอดีต
ก่อนที่จะเป็นเหตุในอดีตชาติ......


ปล. ตราบใดที่บุคคลใด ประกอบอาชีพใดก็ตาม
แต่ยังมีการสร้างอานิสงค์ สร้างบารมี ทำบุญอะไรอยู่
เค้าก็ยังมี กองบุญกองกุศลในส่วนนั้นอยู่

ส่วนตัวมองว่า เท่าที่เห็นก็ตายแบบปกตินะ
เช่น จากอุบัติเหตุ จากร่างกายบกพร่อง
และจากเหตุที่ส่งให้ถึงคาดในเวลาอันควร

ทั่วๆไปไม่มีอะไรหรอก

กรณีถ้าเป็น ส่วนโลกวิญญานทำ
เค้าจะเอาไปเป็นกลุ่ม...

 

รบกวนคุณพี่นบดูให้หน่อยครับ กระแสพลังงานของแต่ละองค์ท่าน
มีหลายองค์ที่สร้างเสกหรือท่านองค์เดียวครับ
ผมจะเชื่อมพลังงานกับองค์พระได้ไว ทำไงบ้างครับ
ผมเหมาะสายพลังงานทางไหนที่จะฝึกไปได้ไวบ้างครับ

 

เป็นพลังงานแนวพระโพธิสัตว์ทั้งสองชิ้นนะ
พระซุ้มกอเป็นคนที่เป็นกษัตริย์นะทำนะ
ส่วนตะกรุดเป็นพระสงฆ์

เรามาทางสายพลังงานแนวท่านพ่อปู่ฯ
ที่เป็นหมอรักษาพระพุทธเจ้านั่นแระ
คือสามารถอฐิษฐานจิตต่างๆ
รวมทั้งใช้รักษาโรคได้

ถ้าจะเชื่อมต้นกะแส ตอนนี้ใช้การสวดมนต์
เอาและก็อฐิษฐานขอเชื่อมต้นพลังงาน
ท่านที่ปลุกเสก ใช้บทนะโมฯ(๓ จบ)
กับพุทธธังฯ ธรรมมังฯ สังฆังฯ พอ
ทริคคือ พอท่องจบให้เป่าลมออกจากปาก
ไปที่องค์พระให้ยาวที่สุดภายในครั้งเดียว

ปล ปกติไม่รับดูพระ

 

ขอบคุณครับคุณพึ่นบ จะนำไปฝึกแล้วติดตรงส่วนไหนของการปฏิบัติจะถามสอบถามเพิ่มเติมครับ
แล้วทางพ่อปู่ที่เป็นหมอรักษา ต้องปฏิบัติแนวทางไหน
ของกองกรรมฐาน หรือภวนาแบบไหน
ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

ปฎิบัติสายที่กรรมฐานที่ขึ้นด้วยภาพพระ
เพียงแต่เวลารักษาใข้การอฐิษฐานเอา

 

ผมรบกวนเรียนสอบถามพี่นพครับ ผมเพิ่งได้รับหินปฐวีธาตุมาจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่งในกระทู้ห้องสนทนา “แจกฟรี แต่มีค่าส่ง” ครับ เป็นหินปฐวีธาตุธรรมดาที่ยังไม่ได้ผ่านการอธิษฐานจิต หรือ เข้าพิธีพุทธาภิเษกจากครูบาอาจารย์ครับ ตามปกติเวลาผมสวดมนต์ ผมจะต้องมีพระเครื่องหรือวัตถุมงคลอย่างน้อยหนึ่งองค์เอาไว้กำพนมไว้ในมือขณะสวดมนต์ไหว้พระครับ ครูบาอาจารย์ท่านให้นึกถึงองค์พระและวัตถุมงคลที่กำพนมเอาไว้ในมือด้วย ซึ่งพลังงานพุทธคุณจากพระเครื่องและวัตถุมงคลจะช่วยให้จิตของเราสงบเป็นสมาธิได้ดียิ่งขึ้น ผมมีความเชื่ออย่างนั้นครับพี่นพ ผมจึงนำหินปฐวีธาตุที่ได้รับมาไปใช้ประกอบในการสวดมนต์ด้วยครับ โดยกำพนมไว้ในมือขณะสวดมนต์ร่วมกับพระเครื่องและวัตถุมงคลองค์อื่นๆของผมครับ ผมรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดเป็นปกติ และ สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำอยู่แล้วครับ ผมชอบและถูกจริตกับการสวดมนต์และแผ่เมตตาครับ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึงเกือบๆ 2 ชั่วโมงในการสวดมนต์แต่ละครั้งครับ ถ้าวันไหนมีเวลาว่างก็จะสวดมนต์และแผ่เมตตา 2 เวลา (เช้า/เย็น) ครับ ส่วนในเวลาอื่นๆ ผมก็จะพยายามตามดู ตามรู้ พยายามสังเกต รู้เท่าทันความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตนเองตามความเป็นจริงในปัจจุบันขณะครับ ผมเริ่มต้นปฏิบัติธรรมในช่วงปลายปี 2561 ครับ ไปปฏิบัติธรรมที่ยุวพุทธฯประมาณ 20 ครั้งแล้วครับ ส่วนมากก็จะตามแนวทางสติปัฏฐาน 4 ครับ ผมมีข้อสงสัยว่าที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้น่าจะถือว่าเป็นการปฏิบัติบูชาอยู่แล้ว มันน่าจะเพียงพออยู่แล้ว จำเป็นไหมครับว่าผมต้องนำหินปฐวีธาตุก้อนนั้นไปบูชาด้วยการแช่ในน้ำมนต์และลอยดอกไม้ในทุกๆวันพระครับ? มีกัลยาณมิตรแนะนำให้บูชาหินปฐวีธาตุแบบนั้นครับพี่นพ ผมจึงได้นำหินปฐวีธาตุที่ได้รับมาไปถักเชือกเทียนอย่างดีและบูชาด้วยการแช่ในน้ำมนต์และลอยดอกไม้ทุกๆวันพระในผอบเซรามิคครับ ผมอยากทราบความคิดเห็นของพี่นพในประเด็นนี้ครับ

