ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ข่าวฮ่องกง


    ไต้ฝุ่น Yutu เข้าใกล้ฮ่องกงในรัศมี 800 กิโลเมตร คืนนี้


    ขณะนี้ไต้ฝุ่น Yutu กำลังเคลื่อนที่มาอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลจีนใต้ด้วยความเร็ว 140 ก.ม./ช.ม.และค่อยๆ อ่อนกำลังลง


    คาดว่าพรุ่งนี้ วันที่ 31 ตุลาคม จะเคลื่อนที่เข้าใกล้รัศมีฮ่องกงมากขึ้น (จุดสีแดง) ด้วยความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม.


    Source : HKO


    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Economy by Than


    ประมงแฉรัฐไทยอ่อนหัด ปล่อยสินค้าทะลักทุบในประเทศเจ๊ง เตรียมเสนอทางออก 3 ข้อแก้ปัญหา #ฐานเศรษฐกิจ


    ที่ปรึกษารองนายกฯ เผย 2 พ.ย.กรมประมงนัดถกแก้ปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ วอนสมาคมแจงต้นทุนประกอบธุรกิจประมง 2 ปีย้อนหลัง สมาคมประมงฯ แฉเดือด!รัฐไทยอ่อนหัดปล่อยสินค้าทะลักทุบในประเทศ เตรียมเสนอทางออก 3 ข้อแก้ปัญหา


    ผศ.ดร.ธนาพร ศรียากูล ที่ปรึกษา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำนั้น ในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้จะมีการประชุมการหารือระหว่างกรมประมงกับสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เรื่องปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐกับสมาคมจะได้มาปรึกษาหารือกันเพื่อให้เกิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย

    “ขอความร่วมมือพี่น้องชาวประมง และกรรมการสมาคมที่จะมาประชุมในวันนั้นให้เตรียมข้อมูลเรื่องต้นทุนในการประกอบการประมงติดตัวมาด้วย อาทิ ราคาน้ำมันเขียวย้อนหลัง 2 ปี อัตราค่าแรงใช้จ่ายให้กับลูกเรือย้อนหลัง 2 ปี และข้อมูลอื่นๆ ที่คิดว่าเป็นต้นทุนในการประกอบการของการออกเรือประมง ทางภาครัฐจะได้เชิญหน่วยงานอื่นมาร่วมประชุมด้วย เช่นผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์มาร่วมเวทีนี้ด้วยเพื่อที่จะได้เข้าใจปัญหาร่วมกันก่อให้เกิดความเดือดร้อนมากน้อยเพียงใดนั้นรัฐบาลจะได้นำข้อมูลที่ได้นำไปกำหนดมาตรการช่วยเหลือที่ถูกต้องตรงกับสภาพปัญหา เพราะฉะนั้นอยากจะรบกวนทางสมาคมที่จะมาร่วมประชุมกันในวันนั้นช่วยเตรียมข้อมูลมาให้ละเอียดมากที่สุด โดยเฉพาะต้นทุนการประกอบการของเรือ เชื่อว่าเวทีนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากที่ได้นำข้อมูลแต่ละฝ่ายเอามาแชร์กันเพื่อที่จะได้เข้าใจปัญหาได้ถูกต้องตรงกันและนำไปสู่การแก้ไขที่ถูกต้อง”

    ผศ.ดร.ธนาพร กล่าวอีกว่า ปัญหาราคาเป็นยอดภูเขาน้ำแข็ง ก็คือความต้องการซื้อ และความต้องการขาย ซึ่งราคาที่เป็นอยู่ทำให้ผู้ประกอบการเดือดร้อน หลักสากลทั่วไปที่จะต้องเอามาใช้ก็คือ ต้องนำต้นทุนมาพิจารณาด้วยเช่นเดียวกับการกำหนดมาตรการของสินค้าเกษตรของภาครัฐชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และล่าสุด “มะพร้าว” ดังนั้นไม่ว่าจะใช้งบประมาณหรือไม่ใช้งบประมาณก็ตามจะมีข้อมูลมาประกอบก็คือต้นทุนในการประกอบการ เพราะฉะนั้นจะไม่มีเหตุผลที่จะไปอธิบายกับสังคมได้ขอให้สมาคมเตรียมข้อมูลมาด้วยเพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ของผู้ประกอบการอาชีพประมง

    ขณะที่นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เสนอทางออก 3 ข้อ เพื่อลดผลกระทบต่อเขตการค้าเสรี AFTA สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย จึงขอให้รัฐบาลดำเนินมาตรการ ดังต่อไปนี้


    1. มาตรการด้านสุขอนามัยสัตว์น้ำ ด้วยการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงความสะอาดของสินค้านั้น ซึ่งองค์การการค้าโลก (WTO) ให้สิทธิ์ในการกำหนดมาตรการนี้


    2. มาตรการด้านปกป้องคุ้มครอง Safeguard measure เป็นมาตรการที่ปกป้องคุ้มครองอุตสากกรรม หรืออาชีพคนภายในประเทศ หากสินค้าที่นำเข้ามีเป็นจำนวนมากและการนำเข้านั้นก่อให้เกิดความเสียหายต่อุตสาหกรรมหรืออาชีพภายในประเทศที่ผลิตสินค้าอย่างเดียวกัน


    3. ตั้งกฎเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้า Rules of Origin หากกฎเกณฑ์ถิ่นกำนิดของสินค้านั้นไม่เข้มงวด เป็นช่องทางให้ประเทศอื่นฉกฉวยโอกาสใช้ประโยชน์จากข้อตกลง AFTA


    ทั้ง 3 ประการข้างต้นองค์การการค้าโลกให้สิทธิ์แก่ประเทศสมาชิกที่ทำความตกลงเขตการค้าเสรี FTA สามารถดำเนินการได้ ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐอ้างว่าเป็นข้อตกลงเสรีทางการค้าที่ช่วยไม่ได้ นั้นไม่เป็นความจริง เพราะสัญญาหรือข้อตกลงทุกอย่าง ย่อมมีข้อยกเว้นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดของสินค้า การค้ามนุษย์และอื่นๆ จึงควรที่รัฐบาลต้องเร่งด่วนในการกำหนดมาตรการนี้

    โดยเฉพาะข้อที่ 3 หมายความว่าที่สินค้าประมงจากเมียนมาเข้ามาตีตลาดเมืองไทยได้อย่างง่ายดายเป็นตัวชี้วัดว่า การตั้งกฎเกณฑ์ของไทยอ่อนมากจนกระทั่งประชาชน ของตนเองเดือดร้อน ต้องแก้ไขจุดนี้ด้วย และในวันที่ 5 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุบอร์ดแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อขอหารือเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย (บอร์ดไอยูยู) กับลูกเรือประมงอันอาจจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการแรงงานภาคประมง และปัญหาราคาสัตว์น้ำตกต่ำ


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 30) สหรัฐฯ เพิ่มข้อจำกัดการส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไปจีน: U.S. Commerce Department ประกาศเพิ่มข้อจำกัดในการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทอเมริกัน ไปยังบริษัท Fujian Jinhua ซึ่งเป็น state-owned enterprises และผู้ผลิต chip รายใหญ่ของจีน ด้วยเหตุผลด้าน national security


    ในแถลงการณ์ระบุว่า การส่งออก การส่งออกกลับคืน และการโอนย้ายสินค้าโภคภัณฑ์ ซอฟท์แวร์และเทคโนโลยี จะต้องขอใบอนุญาตและถูกพิจารณาภายใต้กฎเกณฑ์ว่าด้วยการบริหารการส่งออกของสหรัฐฯ (Export Administration Regulations – EAR)


    ทั้งนี้ นาย Wilbur Ross, U.S. Secretary of Commerce ระบุในแถลงการณ์ดังกล่าวว่า บริษัท Jinhua มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ โดยการเพิ่มข้อจำกัดดังกล่าว จะช่วยจำกัดภัยคุกคามที่มีต่อ supply chain ของชิ้นส่วนที่สำคัญต่างๆ ของระบบการทหารของสหรัฐฯ ได้ ขณะเดียวกัน


    ทางด้านนาย Derek Scissors, ผู้เชี่ยวชาญด้านประเทศจีนของสถาบัน American Enterprise Institute ได้แสดงความคิดเห็นว่า บริษัท Jinhua เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรม semiconductor ของจีน และกำลังฟ้องร้องเรื่องการละเมิดสิทธิบัตรต่อบริษัท Micron Technology Inc. ผู้ผลิต chip ของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้ การประกาศเพิ่มข้อจำกัดดังกล่าว จึงเป็นการช่วยเหลือบริษัท Micron ได้ในระยะสั้น และเป็นการสร้างแบบอย่างในการปฏิบัติต่อบริษัทที่เป็น state-owned enterprises ของรัฐบาลจีนในระยะยาว


