ช่วยแนะนำ วิธีสร้างกำลังให้จิต มีพลัง หรือการสร้างพลังจิตที่ได้ผลให้ทีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ThinkThink, 15 ตุลาคม 2019.

  1. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    ตามหัวข้อเลยครับ เพาะกำลังของจิตนั้นสำคัญ ถ้าเรารู้จักเพิ่ม รู้จักใช้ มันก็จะมีประโยชน์มากๆ ใช่มั้ยครับ เลยอยากรู้ว่า การจะสร้างกำลังจิตให้จิตมีพลังมีสมาธิ ที่ได้ผลที่สุด และยิ่งเป็นการสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตในประจำวันของคนยุ่งๆ สมัยนี้ได้ด้วยยิ่งดีครับ

    ปล ศัพย์แสงต่างๆ ในธรรม ผมไม่เชี่ยวไม่ชาญ เอาเป็นว่า = โง่ ไม่รู้เลยแล้วกัน 555 ถ้าแนะนำอะไรมาแล้วผมยังดูบื้อๆ ก็อย่าว่าผมนะ เมตตาผมแทน 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2019
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติกรรมฐาน ภาวนาให้จิตเป็นสมาธิ เป็น ฌาน ให้ได้ก่อนครับ จิตเป็นสมาธิในการทำงานประจำวัน ไม่ฟุ้งซ่าน มีสติอยู่กับปัจจุบัน นิวรณ์ไม่กำเริบครับ โดยการปฏิบัติภาวนาในกรรมฐาน 40 ครับ
     
  3. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20


    ขอบคุณมากครับ แล้วหากจิตเราฟุ่งซ่านอยู่ เราดูจิตที่มันฟุ้งซ่านอยู่ ขณะนี้เรียกเป็นสมาธิมั้ยครับ
     
  4. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    คือช่วงนี้ ผมก็ดูลมหายใจ ภาวนา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ตามลมหายใจเข้า-ออก และก็จับภาพพระไปด้วย ในขณะที่ กำลังทำงาน ,ขับรถ, หรือ ทำธุระอื่นๆ ที่ไม่ได้พูดคุยกับใคร และก็ดูจิตที่มันฟุ้งไปด้วย ทีนี้ ตอนแรก จะรู้ตัวช้าว่าฟุ้ง ก็ต่อเมื่อคิดไปเยอะแล้ว หรือคิดเสร็จแล้วครับ

    แต่หลังๆ ก็เห็นตัวฟุ้งเร็วขึ้น เมื่อก่อนจะทุกข์นะ ไม่อยากฟุ้ง แต่ตอนนี้ รู้แล้ววางครับ

    ทีนี้ ผมอยากรู้ว่า กำลังของจิต เท่ากับ การตั้งมั่นอยู่ในสมาธิใช่มั้ยครับ

    แต่รู้สึกช่วงนี้จิตมันนิ่งขึ้น ไม่ตกใจง่าย แม้แต่ฟ้าร้องฟ้าผ่า เมื่อก่อนนี่กลัวโดนผ่าตาย แต่ตอนนี้ ก็ถ้าตายก็ตาย พยายามวางอารมณ์แบบนี้นะครับ

    การที่เรามีสมาธิ เท่ากับเรามีกำลังจิต ใช่มั้ยครับ เมื่อมีกำลังจิตดี อภิญญาย่อมฝึกได้ไม่ยากใช่มั้ยครับ :)
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ผิดวิธีครับ ไม่พูดเยอะ สั้นๆ ละกัน การดูความคิดฟุ้งซ่าน มันไม่ใช่การดูจิต ครับ มันเป็นแค่ อาการอารมณ์ของจิตเฉยๆ ไม่ใช่ตัวจิต จิตของเรา ดังนั้น ให้เลิกไปตามดูความฟุ้งซ่าน มันเป็นการส่งจิตออก ไปจับอารมณ์ของจิต ความคิดฟุ้งซ่านไม่ใช่ตัวจิต ครับ

    จิตที่สงบ จนจิตลงสมาธิ จิตจะไม่ฟุ้งซ่าน เพราะจิตสงบจากนิวรณ์ 5 อยู่เวลาจิตเราเข้าสมาธิอยู่ครับ

