พระกรุ พระเกจิอาจารย์ เครื่องรางของขลัง พระสมเด็จโภคทรัพย์ พระอาจารย์ชาญณรงค์ ดูง่าย แต่่หย่อนสวย

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย พระพุทธคุณคุ้มครอง, 6 กรกฎาคม 2017.

  1. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ องค์โปรไฟล์1.jpg
    ปฏิปทาภินิหารพระอาจารย์ในดง


    พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต (ศิริสมบัติ) ศิษย์ผู้น้องของพระครูเทพโลกอุดร

    พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต นามสกุล ศิริสมบัติ เป็นบุตรของ พระยาศิริสมบัติ มหาเศรษฐีระดับพันล้าน สมัยก่อนสงครามโลก ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทยในสมัยสมบูรณาญา สิทธิราชย์ ท่านเรียนจบแพทย์ศิริราชรุ่นหลักสูตรเร่งรัด ๒ ปี ในสมัยสงครามโลกเมื่อเรียนจบยังไม่ทันได้ทำงาน ท่านไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท ๒ ท่านคือ หม่อมเจ้าไชยเดช พัฒนเดช และอาจารย์เฉลียว เพื่อนร่วมรุ่นซึ่งสนิทกันมาก


    อยู่มาวันหนึ่งท่านประสบอุบัติเหตุ แข้งขาหัก ญาติผู้ใหญ่พาไปรักษากับหลวงปู่พลอย วัดเงิน (วัดรัชดาธิษฐาน) ตลิ่งชัน เพราะท่านเก่งเรื่องหมอ โดยเฉพาะเกี่ยวกับกระดูกแล้วเชี่ยวชาญที่สุด หลวงปู่บอกว่าถ้ารักษาหายแล้วให้บวชเณร เจ้าตัวก็ยอมรับ หลวงปู่จึงรักษาให้ทางไสยศาสตร์ โดยให้พากลับบ้านได้ แล้วท่านก็นั่งปั้นหุ่นรักษาแข้งขาหักที่ร่างของหุ่น ไม่กี่วันเจ้าของร่างที่ป่วยก็หายเดินได้เป็นปกติ เมื่อหายแล้วจึงรักษาสัจจะกับหลวงปู่ ไปบรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับท่าน ทั้งได้ชวนเพื่อนสนิทไปด้วยคือ หม่อมเจ้าไชยเดช พัฒนเดช และอาจารย์เฉลียว อยู่กับหลวงปู่ระยะหนึ่งท่านส่งสามเณรทั้ง ๓ ไปเรียนวิชากับหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจาาพระปฐมเจดีย์นัก

    สามเณรทั้ง ๓ อายุ ๑๘-๑๙ ปี อยู่ในวัยกำลังซุกซน วันหนึ่งชวนกันไปเที่ยวขุดหัวมันในป่าอยู่ติดกับวัดนั่งเอง กำลังขุดกันเพลินก็มีเสียงทักขึ้นมาว่า “เณร ทำอะไรกัน” สามเณรพากันเหลียวดู ก็เห็นตาแก่ผิวดำ รูปร่างสูงใหญ่ยืนยิ้มอยู่ จึงพากันตอบว่า “ขุดหัวมันจะเอาไปต้มกิน” ตาแก่บอกว่า “มันสุกอยู่ในดินแล้ว ขุดขึ้นมาก็กินได้ทันที ไม่ต้องเอาไปต้มหรอก”

    เมื่อสามเณรขุดขึ้นมาก็สุกจริงดุจที่ตาแก่บอก จึงมองหน้ากันด้วยความฉงน ตาแก่ถามว่า “พวกแกว่าฉันเก่งมั้ย อยากเป็นศิษย์ของฉันมั้ย” ทั้ง ๓ ท่านมาจากตระกูลสูง เมื่อมีตาแก่บ้านนอกมาใช้วาจาไม่เป็นที่เคารพขึ้นฉัน ขึ้นแก แล้วยังมาอาสาเป็นอาจารย์อีกจึงแสดงความไม่พอใจ พูดสวนขึ้นว่า “ตาแก่ แกมีดีอะไรนักหนาถึงบังอาจมาอาสาเป็นอาจารย์ของพวกข้า” ตาแก่หัวเราะฮาๆ กล่าวว่า “เอางี้ไหมพนันกัน ฉันจะให้พวกแก ๓ คนนี่ทำร้ายโดยวิธีไหนก็ได้ ถ้าฉันได้รับอันตรายใดๆ จะไม่ถือโทษ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว พวกแกต้องเป็นศิษย์ไปเรียนวิชากับฉัน”

    ทั้ง ๓ ท่านได้คำรับท้า ดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นพากันทำร้ายตาแก่คนนั้น บ้างเตะ ต่อย เอาท่อนไม้ตี เอาก้อนหินทุบขว้าง พยายามลงมือกันเป็นเวลานานจนสิ้นเรี่ยวแรง ตาแก่ก็นั่งบนขอนไม้ให้ทำร้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน และไม่แสดงกริยาอาการบาดเจ็บอย่างใดทั้งสิ้น จนทั้งสามท่านนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ตาแก่หัวเราะฮาๆ พูดว่า “พวกแกแพ้ฉันแล้ว ต้องกราบรับฉันเป็นอาจารย์เดี่ยวนี้ สิ้นคำสามเณรทั้งสามก็ลุกขึ้นนั่งกราบท่านพร้อมๆ กัน ตาแก่จึงเอาแขนโอบสามเณรทั้งสามท่านแล้วหายแว็บ จากที่นั่นไปโผล่ในดงลี้ลับแห่งหนึ่งในชั่วพริบตา

    พระอาจารย์ชาญณรงค์เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า... ในดงนั้นมีพระและฆราวาสที่อยู่ฝึกวิชากับตาแก่ประมาณ ๕๐ ท่าน มีฆราวาสมากกว่าพระ และทุกท่านเรียกตาแก่ว่า “หลวงตาดำ” พระอาจารย์ชาญณรงค์เคยถามชื่อของท่านว่าชื่ออะไรกันแน่ ท่านให้เรียกว่า “หลวงตาดำ” ก็ใช้ได้แล้ว ถามว่าเป็นคนหรือภูตผี หรือเทวดา ท่านก็ให้จับดู เห็นเป็นคนมีเลือดเนื้อเหมือนกัน เมื่อถามถึงอายุ ท่านบอกว่าไม่รู้กี่ปี ท่านได้ร่วมงานพระศพของพระพุทธเจ้า ท่าน (หลวงตาดำ) เป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะ ได้รับมอบหมายให้บำเพ็ญอิทธิบาทธรรมมีชีวิตอยู่ยืนยาวเพื่อรักษาพระศาสนา คราวใดที่พระศาสนาเริ่มเสื่อมเศร้าหมอง มีอลัชชีเข้ามาอาศัยในพระศาสนามาก คำสอนอันแท้จริงเริ่มเสื่อม ท่านต้องฝึกลูกศิษย์ขึ้นมาช่วยกันสั่งสอนใหม่ ให้กลับคืนสู่เนื้อหาพุทธศาสนาอันจริงแท้


    พระอาจารย์ในดง ลูกศิษย์ของหลวงตาดำ พระอาจารย์ชาญณรงค์บอกว่า... เท่าๆ ที่เคยพบเห็นและเรียกกันในดง มีหลวงพ่อตีนโต เป็นพระที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ฝ่าเท้ายาวใหญ่ วัดจากล่างถึงหัวเข่าได้ ๘๑ เซนติเมตร ท่านเปิดเผยตัวเองบ่อยเพราะชอบสอนคน จึงมีคนพบเห็นท่านเสมอ ที่มักเรียกขานกันว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร ความจริงชื่อนี้ไม่มีใครเรียก หรือรู้จักกันในดง เห็นเรียกรูปพระที่ปรากฏในภาพถ่ายโบราณว่า พระครูเทพโลกอุดร ความจริงเป็นรูปหลวงพ่อตีนโต ท่านเป็นพระกรรมฐานนิกายธรรมยุตเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๔-๕ เข้าเป็นศิษย์ ของหลวงตาดำรุ่นเดียวกับกรมพระราชวังบวรวิเศษไชยชาญ หรือพระองค์ดำ เป็นคนร่วมสมัยกับหลวงปู่สุก วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโพรงโพธิ์ ผู้มักท่องเที่ยวอยู่ในแถวจังหวัดกาญจนบุรี เหตุที่ชื่ออย่างนั้น เพราะท่านปลูกต้นโพธิ์เป็นวงกลม ปลูกติดๆ กัน พอต้นโพธิ์ใดขึ้นก็มีโพรงใหญ่อยู่ข้างใน ท่านก็ใช้เป็นที่อยู่ของท่าน

    เปิดดูไฟล์ 5240012

    พระในดงเขาไม่เรียกชื่อจริง ใครมีลักษณะแบบไหนก็เรียกตามนั้น ลืมชื่อสมมุติในโลกให้หมด หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ท่านมีลักษณะสกปรกมอมแมมด้วยฝุ่นขี้เถ้า เพราะท่านนิยมก่อไฟบูชาไฟ เพ่งกสิณไฟ และไม่เคยอาบน้ำ ศิษย์ของท่านที่ผู้คนรู้จักกันดี คือ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา และ หลวงพ่อโอภาสี หลวงพ่อเศียรบาตร (หลวงปู่หัวยุบ) มีชื่อตามลักษณะของท่านซึ่งมีศีรษะโตใหญ่ และหลวงปู่ยามแดง