    Source: BOTSS


    - US restricts Chinese chipmaker from buying American parts: https://edition.cnn.com/2018/10/29/tech/us-export-ban-fujian-jinhua/index.html
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_4365.JPG
    (Oct 30) บทความพิเศษ: ดอกเบี้ยขึ้นไม่สะเทือนเท่า 'กู้ไม่ผ่าน' : นอกจากประเด็นมาตรการกำกับดูแลอาจกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังที่ 2 หลังที่ 3 ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประเด็นร้อนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์นั่นคือแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินที่แท้จริง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบกับตลาดที่อยู่อาศัยในปีหน้าได้

    ขณะที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปัญหา "กู้ไม่ผ่าน" เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่ยุครถคันแรกจนถึงหมดระยะเวลาของรถคันแรกไปแล้ว ปัญหากู้ไม่ผ่านก็ยังคงอยู่ และยังคงมีแนวโน้มว่าปัญหานี้ก็ยังคงอยู่คู่กับ ตลาดที่อยู่อาศัย เพราะเป็นเรื่องที่แก้ไขได้ยาก และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควบคุมไม่ได้ นอกจากผู้ที่กู้ไม่ผ่านแล้ว บางส่วนที่กู้ผ่านก็ยังมีปัญหากู้ได้ไม่เต็มวงเงินราคาที่อยู่อาศัย ทำให้ไม่สามารถรับโอนที่อยู่อาศัยนั้นๆ ได้

    ดังนั้น เมื่อมีการกล่าวถึงภาวะแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะกระทบกับคนซื้อบ้าน คนซื้อคอนโด คนในวงอสังหาริมทรัพย์จำนวนไม่น้อยกลับมองต่างออกไปว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นอาจไม่สำคัญเท่ากับคนกู้ "กู้ไม่ผ่าน" และ "กู้ไม่เต็มวงเงิน" เพราะดอกเบี้ยขาขึ้น แล้วกู้ผ่าน กู้ได้เต็มวงเงิน ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ครอบครองที่อยู่อาศัยตามเป้าหมาย แต่แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะไม่ได้ปรับขึ้น แต่กู้ไม่ผ่าน กู้ไม่ได้เต็มวงเงิน ก็เป็นเรื่องเกินเอื้อมในการจะได้ที่อยู่อาศัยนั้นมา

    ผู้ประกอบการหลายค่ายต่างพยายามปรับตัวรับมือกับปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นขอให้ยื่นตรวจความสามารถทางการเงินก่อนจอง พอจองแล้วใกล้ๆ จะโอนกรรมสิทธิ์ก็ตรวจอีกรอบ ซึ่งถ้าเป็นกรณีคอนโดมิเนียม ก่อนโครงการจะสร้างเสร็จประมาณ 6 เดือน ก็เชิญชวน ลูกบ้านมาตรวจความสามารถทางการเงินในเบื้องต้นรอบหนึ่งก่อน เพื่อเช็กดูว่าพร้อมจะรับโอนกรรมสิทธิ์จริงหรือไม่ หรือถ้าไม่พร้อมจะขายต่อหรือไม่ จะได้ช่วยหาแนวทางที่จะทำให้ที่อยู่อาศัยนั้นๆ ขายและโอนได้จริง

    ส่วนโครงการบ้านจัดสรรที่ในตลาดเกือบ 100% เป็นบ้านพร้อมอยู่หรือเกือบจะพร้อมอยู่ ระยะเวลาผ่อนดาวน์น้อยกว่าคอนโดมิเนียมนั่นหมายถึงโอกาสที่จะเตรียมตัวทางการเงินน้อยกว่ามาก ถ้าไม่ได้มีเงินเก็บ ส่วนใหญ่แล้ว จะต้องการกู้ 100% ของราคาที่อยู่อาศัย ซึ่งถ้ากู้ไม่ผ่าน หรือกู้ไม่ได้เต็มวงเงิน อาจจะไม่สามารถรับโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยนั้นๆ ได้

    เมื่อเจาะลึกถึงสถานการณ์กู้ไม่ผ่าน ถ้าประเมินจากการแข่งขันของแบงก์ต่างๆ แล้ว จะเห็นว่าหลายแบงก์ต่างอัดโปรโมชั่นให้ข้อเสนอหลากหลายกับ ผู้กู้ เพราะแต่ละแบงก์เองก็ต้องการขยายพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยของตัวเอง ซึ่งหลายแบงก์แย้มๆ ว่า ภาพรวมสินเชื่อปีนี้ก็ขยายตัว สะท้อนให้เห็นว่า แบงก์ก็พยายามหาตลาดใหม่ๆ ในการปล่อยสินเชื่อ หรืองัดทุกกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้กู้ที่มีศักยภาพได้รับสินเชื่อแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น ส่วนของสินเชื่อบ้าน และส่วนของสินเชื่ออเนกประสงค์

    หากลองประเมินสถานการณ์กู้ไม่ผ่านควบคู่ไปกับความเคลื่อนไหวของแบงก์ พร้อมกับมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของแบงก์ชาติแล้ว การกำหนดให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีเงินดาวน์ในสัดส่วนที่สูงขึ้น ท้ายที่สุดอาจเป็นผลดีกับทั้งคนซื้อบ้านเอง ผู้ประกอบการ และแบงก์ ตลาด ที่อาศัยอาจกลับเข้าสู่สภาวะผ่อนดาวน์ที่ยาวขึ้น ไม่ต้องเร่งก่อสร้าง ไม่ต้องเร่งโอนกรรมสิทธิ์ คุณภาพบ้านก็มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการอยากจะเร่งขาย เร่งโอน จึงเร่งก่อสร้าง งัดทุกเทคโนโลยีที่ทำให้สร้างบ้านได้เร็วขึ้น จะได้ส่งมอบเร็ว จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เกิดความบกพร่องในการก่อสร้างได้ ซึ่งการที่มีกฎเกณฑ์เรื่องเงินดาวน์ในการซื้อที่อยู่อาศัยสูงขึ้น ก็มีโอกาสในการกู้ผ่านมีสูงขึ้น และวิธีนี้ก็อาจช่วยแก้ปัญหากู้ไม่ผ่านมาเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานานแล้วก็เป็นได้

    ระยะสั้นตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจชะลอตัวจากการคุมเข้มสินเชื่อ เพราะคนกู้บ้าน-คอนโดยังไม่ได้เตรียมตัวรับมือ แต่ระยะยาวแล้วคนได้เตรียมตัวก็คงเป็นผลดี คล้ายกับการชะลอเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

    โดย มิสเตอร์โฮมทูเดย์

    Source: Posttoday

    ภาพจาก SJ Thai home
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students
    IMG_4366.JPG
    (Oct 30) อิตาลีเดินเกมต่อรอง ฉุดยุโรปเสี่ยงรอบใหม่ : แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะไม่ปล่อยให้ปัญหาเรื่องอิตาลี เบร็กซิต และแรงกดดันของตลาดทุนมามีผลต่อนโยบายการเงิน ที่อีซีบีตั้งใจจะยุติมาตรการผ่อนปรนทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี) ที่ใช้มา 3 ปีลงอย่างถาวรในสิ้นปี 2018 นี้ แต่ก็ใช่ว่าประเด็นเหล่านี้จะไม่น่าห่วงไปซะทีเดียว โดยเฉพาะสมาชิกที่น่าปวดหัวอย่าง "อิตาลี"

    จากหนึ่งในชาติกลุ่มยุโรปใต้ที่เคยมีวิกฤตหนี้สาธารณะมาแล้วในช่วงปี 2010 และง่อนแง่นต่อเนื่องตามมาอีกหลายปี อิตาลีได้กลายมาเป็นปัญหาใหม่ของสหภาพยุโรป (อียู) อีกครั้งใน ปีนี้ เมื่อรัฐบาลประชานิยมขวาจัดชุดใหม่ที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาเมื่อต้นปี เสนอร่างงบประมาณขาดดุลเกินกว่าโควตาที่ตั้งไว้ จนถูกอียูปฏิเสธกลับมา และกลายเป็นการเผชิญที่สร้างความเสี่ยงไปทั้งภูมิภาคในขณะนี้

    สหภาพยุโรปนั้นมีกฎเกณฑ์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ข้อตกลงว่าด้วยเสถียรภาพและการเติบโต (SGP) โดยเป็นข้อกำหนดทางการคลังร่วมกันเพื่อให้ชาติสมาชิก 28 ประเทศ ใช้จ่ายอยู่ในร่องในรอย ไม่เช่นนั้นหากสมาชิกชาติหนึ่งเกิดวิกฤตการคลังขึ้นก็จะฉุดให้ประเทศ อื่นๆ มีปัญหาตามเหมือนโดมิโนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ข้อตกลง SGP จึงจำกัดว่าประเทศสมาชิก "ไม่ควร" เสนอร่างงบประมาณขาดดุลเกิน 3% ของจีดีพี หรือไม่ควรปล่อยให้หนี้สาธารณะ สูงเกิน 60% ของจีดีพี

    ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นนี้ โดยเฉพาะกับอิตาลี ที่มีหนี้สาธารณะสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในยุโรปรองจากกรีซ หรืออยู่ที่ 133% ของจีดีพี และเคยมีประวัติปัญหามาแล้ว คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) จึงไม่ยอมรับร่างงบประมาณของอิตาลีที่เป็นงบขาดดุล 2.4% หรือสูงกว่าตัวเลขที่เคยตั้งไว้เบื้องต้น 3 เท่า เพราะแม้จะยังไม่ถึง 3% แต่ก็เสี่ยงสูงที่จะทำให้ปัญหาหนี้ของอิตาลีบานปลายย่ำแย่ลงอีก

    ฝ่ายอิตาลีนั้นยืนยันว่าไม่มีแผน 2 หรือแผนสำรองเตรียมไว้ และยังคงยืนยันที่จะเสนอร่างด้วยตัวเลขเดิม ขณะที่ฝ่ายอีซีก็ยืนกรานไม่รับพร้อมให้เวลาไปคิดร่างใหม่มาเสนอภายใน 3 สัปดาห์

    อย่างไรก็ตาม เมื่อความยุ่งยากทางการเงินถูกพ่วงมาด้วยความยุ่งยากทางการเมือง ปัญหาก็ยิ่งซับซ้อนและหาทางออกยากขึ้นเสมอ

    ปัญหาของอิตาลีก็คือ รัฐบาลชุดใหม่นั้นมาจากกลุ่มแนวร่วมขวาจัดที่มี นโยบายประชานิยม และไม่เอาอียูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยเคยหาเสียงเอาไว้ด้วยว่าจะเปิดประชามติซาวเสียงออกจากอียูเป็นประเทศถัดไป แม้ว่าหัวหน้ารัฐบาลปัจจุบันคือ นายกรัฐมนตรี จูเซปเป คอนเต จะยืนยันก่อนหน้านี้ว่าอิตาลีจะไม่ออกจากอียูแน่นอน แต่การเผชิญหน้าเรื่องงบประมาณในขณะนี้ ก็ยิ่งเสี่ยงทำให้ 2 ฝ่ายแตกแยกมากขึ้นอีก และอาจเพิ่มแรงสนับสนุนฝ่ายขวาจัดในอิตาลีที่ต่อต้านอียูตามมา และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเรื่องประชามติออกจากอียูอีกครั้ง

    ท่าทีปัจจุบันของแนวร่วมขวาจัดรัฐบาลอิตาลีก็คือ ไม่ยอมถอย โดยหัวหน้าพรรคเดอะลีก มัตเตโอ ซัลวินี และหัวหน้าพรรคไฟว์ สตาร์ มูฟเมนท์ ลุยจิ ดิ ไมโอ ต่างยืนยันท่าทีว่าจะไม่ยอมลดตัวเลขลง และยกเรื่องปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของ "ประชาชน" มาเป็นข้ออ้างสำคัญที่ต้องก่อหนี้เพิ่มถึง 3 เท่า จากเดิมที่รัฐบาลฝ่ายซ้ายชุดก่อนเคยให้ตัวเลขขาดดุลคร่าวๆ ไว้ที่ 0.8%

    หากรัฐบาลอิตาลียืนกรานตามเดิม อีซีก็อาจเลือกการลงดาบด้วยโทษปรับ ซึ่งจะยิ่งทำให้การเมืองในอิตาลีลุกโชน และกระทบต่อเสถียรภาพในอิตาลีและยุโรปตามมา โดยอาจประเดิมที่ตลาดทุนและตลาดพันธบัตรอิตาลีก่อน

    นับตั้งแต่ได้รัฐบาลใหม่เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเจรจาตั้ง รัฐบาลผสมกันมาอย่างยาวนาน ดัชนีตลาดหุ้นมิลานปรับตัวร่วงไปแล้วมากกว่า 20%

    ก่อนหน้านี้ บริษัทจัดอันดับเครดิตมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดอันดับเครดิตของอิตาลีลงมาอยู่ที่ Baa3 จากเดิมที่ Baa2 หรือมาอยู่ 1 ขั้นก่อนถึงขั้นจังก์บอนด์ เพราะกังวลเรื่องปัญหาร่างงบประมาณ และอีก 1 สัปดาห์ต่อมา บริษัท เอสแอนด์พี ก็จัดเครดิตตามมาเช่นกัน โดยยังปรานี ด้วยการลดเพียงแนวโน้มอันดับเครดิต (Outlook) มาอยู่ที่เชิงลบ และคงอันดับเครดิตไว้ที่เดิม แต่การให้แนวโน้มเชิงลบก็หมายความว่ามีโอกาสสูงที่จะถูกลดอันดับเครดิตลงได้เช่นกัน หากยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องร่างใหม่ภายใน 3 สัปดาห์ก่อนเส้นตาย

    นักวิเคราะห์จากบริษัท ฟิเดลิตี อินเตอร์เนชันนัล ระบุว่า การเสนอร่างที่เป็นไปไม่ได้เช่นนี้ เท่ากับว่าอิตาลีกำลังเปิดศึกทั้งกับอียูและกับตลาดทุนไปพร้อมกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายนี้ต่างก็ไม่เชื่อว่า อิตาลีจะสามารถทำให้เศรษฐกิจโต 1.5% อย่างที่พูดเอาไว้ได้ และไม่เชื่อด้วยว่าเส้นทางการเงินการคลัง และเส้นทางการเมืองประชานิยมแบบนี้จะยั่งยืน

    แต่ฝั่งยุโรปเองก็ตกอยู่ในสถานะถูกเดินเกมต่อรองที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน เพราะยังมีความเสี่ยงเบร็กซิตขนาบ อีกด้าน และอีซีบีเองก็ส่งสัญญาณ ไม่กระตุ้นทางการเงินแล้ว อย่างดี ก็เพียงแค่โรลโอเวอร์พันธบัตรครบกำหนดไถ่ถอนปีหน้าไปอีกระยะเพื่อช่วยพยุงตลาดบอนด์

    เกมการเมืองครั้งนี้จึงเป็นทั้งความเสี่ยงของอิตาลีและสะเทือนทั้งยุโรปที่ต้องจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดไปพร้อมๆ กัน

    โดย นันทิยา วรเพชรายุทธ

    Source: Posttoday
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 30) ประธานาธิบดีเม็กซิโก ประกาศยกเลิกแผนการสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 13 พันล้านดอลลาร์ สรอ. : สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ประธานาธิบดี Andres Manuel Lopez Obrador ของประเทศเม็กซิโก ประกาศยกเลิกแผนการสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ มูลค่ากว่า 13 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งโครงการได้เริ่มสร้างไปแล้วประมาณ 1 ใน 3 ภายหลังจากที่เปิดให้ประชาชนทั่วประเทศได้ลงประชามติ ซึ่งปรากฎว่าเสียงส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 ไม่เห็นด้วยกับการสร้างสนามบินดังกล่าว ส่งผลให้ค่าเงินเปโซเม็กซิโกอ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 2.5 มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2016 ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Obrador กล่าวว่า รัฐบาลเคารพการตัดสินของประชาชนซึ่งเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย โดยทางรัฐบาลจะกลับไปปรับปรุงสนามบินเดิมที่มีอยู่ทดแทนการสร้างใหม่ นอกจากนี้ ยังได้กล่าวเสริมว่า การตัดสินใจดังกล่าวจะไม่กระทบต่อภาคธุรกิจและการเงินของประเทศ และไม่คิดว่าจะถูกฟ้องร้องจากการยกเลิกการสร้างสนามบินใหม่


    Source: BOTSS


    เพิ่มเติม

    - Mexico president-elect halts partly built airport :



    - Mexico president says canceling airport would mean prepaying bonds: https://www.reuters.com/article/us-...port-would-mean-prepaying-bonds-idUSKCN1N32P0
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ทุบโต๊ะข่าว Amarin TV 34


    ทนาย “ประจักษ์ชัย” โต้ เรื่องสอบภาษีค่ายเพลงเป็นแผนร้าย หวังชิงตัวนักร้องสาว หากอีกฝ่ายไม่หยุดจะเจอดี


     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    MOREMOVE


    #มอร์มูฟเป็นข่าว เมืองใหญ่ตามภูมิภาคของไทยกำลังตื่นตัวตื่นเต้นกับระบบขนส่งสาธารณะแบบล่้าสุด #รถไฟฟ้ารางเบา ร่ำๆ จ่อๆ จะแข่งกันสร้างในเร็ววัน ไม่ว่าจะเป็นที่ขอนแก่น เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต และล่าสุดคืออุดรฯ หวังไว้ว่าเจ้าระบบขนส่งฯนี้จะนำพาความเจริญและรายได้เข้าสู่จังหวัด แต่ล่าสุด 'AREA' บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนอสังหาฯของไทยขอสวนกระแสเบาๆ (?) ชี้ชัด #รถไฟฟ้าในเมืองเชียงใหม่และขอนแก่นเจ๊งชัวร์ๆ ทุกพื้นที่-ทุกเส้นทาง แจงเหตุ #ความหนาแน่นของประชากรน้อย ไม่มีความเป็นไปได้โดยพื้นฐาน!!