อีกข้อสงสัยหนึ่งคือผมได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาจากกัลยาณมิตรท่านที่ได้ให้หินปฐวีธาตุผมมาด้วยครับ พระบรมสารีริกธาตุนี่ผมสามารถตั้งบูชาท่านไว้ในระดับเดียวกับพระอรหันต์ธาตุของครูบาอาจารย์ได้หรือไม่ครับ? หรือควรจะต้องจัดตั้งองค์ท่านไว้ให้สูงกว่าพระอรหันต์ธาตุครับ? และเราสามารถใช้มือจับพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุได้หรือไม่ครับ? คือผมจะแยกองค์ท่านไปใส่ในผอบอื่นนะครับ ไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ใดๆเลย ผมเคยได้ยินมาว่าเป็นเรื่องไม่สมควร เราไม่ควรจับต้ององค์พระธาตุด้วยมือเปล่า ประมาณว่าเป็นการลบหลู่พระรัตนตรัยอะไรทำนองนั้นนะครับ

ถ้าพี่นพสะดวกหรือมีเวลาว่าง ผมรบกวนพี่นพช่วยกรุณาตอบข้อสงสัยผมด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง

รชฏ, your BIG fan

 

หินปฐวีธาตุช่วยเพิ่มและส่งเสริมในเรื่องของกำลังสมาธิใช้งานนะ
คำว่าใช้งาน คือ การนำไปใช้ในขณะใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะนำไปใช้ในทางใดๆก็ตาม

ว่าในเรื่องของ สมาธิ ถ้ามองทางด้านสภาวะที่เป็นนามธรรมนะ
มันก็คือ ความสามารถใน การยับยั้ง ชั่งใจ ไม่ก้าวล่วง ไม่ละเมิด
พูดง่ายๆคือ ความสามารถในการระงับการเกิดของใจ ที่ต่อไปจะกลาย
เป็นการปรุงแต่งต่างๆนาๆ นั่นเอง

หินปฐวี เมื่อมีคุณสมบัติดังนี้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เราควรจะนำมาใช้
งานเพื่อช่วยส่งเสริมให้ตรงประเด็นที่สุด จะได้ประโยชน์มากกว่า

การที่เราเชื่อ และได้ผลว่า ช่วยให้จิตสงบเร็ว นั่นไม่ผิดอะไรนะ
เพราะเป็นเหมือนผล ตย.เปรียบ สมมุติเราขับรถยุโรป เราคิดว่าเท่ห์ซึ่ง
ก็ดูเท่ห์จริงๆ แต่ประเด็นหลักๆมันคือ ได้ในเรื่อง ของสมรรถนะของช่วงล่างที่ดี
ซึ่งมองภายนอกไม่เห็นนั่นเอง พอเข้าใจนะ