    ตามบันทึกของอาจารย์พันเอกชม บอกว่า ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๕ เยี่ยมอาจารย์ชาญณรงค์ ไปกับ พ.อ. ยนต์ ท่านเล่าว่า หลวงพ่อตีนโต หลวงปู่สุข (อาจารย์แจ้งฌานแห่งเขาใหญ่) หลวงตาแป้น และท่านเจ้า (เสด็จในกรมวังหน้า ร.๔) และหลวงพ่อโพรงโพธิ์ เรียนกับหลวงตาดำรุ่นเดียวกัน เป็นคนไทย ๕ คนที่เรียนจบแล้วเป็นครูฝึก รุ่นเดียวกับอาจารย์ชาญณรงค์มี อาจารย์ประทุม อาจาร์เฉลียว อีกคนตายชื่อ ศิริ หลวงปู่แป้น หลวงปู่พลอย เป็นศิษย์นอกดงของหลวงตาดำ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ เป็นศิษย์นอกดง (ไม่บ่งว่าเป็นศิษย์ของใคร) อาจารย์ฉลอง ผู้ทำยาทูลฉลอง อาจารย์พัว แก้วพลอย เป็นศิษย์นอกดง เรียนกับ หลวงปู่สุข (แจ้งฌาน) ที่เขาใหญ่

    ๖ สิงหาคม ๒๕๓๕ อาจารย์ชาญณรงค์ เล่าว่า ลูกศิษย์นอกดงที่เก่งพิเศษอย่าง หลวงตาพุก เป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงเลน ๔ ตุลาคม ๒๕๒๙ จากคำเล่าของอาจารย์พันเอกชม ทำให้ทราบว่า ศิษย์ในดงนั้นมีหลายชาติ หลายภาษา หลายทวีป เมื่อใครเข้าไปอยู่ในข่ายฌานของหลวงตาดำ ท่านก็จะไปทรมานแล้วก็รับมาเป็นศิษย์ฝึกวิชากับท่านในดงลี้ลับ ซึ่งดงนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะไม่ว่าจะอยู่ประเทศไทย เมื่อหลวงตาดำพาไป ก็ใช้เวลาพริบตาเท่ากัน คนอยู่ในประเทศไหนก็เลยคิดว่าดงนั้นอยู่ในประเทศของตน

    ในบันทึกของพ.อ.ชม กล่าวว่า... สามสหาย (พระอาจารย์ชาญณรงค์ หม่อมเจ้าไชยเดช พัฒนเดช และอาจารย์เฉลียว) อยู่ฝึกวิชาฌาน ๘ กับหลวงตาดำในดงลี้ลับเป็นเวลาเกือบ ๔ ปี เมื่อสำเร็จฌาน ๘ ท่านก็ส่งตัวออกมาสู่โลกภายนอก เพื่อมาฝึกวิชาภาคสนามต่อสู้กับกิเลสตัณหา อันจะเป็นบรรทัดฐานให้ฝึกจิตชั้นสูงโลกุตรธรรมตราบจนสิ้นพระอรหันต์เป็นที่สุด สหายอีก ๒ ท่านสึกออกมาฝึกในเพศฆราวาส มีเพียงท่านอาจารย์ชาญณรงค์เท่านั้นที่ยังคงเป็นบรรพชิต

    เมื่อจบออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว หลักสูตรขั้นแรกคือต้องฝึกลูกศิษย์ให้ได้ ๑๐ คนเป็นอย่างน้อย ตามหลักวิชาฤทธิ์อภิญญาที่เรียนมาจากในดง เพื่อสร้างคนมีคุณภาพไว้สืบพระศาสนา ศิษย์ที่ไปเรียนในดงลี้ลับ เรียกว่าศิษย์ในดง ส่วนศิษย์ที่เรียกต่อจากศิษย์ในดงเรียกว่าศิษย์นอกดง ถึงแม้นจะอยู่ในป่าเขาตลอดก็เรียกว่าศิษย์นอกดงอยู่นั่นเอง ศิษย์นอกดงรุ่นแรกของอาจารย์ชาญณรงค์เท่าที่ทราบมี หลวงพ่อคูณ ผู้โด่งดังในยุคปัจจุบัน เสือดำ ผู้ล่องหนหายตัว ซึ่งต่อมามีบารมีธรรมถึงขนาดหลวงตาดำมารับเข้าไปอยู่ในดงลี้ลับแล้ว อีกท่านมีนามว่า อาจารย์ละมูล ส่วนอาจารย์พันเอกชม เป็นศิษย์รุ่นหลัง และหลายสิบท่าน ซึ่งไม่ขอเอ่ยชื่อ เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของชื่อ

    การศึกษาในดงของอาจารย์ชาญณรงค์นั้นมีขั้นตอนต่างๆ ตามลำดับดังนี้ (จากบันทึกของอ.พันเอกชม ซึ่งไต่ถามพระอาจารย์ของท่าน)


    ๑. เมื่อเริ่มต้นไปฝึกสมาธิในดง ท่านสั่งให้นั่งสมาธิ รู้สึกนานเตรียมเลิกเอง พระอาจารย์ใหญ่(คือหลวงตาดำ) จะก้าวข้ามหัวไปเหยียบมือไว้ พูดว่า “เอ้านั่งให้มันตายไป”

    ๒. สมาธิดีพอควรแล้วให้ไปนั่งสมาธิในทางเสือผ่าน และสั่งว่าถ้าไม่อยากตายให้นั่งสมาธิ

    ๓. กำหนดให้เดินธุดงค์คู่แล้วเดินเดี่ยวไปในป่าลึก ในป่าประเทศต่างๆ หลายแห่ง บางครั้งต้องอดอาหารหลายวัน

    ๔. สอนให้ใช้พลังจิตจากง่ายไปหายากตามลำดับขั้นของสมาธิ การทำใบไม้ให้เป็นสัตว์ เดินลอดภูเขา เป็นต้น

    ๕. นั่งเข้าฌานให้ได้ในสภาพอากาศต่างๆ กัน เช่น เข้าฌานในทะเลทรายที่ร้อนจัดตามที่ท่านกำหนดให้ ฝึกอยู่ในทะเล ๒๐ วัน

    ๖. เดินในเมืองตามเส้นทางที่ท่านกำหนด โดยไม่ให้พักเลย นอนได้วันละ ๓ ชั่วโมง ไม่ให้เข้าอยู่ใต้ชายคา

    ๗. ไม่ให้พูด ๑๕ วัน และกำหนดเส้นทางให้เดิน

    ๘. ให้เป็นคนขอทานครบ ๒๗ วัน ไม่ให้เงิน วันหนึ่งให้ขอ ๒ คน ขออาหารกิน ๕ แห่ง ขอเงินจากคนหนึ่งเพียงบาทเดียว ต่อไปต้องหาใช้คืนเขา ๒,๕๐๐ บาท

    ๙. ช่วยแก้ทุกข์ของคนตามกำหนด เช่น ช่วยรักษาคนป่วยโรคมะเร็ง คนติดเฮโรอีน คนขอย้ายที่ทำงาน เป็นต้น

    ๑๐. เรียนจบปีที่ ๖ แล้วให้โดดลงเหวลึกสลบไป ๔ วัน ให้รู้เห็นว่ามีกายทิพย์ออกจากร่างไปเที่ยวไกลๆ เหมือนคนตายแล้วฟื้น หรือที่ตายจริง เป็นการเรียนรู้การตายว่าตายอย่างไร

    ๑๑. นั่งบนน้ำแข็ง ๒๐ วัน ที่เมืองซีแอตเติล ในอเมริกา เมื่อ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๖

    ๑๒. ขั้นสุดท้ายฝึกล่องหนหายตัว ขั้นนี้รวมฝึกพร้อมๆ กันทั้ง ๘ ท่าน เมื่อมาถึงขั้นนี้หากเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอะไรก็ดีท่านห้ามรักษา ไม่ว่าจะด้วยยาสมุนไพรหรือพลังจิต ให้เรียนรู้การเจ็บป่วย

    ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ ท่านเป็นโรคริดสีดวงทวาร ท่านก็ปล่อยไว้อย่างนั้นไม่ยอมรักษาจนอาการหนักเขา ลูกศิษย์นำท่านไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก่อนจะสิ้นใจท่านสั่งโยมอุปัฏฐากไว้ว่า ให้จัดศพอย่างไร ห้ามหมอฉีดยากันเน่าเหม็นให้คงธรรมชาติไว้ที่สุด เมื่อท่านสิ้นใจแล้วเขาก็แต่งศพท่านตามคำสั่ง แล้วนำศพไปเก็บไว้ที่ศูนย์ฝึกวิชาของท่านแก่ศิษย์ๆ แถวถนนวงแหวนพุทธมณฑล เมื่อครบ ๗ วัน ก็ทำบุญให้ท่าน เขาเปิดดูศพก็เหมือนคนนอนหลับ ทั้งไม่มีกลิ่นเหม็นใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากกลิ่นอับเท่านั้น พอครบ ๕๐ วันก็เปิดศพอีกทีหนึ่ง ปรากฏรูปหน้าไม่ใช่ท่านแล้ว อาจารย์พันเอกชมเอามือเข้าไปควานดูภายในก็มีแต่ว่างเปล่า หามีร่างกายของท่านไม่ คงเห็นแต่ภายนอกว่ามีศีรษะ เท้า ๒ ข้าง และมือ ๒ ข้าง ที่โผล่ออกจากผ้า ท่านจึงถ่ายรูปไว้ แล้วนำมาขยายให้เท่ากับใบหน้าคน