    Source : AREA - https://bit.ly/2Db8wZ8


    ไม่เพียงเท่านั้นยังระบุด้วยว่า รายได้ของประชากรในจังหวัดภูมิภาคย่อมน้อยกว่ารายได้ของประชากรในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นอย่างมาก โอกาสจะมีผู้ใช้รถไฟฟ้าจึงมีจำกัดไปด้วย #ผู้มีรายได้น้อยย่อมให้ความสำคัญกับค่าของเงินมากกว่าค่าของเวลา


    #ขอนแก่น (เฉพาะบริเวณที่จะสร้างรถไฟฟ้า) ปรากฏว่ามีความหนาแน่นของประชากรเพียง 323 คนต่อตารางกิโลเมตร ส่วน #เชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอที่จะมีรถไฟฟ้า) มีความหนาแน่นของประชากร 486 คนต่อตารางกิโลเมตรเท่านั้น โดยถ้าเทียบกับเทศบาล ต.ไทรม้าซึ่งเป็นเทศบาลเล็กๆ ใน จ.นนทบุรีที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่านจะพบว่า เทศบาลแห่งนี้มีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 2,725 คนต่อตารางกิโลเมตร #ถึงขนาดนั้นแล้วรถไฟฟ้าสายสีม่วงยังหาผู้โดยสารขึ้นได้ยาก ยกเว้นช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้น


    #ทางออกของปัญหา ความเป็นไปได้ในการสร้างรถไฟฟ้าในเมืองในจังหวัดภูมิภาคก็คือ #การเพิ่มความหนาแน่นของประชากร ด้วยการกำหนดให้ในพื้นที่ใจกลางเมืองสามารถสร้างได้สูงและมีสัดส่วนพื้นที่ก่อสร้างกับพื้นที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) สูงขึ้นเป็น 10 ถึง 20 เท่าของพื้นที่ดิน เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกันในเขตเมือง ไม่ไปรุกพื้นที่ชนบทรอบนอก และทำให้มีจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าพอเพียงนั่นเอง #ถ้าจำนวนผู้ใช้บริการยังน้อยเกินไปก็จะประสบภาวะขาดทุน และเป็นเพียงการสร้างเพื่อกลุ่มทุนที่มีทรัพย์สินอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเท่านั้น


    อย่างไรก็ตาม #รัฐบาลหรือส่วนท้องถิ่นควรมีมาตรการจัดเก็บภาษี เช่นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขายทรัพย์สิน เพราะเมื่อมีรถไฟฟ้ามูลค่าทรัพย์สินตามเส้นทางและรอบๆ สถานีรถไฟฟ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าในบริเวณอื่น #เจ้าของทรัพย์สินเหล่านั้นก็ควรเสียภาษีประจำปีเพิ่มมากขึ้นเพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบสังคม และเมื่อมีการซื้อขายก็ควรเก็บภาษีจากกำไรสัก 20% เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นหรือบำรุงรักษารถไฟฟ้าของท้องถิ่นนั้นๆ นั่นเอง #ถ้าไม่มีการเก็บภาษีเหล่านี้ก็ยิ่งเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม.


     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รวม 31 โครงการ 1.7 พันล.! สตง.พบยังไม่คืนเงินกองทุนช่วยเกษตร-ยุค‘ชวน-สมัคร’ด้วย เขียนวันที่ วันอังคาร ที่ 30 ตุลาคม 2561 เวลา 12:11 น.เขียนโดย isranews

    ทั้งหมด 31 โครงการ 1.7 พันล้าน สตง.พบยังไม่ปิดบัญชี-คืนเงินกองทุนช่วยเหลือเกษตกร เผย 3 โครงการ ใช้เงินมากสุด รับซื้อข้าวสารแทรกแซงตลาดปี’42/43 ยุค ‘นายหัวชวน’ 458 ล้าน จำนำข้าวยุค ‘สมัคร’ 432 ล้าน สร้างโรงอัดก้อนยาง-โกดังเก็บยาง 423 ล้าน เบ็ดเสร็จ 1.3 พันล้าน

    PIC-smak-30-10-61_1.jpg

    จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึงประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) หลังจากตรวจสอบงบการเงินของกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สำหรับปีสิ้นสุดงบประมาณ 2560 พบว่า มีอย่างน้อย 10 โครงการ ระหว่างปี 2543-2557 ที่สิ้นสุดโครงการแล้ว แต่ยังไม่ได้ปิดบัญชีโครงการ และไม่ได้นำเงินส่งคืนกองทุน รวมเป็นเงิน 1,185,930,625 บาท หรือราว 1.1 พันล้านบาท โดย สตง. สั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น (อ่านประกอบ : สตง.พบ 10 โครงการช่วยเกษตรกรยังไม่ปิดบัญชี-คืนเงิน 1.1 พันล.-รบ.บิ๊กตู่ติดโผด้วย)

    สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ตามรายงานของ สตง. ไม่ได้มีแค่ 10 โครงการเท่านั้นที่มีปัญหาดังกล่าว แต่ยังมีอีกอย่างน้อย 21 โครงการ (เท่าที่ตรวจสอบพบ) รวมเป็นเงิน 644,737,081 บาท หากนับรวมกับ 10 โครงการแรก เท่ากับว่า สตง. ตรวจสอบพบว่า โครงการในกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร มีปัญหาถึง 31 โครงการ รวมวงเงินกว่า 1.7 พันล้านบาท

    โดยโครงการที่พบวงเงินมากที่สุดคือ โครงการรับซื้อข้าวสารแทรกแซงตลาด ปี 2542/2543 (ยุคนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี) ขององค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) สิ้นสุดโครงการเมื่อเดือน เม.ย. 2547 มียอดคงเหลือ 458,374,192 บาท

    ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/2552 (ยุคนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี) ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) สิ้นสุดโครงการเมื่อปี 2554 มียอดคงเหลือ 432,941,000 บาท

    นอกจากนี้ยังพบว่า โครงการสร้างโรงอัดก้อนยางพร้อมอุปกรณ์อัดก้อนและโกดังเก็บยาง ดำเนินการโดยกรมวิชาการเกษตร (ไม่มีการระบุวันเริ่มต้นโครงการ) สิ้นสุดโครงการช่วงเดือน ก.ย. 2552 มียอดคงเหลือ 423,382,411 บาท

    รวมทั้ง 3 โครงการดังกล่าว มียอดคงเหลือ 1,314,697,603 บาท หรือราว 1.3 พันล้านบาท ที่ยังไม่ได้ปิดบัญชีโครงการ และยังไม่ได้นำเงินส่งคืนกองทุน

    # กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/


    https://www.isranews.org/isranews/70689-isranews_70689.html
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Bank of Thailand Scholarship Students


    (Oct 30) 'ค่าแรงสูง' บั่นทอนลงทุนอาเซียน : ประเทศในเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกันถ้วนหน้า เนื่องจากรัฐบาลต้องการสร้างความนิยม ในหมู่ประชาชน แต่กระแสนี้อาจชะลอ การลงทุนจากต่างชาติลง เมื่อภูมิภาคไม่ได้โดดเด่นเรื่องการเป็นศูนย์กลางการผลิต ค่าจ้างถูกอีกต่อไป



    เว็บไซต์นิกเกอิรายงานว่า อาร์ตเนเจอร์ บริษัทผลิตวิกจากญี่ปุ่นเพิ่งขายโรงงานในกัมพูชาให้กับธุรกิจฮ่องกงไปเมื่อปีก่อน หลังจาก ตั้งโรงงานได้เพียง 3 ปี ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจเช่นนี้อยู่ที่ค่าแรงเพิ่มสูง ประเทศนี้ส่งออกสิ่งทอ 60% ของการส่งออก ทั้งหมด



    ปีนี้รัฐบาลพนมเปญกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ รายเดือน ที่มักใช้กับงานตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ที่ 170 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 11.1% จากปี 2560 และสูงกว่าค่าจ้างในปี 2555 เกือบ 3 เท่า พรรคประชาชนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนที่ชนะเลือกตั้งในเดือน ก.พ.และก.ค.ได้คุมทั้ง 2 สภา ผลักดันนโยบายขึ้นค่าจ้างเพื่อเพิ่มคะแนนนิยม



    เมื่อเดือน มี.ค.ฮุนเซนประกาศว่า จะขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำให้ถึงเดือนละ 250 ดอลลาร์ ภายใน ปี 2566 ซึ่งจะสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำในขณะนี้ ของมาเลเซีย ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าประเทศหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



    ที่เมียนมาค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 33% ตั้งแต่ เดือน พ.ค.มาอยู่ที่ราว 3 ดอลลาร์ต่อการทำงาน วันละ 8 ชั่วโมง ค่าจ้างแรงงานคิดเป็น 70-80% ของต้นทุนที่แบรนด์เสื้อผ้าต่างชาตินำสินค้ามาตัดเย็บในเมียนมา



    มยินต์ โซ ประธานสมาคมผลิตสิ่งทอเมียนมาเผยว่าโรงงานเสื้อผ้าราว 550 แห่งในเมียนมาต้องปิดตัวลงไปแล้วราว 10 แห่งด้วยหลายๆ เหตุผล หนี่งในนั้นคือค่าแรงสูง