ว่าในเรื่องของระบบแรง ฟังไว้ก่อนนะ
เวลาสวดมนต์ ระบบแรงปกติ ที่ทำให้จิตสงบ
เส้นสายของแรงมันจะวิ่งขึ้นไปข้างบน (ปกติมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถ้าจิตเริ่มทำงานได้)
ผ่านเหนือศรีษะ ไปในทิศทางตั้งฉากกับพื้น
แต่ระบบแรงปกติของ ปฐวีธาตุ จะหมุมเป็นวงกลม ลองมโนภาพตามนะ

ถ้าเราเอาหินปฐวีมาไว้ในมือ พนมมือไว้ตอนสวดมนต์ ก็จะเกิดระบบแรง ๒ แบบคือ
๑.ระบบที่วิ่งขึ้นบนจากการสวดมนต์
และ ๒. ระแบบเเรงที่หมุนในมือ มันจะหมุนตั้งฉากกับพื้น หรือ หมุนในทิศทาง
เหมือนล้อรถยนต์

การทำงานก็คือคือแรง ๒ จะไป ส่งผล ให้ ๑ เร็วขึ้น
ผลที่ได้ก็คือ เราเลยรู้สึกว่า สงบเร็วขึ้น พอนึกออกไหม
ดังนั้น พอเรามาใช้ชีวิตปกติ เราอาจจะไปพบว่า
ความสามารถ ในการยับยั้ง ระงับ ไม่ล่วงละเมิดเราจะไม่เพิ่มขึ้น
แม้ว่า จะรู้สึกว่า ใจนิ่งขึ้น สงบขึ้นก็ตาม ลองสังเกตุนะ
แม้ว่า เราจะไปทางวิปัสนา แต่ว่า จิตมันก็ยังเกิดอยู่
คือ ทำไมมันเกิดบ่อยจัง แม้ว่า เราจะตามมันทันก็ตาม
แต่บอกไว้ก่อนว่า อย่าเผลอไปพิจารณานะ


แต่ถ้าเราเปลี่ยนมานั่งสมาธิ ด้วยการหงายมือ วางไว้ที่ หัวเข่า
จะเกิดอะไรขึ้น
๑.ระบบแรงปกติ หลังจากจิตสงบ ขึ้นบนเหมือนเดิม
๒.ระบบแรงของหิน จะหมุนในทิศทางขนานพื้นโลก
การทำงานคือ แรง ๒ ไปช่วยให้ แรง ๑ มีความหนาแน่นมากขึ้น
(ไม่ได้ส่งให้เกิดเร็วขึ้นเหมือนตอนพนมมือนะ)
ผลที่ได้ ก็คือ ความหนาแน่นของระบบแรง ซึ่งส่งผลต่อ สภาวะสมาธิที่มากขึ้นนั่นเอง
ที่นี้ เราก็จะพบความแตกต่างได้เอง เวลาใช้ชีวิตปกติประจำวัน
เราจะพบได้เองว่า จิตมันไม่ค่อยเกิด มันจะสงบมากกว่าปกติ
เราจะเฉยๆได้ดีขึ้น การที่รู้สึกเฉยๆ โดยไม่สนใจว่าเรื่องอะไรขึ้นมา
แล้วมันก็ลงไปเอง สงบไปเอง นั่นหละ เรียกว่า กำลังเดินปัญญาอยู่
คือ กำลังสติ ควบคุมตัวจิต ให้ว่างรับรู้อยู่ภายในอย่างนั้น

ส่วนหินปกติ จะเอาไปตากแสงจันทร์ เพื่อเพิ่มความเย็นสะสมเก็บเอาไว้ในหิน
ความเย็นสะสมนี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการหมุนของระบบแรงในหินให้มากขึ้น
ไม่ได้ต้องบูชาอะไร แต่ก็วางไว้ในที่เหมาะสม


ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ ปกติเราจะไม่สัมผัสโดยตรง
ยิ่งเป็นพระสรีระธาตุ การไปสัมผัสหรือจับหรือแค่ตกลงพื้น
จะหายไปเลยนะ เพราะว่าปกติจะมีแรงดึงดูดในตัวเอง
คือ เราไม้จิ้มฟันไปลองแยกๆกันดู จะกลับมาดูดติดกันเหมือนแม่เหล็กเลย