    ปรากฏว่าใบหน้าศพกับหน้าของท่านไม่มีร่องรอยสักนิด แต่ใบหน้านั้นเหี่ยวแห้งแล้ว เป็นหน้ายาวรูปหน้าเหมือนหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี มีไฝเม็ดใหญ่ที่แก้มขวา ฟันล่างเกและห่าง ซึ่งจากคำบอกเล่าของศิษย์บอกว่า ฟันของท่านอาจารย์ชาญณรงค์ขาวสะอาด เรียงเป็นแถวสวยงามดุจไข่มุกที่ร้อยเป็นทาง ไม่มีลักษณะฟันเกเลย ซึ่งผิดกับศพอย่างเห็นได้ชัด จึงสันนิษฐานว่าท่านใช้วิชาสับเปลี่ยนร่าง หรือเนรมิตร่างตายแทน แล้วล่องหนหายตัวไปอยู่ในดงลี้ลับแล้ว

    ซึ่งเรื่องนี้มีตัวอย่างของพระในดงรูปอื่นๆ ในอดีตเป็นเรื่องเทียบเคียง เช่น หลวงปู่โพรงโพธิ์ ทนคนมารบกวนมาขอหวยไม่ไหว จึงให้เสือมาคาบร่างไปกลางคืน วันต่อมาชาวบ้านไปพบศพของท่านก็เสียใจร้องไห้ แล้วทำการฌาปนกิจศพของท่าน อยู่ไม่นานก็มีคนไปพบท่านยังมีชีวิตอยู่ในโพรงโพธิ์เหมือนเดิม จึงไปนิมนต์มาอยู่วัดที่สร้างขึ้นมานั้นอีก แล้วต่อมาก็มีคนไปพบท่านอีกที่นั่นบ้าง ที่นี่บ้าง และหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเป็นศิษย์ของขัวขี้เถ้า เมื่อมรณภาพแล้ว มีชาวอินเดียที่มาเมืองไทยมาเห็นภาพของท่านบอกว่า เขาเห็นพระรูปนี้อยู่ที่อินเดีย ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับภาพที่เห็นนี้จริง

    ผู้ที่ฝึกสำเร็จเมื่อไปอยู่ในดงลี้ลับแล้ว เมื่อจากไปมีอายุเท่าไรก็จะมีอายุเท่านั้น เป็นอมตะหรือยืนยาวถึงหมื่นปี เพราะโลกของชาวบังบดหรือเมืองลับแล คนที่ไปอยู่ที่นั่นจะต้องอายุยืนยาว พระอาจารย์ชาญณรงค์ท่านเล่าให้ศิษย์ฟังว่า เมื่อเจ้าไปอยู่ดงใหม่ๆ นั้น ท่านเห็นพระรูปหนึ่งแก่หง่อมมาก ตัวสั่นงกเงิน เดินหลังโกงเหมือนมีอายุมากที่สุดในดง เมื่อสอบถามดูปรากฏว่ามีอายุน้อยกว่ารูปอื่นๆ ที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ราว ๕๐-๖๐ ปี ที่เป็นเช่นนี้เพราะฝึกตอนแก่ เมื่อสำเร็จแล้วเข้าไปอยู่ในดง ท่านก็จะปรากฏในวัยนั้นตลอดไป บางท่านเห็นหน้าในวัยกลางคน เมื่อถามอายุกลับประมาณไม่ได้ว่ากี่ร้อยปี

    การมีอายุยืนยาวของท่านเหล่านี้ จะเป็นด้วยการบำเพ็ญอิทธิบาทธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้า ถ้าทรงบำเพ็ญอิทธิบาทธรรมก็ต้องอยู่ในอีกมิติหนึ่งเช่นท่านเหล่านี้ จึงสามารถมีอายุได้เป็นกัลป์ดุจพระไตรปิฎกกล่าวถึง หรือว่าเพราะบรรดาท่านที่อยู่ในดงลี้ลับฉันยาอายุวัฒนะแล้วเข้าสมาบัติทุกเดือน จึงมีอายุนานเป็นร้อยเป็นพันปี

    พระอาจารย์ชาญณรงค์ เคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า..เรื่องบุญบารมีของคนนี้มันแตกต่างกัน มีวาสนาบารมีทางไหนก็ไปทางนั้น ถ้ามีทางธรรมแก่กล้ามาแต่ชาติปางก่อนและมีความเกี่ยวพันกับพระอาจารย์ในดงมาก่อน ท่านจะรับตัวไปฝึกตั้งแต่เด็ก เช่น ผู้ที่หลวงตาดำมารับเข้าไปอยู่ในดงตั้งแต่เด็กน้อยมีอยู่คนหนึ่ง มีปานเป็นรูปใบโพธิ์อยู่หน้าผาก ความพยายามเฟ้นหาลูกศิษย์เพื่อถ่ายทอดวิชาของพระอาจารย์ในดงนี้ มีจุดประสงค์ก็เพื่อแก้ไขพระศาสนาในยุคกึ่งพุทธกาลและรับสงครามใหญ่ที่จะเกิดขึ้น จากนั้นท่านจะเปิดตัวและทำการชำระพระศาสนาให้บริสุทธิ์ ตั้งแต่นั้นคนจะเห็นโทษเห็นภัยของความชั่วคนชั่วจะพากันตายในสงครามเป็นจำนวนมาก คนที่เหลือเป็นคนมีบารมีพอโปรดได้ พระศาสนาจะเจริญรุ่งโรจน์ขึ้นอีกครั้ง บรรดาเหลือบศาสนาต่างๆ จะหมดไปมิจฉาทิฐิก็จะหมดไป เพราะเห็นแจ้งถึงความจริงต่างๆ ทุกวันนี้ท่านก็เริ่มเปิดตัวขึ้นมากแล้วเพื่อเตรียมการณ์

    ประเทศไทยเรานี้มีอะไรดีๆ ที่แตกต่างจากประเทศอื่น ถึงจะดีจะชั่วอย่างไรเราก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองป้องกันมาตลอด ผู้ที่ป้องกันเราไว้คือพระอาจารย์ในดงนี่เอง เสียงจากในดงเล่าว่า...การที่ไทยเราไม่เสียเมืองให้อังกฤษเพราะอภินิหารของสมเด็จกรมพระราชวังบวรวิเศษชัยชาญ อาจารย์ในดง ซึ่งไปเหยียบเรืออังกฤษหรือฝรั่งเศสก็ไม่แน่ใจจนเรือเอียง ทำให้ฝรั่งเห็นว่าในหลวงของเราทรงมีพระบรมเดชานุภาพมาก จึงพากันถอยออกไป พระอาจารย์ในดงได้ช่วยเหลือประเทศชาติของเราให้หลุดพ้นจากมหาวิบากในรูปแบบที่แตกต่างกัน เราจึงเป็นหนี้บุญคุณของท่านโดยไม่มีโอกาสได้รู้ได้เห็น เพราะท่านเหล่านี้ทำอะไรไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศ ชื่อเสียง หรือลาภสักการะ ทำแล้วก็แล้วกัน ขอให้ผลเกิดขึ้นมาเป็นดี ประชาชนมีความร่มเย็นเป็นสุขก็เป็นอันใช้ได้

    ในวงการปฏิบัติธรรม หากพระภิกษุหรือฆราวาสท่านใดมีจิตใจมุ่งมั่นในการปฏิบัติกรรมฐาน ชอบหลีกเร้นท่องเที่ยวอยู่ในดงดุจพญาราชสีห์ พระอาจารย์ในดงท่านจะไปโปรดช่วยเหลือแนะนำสั่งสอนเอง แม้แต่หลวงปู่ทวด และหลวงปู่โต สมัยที่ท่านหายไปหลายปี ท่านก็เข้าไปอยู่ในดงกับหลวงตาดำ เช่นกัน สิ่งละอันพันละน้อยที่หยิบออกมาจากบันทึก เท่าที่ข้าพเจ้าจะพอสรุปได้มีเพียงเท่านี้พอเป็นหลักฐานของครูบาอาจารย์ในดงลี้ลับ

    ขอขอบพระคุณและโมทนาบุญอย่างสูงสำหรับข้อมูลจาก

    • หนังสือโลกทิพย์ ปีที่ ๑๔ ฉบับที่ ๓๐๘ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๘ : สันยาสี เรียบเรียง. หน้า ๑๘ - ๕๘
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2024
  2. Perfectionist

    Perfectionist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    659
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขอจองครับ
     
  3. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    - ประวัติพระวินยานุวัติคุณ (หลวงพ่อวิง) - วัดสะพาน อ.พระโขนง กรุงเทพมหานคร
    - มีวิชาลือลั่น เจ้าตำรับวิชาลูกอมและตะกรุด 3 กษัตริย์ ที่ปลุกเสกในวันเพ็ญเดือนสิบสอง
    - เป็นพระเจ้าระเบียบ ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย จนไม่มีใครเสมอเหมือน
    - สร้างเหรียญรุ่นแรก มีอานุภาพในด้านป้องกันไฟไหม้ จนเป็นที่แสวงของชนทั่วไป
    ....พระวินยานุวัติคุณ หรือที่ในบรรดาศานุศิษย์รู้จักกันในนาม "หลวงพ่อวิง " เป็นพระภิกษุที่มีวิชาอาคมเก่งกล้ามากองค์หนี่ง ท่านเป็นชาวหมู่บ้านหัวไผ่ เกิดเมื่อปีวอก เดือน 3 พ.ศ.2430 บิดาชื่อนายอ่ำ มารดาชื่อ นางปีน ท่านเกิดในตระกูล "เทียมอัมพร" ในเยาว์วัยได้รับการศีกษาที่วัดสะพานจนพออ่านออกเขียนได้ จนกระทั่งอายุได้ครบบวช คือ 20 ปี ท่านจีงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ โดยมี หลวงพ่อรอด วัดบางน้ำผึ้งนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปาน วัดมหาบุศย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อนก วัดสะพาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พระอุโบสถ วัดสะพาน ท่ามกลางความยินดี ของญาติพี่น้อง ได้รับฉายาว่า "กิจจกาโร"