    ในช่วงที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) นำโดยนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ กำลังเตรียมการรับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2563 รัฐบาลต้องเร่งมือเพิ่มมาตรฐานการดำรงชีวิต หลายครั้งทำกันแบบลวกๆ มยินต์จึงห่วงเรื่องที่โรงงาน มีผลิตภาพต่ำ พร้อมเตือนว่าหากขึ้นค่าแรงต่อไปเมียนมาอาจสูญเสียความสามารถ ในการแข่งขันในฐานะแหล่งผลิตสินค้า



    การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ ของผู้บริโภคก็จริง แต่หากเพิ่มมากกว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจและราคา อาจบั่นทอน รายได้ของภาคธุรกิจที่ปฏิบัติการใน ประเทศนั้นๆ จึงมีแนวโน้มลงทุนน้อยลง



    องค์การการค้าภายนอกญี่ปุ่นสำรวจบริษัทญี่ปุ่นที่ปฏิบัติการในแผ่นดินใหญ่เอเชีย และโอเชียเนีย ผู้ให้ข้อมูล 40% คาดว่า ปีนี้กำไร จากการปฏิบัติการจะลดลง เหตุผลจากต้นทุนแรงงาน



    ชินสุเกะ โกโต จากทรัสต์เวนเจอร์พาร์ตเนอร์ส บริษัทที่ปรึกษาภาคธุรกิจ เปิดสาขาในเมียนมา กล่าวว่า ค่าแรงเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้สนใจเรื่องการปรับปรุงผลิตภาพ บางประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พยายามเพิ่มรายได้ให้สอดคล้องกับแนวโน้ม ผลิตภาพ ปี 2558 เวียดนามส่งออกแซงหน้า อินโดนีเซีย เมื่อเวียดนามพัฒนาตนเองเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก ค่าจ้างขั้นต่ำ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่านับตั้งแต่ปี 2554 และเพิ่มขึ้น เป็นตัวเลข 2 หลักต่อปีจนถึงปี 2559 บั่นทอนความได้เปรียบด้านต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างจีน แต่อัตราการขยายตัวของค่าจ้าง ก็ชะลอตัวลง คาดว่าปี 2562 จะเพิ่มขึ้น 5.3%



    พร้อมกันนั้นการที่สหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ทำให้สกุลเงินประเทศตลาดเกิดใหม่ อ่อนค่าลง ประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าอย่างเมียนมาจึงต้องการค่าแรงเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาสินค้าในชีวิตประจำวันขึ้นราคา



    สำหรับลาว ที่ยากจนที่สุดในโลกประเทศหนึ่งก็เจอสถานการณ์คล้ายๆ กัน ปีนี้ลาวขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำ 22% มาอยู่ที่เดือนละ 130 ดอลลาร์ สูงกว่าเมื่อปี 2555 กว่า 3 เท่ายิ่งเมื่อเงินกีบ อ่อนค่ายิ่งผลักให้ราคาสินค้านำเข้าแพงขึ้น แต่ด้วยความที่ลาวปกครองด้วยพรรคการเมืองเดียว รัฐบาลต้องการทำให้ประชาชนมีความสุข และห้ามปรามไม่ให้ประชาชนย้ายไปทำงานในประเทศที่จ่ายค่าแรงดีกว่า



    ด้านมาเลเซียเตรียมขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ทั่วประเทศในเดือน ม.ค. ตามนโยบายที่ นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัดเคยหาเสียงไว้ ถ้ารัฐบาลทำตามแผนที่พรรคร่วมประกาศไว้จริง ค่าจ้างขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้น 43% ภายใน 5 ปี



    โคจิ โคบายาชิจากสถาบันวิจัยมิซุโฮ กล่าวว่าสถานการณ์เช่นนี้ทำให้การลงทุนใน ภาคส่วนที่ต้องใช้ทรัพยากรเข้มข้นและพึ่งพาแรงงานเป็นหลักชะงักลงไปในท้ายที่สุด


    Source: กรุงเทพธุรกิจ


    - Minimum wages surge across Southeast Asia

    https://asia.nikkei.com/Economy/Minimum-wages-surge-across-Southeast-Asia
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ที่นี่"แปดริ้ว"

    IMG_4368.JPG
    กรมสรรพากร เล็งจะ ตรวจสอบภาษีโดยตรง จากระบบบัญชีของทุกคน ใครยอดรับเงินเยอะ หรือรายการเข้าออกบ่อย ระวัง...โดนเรียก


    คณะกรรมการกฤษฏีกา ได้เตรียมพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายของรัฐบาล เสนอโครงการระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้สถาบันการเงินต่างๆ ต้องรายงานข้อมูลของบุคคลที่มีธุรกรรมพิเศษในแต่ละปีให้กับกรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคมปีถัดไป


    ▪️อธิบายง่ายๆ คือ ให้ธนาคารส่งข้อมูลให้กรมสรรพาการโดยตรง เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี ใครที่เงินในบัญชีมาก ยอดรับมาก หรือมีการทำรายการเข้าออกเงินบ่อย มีสิทธิ์ถูกเรียกชี้แจงภาษี เช่น บุคคลที่ทำธุรกรรมตามขอบเขตนี้


    - ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป *ต่อปี

    - ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้งขึ้นไปและมียอดรวมตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป *ต่อปี


    ส่งผลให้บางคนอาจต้องเสียภาษีเพิ่ม โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจออนไลน์ ที่มีการสั่งซื้อของและโอนเงินเข้าออก หากพ่อค้า-แม่ค้า หรือใครมีหลายบัญชี หลายธนาคาร ก็จะถูกตรวจสอบรวมหมดทุกธนาคาร ในชื่อเดียวกัน


    ขอบคุณข้อมูลจาก เพจTaxBugnoms


     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    IMG_4369.JPG

    เรืออิมพีเรียลญี่ปุ่นจมลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Google Earth ... ที่น่าสนใจ ... เมื่อสิ้นสุดสงคราม IJN เรือรบสูญหาย 334 ลำ และ ชาย300,386 นาย และตามวิกิพีเดีย

    กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สองในช่วงเริ่มต้นของสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิกในเดือนธันวาคมปี 1941 เป็นกองทัพเรือที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกและกองทัพอากาศเป็นหนึ่งในกองทัพอากาศที่มีศักยภาพมากที่สุดในโลก


     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ข่าวฮ่องกง

    IMG_4370.JPG
    #รถไฟความเร็วสูงฮ่องกง-จีน แจงกฏระเบียบกระเป๋าเป็นไปตามจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่เกิน 20 กก เท่านั้น


    เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ได้เริ่มมีการให้บริการรถไฟความเร็วสูงฮ่องกง-จีนเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ดีมีผู้โดยสารจำนวนมากไม่ทราบถึงกฏการนำกระเป๋าเดินทางติดตัวไปด้วย


    กฏหลักที่ได้กำหนดออกมาคือผู้โดยสารผู้ใหญ่สามารถนำกระเป๋าหรือสัมภาระขึ้นรถไฟได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัม และไม่เกิน 10 กิโลกรัมสำหรับผู้โดยสารเด็ก โดยที่ไม่จำกัดจำนวนกระเป๋า


    โดยขนาดของกระเป๋า/สัมภาระต้องมีขนาด “ความกว้าง x ความยาว x ความสูง” ไม่เกินด้านละ 130 ซ.ม. ซึ่งมีขนาดราวกระเป๋าเดินทางขนาด 24”


    อย่างไรก็ตามทางสื่อได้มีการเปรียบเทียบกับรถไฟความเร็วสูงในไต้หวันและญี่ปุ่นที่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำสัมภาระติดตัวได้มากกว่า แต่ทาง MTR ได้ตอบกลับเพียงว่า รถไฟความเร็วสูงมีข้อจำกัดเรื่องขนาดแต่เราไม่ได้จำกัดจำนวนกระเป๋า แต่ทั้งนี้ก็กำลังหารือกับทางจีนเพื่อให้กฏกระเป๋าเป็นไปอย่างยืดหยุ่นขึ้น


    Source : https://m.mingpao.com/pns/dailynews/web_tc/article/20180903/s00002/1535911675640


    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong #highspeedtrainhk #expresstrainhk


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    อ่านข่าวภัยพิบัติแล้ว ก็ขอลงข่าวการค้า และเศรษฐศาสตร์ สังคม ด้วยน่ะครับ ผมพยายามจะหาข่าวที่สำคัญ และน่าสนใจ ที่น่าจะมีผลกระทบกับการค้า และเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศมาลง ให้ติดตามกันครับ เพราะข่าวพวกนร้ ก็เป็นข่าวแนวที่ผมชอบมากๆ ครับ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    น้อมส่งท่านกิมย้ง


    https://hk.news.appledaily.com/local/realtime/article/20181030/58854863 นักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายในกิมย้ง หรือ จินหยง ผู้แต่งเรื่องมังกรหยก ดาบมังกรหยก ที่ชาวไทยชื่นชอบรู้จักเป็นอย่างดี ได้ถึงแก่มรณะกรรมแลัววันนี้ ด้วยวัย 94 ปี ขอแสดงความคารวะและความอาลัยอย่างยิ่ง.