แต่ใช้ในการฝึกได้ ด้วยการใส่ไว้ในผอบ และวางบนมือได้เหมือนหินปฐวีนั่นหละ
แต่ระบบแรงปกติ ในพระบรมสารีธาตุ จะเป็นกระแสที่ค่อนข้างมีมวลความหนาแน่น
ของพลังงานสูง เพราะเป็นพลังงานในระดับสภาวะดับขึ้นไป ดับในที่นี้คือดับการเกิดทุกๆอย่าง
ไม่ว่าจะภายใน(ในเรา) หรือภายนอก(ที่ส่งเข้ามา)
ดังนั้น ถ้าสมาธิสะสมที่จะเป็นภูมิต้านทานร่างกายเราไม่พอ
การนำมาวางเพื่อฝึกเพิ่มกำลังสมาธิ จะส่งผลต่อร่างกายเราโดยตรง
คือ จะเหนื่อและเพลียได้ง่ายๆ
ที่พูดให้ฟังไม่ใช่ว่า ทำไม่ได้นะ แต่ต้องมั่นใจว่า สมาธิพื้นฐานเราดีพอ

พระบรมสารีริกธาตุวางไว้ระดับเดียวกัน กับรูปหล่อ ที่เป็นทรงพระพุทธรูป...

ปล. ที่เราเข้าใจอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรเข้าใจผิดนะ ถือว่ามาถูกทางอยู่

เพิ่มการแผ่เมตตาให้มากๆขึ้นกว่านี้หน่อย
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่รู้สึก หยุบยิบ บริเวณหน่อง และ แขน
หรือไม่เห็นสัตว์ตาย หรือเมื่อไหร ที่รู้สึกว่า มีอะไรเต้นๆบริเวณลิ้นปี่
ด้วยการกำหนดผลักบุญ
ออกจากกลางลิ้นปี่ คือตอนหายใจออก มันจะมีลมอีกเส้นวิ่งสวนลงมาผ่านภายในร่างกาย
มาถึงกลางลิ้นปี่ให้ผลักออกไปด้านข้างแบบไร้ทิศทาง อย่าไปสนว่าต่อมาจะรู้สึกว่า
มีแรงไปด้านไหน ให้ทำ จนกว่าจะรู้สึกว่า มันเบาๆตรงลิ้นปี่ และกายเบา เครเนาะ

 

ถามคุณนพเรื่องกสิณแสงสว่างหน่อยครับ วิธีการฝึกที่ถูกต้องควรทำยังไงระหว่าง

1. เพ่งไว้เฉยๆจนมันเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเองเรื่อยๆ หรือ...

2.ฝึกบังคับมัน เช่น ให้เคลื่อนไปมา หรือเพิ่มลด เป็น 2-3 วง แล้วลดเหลือ 1 หรือกำหนดให้มีพลังงานดูด-ขยาย หรือฝึกปั่นไป ซ้าย-ขวา กำหนดไปซ้าย ขวา อะไรประมาณนี้

จริงๆแล้วมันควรฝึกแบบไหนครับ?

3. เนื่องจากตอนนั้นเคยโดนปฏิภาคนิมิตดูดร่างของกายละเอียดให้เข้าไปในวงกลมที่กำลังหมุนอยู่

ก็เลยว่าจะลองกำหนดให้กสิณมันมีพลังงานที่สามารถดูดเข้าเราเข้าไปได้แบบนั้นอีก แบบนี้จะได้ผลไหมครับ?

ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

ขอบคุณครับพี่นพ พี่นพตอบคำถามได้ชัดเจนเห็นภาพเลยครับ ผมชอบแนวทางการอธิบายของพี่ที่ใช้การอุปมาเปรียบเทียบ และ หลักการทางวิทยาศาสตร์ กฎฟิสิกส์ ในเรื่อง แรง มวล และกฎการเคลื่อนที่ มาผสมผสานกับเรื่องธรรมะ การปฏิบัติธรรมได้อย่างลงตัว เข้าใจง่ายและชัดเจนครับ สิ่งที่พี่นพแนะนำเป็นกุศโลบายที่เป็นประโยชน์มากๆครับ ผมจะนำคำแนะนำของพี่นพไปปรับใช้ในการปฏิบัติครับ

ผมมีข้อสงสัยอยากเรียนสอบถามพี่นพเพิ่มเติมนะครับ

(1) พระบรมสารีริกธาตุนี่ผมสามารถตั้งบูชาองค์ท่านไว้ในระดับเดียวกันกับพระอรหันต์ธาตุของครูบาอาจารย์ได้หรือไม่ครับ? หรือว่าเราควรจะต้องตั้งองค์ท่านไว้บูชาให้สูงกว่าองค์พระอรหันต์ธาตุครับ?