    ..เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสะพาน ตั้งใจศีกษาพระธรรมวินัยและวิชาการต่างๆ จนเป็นที่รักใคร่ของหลวงพ่อนก ผู้เป็นอาจารย์ ถึงกับถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆ ให้หลวงพ่อวิงจนหมดสิ้น ในยามว่างท่านก็เดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรมและทางบาลีเพิ่มเติมที่วัดสุทัศน์เทพวราราม ด้วยความอุตสาหะและหมั่นเพียร พออายุพรรษาของท่านได้ 10 พรรษา จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาส ช่วยเหลือทางด้านปกครองสงฆ์ในวัดเพื่อที่จะได้เบาภาระหลวงพ่อนกซึ่งแก่ชราภาพมาก เมื่อว่างเว้นจากภารกิจที่ท่านได้กระทำมาตลอดวัน พอตกดึกหลวงพ่อวิงมักใช้เวลาในช่วงนั้นศึกษาวิชาอาคมต่างๆ ในสมุดข่อยโบราณที่หลวงพ่อนกมอบให้ จนมีความเชี่ยวชาญในด้านอาคมไม่แพ้หลวงพ่อนกผู้เป็นอาจารย์ ในบางครั้งท่านก็จะออกเดินธุดงค์ไปในดินแดนต่างๆเพื่อทำสมาธิจิตให้แก่กล้า และแสวงหาอาจารย์ ที่มีวิชาสูงกว่าท่าน เพื่อที่จะได้ร่ำเรียนให้เข้าใจในด้านวิชานั้น

    ...หลวงพ่อวิง ได้ตั้งใจปฏิบัติกิจทางพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จนความดีของท่านเป็นที่ทราบและเลื่องลือออกไปในที่ไกลๆ จีงได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้ดำรงตำแหน่ง ซึ่งจะขอแจ้งให้ทราบตามลำดับดังนี้ .-
    พ.ศ.2460 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าอาวาสวัดสะพานเพื่อแบ่งเบาภารกิจของเจ้าอาวาส
    พ.ศ.2461 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อไปของวัดสะพาน
    พ.ศ.2469 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะหมวดอำเภอพระโขนง
    พ.ศ.2470 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์มีสิทธิบวชกุลบุตรได้ในเขตพระโขนง
    พ.ศ. 2477 ได้รับสมณศักดิ์ที่ "พระครูวินยานุวัติคุณ" ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพระโขนง
    พ.ศ. 2499 ได้รับตำแหน่งเจ้าคุณสมณศักดิ์ที่ "พระวินยานุวัติคุณ" ปกครองวัดสะพานสืบมาจนถึงมรณะภาพ

    ...หลวงพ่อวิง เป็นพระที่บรรดาลูกศิษย์หรือพระภิกษุภายในวัดต่างเกรงกลัวมาก เพราะท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและดุ เมื่อพระองค์ใดทำผิด หรือขาดทำวัตรเช้าวัตรเย็น ท่านจะทราบทันที และจะเรียกมาว่ากล่าวตักเตือน แต่ถ้าไม่เชื่อฟังกัน ท่านจะไม่ให้อยู่ในวัดของท่าน และจะเรียกมาถามความสมัครใจว่า จะสึกหรือจะอยู่ ด้วยเหตุนี้เอง คนแถววัดสะพาน จึงเป็นคนที่มีความเมตตาอารีต่อคนทั่วไป เพราะหลวงพ่อวิง ท่านสอนให้ชาวบ้านทุกคนให้หมั่นกระทำความดีเสมอต้นเสมอปลาย ในด้านวิชาอาคมของท่านนั้น ท่านมักจะไม่เปิดเผยให้ใครทราบ เพราะท่านเป็นพระที่ไม่โอ้อวด ของขลังท่านจึงตกไปอยู่ที่อื่นเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านใกล้เคียงแถววัดกว่าจะทราบว่าหลวงพ่อวิงเก่ง ก็สายไปเสียแล้ว เข้าตำราว่า "ใกล้เกลือกินด่าง"

    ...หลวงพ่อวิงได้สร้างของขลังของท่านไว้มากพอสมควร ส่วนมากจะหนักไปใน ทางกันไฟ เพราะโรงสีใกล้วัดสะพานมักจะเกิดไฟไหม้อยู่เสมอ จึงเป็นที่เดือดร้อนของชาวบ้านในละแวกนั้นเป็นอย่างมาก ถีงกับหวาดผวาไปตามๆกัน ท่านจึงได้ช่วยเหลือชาวบ้าน โดยสร้างเหรียญรูปเหมือนของท่าน ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์นกคุ้มกันไฟ ผู้ใดที่มีเหรียญของท่านบูชาใว้ จะรอดพ้นจากอัคคีภัยทั้งปวง ซึ่งเหรียญรูปเหมือนของท่าน ท่านได้สร้างออกมาถึง 3 รุ่น และแต่ละรุ่นมีพุทธคุณสูงมาก จนเป็นที่แสวงหาของสาธุชนทั่วไป

    ..- การสร้างวัตถุมงคล ของหลวงพ่อวิง -
    ในงานฉลองอายุครบ 6 รอบ ของหลวงพ่อวิง คณะศิษย์ได้ร่วมกันจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อขึ้นประมาณ 5,000 เหรียญ เป็นเนื้อทองแดงและเนื้ออัลปาก้า มีลักษณะเป็นเหรียญเสมาด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อวิงนั่งสมาธิ ห่มจีวรลดไหล่ พาดสังฆาฏิคาดรัดปะคด ใต้องค์ท่านมีอักษรไทยว่า "พระวินยานุวัติคุณ" ด้านหลังเป็นยันต์นกคุ้ม เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อได้เมตตาปลุกเสกเดี่ยวภายในโบสถ์ของวัดสะพานถึง 7 วันเต็ม และได้หมดภายในระยะเวลาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพระภุชงค์ก็ได้จัดสร้างออกมาอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้แม่พิมพ์เดิม แต่ปั้มไปไม่เท่าไหร่นัก แม่พิมพ์บล็อคหลังก็เกิดแตกชำรุดใช้การไม่ได้ จึงเปลี่ยนยันต์หลังมาเป็นยันต์พุดซ้อน ชึ่งรุ่นนี้สร้างประมาณ 5,000 เหรียญเช่นกัน และหลวงพ่อวิงได้ปลุกเสกทั้งหมด มีพุทธคุณเด่นในด้านป้องกันไฟไหม้

    ...ต่อมาหลวงพ่ออายุได้ 80 ปี คณะศิษย์จึงได้จัดสร้างเหรียญออกมาอีก 1 รุ่น เป็นเหรียญกลม มีทั้งเนื้อทองแดงกาไหล่เงินและกาไหล่ทอง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อวิงครึ่งองค์ ใบหน้าตรง ห่มจีวรลดไหล่ มีอักษรไทยโค้งไปตามรูปเหรียญว่า "ที่ระลึกในงานประจำปีวัดสะพาน พระโขนง 2510 และอักษรไทยใต้รูปหลวงพ่อว่า "ท่านเจ้าคุณวินยานุวัติคุณ" เหรียญนี้ด้านหน้าใช้แม่พิมพ์อันเดียว แต่ด้านหลัง ใช้แม่พิมพืถึง 8 แบบ คือ .-

    1.ด้านหลังใช้ยันต็ห้า สร้างขึ้นจำนวน 3,000 เหรียญ
    2.ด้านหลังใช้เป็นรูปพระประจำวัน 7 วัน ชึ่งสร้างแบบละ 1,000 เหรียญ รวมทั้งสิ้น 10,000 เหรียญ

    เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อวิงได้ปลุกเสกเดี่ยวมาแล้วด้วยตนเอง ต่อมาทางวัดได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดสะพานโดยมีคณาจารย์ร่วมปลุกเสกดังนี้คือ .-
    หลวงพ่อวิง วัดสะพาน
    หลวงพ่อจันทร์ วัดนามะตูม ชลบุรี
    หลวงพ่อนอ วัดท่าเรือ จ.อยุธยา
    หลวงพ่อหิน วัดระฆังโฆษิตาราม
    หลวงพ่อลุน วัดสะพาน (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน)

    ..หลวงพ่อวิงได้สร้างของดีที่ทุกคนต่างแสวงหาคือ ลูกอมและตะกรุด 3 กษัตริย์ ซึ่งของดีชิ้นนี้ท่านมักไม่ค่อยสร้างให้แก่ใคร นอกจากผู้ที่รู้เท่านั้น เพราะของดีอันนี้ ท่านจะปลุกเสกในวันเพ็ญเดือนสิบสองเท่านั้น ท่านจึงสร้างไม่มากนัก ตะกรุดนี้เยี่ยมมากในด้านเมตตามหานิยมและแคล้วคลาด ซี่งตะกรุดนี้มีข้อห้ามอยู่ข้อเดียวคือ ห้ามลอดใต้สะพานหัวเดียว เพราะมันจะแตกหรือไม่ก็คลี่ออกทันที และลูกอมก็เช่นกัน มีอานุภาพสูงมากในด้านคงกระพันชาตรี