     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วรรณกรรมจีน 3 เรื่อง ใน 4 สุดยอดวรรณกรรมแห่งยุคของจีน ได้แก่ สุยหู่จ้วน สามก๊ก ไซอิ่ว จัดเป็นวรรณกรรมแนวอิงประวัติศาสตร์ ประเภทนิยายบู๊ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั้งชาวจีนและ ชาวต่างประเทศจาก บทประพันธ์แปลเป็นภาษาต่างประเทศ วรรณกรรมเหล่านี้ล้วนเป็น แม่แบบให้กับนักประพันธ์นิยายกำลังภายใน ในยุคต่อมาอย่าง กิมย้ง และ โก๋วเล้ง 2 นักแต่งนิยายที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยผลงานนับร้อยเรื่อง


    ในสมัย ราชวงศ์โฮ่วฮั่น (ค.ศ. 947 - 950) เป็นราชวงศ์ที่ 4 ในยุคห้าราชวงศ์และสิบอาณาจักร มีนักบันทึกประวัติศาสตร์ชื่อหลีฝ่าง (李昉,Lǐ fǎng) ชื่อเป็นทางการว่า (字明遠,míng yuǎn) บ้านเกิดเมืองเสิ่นโจว ชาวเหลียวหยาง ปัจจุบันมณฑลเหอเป่ย เป็นขุนนางระดับราชบัณฑิตจิ้นสือ สำเร็จการศึกษาสถาบันบัณฑิตฮั่นหลิน ระดับสาม เป็น หนึ่งในกลุ่มผู้ร่วมเรียบเรียง บันทึกไท่ผิงก่วง《太平廣記》

    ในสมัยราชวงศ์ถัง นักพรตลัทธิเต๋าตู้กวงถิง (杜光庭, dùguāngtíng 850年-933年)ได้เรียบเรียงบทความต่าง ๆ จากบันทึกไท่ผิงก่วง ประพันธ์ออกมาเป็น วรรณกรรม ฉิวหลานเค่อจ้วน《虬髯客傳》 เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ผจญภัยของผู้กล้า 3 คน ตัวละครเป็น ชาย 2 คนหญิง 1 คน ได้แก่หลี่จิ้ง หงฝูหนี่ และ ฉิวหลานเค่อ (李靖、紅拂女與虬髯客, Lǐjìng, hóng fú nǚ yǔ qiúrán kè)

    ในยุคต่อ ๆมา ได้มีการเรียบเรียบบทประพันธ์ใหม่ในรูปร้อยแก้ว อ่านเข้าใจง่ายเหมาะแก่ยุคสมัย ใช้ว่าชื่อ (風塵三俠)

    3 ผู้กล้าผจญภัย วรรณกรรม ฉิวหลานเค่อจ้วน 《虬髯客傳》เป็นต้นแบบของนิยายบู๊ลิ้มในเวลาต่อมา แม้แต่ จินหยง (กิมย้ง) ยังใช้โครงเรืองและบุคลิกตัวละครในวรรณกรรมนี้ ปรากฏในนิยายบู๊ลิ้มของเขาหลายเรื่องด้วยกัน

    ในปี ค.ศ.1987 สถานีโทรทัศน์ ทีวีบี ฮ่องกง (TVB Hong kong ,香港電視廣播有限公司) นำวรรณกรรมฉิวหลานเค่อจ้วน มาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ชุดออกอากาศทางทีวี ความยาว 60 ตอน แบ่งเป็น 3 ภาค (《風塵三俠》,《瓦崗英雄》,《逐鹿中原) นำแสดงโดยดาราชื่อดังอย่าง เหลียง เฉาเหว่ย หลิวชิงหวิน หวงเย่อหัว

    เป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของสถานี เผยแพร่ออกอากาศทางทีวีที่เมืองไทย ในชื่อ ศึกลำน้ำเลือด ,大運河,The Grand Canal) ออกอากาศครั้งแรกเมื่อปี 2530.


    ยุคต้นแบบอิงประวัติศาสตร์:

    บันทึกไท่ผิงก่วง (太平廣記) ของหลี่ฝาง ประพันธ์ใน สมัยราชวงศ์ซ่ง ปี ค.ศ.978

    ตำนานฉิวหลานเค่อ (虬髯客傳)ของนักพรตตู้กวงถิง ประพันธ์ในตอนปลายราชวงศ์ถัง

    ตำนานสุยหู่ (水浒传) หรือ ผู้กล้าเขาเหลียงซาน สุยหู่จ้วน ประพันธ์โดย ซื่อเน่ยอัน ในสมัยราชวงศ์หมิง

    วรรณกรรมสามก๊ก (三国演义) ประพันธ์โดย หลอก้วนจง (罗贯中) สมัยราชวงศ์หมิง ศตวรรษที่ 14.

    วรรณกรรมไซอิ๋ว (西游记) ประพันธ์โดย อู๋เฉิงเอิน (吴承恩) สมัยราชวงศ์หมิง ศตวรรษที่ 15.


    ยุคนิยายบู้ลิ้ม ศตวรรษที่ 19:


    นักประพันธ์นิยายจีนเกิดขึ้นมากมาย ในรูปแบบนักเขียนประจำหนังสือพิมพ์ใน ที่มีชื่อเสียง จนนิยายถูกตีพิมพ์เป็นเล่มจัดจำหน่าย และดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ ขอกล่าวไว้เพียง 3 ท่านในยุคบุกเบิกสร้างชื่อให้กับนิยายบู้ลิ้ม


    ต้นศตวรรษที่ 19 . นิยายบู้ลิ้ม "ตำนานนักสู้ยุทธภพ เจียงหูฉีเซี่ยจ้วน (江湖奇俠傳) ประพันธ์โดย 向恺然 เซี่ยงไข่เหยียน

    นามปากกา 平江不肖生(1889一1957) เริ่มประพันธ์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1922


    ช่วงกลางศตวรรษ นิยายบู้ลิ้ม บันทึกแค้นคัมภีร์กระบี่ 书剑恩仇录 แปลเป็นนวนิยายบู้ลิ้มฉบับไทยว่า จอมใจจอมยุทธ โดย น.นพรัตน์ นิยายเรื่องแรกของ กิมย้ง(金庸) เขียนลงในหนังสือพิมพ์ ซินหวันเป้า 新晚報 ในระหว่างวันที่ 8 ก.พ.1955- วันที่ 5 ก.ย.1956

    ในปี 1956 ตลอดปี กับงานเขียน นิยายจีนเรื่อง เพ็กฮวยเกี่ยม (碧血劍) ลงในหนังสือพิมพ์ เซียนกั่งซางเป้า (香港商報)

    แปลเป็นภาษาไทยโดย จำลอง พิศนาคะ ในชื่อ เทพบุตรงูทอง ต่อด้วย นิยายที่ชื่อภาษาไทยว่า มังกรหยก ที่สร้างชื่อเสียงให้กับกิมย้ง เป็นการเปิดศักราชใหม่ของปี ในวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 1 ม.ค.1957 ต้นฉบับนิยาย 射鵰英雄傳 ก็ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ เซียนกั่งซางเป้า (香港商報) เป็นที่ชื่นชอบติดตามอ่านของลูกค้าหนังสือพิมพ์ ด้วยโครงเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์ เป็นเวลา 2 ปีกว่า ๆ ฉบัยแปลเป็นไทย โดยจำลองพิศนาคะ ก็สร้างชื่อให้กับวรรณกรรมบู้ลิ้มเป็นอย่างสูง


    ขณะที่ปี 1956 เป็นปีที่เพิ่งเริ่มต้นของนักเขียนอย่างโกวเล้ง ในนิยายบู้ลิ้ม 蒼穹神劍 ในแนวชีวิตนักสู้กับการล้างแค้น ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จ โกวเล้งจึงพัฒนาแนวเขียนเสมอมา จนมีชื่อเสียงในด้านสำนวน คำคมเป็นข้อคิดกินใจผู้อ่าน เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโก้วเล้ง จึงแจ้งเกิดในนิยายบู้ลิ้มอีกแนว โกวเล้งชมชอบการดื่มสุรา จนมีฉายาว่า "ปีศาจสุรา"

    และต้องมาจบชีวิตด้วยพิษร้ายสุรา ในปี ค.ศ. 1985 ขณะอายุเพียง 48 ปี รวมเวลาในการเขียน 29 ปี กับนิยายบู้ลิ้มประมาณ 50 กว่าเรื่อง เรื่องเด่น ๆ ก็มีเรื่อง ลูกปลาน้อย (เซียวฮือยี้) - 绝代双娇 , นักสู้ผู้พิชิต - 浣花洗剑录 ,ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ - 流星.蝴蝶.剑 และนิยายที่เป็นชุดหลายตอน อย่างชุด อาวุธของโกวเล้ง ชุด ฤทธิ์มีดสั้น ชุด ชอลิ้วเฮียง ชุด หงส์ผงาดฟ้า


    นิยายบู้ลิ้มที่มีชื่อเสียง ส่วนมากถูกนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ใน ฮ่องกงและไต้หวัน

    ตลอดช่วงศตวรรษที่ 18 และ 19 เป็นยุคทองของวรรณกรรมบู้ลิ้ม และหนังกำลังภายใน.