(2) ผมได้รับก้อนแร่เกาะล้านมาจากกัลยาณมิตรท่านเดิมด้วยครับ แต่มันก้อนค่อนข้างใหญ่ครับ ขนาดประมาณเกือบๆกำปั้นมือครับ พกพาไม่ค่อยสะดวกครับ ผมตั้งใจว่าจะนำไปถักเชือกเทียนแล้วพกรวมกับพวงกุญแจห้อยเอว (ตามรูปใน attached file) ครับ ติดตรงที่ขนาดครับ ถ้าเกิดผมจะแบ่งทำให้ก้อนแร่เกาะล้านนั้นมีขนาดเล็กลงโดยการ ใช้ค้อนทุบ ใช้เลื่อยตัด หรือใช้วิธีตะไบฝน จนได้ขนาดตามที่ต้องการ แล้วมันจะเกิดผลเสียต่อประจุพลังงาน ความศักดิ์สิทธิ์ หรือ ฤทธิ์อำนาจใดๆของก้อนแร่เกาะล้านหรือเปล่าครับ? มันจะเสื่อมความสามารถลงหรือเปล่าครับพี่? ตัดแบ่งทำให้มีขนาดเล็กลงได้ไหมครับ? หรือว่าเราไม่ควรจะไปยุ่งอะไรกับมันครับ?

(3) ในกุศโลบาย วิธีการและหลักการเดียวกันกับที่พี่นพกรุณาแนะนำให้ผมปฏิบัตินั้น ถ้าผมเปลี่ยนจากใช้หินปฐวีธาตุมาเป็นใช้แร่เกาะล้านแทน จะให้ผลในการปฏิบัติเหมือนกัน หรือ แตกต่างกัน หรือไม่? อย่างไรครับ?

ถ้าพี่นพสะดวกหรือมีเวลาว่างๆ ผมรบกวนพี่นพช่วยกรุณาตอบข้อสงสัยผมด้วยครับ ขอบคุณครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
รชฏ, your short, poor, almost handsome, humble BIG fan

 

ข้อ ๑ แก้โดยเกิดแล้ว ถอยออกมาทันที
และเข้าไปใหม่ ถอยๆเข้าๆ แบบนี้เรื่อยๆ

มันจะถึงมีกำลังในการรักษาระยะ ในการมอง
ดีสุดเหมือนเราอยู่ระเบียงแล้วมองมาถนน

แล้วจะทำ ข้อ ๒ คือ ปั่นวนซ้าย ย้ำว่าวนซ้าย
วนขวาไม่มีประโยชน์ มันหมถนตามระบบแนวแรงปกติของโลก มันเลยทำง่าย จะไม่ได้กพลังจิต

ปล ปั่นมันวนซ้าย ให้ได้ ปั่นไอ้ตัวนิมิตที่สามารถดูดเราไปได้นั่นหละ จำไว้ไกลไปทำอะไรไม่ได้ ใกล้ไปถูกดูด ระยะพอดีที่ปั่นวนซ้านได้
หาเอาเอง แต่มุมประมานที่บอกไปข้างบนนั่นแระ เครเนาะ

 

๑ วางสูงกว่า
๒ แร่ตัดแบ่งได้ แต่เลื่อยเอา ปฐวี
เสริมกำลังสมาธิใช้งาน แร่เน้นไป
ทางช่วยรักษาโรค และป้องกันกะแสไม่ดีที่มาจากระดับรากหญ้า (หมายถึงระดับภพภูมินะ) ไม่เหมาะเอามาทางช่วยเสริมสมาธิ เหมือนเอารถสปอร์ตไปวิ่งทางดินนั่นแระ
คนละวิถีการใช้งานกัน อยากพกแบงตัดสวยๆ
พกแล้วให้ดูเหมือนเครื่องประดับสวยงามพอ
ถ้าดูมากไปมันจะเหมือน หมอผีเวลาออกงาน 555

 

ขอบคุณครับพี่นพ ผมชอบที่พี่นพตอบว่า
... เหมือนเอารถสปอร์ตไปวิ่งทางดินนั่นแระ [/QUOTE]
และ
คนละวิถีการใช้งานกัน อยากพกแบ่งตัดสวยๆ
พกแล้วให้ดูเหมือนเครื่องประดับสวยงามพอ
ถ้าดูมากไปมันจะเหมือน หมอผีเวลาออกงาน 555 [/QUOTE]

ชัดเจน เข้าใจ และ โดนใจมากครับพี่ ผมตัดใจไม่ตัดแบ่งแร่เกาะล้านแล้วครับพี่ ธรรมะคือธรรมชาติ...ความดีคือความพอเหมาะครับ เดี๋ยวดูเหมือนพวกจอมขมังเวทย์ หมอผีเวลาออกงานครับ 555 เอาตั้งไว้บูชาที่บ้านดีกว่าครับ ไว้ถ้ามีโอกาส ผมขออนุญาตเรียนสอบถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สนธนาธรรมกับพี่นพอีกนะครับ ขอบคุณครับ