    ..หลวงพ่อวิง ได้ปฏิบัติกิจทางพระพุทธศาสนาด้วยความเที่ยงธรรม จนถึง พ.ศ.2511 อายุท่านได้ 81 ปี ท่านจึงได้ถึงแก่มรณะภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันจันทร์ที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2511 ด้วยอาการอันสงบ ท่ามกลางความเสียใจและอาลัยหาของคณะศิษย์ทุกคนที่ได้เฝ้าปฏิบัติท่านมาตลอด ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ในท้องที่เขตพระโขนง หลวงพ่อวิงได้เป็นพระอุปัชฌาย์บวชกุลบุตรที่เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาร่วม 10,000 รูป จนกล่าวได้ว่าในเขตพระโขนง หลวงพ่อวิงจะต้องไปนั่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ ไม่ว่าท่านจะป่วยจนแทบจะลุกไม่ไหว แต่ถ้าใครไปนิมนต์ ท่านจะบอกว่า "ฉันยังไปไหว ไม่ต้องห่วงฉันหรอก" เมื่อท่านถึงแก่มรณะภาพลง จึงเป็นที่เศร้าโศกของชาวบ้านในละแวกนั้นมาก ในงานพระราชทานเพลิงศพของท่าน จึงปรากฏว่ามีฝูงชนหนาแน่นมากที่มาในงานของท่าน ทำให้พิ้นที่ในวัดสะพานซึ่งกว้างขวางกลับแคบลงถนัดตาทีเดียว
    ..............................
    ประวัติวัดสะพาน
    วัสะพาน เป็นวัดที่จัดว่าเก่าแก่มากวัดหนึ่ง สร้างมาก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมวัดนี้ขึ้นอยู่ในเขตนครเขื่อนขันธ์ (พระประแดง) จนถึง พ.ศ 2471 จึงได้โอนมาขึ้นกับเขตอำเภอพระโขนง แต่ก่อนนั้นเส้นทางเดินทัพไปกรุงศรีอยุธยา จะต้องเดินผ่านวัดนี้และการไปวัดนี้ในสมัยก่อน จะต้องใช้ไม้ทำเป็นสะพานข้ามคลอง จึงจะข้ามไปวัดนี้ใด้ ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่าวัดสะพาน สืบมาเรื่อยจนทุกวันนี้ วัดนี้มีสมภารปกครองมาประมาณเกือบ 20 องค์แล้ว แต่ไม่มีหลักฐานปรากกจนแน่ชัด ที่จำใด้ก็มีคือ

    1.หลวงพ่อพอน
    2.หลวงพ่อต้า
    3.หลวงพ่อกลิ่น
    4.หลวงพ่อวิง (เจ้าคุณพระวินยานุวัติคุณ)
    5.หลวงพ่อลุน (พระครูโสภณวิหารกิจ)

    เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันนี้ ซึ่งใด้รับการถ่ายทอดวอชาอาคมต่างๆ มาจากหลวงพ่อวิงมากพอสมควร ซึ่งพุทธศาสนิกชนที่สนใจอาจจะไปขอวัตถุมงคลจากท่าน บางที่ท่านอาจจะโชคดี โดยใด้รับที่มีคุณค่าสูงจากหลวงพ่อลุน ก็อาจเป็นใด้นะครับ

    สวัสดี

    ข้อความทั้งหมดคัดลอกมาจาก..หนังสืออภินิหาร และพระเครื่อง ของโรงพิมพ์ ฉบับที่ 59 ปีที่ 5 โดย..สมภพ

    ***(ขอแก้ไขข้อความของคุณสมภพ ที่เขียนไว้เมื่อปี พ.ศ ๒๕๑๘ ที่ท่านเขียนว่า)..ต่อมาหลวงพ่ออายุได้ 80 ปี คณะศิษย์จึงได้จัดสร้างเหรียญออกมาอีก 1 รุ่น เป็นเหรียญกลม มีทั้งเนื้อทองแดงกาไหล่เงินและกาไหล่ทอง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงพ่อวิงครึ่งองค์ ใบหน้าตรง ห่มจีวรลดไหล่ มีอักษรไทยโค้งไปตามรูปเหรียญว่า " ที่ระลึกในงานประจำปีวัดสะพาน พระโขนง 2510 " ***

    ข้อมูล~และจำนวนแบบพิมพ์ที่สร้างในปี พ.ศ 2510 ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นที่ 3 ของคุณสมภพ น่าจะถูกต้องเกือบทั้งหมด เพียงแต่จากการที่ผมเคยเก็บสะสม และผ่านหูผ่านตาเหรียญกลมรุ่น 3 พ.ศ 2510 มานับร้อยเหรียญ ไม่เคยพบเหรียญรุ่นนี้ที่เป็นเนื้อทองแดงแม้แต่เหรียญเดียว แต่..ถ้าเป็นเหรียญพิมพ์พระประจำวัน จะเป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้าแทบทั้งสิ้น ส่วนเหรียญกลมที่ข้างหลังเป็นยันต์ห้า จะพบแต่เหรียญที่เป็นเนื้อทองฝาบาตร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2024
  4. Perfectionist

    Perfectionist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    659
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ผมโอนเงินแล้วนะครับ รายละเอียดทาง pm ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  5. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระสังกัจจายน์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง1.jpg
    พระสังกัจจายน์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง

    พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง จ.ระยอง ถือว่าเป็นที่สุด สุดยอดของพระสังกัจจายน์หล่อโบราณเหมือนกัน เป็นพระสังกัจจายน์ เนื้อทองผสม หล่อแบบโบราณ องค์พระมีขนาดประมาณนิ้วชี้ของเรา ถ้าจะใหญ่กว่าก็นิ๊ดเดียว

    หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง มีนามเดิมว่า โต รัตนวิจิตร เป็นบุตรนายเกิด นางเพี้ยน รัตนวิจิตร ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๘ ตรงกับวันจันทร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๗ค่ำ ที่บ้านตำบลชากโดน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๒คน และพี่น้องต่างมารดา ๕ คน วัยเด็กเมื่อท่านอายุ ๗ ขวบ บิดามารดาของท่านได้เสียชีวิตลงไป นายดง กับนางเคลือบ ผู้เป็นตากับยายได้นำเด็กชายโตไปฝากไว้กับ พระอาจารย์เจียม เจ้าอาวาสวัดเขากระโดน โดยเป็นเด็กคอยรับใช้พระอาจารย์เจียม ขณะที่อยู่รับใช้พระอาจารย์เจียม เด็กชายโตได้ศึกษาเล่าเรียนเขียนอ่านปฐม ก.กา จนกระทั้งอายุได้ ๑๐ ขวบ พระอาจารย์เจียม ได้ส่งเด็กชายโตไปอยู่กับหลวงพ่อเทียน หรือพระอุปัชฌาย์เทียน ที่วัดเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และได้บรรพชาเป็นสามเณรในเวลาต่อมา
    ภาพถ่าย หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง2.jpg
    สามเณรโตศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยอย่างจริงจัง โดยได้เล่าเรียนพระวินัย ทั้งภาษาไทย บาลี สันสฤต และภาษาขอม จนมีความสามารถอ่านเขียนอักขระเลขยันต์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจัดเป็นสามเณรรูปหนึ่งของจังหวัดระยอง ที่เก่งรูปหนึ่งเลยที่เดียว จนกาลเวลาผ่านไปมีอายุได้ ๒๐ ปี สามเณรโตจึ่งได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ อุโบสถวัดตะปอนใหญ่ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี โดยมีนายหอม และนางปี๊ด อาจดี ผู้เป็นญาตินำไปฝากอุปสมบทมี พระอธิการเพ็ชร เจ้าอาวาสวัดตะปอน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สอ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ปลวด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยได้รับฉายาว่า “ ติสฺโส ”


    หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง นอกจากท่านจะเก่งกล้าในเวทย์มนต์คาถาอาคมไสยศาสตร์ต่างๆแล้ว ในสมัยที่การแพทย์ยังไม่เจริญ ท่านยังเป็นพระหมอรักษาคนป่วยโรคต่างๆ ด้วยยาสมุนไพร และยาดอง ถึงขนาดที่ว่ายาดองของท่านต้องทำเตรียมไว้หลายโอ่ง จึงจะพอจ่ายแจกให้กับผู้ป่วยที่มาขอรับการรักษาจากท่าน และที่ท่านเก่งมากๆคือการรักษาคนบ้า ขอเพียงให็ญาติพามาใด้..ท่านก็จะรักษาให้หายขาดใด้แทบจะทุกคน จึงนับใด้ว่าท่านมีคุณูปการกับผู้คนชาวระยอง มากมาย
    ภาพถ่าย หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง10.jpg