    รายชื่อนักเขียนนิยายบู๊ลิ้ม สัญชาติแผ่นดินใหญ่จีน (中国大陆 )19 คน


    平江不肖生(南向北赵之一)

    赵焕亭(南向北赵之一)

    还珠楼主(北派五大家之一)

    白羽(北派五大家之一)

    王度庐(北派五大家之一)

    郑证因(北派五大家之一)

    朱贞木(北派五大家之一)

    顾明道

    姚民哀

    徐春羽

    沧浪客

    戊戟

    小椴

    沧月

    步非烟

    凤歌

    慕容美

    龍人

    趙晨光


    รายชื่อนักเขียนนิยายบู๊ลิ้ม สัญชาติฮ่องกง (香港 ) 24 คน


    邓羽公(香港武侠开创者)

    高小峰(广派开创者)

    毛聊生

    我是山人

    我佛山人

    念佛山人

    梁羽生(新派开创者)

    金庸

    倪匡

    牟松亭

    商清

    蹄风

    林梦

    张梦还

    江一明

    风雨楼主

    杨剑豪

    唐斐

    温瑞安

    西门丁(新三剑客之一)

    黄鹰(新三剑客之一)

    龙乘风(新三剑客之一)

    黃易

    喬靖夫


    รายชื่อนักเขียนนิยายบู๊ลิ้ม สัญชาติไต้หวัน ( 台灣) 27 คน


    柳殘陽

    臥龍生(三剑客之一)

    司馬翎(三剑客之一)

    諸葛青雲(三剑客之一)

    獨孤红

    雪雁

    郎红浣

    陳青雲

    伴霞樓主

    古龍

    萧逸

    上官鼎

    东方玉

    慕容美

    雲中岳

    曹若冰

    易容

    宇文瑤璣

    東方英

    東方白

    田歌

    劍虹

    陆鱼

    秦红

    奇儒

    孫曉

    鄭丰


    https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1818022385105661&type=3
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    News1


    สื่อจีนได้ให้ข่าวยืนยันว่า กิมย้ง หรือ จา เลี้ยงย้ง เจ้าของผลงานนิยายกำลังภายในระดับตำนานมากมาย ได้เสียชีวิตลงในช่วงบ่ายของวันนี้ (30 ต.ค.) ด้วยวัย 94 ปี

    http://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9610000108431


    ● อีกช่องทางติดตาม NEWS1

    Line : https://line.me/R/ti/p/@news1

    Youtube : youtube.com/c/NEWS1VDO


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub


    32. เมื่ออูฐถูกบีบไข่


    รายงานของThe Financial Times (Khashoggi case underlines fears over Saudi’s ‘reckless’ crown prince, 25 ตุลาคม 2018) ชี้ให้เห็นว่า ราชวงศ์ซาอุอยู่ภายใต้การดูแลกำกับของซีไอเอ หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ และเอ็มไอ6 หน่วยงานความมั่นคงของอังกฤษ


    ในขณะนี้ ทั้งซีไอเอและเอ็มไอ6 กำลังประเมินว่า ควรจะให้การสนับสนุนมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน หรือMBSให้อยู่ในอำนาจต่อไปหรือไม่ โดยอ้างเหตุการเสียชีวิตของนายจามาล คาซอคกี้ นักข่าวสื่อวอชิงตันโพสท์ในสถานกงสุลของซาอุในเมืองอิสตันบูลประเทศตุรกีที่MBSถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วม


    ความจริง ชีวิตของนายคาชาคกี้ไม่ได้มีค่าอะไรมากสำหรับทรัมป์ แอร์โดอัน ผู้นำโลกอื่นๆ รวมท้ังซีไอเอ และเอ็มไอ6 แต่การเสียชีวิตของเขาถูกใช้เพื่อต่อรองกับราชวงศ์ซาอุ และMBSเพื่อผลประโยชน์ที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกดดันให้ซาอุดิ อาราเบียอยู่กับร่องกับรอยตามที่หน่วยงานความมั่นคงของโลกตะวันตกต้องการ


    ถ้าจะว่าไปแล้ว ซีไอเอ และเอ็มไอ6มีความสนิทหรือคุ้นเคยกับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟมากกว่า เพราะว่าทำงานทางด้านข่าวกรองและความมั่นคงร่วมกันมาเป็นเวลา20กว่าปี เจ้าชายนาเยฟเป็นอดีตมกุฎราชกุมารที่ถูกMBSเบียดให้ลงจากอำนาจในปี2015 ทำให้MBSมีอำนาจอย่างเด็ดขาดในซาอุดิ อาราเบีย


    ทางหน่วยงานความมั่นคงของโลกตะวันตกให้โอกาสMBSที่จะทำงานร่วมด้วยกันในช่วงที่ผ่านมา


    The Financial Timesรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทางความมั่นคงของตะวันตกเริ่มทำงานกับMBS โดยพยายามที่จะฟูมฟักMBSในเรื่องข่าวกรองของโลกตะวันตก และสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ถาวร


    "Working on the assumption that the favoured son of the king in his 30s might ultimately eclipse the cousin 25 years his senior, some foreign security officials started working with him from 2015, attempting to groom him in western intelligence and to form lasting personal bonds."


    ค่อนข้างชัดเจนว่า กษัตริย์ของซาอุต้องอยู่ในการฟูมฟักและการดูแลของหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐและอังกฤษ


    จาเร็ด คุชเน่อร์ ลูกเขยของทรัมป์เป็นตัวประสานกับMBS ทั้งคู่มีความคุ้นเคยกันดี และทรัมป์เองก็ให้การสนับสนุนMBSอย่างออกหน้่าออกตา เพราะดูเหมือนว่าMBSจะอยู่กับร่้องกับรอย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเซ็นข้อตกลงหลายฉบับระหว่างทรัมป์กับทางราชวงศ์ซาอุในต้นปี2017ที่จะมีผลให้ซาอุต้องซื้ออาวุธหรือลงทุนในสหรัฐเป็นเงินสูงถึง$480,000ล้านในอีก10ปีข้างหน้า


    พูดง่ายๆ ซาอุปั๊มน้ำมันออกมาได้เงินเท่าใด ก็ต้องเอาเงินนั้นไปซื้ออาวุธสหรัฐ หรือลงทุนในสหรัฐเท่านั้น ทำให้ซาอุตกเป็นบริวารประเทศของสหรัฐต่อไป


    แต่MBSทำในสิ่งที่ราชวงศ์ซาอุคนอื่นๆไม่กล้าทำคือ ต้องการปลดแอกความมั่นคงของซาอุออกจากอ้อมอกที่รัดแน่นของสหรัฐและอังกฤษ ด้วยการไปคบกับรัสเซียมากยิ่งขึ้นในการซื้ออาวุธ หรือคบกับจีนมากยิ่งขึ้นในการค้าขาย


    เรื่องนี้ต้องชมว่าMBSกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับซาอุ เพราะว่าการรักษาบาลานซ์ระหว่างมหาอำนาจเป็นนโยบายที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย


    ด้วยเหตุนี้ พอครบกำหนดที่จะซื้ออาวุธMBSมีการบิดพริ้ว ที่ผ่านมา ซาอุซื้ออาวุธจากสหรัฐไปเพียง$14,000กว่าล้าน ไม่ได้ซื้อให้ถึง$110,000ล้านตามที่ตกลงกับทรัมป์ในล็อตแรก ทำให้หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐไม่พอใจMBS


    จะให้MBSซื้ออาวุธจากสหรัฐต่อไปได้อย่างไร เพราะว่าที่มีอยู่เป็นเศษเหล็กเกือบทั้งนั้น ขีปนาวุธของพวกฮูติที่ยิงเข้ามาจากเยเมนตกในซาอุ ปรากฎว่าระบบป้องการขีปนาวุธPatriotหรือชนิดอื่นที่ซาอุซื้อจากสหรัฐไม่สามารถป้องกันได้ ถ้าพวกฮูติได้อาวุธที่ดีขึ้นจากอิหร่าน ที่ได้ของต่อจากรัสเซีย แล้วซาอุจะสู้ไหวหรือ


    นี้คือสาเหตุที่ทำให้กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปมอสโควเมื่อปีที่แล้วเพื่อพบกับปูติน และขอซื้อS-400และอาวุธอื่นๆจากรัสเซีย รัสเซียพร้อมขายให้ซาอุอยู่แล้ว เพื่อเสี้ยมให้ซาอุออกจากอ้อมกอดของสหรัฐ


    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐและอังกฤษเฝ่าดูMBSมาตลอดว่า จะเอายังไงกันแน่ พอเห็นชัดเจนว่าMBSกำลังแตกแถว ไม่ยอมซื้ออาวุธเศษเหล็กจากสหรัฐต่อตามวงเงินเต็มจำนวน จึงหาทางเลิกให้การสนับสนุนMBS