 

ช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่น เหมือนเคยเจอภพภูมิที่มาจากนรกภูมิด้วยครับ (เดาเอา)

จริงๆเคยเจอหลายแบบ เช่น

- มีมือมาลูบ/จับตามตัวหลายๆมือ ทั้งแขน ขา
- เคยได้ยินเสียง ผญ กรีดร้อง เสียงดังมากๆ เหมือนทนทุกข์อยู่
- และอื่นๆอีกมาก

จริงๆที่ผมเจอที่ด้วยเหตุผลอะไรครับ เป็นกรรมของผม หรือเป็นเพราะเขามาขอส่วนบุญครับ?

เอาจริงๆผมมีคำถามในใจ เรื่องบุญ บาป ครับ ว่าการที่เราแผ่เมตตา หรืออุทิศบุญกุศล ไปให้นี่เขาจะได้รับจริงๆหรือเปล่า เป็นเหตุผลนึงที่ผมอยากพิสูจน์ อยากรู้ความจริงเลยพยายามจะถอดกายออกไปให้ได้เพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ครับ เอาตรงๆผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อ เลยอยากจะพิสูจน์ครับ อยากศึกษาเรื่องนี้แบบละเอียดเลย...

ถ้าสักวันผมรู้ว่ามันทำได้จริงๆ และรู้ว่าทำแบบไหนจะส่งบุญให้เขาได้เยอะ ผมจะทำและช่วยเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ

 

สวัสดีครับ อาจารย์นพ ผมขอถามหน่อยครับ ผมมีของเก่าไหมครับ แล้วจะสานต่อโดยการปฏิบัติแบบไหนดีครับถึงจะสานต่อได้เร็วครับ
ขอบคุณมากครับ

 

หลายครั้งแล้วนะ ที่ส่วนตัว ณ วันหนึ่ง
พวกที่เคยอุทิศส่วนกุศลให้ พวกนั้น
รวมกันมาหา พาไปเที่ยวดูความเป็นอยู่บ้าง
บางพวกพาไปเหาะเล่นบนท้องฟ้า บางพวกพวกพาให้ไปช่วยพวกเค้าอีกกลุ่ม บางพวกก็มาบอกเองได้รับแล้วไม่ต้องห่วง บางทีกมาบอกเลขเฉยๆทั้งที่ปกติไม่ใช่คนเล่น เพียงแต่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรเอามาเล่าให้ฟังเฉยๆ เพราะทุกครั้งที่ทำให้ ก็ให้ไปเฉยๆ ไม่คาด ไม่ได้หวังอะไร แต่สิ่งที่จะได้ คือใจเราเองที่กว้างขึ้น กว้างด้านนามธรรมนั่นเอง อีกอย่างมันทำให้เราไม่ยึดนามธรรมเหล่านี้ มันก็เลยส่งผลให้ปฎิบัติได้ก้าวหน้าเร็ว ้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้้ มาก
เพราะไม่ว่ากำลังจะฝึกอะไร หรืิกำลังจะต่อยอดอะไร จะมีท่านที่มองไม่เห็นด้วยตาปกติ
มาคอยส่งเสริมตลอดเวลา แบบที่ไม่ต้อง
ไปคอยแสวงหา หรือเดินทางไปไหว้เหมือนคนอื่นๆให้เสียเวลา

ได้รับจริง ขึ้นอยู่วิธีการส่งบุญเราด้วย
ระดับทั่วไป ถึงสูงๆ ใช้การขอบารมีพระรัตนตรัย + ตนเองค่อยส่ง แต่ถ้าเป็นระดับกำลังน้อย ทำเหมือนกัน แต่ต้องใช้น้ำช่วยเค้าถึงจะรับได้

ที่สำคัญยิ่งกว่า การให้แบบไม่อะไรกับอะไร นั้น
มันเป็นการให้จากภายในไปภายนอก
มันส่งผลให้ตัวจิต กลับสู่เนื้อหาเดิมแท้ได้เรื่อยๆ
ข้อดีคือ จิตสามารถคลายตัวเองได้ตามธรรมชาติในระหว่างวันได้เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ที่สำคัญ กรรมฐานอะไรที่เราเคยฝึกสำเร็จมา
และเริ่มใช้งานได้แล้วในเบื้องต้น
มันจะมีพัฒนาการ
ทางด้านความสามารถ ในการนำไปใช้งาน
ได้มากขึ้น ตย. เช่น เมื่อก่อน เคยทำได้ ๑,๒ ใช้เวลา ๑ นาที ก็พัฒนาเป็น ๓,๔ แค่ใช้เวลา ๑๐ วินาทีเป็นต้น ส่วน ๑,๒ ใช้เวลาแค่ วิสองวิ
พอนึกออกเนาะ