    เรามีสติ ตั้งมั่นอยู่ เผลอฟุ้งซ่านออกไปไม่รู้ตัว รู้ตัวเมื่อใหม่ ให้ครับมาคำภาวนาตามเดิมในกรรมฐานครับ

    และการส่งจิตออก คือการส่งจิตกำลังจิตไปเที่ยวตามดูความคิดฟุ้งซ่านนั้น คือการใช้กำลังจิตออกไป เมื่อใช้กำลังจิตออกไป จะทำให้จิตเราไม่มีกำลังจิต นั้นเอง เป็นตัวขวางผลการปฏิบัติ

    การปฏิบัติให้จิตมีกำลัง เราต้องภาวนารักษาจิตให้อยู่ภายในจิตเรา ไม่ใช่ใช้กำลังจิตส่งออกไปในความคิดฟุ้งซ่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2019
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    การที่เราจะดูจิต นั้น
    1.เราต้องเข้าสมาธิให้ได้ก่อน เมื่อจิตเราเป็นสมาธิแล้ว จิตเราจะเป็นผู้รู้ เราจะเจอภพจิต เราถึงจะพิจารณาจิตในสมาธิได้ ครับ ดังนั้น ถ้าจิตเราไม่ได้เป็นสมาธิไม่ได้เข้าสมาธิอยู่ ไม่มีทางดูตัวจิตพิจารณาจิตได้ ครับ อารมณ์ ความคิด อาการใดๆ ความคิดฟุ้งซ่าน ความคิดไม่ใช่ตัวจิต

    2.การภาวนา มีคำภาวนาในกรรมฐาน คำภาวนา เป็นเครื่องโยงให้จิตสงบ อารมณ์หนึ่ง ไม่ให้จิตฟุ้งซ่าน เมื่อจิตสงบลงเรื่อยๆ จากคำภาวนา จนถึงฐานของจิต จิตเราจะรวมลงสมาธิ จิตเราถึงจะเข้าสมาธิ จิตเป็นผู้รู้ ครับ

    3.การ ทำงานระหว่างวัน การภาวนาไปด้วย ทำงานไปด้วย เป็นการฝึกให้จิตเรามีกำลัง ไม่ฟุ้งซ่าน จะเป็นการช่วยให้จิตมีกำลัง ถึงแม้เราจิตเราจะไม่ได้รวมลงจนจิตเป็นสมาธิ ก็ช่วยให้เรามีสติตั้งมั่น ส่งผลให้การปฏิบัติก้าวหน้าได้ไวดีกว่าหายใจทิ้งเฉยๆ ถ้าเราปฏิบัติไปเรื่อยๆ ทำงานไปอะไรก็แล้วแต่ ถ้าจิตสงบลงจนถึงฐานของจิต จิตเราจะเป็นสมาธิ จิตเราเข้าสมาธิอยู่ เราก็ทำงานไปด้วย จิตเป็นสมาธิไปด้วย

    ดังนั้น การที่บอกว่า ทำงานไปด้วย ดูจิตที่ฟุ้งซ่านไปด้วย นั้นเป็นการปฏิบัติผิดวิธี เพราะเราฟุ้งซ่าน เมื่อเราฟุ้งซ่าน จิตมันจะรวมลงสมาธิได้อย่างไร ส่วนใหญ่จะเจอสำนักที่สอนผิดๆ คิดว่า ความฟุ้งซ่านเป้นตัวจิต แล้วการดูความคิดฟุ้งซ่าน เข้าใจว่าเป็นการดูจิต ตัวเองกำลังดูความฟุ้งซ่านนั้นคือการดูจิต จึงเป็นการปฏิบัติผิดวิธี ครับ