    ไม่รู้เหมือนกันว่า การล่อให้นายคาซอคกี้มาโดนฆ่าในสถานกงสุลซาอุในอิสตันบูลเป็นแผนที่จะวางกับดักMBSหรือไม่ เพราะว่าMBSตกเป็นเป้าของการโจมตีทรัมป์และผู้นำโลกอื่นๆ ทั้งๆที่สงครามเยเมนที่ซาอุก่อและทำให้ชาวเยเมนเสียชีวิตนับแสนคน อดอาหารนัดล้านคนไม่มีใครพูดถึง


    MBSพลาดเรื่องการฆ่านายคาซอคกี้ ทำให้กลายเป็นผู้ถูกล่า ช่วงนี้เป็นการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ถ้าหากว่าMBSยอมอยู่กับร่องกับรอย ไม่แตกแถวตามที่หน่วยงานความมั่นคงของโลกตะวันตก เรื่องการตายของนายคาชอคกี้จะถูกลืมไป โดยศาลยุติธรรมของซาอุกำลังไต่สวนผู้ต้องหา18คนที่มีส่วนร่วมในการฆ่านายคาชอคกี้


    หน่วยงานความมั่นคงตะวันตก หรือพวกซีไอเอ เอ็มไอ6ของพวกDeep Stateคาดว่า MBSรู้ตัวดีว่าหลังชนฝาแล้ว และจะมีความภักดีเพิ่มขึ้นอีก3เท่าตัว ถ้าหากว่าได้รับการสนับสนุนให้อยู่ในอำนาจต่อไป


    The Financial Timesรายงานว่า “The guy is on the ropes; he knows he’s on the ropes,” the person added. “If you save him right now he’s going to be triply loyal.”


    ถ้าMBSไม่ยอมภักดี มีความเป็นไปได้ว่า หน่วยงานความมั่นคงของตะวันตกจะเอาเจ้าชายนาเยฟให้กลับมามีอำนาจ


    เรื่องราวของซาอุก็มีเท่านี้เอง


    https://www.ft.com/content/7726a68a-d77e-11e8-a854-33d6f82e62f8


     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,240
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Thanong Fanclub


    33. เมื่ออูฐถูกบีบไข่


    แน่นอนเลยทีเดียวว่า สหรัฐกับตุรกีทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดในคดีการสังหารนายจามอล คาชอคกี้ในสถานกงสุลซาอุในเมืองอิสตันบูล เพราะว่าทั้ง2ประเทศมีโอกาสที่จะตักตวงผลประโยชน์อย่างเต็มทีในความพลาดพลั้งของMBS


    สหรัฐถือโอกาสแบล็คเมลฺ์MBSให้อยู่กับร้่องกับรอย ไม่ให้เบี้ยวสัญญาซื้ออาวุธ ความร่วมมือทางความมั่นคงต่างๆ และการลงทุนในสหรัฐ เพราะว่ามีแนวโน้มที่MBSจะหันหน้าไปคุยกับปูตินและสี จิ้นผิงมากขึ้น ส่วนตุรกีจะได้โอกาสแสดงความเป็นผู้นำโลกอิสลามแทนซาอุดิ อาราเบียที่ไม่อยู่ในฐานะที่จะนำโลกอิสลามอีกต่อไป ในอดีตตุรกีเคยยิ่งใหญ่มาก่อนผ่านอาณาจักรออตโตมันที่เคยครอบครองทั้งเยซูซาเลมในอิสราเอลในปัจจุบัน และเมืองเมดินาและเมกกะในซาอุดิในปัจจุบัน สองเมืองหลังเป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาอิสลาม


    ผู้นำตุรกี นายรีเซฟ ตอยับ แอร์โดอันไม่ถูกกับสหรัฐอยู่แล้ว หลังจากที่เขาเห็นว่า คงเป็นเรื่องไม่ฉลาดที่จะให้ตุรกีไปเผชิญหน้ากับหมีขาว จึงเกิดการแปรภักตร์กันขึ้น ทำให้สหรัฐไม่พอใจ ทรัมป์ถึงกับแซงชั่นตุรกี


    ที่ผ่านมาตุรกีให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาตลอดในเรื่องความมั่นคงและการทหาร ตุรกีเป็นสมาชิกของนาโต้ ในระยะแรก นโยบายของตุรกีในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีเรียมีการประสานกันเพื่อโค่นล้มรัฐบาลอัสสาด โดยตุรกีมุ่งหวังที่จะกำจัดพวกชนกลุ่มน้อยเคิร์ดที่เป็นหอกข้างแคร่ ถ้าซีเรียล่มสลาย ตุรกีมีโอกาสที่จะได้ดินแดนตอนบนของซีเรีย ซึ่งมีพรมแดนติดกับทางตอนใต้ของตุรกี ทำให้ตุรกีสามารถรักษาความมั่นคงได้ เพราะว่าพวกเคิร์ด ซึ่งเป็นพลเมืองกลุ่มน้อยในตุรกีที่อาละวาดเป็นระยะๆจะไม่มีแผ่นดินเอาไว้ก่อการแยกดินแดนเป็นรัฐอิสระ


    ส่วนสหรัฐต้องการโค่นล้มซีเรีย เพราะว่าเพนตากอนเขียนในพิมพ์เขียวการทำสงครามอก่อนเหตุการณ์911ด้วยซ้ำว่า จะต้องทำสงคราม7ประเทศคืออัฟกานิสถาน อิรัก ซีเรีย ลิเบีย ซูดาน เลบานอน ก่อนที่จะเปิดเกมที่อิหร่าน ซึ่งเป็นเป้าใหญ่สุด


    ผู้ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากพิมพ์เขียวสงครามของเพนตากอนคืออิสราเอลที่จะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น และจะได้ดินแดนเพิ่มขึ้นตามโครงการGreater Israel Projectเมื่อสงคราม7ประเทศสิ้นสุดลง จะเห็นได้ว่า อัฟกานิสถานไปแล้ว อิรักไปแล้ว ลิเบียไปแล้ว ซูดานอีลุงตุงนังไปแล้ว เลบานอนยังไม่ถึงคราวเคราะห์ อิหร่านกำลังโดนแซงชั่น ซีเรียเกือบจะไปแล้วถ้าหากว่าไม่ได้ปูตินยื่นมือเข้ามาช่วย


    ซาอุก็หวังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสงครามตะวันออกกลาง เพราะว่าซาอุจะได้เป็นใหญ่โดยที่ไม่มีใครขัดขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งอิหร่าน แม้ว่าซาอุจะมองตุรกีเป็นคู่แข่งที่ต้องกำจัดเหมือนกัน ที่ผ่านมา ซาอุแอบให้เงินช่วยเหลือพวกเคิร์ด ร่วมกับสหรัฐที่ช่วยพวกเคิร์ดอย่างออกหน้า สหรัฐหนุนทั้งตุรกี และพวกเคิร์ดทั้งๆที่ตุรกีและเคิร์ดเป็นศัตรูกัน ถือว่าเป็นนโยบายสองหน้าที่สุดยอด แต่ตุรกีต้องกัดฟันจำยอม เพราะว่ามีเป้าหมายใหญ่กว่าที่ต้องร่วมกับสหรัฐในซีเรีย ในสงครามตะวันออกกลาง ซาอุร่วมมือกับสหรัฐอย่างเปิดเผย และร่วมมือกับอิสราเอลอย่างลับๆล่อๆมาตลอด


    ซาอุดิทุ่มเทเงินมหาศาลในสงครามซีเรีย โดยหนุนพวกนักรบนักก่อการร้ายต่างๆเพื่อโค่นล้มอัสสาดร่วมกับสหรัฐ แต่ลงทุนไปแล้วงบบาน แถมแพ้ศึกซีเรียให้กับปูตินและอิหร่าน เมื่อพลาดไปแล้ว กลับพลาดซ้ำด้วยการก่อสงครามเยเมน แต่ว่ารบมาแล้ว3ปี ไม่มีทีท่าว่าจะชนะเยเมนได้ง่ายๆ ทั้งๆที่ซาอุมีอาวุธยุโธปกรณ์ที่เหนือกว่าเยเมนอย่างเทียบไม่ติด เหนือกว่าจริงหรือไม่ หรือว่าอาวุธที่ซาอุซื้อจากสหรัฐส่วนมากเป็นแค่เศษเหล็ก


    แม้ว่าจะไม่ถูกกัน แต่สหรัฐและตุรกีก็ร่วมมือกันได้ในการต้อนซาอุให้เข้ามุม โดยตักตวงผลประโยชน์เต็มที่ โดยสหรัฐต้องการขีดเส้นให้ซาอุเดิน ห้ามแตกแถว ส่วนตุรกีต้องการสร้างภาพที่เลวร้ายให้ซาอุว่าไม่สมควรเป็นผู้นำโลกอิสลามต่อไป


    ดูเหมือนว่า ทั้งสหรัฐและตุรกีประสบความสำเร็จมากพอสมควรจากการตายของนายคาชอคกี้ โดยที่ซาอุจำต้องจ่ายด้วยราคาแพง จะแพงเท่าใดต้องดูกันต่อไป เพราะว่านมอูฐต้องถูกรีดให้เกือบหมดงานนี้


     
  20. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    IMG_20181029_175425.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...