    ผมฟังคุณเปี๊ยก ปากน้ำ นายกสมาคมพระเครื่องเมืองไทย ท่านเล่าไว้ในช่องยูทูปว่า สมัยหนึ่งท่านไปเที่ยววัดเขาบ่อทอง ท่านเห็นหลวงพ่อโต กำลังทำพิธีให้ญาติโยมอยู่ โดยมี ส.ห หรือสารวัตรทหารเรือ ยืนจับมือกันไว้เป็นแนว เพื่อไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปวุ่นวายในพิธี คุณเปี๊ยกท่านเล่าว่า ท่านวิ่งแหวกวงล้อมเข้าไป หลวงพ่อโตท่านเห็น จึงเรียกคุณเปี๊ยกเข้าไปหา ผมเข้าใจว่าคุณเปี๊ยกในสมัยนั้น น่าจะยังเป็นแค่เด็กวับรุ่นอยู่ แต่..ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ หลวงพ่อโตท่านถือริมกระดาษที่พับปิดแผ่นทองไว้ ด้วยมือทั้งสองข้าง โดยที่ท่านไม่ใด้เปิดกระดาษที่ปิดแผ่นทองออก แล้วท่านเป่าพรวดผ่านกระดาษ แต่แปลกประหลาด มหัศจรรย์มาก..ที่แผ่นทองกลับทะลุกระดาษ ไปติดที่ตรงหน้าผากคุณเปี๊ยก ปากน้ำ..ใด้

    พระสังกัจจายน์ พิมพ์เล็ก หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง2.jpg
    พระสังกัจจายน์ หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง เป็นพระที่แขวนแล้วมีประสพการณ์ทางด้านโชคลาภสูง เงินทองสูง เจ้าของพระแต่ละท่านทีมีจึงหวงแหน จึงทำให้พระของท่านมีราคาค่อนข้างแพงมาก อนึ่ง..พระสังกัจจายน์ ของหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทองนั้น หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ลูกศิษย์องค์หนึ่งของหลวงพ่อโต มาช่วยปลุกเสกพระสังกัจจายน์รุ๋นนี้ด้วย จึงทำให้พระสังกัจจายน์ของหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ทางด้าน เมตตามหานิยมโชคลาภ เรื่องการเงินการทองเขาว่าคล่องตัวดียิ่งนัก พระสังกัจจายน์ ของหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง จึงเป็นที่ต้องการของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาชีพค้าขาย หรือทำธุรกิจห้างร้านต่างๆ เป็นอย่างมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2024
  6. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ท่าเตียน ผสมว่านสบู่เลือด

    (พิมพ์จันทร์ลอย พ.ศ ๒๔๘๓) องค์ใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย

    สุดยอดของดี ของขลัง พระดังในตำนาน เป็นที่กล่าวขวัญกันเป็นอย่างมากในยุคสงครามอินโดจีน ที่ไทยเรามีกรณีย์พิพาทเรื่องดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงกับฝรั่งเศส และตามติดมาด้วยสงครามโลกครั้งที่ 2 พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ท่าเตียน มีชื่อเสียงดังมากในยุคนั้น ด้วยผู้คนต่างขวัญหนีดีฝ่อ ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ด้วยอิทธิปาติหาริย์ อภินิหารเป็นที่ลือลั่นสนั่นปฐพี ของพระผงกระดูกผี เป็นที่โจษจันกล่าวขานของผู้คนในยุคนั้น สืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้

    พระอาจารย์หนู เป็นพระเกจิอาจารย์จาก จ.สุรินทร์ มีวิชาอาคมแก่กล้า และเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์ ท่านชอบเลี้ยง ว่าน ไว้ที่กุฎิของท่านเพื่อเตรียมการไว้สร้างพระเครื่อง นอกจากนี้ท่านยังเป็นแพทย์แผนโบราณ ช่วยรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยไข้ ด้วยโรคปัจจุบันในสมัยนั้น หรือว่าจะถูกคุณไสยมนต์ดำยาสั่ง ท่านก็จะทำพิธีรดน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก ช่วยอนุเคราะห์รักษา จนประชาชนหายเจ็บป่วยไข้ ทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของผู้คนโดยทั่วไป

    เรื่องการนำเถ้ากระดูกคนตาย ผสมกับผงพุทธคุณต่างๆ ผงอิทธิเจ และว่านอาถรรพ์ต่างๆ เพื่อสร้างเป็นวัตถุมงคลพิมพ์ต่างๆนั้น เป็นเพราะว่าท่านศึกษาร่ำเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง ท่านจึงมีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง แม้ขี้เถ้ากระดูกของคนตาย ตามหลักไสยศาสตร์ ถือว่าเป็นของที่มีแรงอาถรรพณ์สูงมาก แต่ก็ไม่ใด้เป็นปัญหาแต่ประการใด เนื่องจากก่อนที่จะเอาขี้เถ้ากระดูก มาสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ท่านใด้ทำพิธีพลีกรรม ตามหลักวิชาไสยเวทย์ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านมีวิชาอาคมขั้นสูง มีพลังอำนาจจิต ตบะบารมีแก่กล้า จึงสามารถปลุกเสกให้เถ้ากระดูก แปรเปลี่ยนไปเป็นผงพราย เพื่อนำมาเป็นมวลสารหลัก ในการสร้างพระเครื่องที่จะคอยคุ้มครอง ป้องกันภัยช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุข์ใด้ยาก ช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่มีอย่างมากมายในยุคของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุคของข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายเกลื่อนเมือง ไหนจะพิษภัยจากลูกระเบิดที่ถูกทิ้งลงมาลูกแล้วลูกเล่า


    ดังนั้น..มวลสารหลักของพระผงกระดูกผีวัดโพธิ์ ท่าเตียน คือเถ้ากระดูกที่ถูกทำให้เป็นผงพราย ว่านอาถรรพ์ ว่านทางคงกระพัน ว่านทางมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม ว่านทางเสริมบารมี ให้มีโชคลาภร่ำรวยเงินทองมีชื่อเสียงโด่งดัง คือมวลสารหลักๆ ที่ท่านผสมลงไปในพระเครื่องที่ท่านสร้าง

    อิทธิปาติหาริย์ มหัศจรรย์พันลึกสุดจะมากมี ท่านที่ทำงานกลางคืน ทำงานที่เสี่ยงภัยอันตราย เกี่ยวข้องกับผู้คนที่นิสัยเกเรอันธพาล หรือไปไหนกลางคืนคนเดียวบ่อยๆ อยู่ในถิ่นทุรกันดาร บ้านป่าเมืองเถื่อน มีติดตัวไว้สักองค์..ก็จะเป็นการดีนะครับ

    พระผงกระดูกผี วัดโพธิ์ ทางคำกล่าวขานของผู้คนที่เคยใช้ท่านว่า มีพลานุภาพ ฤทธานุภาพในทาง คุ้มครอง ป้องกันภัย คอยช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุข์ใด้ยาก ช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ เป็นมหาอุตม์ แคล้วคลาด คงกระพัน ตามแต่ใจจะอธิษฐาน อย่างไรก็แล้วแต่เมื่อการสิ่งใดสำเร็จลุล่วงสมหวังดั่งใจแล้ว ท่านควรหมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผงพราย ในองค์พระจะเป็นการดีงามยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2024
  7. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    ปลายเขาควายเผือก ถูกฝ้าผ่า หลวงพ่อโศก วักดปากคลองบางครก1.jpg
    ปลายเขาควายเผือก ถูกฝ้าผ่า หลวงพ่อโศก เพชรบุรี

    เขาควายเผือก ถูกฟ้าผ่าตาย เป็นของกายสิทธิ์ทนสิทธิ์มีฤทธิ์เดชมีพลังอำนาจในตัวเอง แม้ไม่ใด้ปลุกเสกก็มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ พกพาติดตัวเป็นเครื่องรางของขลังใด้ เพราะเป็นของกายสิทธิ์มีคุณวิเศษมีฤทธิ์เดชในตัวเอง เนื่องจากใด้รับการประจุพลังจากเทวาบนฟากฟ้า ที่มาสถิตย์ประจุอยู่ในเขาควายเผือก ยิ่งใด้รับการปลุกเสกจาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อโศก แห่งวัดปากคลองบางครก ยิ่งทรงพลังเพิ่มความศักสิทธิ์เข้มขลังเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

    ในอดึตวัดปากคลอง เป็นเสมือนโรงพยาบาล ชาวบ้านคนใดเจ็บไข้ได้ป่วย ต่างบากหน้ามาหาหลวงพ่อให้ช่วยเหลือ ภายในวัดของท่านมียามากมายหลายขนาน ที่ล้วนได้ช่วยชีวิตผู้คนในย่านนั้นมามากนัก หลวงพ่อโศกท่านเป็นพระหมอยาที่เก่งมากๆ มียาตำหรับโบราณดีๆมากมาย ล้วนแต่เป็นยาที่มีสรรพคุณเป็นเลิศ นักสะสมพระเครื่อง เครื่องรางของขลังยุคเก่าๆ คนเมืองเพขรรุ่นเก่าๆรู้เรื่องนี้ดี ท่านเป็นผู้รอบรู้ วิชาโหราศาสตร์ เวชศาสตร์เรืองวิทยาคมไสยเวทย์ ทั้งหลวงพ่อท่านเป็นผู้มีกฤตยาคมแก่กล้า มีจิตตานุภาพสูง จึงมั่นใจในวัตุมงคลต่างๆ เครื่องราง ของขลังที่ท่านได้สร้าง...ได้อย่างสนิทใจในความขลัง และศักสิทธิ์ครับ

    ปลายเขาควายเผือก ถูกฝ้าผ่า หลวงพ่อโศก วักดปากคลองบางครก2.jpg

    พระพุทธคุณ ดีทางสุดยอดคงกระพัน แคล้วคลาด มหาอุตม์ มหาเสน่ห์ มีตบะบารมีฤทธิ์เดชอำนาจ มีอานุภาพในการล้างอาถรรพ์ ขับไล่คุณไสย อำนาจมนต์ดำ เสนียดจัญไร สิ่งอัปมงคล ภูติผีปีศาจ เป็นมหาอำนาจ เป็นที่ครั่นคร้ามศัตรูไม่กล้าเข้าใกล้ แคล้วคลาดจากภัยอันตราย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 เมษายน 2024
  8. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระปิดตา พิมพ์ใบเสมา หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