    4.ตอนแรก จะรู้ตัวช้าว่าฟุ้ง ก็ต่อเมื่อคิดไปเยอะแล้ว หรือคิดเสร็จแล้วครับ ตรงนี้เป็นกันทุกคนครับ เวลาเราภาวนาเมื่อไหร่ ถ้าเผลอหลุดจากคำภาวนาในกรรมฐานที่เราปฏิบัติ เผลอฟุ้งซ่านไปไกล จนเรามารู้สึกตัว มีสติรู้ว่าเราหลุดจากคำภาวนา เพราะเผลอฟุ้งซ่านทำให้จิตไม่สงบลงสมาธิ เมื่อเรารู้ตัวเมื่อไหร่ ให้เราระงับความฟุ้งซ่านนั้น แล้วกลับมาบริกรรมภาวนาในกรรมเดิม ต่อไปครับ ช่วงแรกๆ จะยากเพราะจิตเราไม่มีกำลัง มันจะฟุ้งซ่านเผลอไม่รู้ตัว ถ้าเราหัดบ่อยๆ รู้ตัวเมื่อไหร่ให้ตัดกลับมาคำภาวนา จนชำนาญ จิตเราจะเริ่มมีกำลังของจิต เมื่อจิตเริ่มมีกำลัง เผลอฟุ้งซ่านปุบ เราจะตัดทิ้งได้ปับทันที ครับ ให้เราทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เมื่อ จิตมีกำลัง ต่อไป เราะจะสามารถ ระงับความฟุ้งซ่านได้ก่อนที่ความคิดฟุ้งซ่านจะเกิด ได้ ทำให้เราสามารถ ระงับความคิดก่อนที่จะเกิดได้ จิตเราจะเริ่มมีกำลัง เมื่อเราปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนจิตสงบลงสู่ฐานของจิต จิตเราจะรวมลงสมาธิ จิตเข้าสมาธิ ต่อไปครับ

    5.อภิญญา ต้องไปฝึกกรรมฐานอานาปานสติ กสิณ หมวดหมู่ กสิณ 10 ครับ
     
  7. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณมากครับ
     
  8. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณมากครับ ได้เห็นลักษณะกำลังของจิต ชัดเจนขึ้นครับ

    ตัวรู้จะตื่นขึ้น หากเรามีสมาธิ หรือกำลังของจิตเราดีขึ้นจนถึงจุดๆนึง ถูกต้องมั้ยครับ
     
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    จิตเรามีหนึ่ง ไม่มีสอง ครับ ไม่ใช่ตัวรู้จะตื่นอะไรหรอกนะ แยกออกมาใดๆหรอก จิตเราสงบลงสมาธิ จิตเราจะเป็นผู้รู้ ปฏิบัติถึง จิตเข้าสมาธิได้ จะเข้าใจเองครับ

    จิตเราก่อนเข้าสมาธิ จิตเราตอนเป็นสมาธิ จะอย่างไหนอย่างไรนั้นก็คือจิตของเราเอง
     
  10. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    สาธุครับ ขอบคุณมากครับ
     
  11. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ฟังไป แนวนึงแล้วนะ

    ลอง ฟีงอีกแบบ

    พลังจิต คืออะไร หากมี มิจฉาทืฏฐิ
    เจืออยู่ จะเข้าใจเปนเรื่อง อิทธิฤทธิ์
    ปาฏิหารย์ จ๊ะจ๋าเทวดา อินทร พรหม
    ยมยักษ์ รู้นั้น ทายนี้ .......เฮีย!!!!

    มันเปน ทิฏฐิฤาษี ชีไพร

    แต่ สังเกตนะว่า ตะโกนดังๆว่า เฮีย
    คือ เรียกพี่ แต่ ไม่ใช่ พ่อ ....

    กลับมา พลังจิต คืออะไร

    คือ ไม่หลง ไม่ไหล ไม่กลัดกลุ้ม
    ไม่ฝุ่งซ่าน ไม่ตัณหาจัด และ.....

    ไม่โง่ใน มรรค8 คิดชอบ วาจาชอบ
    เพียรชอบ ...อะไรงี้

    นะ

    ถ้า ไปทำ สมาธิ เอา อัปปานง อัปปนา
    เอากำลังจิต ทะลุทะลวง ...นั่น มัน เฮีย!!!

    คนละเรื่อง อ่อนแอ ตาแข็ง ชี้ให้
    เหนอรยสัจจสี่ ง่ายๆ นี่ตาเขียว
    เอ็ดตะโร จนลำโพงแตก!!! สอน
    ธรรมะชองศาสดา เยี่ยง สอนควาย
    ( เว้น กระทิง อันนี้ ต้องลง ปฏัก ก้
    อนุโลมเฆี่ยน ...แต่ ในทางธรรม
    หมายถึง เอ็ดเอา นั่นแหละ )

    นะ

    ดูฝุ่งซ่าน นะ ถูกแล้ว แต่ไม่ใช่
    ไปเหน ฝุ่งอะไร จบเรื่องหรือยัง

    กำลังของจิต การละ อาสวะ
    จะเกิด เมื่อ....