การเริ่มต้นทำบุญเริ่มไม่เหมือนกัน
บ้างเริ่มเพราะเชื่อเพราะศรัทธา
บ้างเริ่มเพราะทำตามไปกันมา
บ้างเริ่มเพราะฝัน
บ้างเริ่มเพราะเห็น
บ้างเริ่มเพราะได้ยิน
บ้างเริ่มเพราะได้ยินได้เห็น
แต่ได้รับเหมือนกัน แตกต่างที่มวลความหนาแน่ของกำลังบุญผู้ให้ไม่เท่ากัน


ปล ทั้งนี้ทั้ง เรื่องนามธรรมประ้ด็นไม่ใช่ว่า
สิ่งที่เห็น ได้ยิน สัมผัส คืออะไร
ประเด็นมันคือ วัถตุประสงค์อะไรที่เราถึง
เห็น ได้ ยิน สัมผัสแบบนี้
ถ้ากำลังสติทางธรรมเรายังไม่ทราบ

เพื่อความชัวจึงเน้นอุทิศส่วนกุศลให้ ท่านที่เราเห็น ให้เจ้าของเสียงที่เราได้ยิน กรวดน้ำให้สำหรับกิริยาแปลกๆที่ส่งผลต่อกายเราไว้ก่อน

อนาคตมันจะมีตัวย้อนรู้ได้ด้วยตัวเอง
โดยไม่ต้องไปถามใคร

 

มาแนวอฐิษฐานจิต สายอดีตหลวงพ่อมีชื่อในอดีต
ที่ จ. อุทัยธานี จร้า

 

ผมรบกวนเรียนสอบถามพี่นพครับ ผมได้นำคำแนะนำของพี่นพไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติเพิ่มเติมครับ โดยได้นำพระอรหันต์ธาตุของครูบาอาจารย์มากำพนมไว้ในมือร่วมกับพระเครื่องและวัตถุมงคลในขณะสวดมนต์ไหว้พระครับ ตอนแรกกะว่าจะใช้พระบรมสารีริกธาตุมาใช้ในการฝึกนี้ครับ แต่ผมเกรงว่ากำลังสมาธิสะสมของผมอาจจะไม่เพียงพอ ผมจึงใช้พระอรหันต์ธาตุของครูบาอาจารย์ลองดูก่อนครับ ระบบแรงปกติ หลังจากจิตสงบจะวิ่งขึ้นบน และ ผมมีหินปฐวีธาตุอยู่ 3 ก้อนครับ ก้อนแรกผมนำมากำพนมไว้ในมือขณะสวดมนต์ร่วมกับพระธาตุและวัตถุมงคลอื่นๆด้วย ส่วนที่หัวเข่าขวาและหัวเข่าซ้ายผมวางหินปฐวีธาตุไว้อย่างละก้อนครับ ระบบแรงของหินปฐวีธาตุ จะหมุนในทิศทางขนานกับพื้นโลก การทำงานของแรงน่าจะเป็นอย่างที่พี่นพกล่าวถึงคือ คือ แรง 2 ไปช่วยให้ แรง 1 มีความหนาแน่นมากขึ้น ผลที่ได้ ก็คือ ความหนาแน่นของระบบแรง ซึ่งส่งผลต่อ สภาวะสมาธิที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง ผมรู้สึกว่ามันเกิดความรู้สึกที่นิ่ง เย็น และสงบมากขึ้นครับ บางครั้งเกิดความรู้สึก จื๊ดๆ จื๊ดๆ เหมือนไฟฟ้าสถิต static ที่บริเวณมือ และวูบขึ้นมาตามส่วนต่างๆของร่างกายเป็นพักๆครับ ผมไม่ทราบว่ามันคืออะไรครับ? ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม แต่มันเป็นความรู้สึกที่ดีครับ มันไม่ใช่อุปาทาน และ ผมไม่ได้คิดไปเอง เพราะในขณะที่สวดมนต์นั้นผมมีสติรู้ตัว ทั่วพร้อมครับ ประเด็นนี้คือข้อสงสัยที่ผมอยากทราบความคิดเห็นของพี่นพครับ