    พระปิดตา เนื้อผงกรรมฐาน พิมพ์ใบเสมา ลงรักน้ำเกลี้ยง เป็นพระปิดตาที่สร้างในยุคต้นๆ ประมาณปี พ.ศ 2510 กว่าๆ องค์พระดูจากขนาดเหรียญ 10 บาท หรือมีขนาดประมาณนิ้วโป้ง สูงประมาณ 1 ข้อนิ้วโป้ง สภาพสวยสมบูรณ์มากๆ เนื่องจากเจ้าของเดิมเก็บรักษาไว้ได้ดีเยี่ยม
    เปิดดูไฟล์ 6429730
    พระเครื่องของหลวงปู่ดู่ เป็นพระที่มีพระพุทธคุณครบถ้วน แต่จะเด่นทางเมตตามหานิยม เมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภที่คาดไม่ถึง การเงินการทองคล่องตัว แคล้วคลาดจากเรื่องไม่ดีไม่งาม เรื่องร้ายๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เหมือนมีปาฎิหาริย์มาช่วยปัดเป่า
    เปิดดูไฟล์ 6429729

    บูชาองค๋ละ 3000 บาท

    ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
    โทร 08 6454 0353
    LINE ID : prathai9
    ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
    ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กันยายน 2024
  9. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    upload_2024-4-2_16-44-10.jpeg
    สังกัจจายน์ พิมพ์จันทร์ลอย เนื้อผงน้ำมันกรุ วัดอัมพวา

    ถ้ามีใครถามผมว่า พระเครื่องพิมพ์ต่างๆของกรุวัดอัมพวา ฝั่งธน ย่านบางกอกน้อย พิมพ์ไหนหายากมากที่สุด ผมจะตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า พระกรุอัมพวา พิมพ์สังกัจจายน์ จันทร์ลอย

    พระกรุวัดอัมพวา ย่านฝั่งธน พระเนื้อผงสุดยอดแห่งความเมตตา เมตตาขนาดกลับศัตรูให้เป็นมิตรได้ พระพุทธคุณดังกล่าวน่าจะเหมาะสมกับยุคสมัยปัจจุบันเป็นอย่างมาก พระกรุวัดอัมพวา ฝั่งธน ผู้สร้างคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ฤทธิ์ วัดอรุณราชวราราม เจ้าของวิชา " ผงกลับศัตรูเป็นมิตร " สุดยอดวิชาหนึ่งเดียวในกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นวิชาทางเมตตาชั้นสูงที่เรียนสำเร็จได้ยากมาก หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน เจ้าของพระปิดตา และเหรียญที่เช่าหาบูชากันหลักล้าน ก็มาเรียนวิชานี้กับท่าน สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) ท่านเป็นพระอาจารย์ ของ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน กทม. หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม พระครูลืม วัดอรุณฯ พระพิมลธรรมนาค วัดอรุณ เจ้าของตะกรุดหนังหน้าผากเสืออันโด่งดัง ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ของ..สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ฤทธิ์ แห่งวัดอรุณราชวราราม

    upload_2024-4-2_16-44-10.jpeg
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) สร้างพระเนื้อผงน้ำมัน บรรจุกรุวัดอัมพวา เมื่อประมาณปี ๒๔๕๐ พระของท่านบางส่วนจะล้อพิมพ์พระกรุ พระเกจิในยุคนั้น เช่น ล้อพิมพ์วัดตะไกร ล้อพิมพ์กรุวัดพลับ ล้อพิมพ์ พระปิดตาจั๊กจั่น ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ที่แกะแม่พิมพ์เป็นของตัวเองก็มีไม่ใช่น้อยๆ ที่สำคัญมีพุทธศิลป์ที่สวยงาม
    upload_2024-4-2_16-44-10.jpeg
    พระเนื้อผงน้ำมัน กรุวัดอัมวา มีพุทธคุณเด่นชัดสูงสุด ทางด้านเมตตามหานิยม เมตตามหานิยมอย่างเอกอุ ด้วยมีมวลสารที่สำคัญมาก ที่ท่านเป็นเจ้าตำหรับผสมในเนื้อพระ นั่นคือ " ผงกลับศัตรูเป็นมิตร " ทางด้าน แคล้วคลาดคงกระพัน สมัยผมยังยังเป็นเด็กวัยรุ่น เคยได้ยินได้ฟัง พวกนักเล่นพระรุ่นคุณตา คุณลุง พูดถึงเรื่องพระพุทธคุณ และประสบการณ์ของพระกรุอัมพวา ทางด้านมหาอุตม์แคล้วคลาดคงกระพัน อยู่เสมอ..ครับ

    ประกันความแท้ ตามกฎเว็บพลังจิต
    โทร 08 6454 0353
    LINE ID : prathai9
    ธ.กสิกรไทย 705 2027 515
    ชื่อบัญชี : กิติศักดิ์ ขำเพ็ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2024
  10. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    111
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2024
  11. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระปิดตาเนื้อผงชุบรัก หลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ยุคปลาย

    ปิดการขายแล้วครับ
    หลวงปู่กลิ่น วัดสะพานสูง ศิษย์เอกก้นกุฎิหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง นับได้ว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ได้เป็นเจ้าอาวาส วัดสะพานสูง เมื่อปี 2438 ส่วนการสร้างพระปิดตา เนื้อผงคลุกรักของหลวงปู่กลิ่นน่าจะหลังจากปี พ.ศ 2450 ขึ้นมาเล็กน้อย จนถึงยุคปลายของท่านอยู่ในช่วงประมาณปี พ.ศ 2480

    IMG_20170721_122236.jpg .... IMG_20170721_122315.jpg

    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    พระปิดตาของท่าน สร้างจากผงพุทธคุณ ผงโสฬสมงคล ตรีนิสิงเห
    ผงไตรสรณาคมณ์ ตามสูตรของหลวงปู่เอี่ยม พระอาจารย์ของท่าน ซึ่งผงต่างเหล่านี้ ต้องนำมาปั้นเป็นแท่งแล้วเขียนเป็นเลขยันต์ต่างๆบนกระดานชนวน แท่งดินสอพองจะร่วงหล่นเป็นผง ก็จะนำผงต่างๆนั้นมาปั้นเป็นแท่งนำมาเขียนอักขระเลขยันต์ ต่างๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายสิบครั้งบางสูตรต้องทำเช่นนี้นับร้อยครั้ง ดังนั้น การทำผงสูตรต่างๆของพระเกจิยุคโบราณนั้นกว่าจะได้มาเป็นผงพุทธคุณ ไม่ใช่ง่ายๆเลยครับ ที่บอกกันว่า...พระเกจิยุคเก่านั้นมีปาฎิหารย์ เขียนผงทะลุกระดานชนวนออกมานั้น คิดไปไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์ อันใดเลย ในเมื่อท่านต้องเขียนผงเขียนซ้ำเขียนซากเยี่ยงนี้ ถ้าผงที่เขียนไม่ทะลุกระดาน กระดานก็ต้องทะลุอย่างแน่นอนครับ

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2018
  12. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    หลวงพ่อโบสถ์น้อย ผงผสมว่านสบู่เลือด วัดอัมรินทร์

    พระชุดปี 2484 เนื้อนี้พิมพ์นี้สร้างน้อยมาก ค่อนข้างหายากครับ

    ลูกค้าเช่าบูชาแล้วครับ

    นางข้างเม็ดพิมพ์นี้สร้างพร้อมกับ พระเนื้อดินหลวงพ่อโบสถ์น้อย
    รุ่นแรก และเหรียญหลวงพ่อโบสถ์น้อย รุ่นแรก ปลุกเสกพิธีใหญ่ในปี พ.ศ 2484 เป็นเนื้อผงพุทธคุณ ผสมว่านสบู่เลือด ครับ

    IMG_20170730_132123.jpg .... IMG_20170730_132235.jpg
    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  13. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    หลวงพ่อปาน พิมพ์ขี่ไก่โบราณ เนื้อผงยันต์เกราะเพชร

    ใช้แทนพระเนื้อดินเผาของท่าน..ได้อย่างดีเยี่ยมครับ

    หัวใจพระเนื้อดินเผาของท่านคือ ผงที่อุด ถ้าหลุดหรือถูกขุดเจาะไปราคาตกลงอย่างมาก บางท่านถึงกับไม่เอาเลย ถ้ารู้ว่าผงเดิมไม่อยู่

    ปิดการขายแล้วครับ

    สุดยอดหายาก หลวงพ่อปาน พิมพ์โบราณ เนื้อผงยันต์เกราะเพชร สุดยอดปรารถนาของใครหลายคน หายากกว่าพระเนื้อดินหลายเท่าเป็นพระพิมพ์โบราณยุคต้นๆ ที่หลวงพ่อปาน ท่านได้ทดลองสร้างขึ้นก่อนที่จะพัฒนารูปแบบแม่พิมพ์ เป็นพิมพ์มาตรฐานต่อมาในภายหลัง