    อาสัยระลึก สถาพไตรลักษณ์
    จาก สิ่งที่กำลังสังเกต ใคร่ครวญ
    พิจารณา.....

    ถ้า จขกท

    เข้าใจ จะเหนเลยว่า ที่ยังใส่
    ใจ ธรรมะ รับธรรมไปพิสูจน์
    สัจจอยู่ ....ก้เพราะ มี พละ
    มี อินทรีย์ อยู่ ไม่ใช่ไม่มี

    ถ้าไม่มี ป่านนี้ อยู่ตาม
    โรงผับ คลับบา หรือ....

    ก้นกุฏิพระป่ามีชื่อ สักรูป เพื่อ
    คอยเอา คำสอนพระ ไว้คอย
    ขยี้สำนักอื่นๆ .....เฮีย
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เวลาทำงานสมาธิอยู่กับงาน เวลาขับรถสมาธิอยู่กับรถสิครับ เกิดเข้าฌานลึกไปแหกโค้งนะครับ เมื่อจิตมีกำลังสมาธิดี คนขับรถเสียมารยาทใส่เราเรา เพียงเห็นอารมณ์เกิดดับ กำลังสมาธิไม่ดีเราก็จะเอาคืน ก่อภพ ก่อวิบากกรรมอะไรทำนองนี้ครับ เด๊วนี้เปิดไฟสูงใส่กันก็ยิงกันเสียแล้ว
     
  13. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณมากเลยครับ :)

    ก็ตั้งใจจะไม่หลงไปกับอภิญญา จนเกิดการหลงผิด (หากได้ผ่านเส้นทางอภิญญาอย่างคนอื่นเค้านะครับ :) )

    หากสรุปในคำตอบที่ให้มา ตามที่ผมเข้าใจคำแนะนำ ผมจะสร้างกำลังจิต ให้มีกำลังสติ ปัญญา จนพ้นจากกิเลสทั้งหลายให้ได้มากที่สุด หรือสูงสุดคือให้หมดไปเลย ชาตินี้ไม่ได้ ก็เอาชาติต่อๆ ไป แต่ตั้งใจไว้ว่า ไม่อยากมีชาติต่อไป แต่ถ้ามี ก็ขออย่าให้ต่ำไปกว่าภพภูมิ มนุษย์เลยครับ 555 :)

    ----------------------------------------
    แอบสะดุ้งกับวรรคนี้นิดหนึ่ง 555 ผมนี่ยังควายแท้แน่นอนเลยครับ แต่จะไม่ท้อนะครับ สู้ๆ

    คนละเรื่อง อ่อนแอ ตาแข็ง ชี้ให้
    เหนอรยสัจจสี่ ง่ายๆ นี่ตาเขียว
    เอ็ดตะโร จนลำโพงแตก!!! สอน
    ธรรมะชองศาสดา เยี่ยง สอนควาย
    ( เว้น กระทิง อันนี้ ต้องลง ปฏัก ก้
    อนุโลมเฆี่ยน ...แต่ ในทางธรรม
    หมายถึง เอ็ดเอา นั่นแหละ )


    ----------------------------------------


    จากคำแนะนำที่ให้มา ผมสรุปเอาว่า ฝึกจิตให้มีกำลังเพื่อละกิเลส กำลังของจิตมิใช่หมายเอาแค่กำลังการแสดงฤทธิ์อภิญญา อย่างเดียว แต่กำลังของจิตที่สำคัญและควรใส่ใจก็คือ กำลังของสติปัญญา ของจิตที่จะละกิเลสให้สิ้นไปได้ ถ้าผมยังขาดตกบกพร่องไปตรงไหน รบกวนเมตตาเพิ่มเติมให้ทีนะครับ ขอบคุณครับ

    :):):):):):):):)
     
  14. ThinkThink

    ThinkThink สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +20
    ขอบคุณมากนะครับ จะคอยระวังให้ดีครับ แต่ที่ผมลองปฏิบัติดูคือตั้งใจให้ตัวเองมีสติน่ะครับ ถ้าผิดวิธีก็แนะนำให้ด้วยนะครับ 555