อีกข้อสงสัยหนึ่งคือ ผมได้รับพระธาตุมาจากสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่เขาใหญ่ เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้วครับ พระที่มอบให้ผมท่านบอกผมว่าเป็น “ของดี” ให้เก็บไว้ให้ดี และให้ตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ คือตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ผมยังไม่ทราบเลยครับว่าพระธาตุองค์นี้เป็นสัณฐานใด? เป็นของครูบาอาจารย์ท่านใดครับ? ถ้าพี่นพจะช่วยกรุณาตรวจสอบและบอกผมเพื่อเพิ่มความศรัทธาในพุทธศาสนา ความศรัทธาในพระรัตนตรัยและการตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบของผม ผมจะขอบพระคุณมากครับ

ข้อสงสัยสุดท้ายครับ คือตอนเด็กๆ ผมไปค้นในหิ้งพระเล่นแล้วไปพบกับ “หัวแหวน” อะไรสักอย่างนี่ครับ คือผมรู้สึกชอบและผูกพันธ์กับมันอย่างประหลาด ความรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับมันอย่างบอกไม่ถูก เลยขอแม่กับพ่อไว้ว่าจะนำมาทำเป็นแหวนใส่มาตั้งแต่ตอนนั้นครับ ส่วนลูกแก้วนี่ ผมเพิ่งได้รับมาเมื่อเดือนที่แล้วครับ ไม่รู้ว่ามันคืออะไรครับ? ผมอยากจะขอความเมตตาจากพี่นพ ช่วยกรุณาพิจารณาตรวจสอบให้ผมนิดนึงครับว่ามันคืออะไรครับ? ถือว่าเป็นคำขอร้องจากรุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน CU ตาดำๆ ที่น่าสงสาร ตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนา ความศรัทธาในพระรัตนตรัยและตั้งใจปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบครับ Sense ผมบอกว่าพี่นพจบวิศวะจุฬาฯ ครับ ผมทราบมาว่าตามปกติพี่นพไม่รับดูพระครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่พี่นพจะพิจารณาเห็นสมควรครับ


ถ้าพี่นพสะดวกหรือมีเวลาว่าง ผมรบกวนพี่นพช่วยกรุณาตอบข้อสงสัยผมด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
รชฏ, your short, poor, almost handsome, humble, BIG fan

 

พระเครื่อง สำหรับใช้ตอนพนมมือสวดมนต์
หิน พระธาตุ ใช้วางบนฝ่ามือไม่ต้องกำ ฝ่ามือวางหงายเป็นหัวเข่าทั้ง ๒ ข้าง
อย่านำมาปนกัน.

อาการจี๊ดๆ ตามร่างกาย เป็นกิริยาเบื้องต้นของจิตที่จะเข้าสู่ระบบพลังงาน
หรือจิต ณ เวลานั้น ที่สามารถใช้งานไปอยู่ในระบบพลังงานได้
ระบบพลังงานในที่นี้ ก็คือ กระแสพระพุทธนั่นเอง
มาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง และนั่งไปเรื่อยๆ
โดยไม่ต้องสนใจอาการเหล่านี้ และพิจารณาตัดร่างกายร่วมไปด้วย
อาการจี๊ดต่างๆเหล่านี้จะหายไปเอง เมื่อสมาธิสะสมเพิ่มมากขึ้น
และการตัดความยึดมั่นถือมั่นร่างกายเราดีขึ้น
และต่อไป จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของอากาศรอบๆตัว
ได้ด้วยตาเปล่าเป็นขั้นต่อไป....

ส่วนนี้นิทานนะ
พระธาตุเป็นส่วน ม้าม และท่อไต ของพระพุทธฯองค์ปัจจุบันนี่หละ

หัวแหวนเรียกไม่ถูก นะว่าอะไรนะ มีคุณสมบัติในการรักษาสุขภาพ
ส่วนดูไม่แน่ใจว่าเป็น หินออกสีดำเอามาเจียรหรือเปล่า
ถ้าใช่เรียกได้หลายอย่าง เช่น เหล็กไหลแม่น้ำ หินนาคา หินแม่น้ำ ฯลฯ
อาจจะเรียกไม่ถูก แต่คุณสมบัติเหมือนที่บอกไปแล้วก่อนหน้า

ลูกแก้วเป็นแนวที่ช่วยส่งเสริมเรื่องการอฐิษฐาน ในเรื่อง
การคุ้มครองป้องกันภัยนะ

ปล.เรื่องความรู้สึกของแรง มาตามแนวทางแล้วหละ
แต่ว่าให้เฉยๆ อย่าไปสนใจอะไร เครเนาะ