    จริงๆแล้วพระพิมพ์ขี่ไก่โบราณเนื้อผงนี้ ในองค์ที่สภาพสมบูรณ์สุดๆ คงจะมีความสวยงามพอประมาณ เพียงแต่องค์ของผมนี้ผ่านการใช้งาน ผ่านการแช่น้ำเพื่อทำน้ำมนต์มามากพอสมควร ประกอบกับพระของท่านเป็นพระเนื้อแก่ผงต่างๆมาก และเชื่อว่าท่านคงไม่ได้ใช้น้ำมันตั้งอิ๋วเป็นตัวประสานเนื้อให้ยึดเกาะกันแน่น เหมือนที่อื่น
    เมื่อผ่านการใช้งานมามาก ผิวพระจึงเป็นดั่งเช่นที่ท่านเห็น ครับ


    IMG_20180512_164308.jpg .... IMG_20180512_164445.jpg

    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    หลวงพ่อปานพิมพ์โบราณ เนื้อผงยันต์เกราะเพชร จะประกอบไปด้วยผงยันต์เกราะเพชร ผงพุทธคุณ หรือผงวิเศษห้าประการ ทรายเสก ดอกไม้บูชาพระ ผมไม่ได้ไปนั่งดูหลวงพ่อปานท่านทำพระหรอกครับ เคยได้ยินได้ฟังจากคนรุ่นเก่าๆเมื่อ 30 กว่าปีก่อน จึงถ่ายทอดบอกเล่าให้ท่านฟัง จะได้ไม่สูญหาย

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  14. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระปิดตา ผงคลุกรักแก่ว่าน เก่าแก่แต่ไม่ทราบที่ครับ

    องค์เล็ก...เท่าเม็ดกระดุมเสื้อ..ย้ำ เท่ากระดุมเสื้อ ครับ

    ปิดการขาย

    ดูจากศิลป์การแกะแม่พิมพ์ น่าจะเป็นพระในโซนของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นการคาดคะเนน่ะครับ พระเก่าไม่รู้ที่...ขายพุทธศิลป ขายความเก่าของเนืิ้อผงคลุกรัก

    IMG_20180502_161331.jpg .... IMG_20180502_161432.jpg

    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2018
  15. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระปิดตา พิมพ์สองหน้า หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย สิงห์บุรี

    ปิดการขายแล้วครับ


    พระปิดตา พิมพ์สองหน้าที่ท่านเห็นองค์นี้ เป็นเนื้อดินเผานะครับ
    หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย จ.สิงห์บุรี ท่านเป็นพระเกจิอาจารยุคเก่า โดยท่านเป็นพระยุคเดียวกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทางด้านพระปิดตานั้น ท่านได้สร้างไว้ประมาณปี พ.ศ 2460 ครับ มีหลายพิมพ์ หน้าเดียวหลังยันต์ พิมพ์สองหน้า มีอยู่หลายเนื้อ เนื้อดินเผา เนื้อดินเผาเข้าใบลาน เนื้อผงใบลาน ผงคลุกรัก เนื้อที่นิยมสุด แพงสุด จะเป็นพระปิดตาเนื้อผงคลุกรัก


    IMG_20170930_154548.jpg .... IMG_20170930_154521.jpg
    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2018
  16. คุณต้า

    คุณต้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2014
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +406
  17. คุณต้า

    คุณต้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2014
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +406
    โอนแล้วครับ เวลา 13:15:53 น. ที่จัดส่งแจ้งทางกล่องข้อความครับผม ขอบคุณครับ
     
  18. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    IMG_20180426_194213 (1).jpg
    ลูกสะกด เนืิ้อดินผสมผงใบลาน กรุวัดคลองตะเคียน


    ปิดการขายแล้วครับ
    ตัวจริงลูกใหญ่กว่านิ้วชี้ เล็กน้อย ลงเหล็กจาร 2 ฝั่ง..ครับ หายากครับ...ไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆนานนับปี จึงจะได้สักลูก

    ลูกสะกดเนื้อเดียวกับ..พระกริ่งคลองตะเคียน สร้างพร้อมกันครับ เพียงแต่ พระกริ่งคลองตะเคียนใช้อมในปากในกระพุ้งแก้ม หรือใช้ผ้าประเจียดพันรัดไว้ที่ต้นแขนส่วนลูกสะกดใช้เชือกป่านร้อยแขวนคอ หรือไม่ก็คาดไว้ที่เอว แบบเดียวกับตะกรุด ประมาณนั้นใช้แทนพระกริ่งคลองตะเคียนได้เลยครับ แต่..ลูกสะกดมีข้อดีกว่าตรงที่ว่า...ลูกสะกดสามารถบุกตลุยเข้าไปได้ในทุกสถานที่
    ไม่มีเสื่อม ไม่มีข้อห้าม ยังคงขลังเหมือนเดิมครับ

    IMG_20180426_194213 (1).jpg
    .... IMG_20180426_194415.jpg .... IMG_20180426_194119.jpg

    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    ทางด้านพุทธคุณ คงจะเด่นในเรื่องคงกระพัน แคล้วคลาดตามแบบฉบับของพระกริ่งคลองตะเคียน ที่คนรุ่นเก่าเล่าว่าเหนียวขนาดที่ว่า...แม้แต่ปลิงมาเกาะยังไม่ได้กินเลือด คนโบร่ำโบราณ เขาพูดกันว่าอย่างนั้น น่ะครับท่าน

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย

    ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2018
  19. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    IMG_20180512_164806ร2.jpg
    ลูกอมผงยันต์เกราะเพชร หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค


    1 ใน 5 เบญจลูกอม..ลูกอมที่ถูกจัดว่าดีที่สุดของไทย ใครยังไม่มี พระ ลพ.ปาน ใช้ลูกอม ยันต์เกราะเพชรแทนได้เลยครับ

    ปิดการขายแล้วครับ
    ตัวจริงใหญ่กว่าไข่จื้งจกนิดเดียว...ประมาณปลายนิ้วก้อยครับ เนื้อแก่ผงพุทธคุณ จึงมีการหดเซ็ทตัวสูง จึงดูไมค่อยกลมนักลูกนี้สีขาวอมชมพูเรื่อๆ สวยงามจับตาจับใจเป็นยิ่งนัก แล ฯ ลูกนี้หย่อนสวยไปนิดครับ เคยผ่านการแช่ทำน้ำมนต์มาครับ แต่...ได้ดูง่าย ผิวสวยคลาสสิคไปอีกแบบหนึ่งครับ

    สมัยก่อนเพื่อนถามบ่อยว่า..ทำไมชอบเก็บลูกอมผงยันต์เกราะเพชร ผมจะตอบอย่างไม่อาย และสะทกสะท้านว่า ผมไม่มีปัญญาไม่มีเงินมากพอที่จะเช่าพระเนื้อดินเผา พิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆของท่าน ที่สำคัญผมมองว่าลูกอมนั้น หลวงพ่อปาน ท่านยืนยันว่าสามารถใช้แทนใช้ได้เหมือนกับ พระเนื้อดินเผา พิมพ์นั่งประทับสัตว์ทุกประการ ผมจึงชอบเก็บลูกอมของท่าน มากๆครับ ตอนหลังๆเพื่อนที่เคยถามเรื่องนี้...กลับมาแย่งผมซื้อ ลูกอมผงยันต์เกราะเพชร ซะงั้น

    IMG_20180512_164821ร1.jpg
    .... IMG_20180512_164806ร2.jpg

    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    อานุภาพยันต์เกราะเพชร
    ๑. จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
    ๒. จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
    ๓. ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
    ๔. ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง

    อานุภาพของ...ลูกอมผงวิเศษยันต์เกราะเพชร ครอบจักรวาล ปกป้องคุ้มครองภัยอันตราย ป้องกันเสนียดจัญไร เสริมบารมี เจริญโภคทรัพย์ ใช้ทางรักษาโรคภัยไข้เจ็บ กันคุณไสย โดยเอาลูกอมมาอธิษฐานแช่น้ำ แล้วดื่มรักษาโรค

    ใช้อธิษฐานเสี่ยงทาย เช่น ถ้าเดินทางไปดีมาดี มีลาภมีสุข ลูกอมจะเย็นในฝ่ามือ หากไม่ดีมีภัยอันตรายก็จะร้อนในฝ่ามือ หลวงพ่อปานระบุไว้ในใบฝอยวิธีบูชาพระของท่านเองว่า“พระกับลูกอมมีสรรพคุณอย่างเดียวกัน”

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก..ท่านสุธรรม เป็นอย่างสูงครับ
    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2018
  20. พระพุทธคุณคุ้มครอง

    พระพุทธคุณคุ้มครอง เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2017
    โพสต์:
    1,778
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +5,681
    พระขุนแผน เนื้อผง เนื้อจัดอย่างกับสมเด็จวัดระฆัง..แน่ะ

    ปิดการขายแล้วครับ

    เจ้าของเดิมบอก...พระขุนแผนเนื้อผงพุทธคุณ วัดระฆัง แล้วคนบอกอายุ 80 กว่าๆแล้วตอนนั้น ถ้ายังมีชิวิตอยู่ท่านจะมีอายุ 110 ปี เห็นจะได้ แล้วท่านล่ะครับ ดูเป็นพระขุนแผน เนื้อผงที่ไหน...เอ่ย

    IMG_20170909_153917.jpg .... IMG_20170909_154142.jpg
    คลิ๊ก หรือ แตะที่ภาพ เพื่อดูภาพขนาดขยาย

    ที่แน่ๆ เก่าและแท้อย่างแน่นอนที่สุดครับ รับประกันให้

    ติดต่อสอบถาม โอนเงิน การรับประกัน กดตรงนี้ได้เลย
    ท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้...ก็สามารถเช่าบูชาได้เช่นกัน นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...