    หลังจากที่ภาวนาตลอด จับลมหายใจตลอดทุกครั้งที่มีโอกาสหรือระลึกได้ แม้แต่ตอนขับรถ ผมก็จะทำการดูการรับรู้ของร่างกายต่างๆ ทุกส่วนไปด้วยครับ

    ดูความคิด อารมณ์ ว่าเราอยู่ในอารมณ์ไหน มีอะไรมากระทบ เรากำลังขับรถอยู่นะ เรากำลังมองไปข้างหน้า กำลังมองไปด้านข้าง เท้าเราเหยียบเบรกนะ คันเร่งนะ ทางโค้งนะ ทางตรงนะ เราขับเท่าไร มีรถสวนมานะ ประมาณนี้ครับ พยายามรู้ตัวทุกอย่าง คือพยายามมีสติกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

    ส่วนเรื่องการที่มีการกระทบจากการโดนเปิดไฟสูงใส่บ้าง โดนจี้บ้าง โดนปาดบ้าง หรือมีอะไรที่จะทำให้เกิด ความโกรธ ในขณะขับรถ ก็จะคิดเสมอว่า เราต้องทรงพรมวิหารนะ เค้าคงรีบ เค้าคงเป็นผู้หญิงขับรถ เค้าคงยังไม่เก่ง เค้าคงมองไม่ค่อยเห็น เราก็ยอมๆให้เค้าไป และขอให้เค้าปลอดภัย โชคดีในการเดินทาง ถ้าเราผิดเราขอโทษนะ อะไรแบบนี้ไปเรื่อยๆ

    แม้มันจะไม่ดี ร้อยเปอร์เซ็น เผลอโกรธ เผลอโมโหไปบ้าง แต่มันจะรู้ตัวแล้วก็บอกกับตัวเองว่า เลวนะ ไม่ควรนะ อะไรแบบนี้ครับ

    รวมๆแล้วอยากเป็นคนดีขึ้น มีสติมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้นน่ะครับ ให้จิตใจมันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

    ซึ่งผลการปฏิบัติที่ลองทำดู มันก็ช่วยให้ผมขับรถดีขึ้นทั้งกับตนเองและคนอื่นครับ แต่ถ้ามันไม่ถูกที่ถูกทางบกพร่องตรงไหน แนะนำการปฏิบัติให้ทีนะครับ ถ้าทำตามไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็น ก็จะเอามาประยุกต์เอาครับ

    สุดท้าย ผมจะระวังให้มากๆ ครับ 555 ขอบคุณมากๆ ครับ :):):):):):):):)
     
  15. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ก็เข้าสมาธิทรงอารมณ์ฌานเนื่องๆเวลาว่างเว้นการงาน ก็เข้าอัปปนาสมาธิไปเลยครับ กำลังสมาธิมีเสื่อมครับ ทำงานหนักๆเหนื่อยๆ ถ้าเราหลุดนั่นคือเสื่อม ถ้ากำลังเราดีเราก็เห็นสภาวะ เกิด ดับ มากระทบได้เนื่องๆเอง เบาลงเรื่อยๆ บางทีเราไม่เห็นเป็นโกรธแล้ว อาจแค่ความร้อนกระเพื่อมเล็กน้อย ไม่ต้องเติมดี ไม่ดี เราเห็นสภาวะก็สว่างจ้าแล้วครับ ปิติ
    จิตจะพัฒนายกภูมิได้ต้องไปตามทางของอริยมรรคมีองค์8 ศีล สมาธิ ปัญญาเป็นทางไป
    เรามักได้ยินว่าให้ทำความเพียร เพียรไรกันหนอ คือ เพียรเผากิเลส อบรมปัญญา ให้ละความยินดีในโลก ฝึกอสุภะ แก้หลงสาว อาหาเรปฎิกูล แก้ของกินมากมายเหลือเกินเดี๋ยวนี้
    เราก็ดูความก้าวหน้าของเรา ก็ดูว่าเราตัดสังโยชน์ได้มากขึ้นไหมครับ
     
  16. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    พินา ธรรมพิสมัย อันสมควร

    ไปตาม กำลัง อินทรีย และ พละ
    ที่มี เต็มเปี่ยม(ปารมี) ณ ปัจจุบัน
    ที่มีลำพังตน เลยฮับ

    อิทธิฤทธิ์ มันเปน สิ่งเกิดจาก เหตุ

    เหตุ คือ สิ้นกิเลส สิ้นอุปทาน (พุทธ)

    หรือ

    เหตุ คือ kuแน่ kuหนึ่ง kuสิวะ
    kuนาลาย kuเปนเจ้า cuเพียร
    cuลำไยลูงก์ (เดียรถีย เบื้องต้น
    พรหมจรรย ไม่รู้จัก)
     
  17. maokvid-1800

    maokvid-1800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,923
    ค่าพลัง:
    +2,262
    ในฐานะ ที่ จขกท ชักธงรบ

    ก๋วยเตี๋ยวดู๋ดี๋ ไม่กินเส้น กับ
    กิเลส ไม่ว่าชาตินี้ ชาติไหน

    พึงทราบสาแก่ใจ......

    อินทรีย พละ ก้ ไม่เที่ยง ในเรา

    นะ

    สำคัญนะ

    ขออุบาย มี พละกำลัง...

    อย่าสำคัญผิดว่า ต้องทำ พละ
    อินทรีย ให้เที่ยง

    พุทธเรา จะ อาสัย สิ่งไรๆ ที่ยก
    ย่องกว้างเปนมหาสมุทร มีความ
    วิจิตรใหญ่โต นั้น ดับไป ไม่เที่ยง
    เปนธรรมดา วันยันค่ำ ( ยัญกิญ
    จิ สมุทัย ธัมมัง วิโหราติ)

    ถ้า จขกท มี พละ พอเพียง แค่ ขณะ
    จิตเดียว ใน ปัจจุบัน

    ที่เหลือ ขณะ จิตต่อไป เปนอันไม่
    ต้องไปพูดถึง

    ธรรมของ ศาสดา ไม่ใช่ การสั่งสม
    สะสม
     
  18. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    ชักธงรอย่างงั้น ชิมิ
    ความรู้แค่หางอึ่งอย่างกระผม
    ขอกราบเรียนชี้แจงอย่างนี้ว่า

    ทุกอย่างมันไม่เที่ยง
    มันเป็นทุกข์

    ให้เรียนรู้จากสุขว่าอย่าประมาท
    ให้เรียนรู้จากทุกข์ ว่า ของมันต้องมี
    ถ้วย ถ้ง กะละมัง หม้อ เพื่อเป็น องค์รวม เอามา ทำยำ ประกอบ เป็นความรู้ได้
    ดึงปัจจัย ต่างๆมา รวมกันให้ตัสเองรอดจากทุกข์นั้นซะ
    ไม่งั้น มั้นก็ จะโดนหลอกหลอน ด้วยโลกธรรมทั้ง ๘
    เหมือนหมู สะดุ้งไฟ
    เพราะทุกอย่างมันไม่เที่ยง มันเป็นเช่นนั้นเอง
    นะท่านน๊าา
     
  19. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,800
    กราบเรียน ชี้แจงเรื่อง กำลังจิต กำลังใจ
    เราก็เหมือน ผู้ประคอง น้ำเต็มแก้วอยู่ในมือ

    คุณ ต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว
    อารมณ์ก็เหมือนกับการขับรถ
    มันต้องมี เบรค เลียยยยยยเบรค
    และรู้จักหลบรถที่เขาเก่งกว่า
    เพื่ออะไร
    เพื่อความอยู่รอดใน
    กำลังในกำลังจิตกำลังใจใจของคุณ นั้นเอง
    ความรู้แค่หางอึ่งจึงกราบเรียนชี้แจงได้เช่นนี้แล
     
  20. Mon_chiangmai

    Mon_chiangmai สายอภิญญา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2018
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +21
    พลังจิตเอาไปทำอะไรครับ จิตที่มีพลัง ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ เช่นมากจนทำอะไรโน่นนั่นนี้ได้
    ทำให้จิตยึดอัตตาว่าพลังนี้เป็นของกูตัวกู
    ทำให้จิตหยาบขึ้น การเป็นจิตอีกชั้นหนึ่ง ถ้ายังทิ้งพวกนี้ไม่ได้ ก็จะทำให้เราไกลจากนิพพานเรื่อยๆ
    แนวทางที่สำคัญคือการละ ละกาย ละจิต ได้เมื่อไหร่ ก็สิ้นอัตตา สิ้น ชาติสิ้นภพ สิ้นสุดทางเดินครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...