เรื่องเด่น อานาปานะ (สติ) แบบพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มาจากดิน, 8 พฤษภาคม 2017.

  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ผู้เริ่มศึกษาพระพุทธศาสนา ยึดหลักธรรมเบื้องต้นเห็นๆง่ายๆก่อน จับหลักพระพุทธศาสนาให้ได้


    บุญ เครื่องชำระสันดาน, ความดี, กรรมดี, ความประพฤติชอบทางกาย วาจา และใจ, กุศลกรรม, ความสุข, กุศลธรรม

    ที่กล่าวมานั้น เป็นความหมายทั่วไปโดยสรุป

    ต่อนี้พึงทราบคำอธิบายละเอียดขึ้น เริ่มแต่ความหมายตามรูปศัพท์ว่า

    "กรรมที่ชำระสันดานของผู้กระทำให้สะอาด"

    "สภาวะอันทำให้เกิดความน่าบูชา"

    "การกระทำอันทำให้เต็มอิ่มสมน้ำใจ"

    ความดี, กรรมที่ดีงามเป็นประโยชน์, ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ,

    กุศล (มักหมายถึงโลกิยกุศลหรือความดีที่ยังกอปรด้วยอุปธิ คือ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ปรารถนากันในหมู่ชาวโลก เช่น โภคสมบัติ,)

    บางทีหมายถึงผลของการประกอบกุศล หรือผลบุญนั่นเอง เช่น ในพุทธพจน์ (ที.ปา.11/33/62) ว่า "ภิกษุทั้งหลาย เพราะการสมาทานกุศลธรรมทั้งหลายเป็นเหตุ บุญนี้ ย่อมเจริญเพิ่มพูนอย่างนี้" และมีพุทธพจน์ (ขุ.อิติ.25/200/240) ตรัสไว้ด้วยว่า "ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย อย่าได้กลัวต่อบุญเลย คำว่า บุญนี้ เป็นชื่อของความสุข" (บุญ ในพุทธพจน์ ทรงเน้นที่การเจริญเมตตาจิต)

    พระพุทธเจ้าตรัสสอนให้ศึกษาบุญ "ปุญฺญเมว โส สิกฺเขยฺย" (ขุ.อิติ.25/200/241; 238/270) คือ ฝึกปฏิบัติหัดทำให้ชีวิตเจริญงอกงามขึ้นในความดีและสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติที่ดี

    ในการทำบุญ ไม่พึงละเลยพื้นฐานที่ตรงตามสภาพความเป็นจริงของชีวิต ให้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมเจริญงอกงามหนุนกันขึ้นไปสู่ความดีงามที่สมบูรณ์ เช่น พึงระลึกถึงพุทธพจน์ (สํ.ส.15/146/46) ที่ว่า "ชนเหล่าใด ปลูกสวน ปลูกป่า สร้างสะพาน (รวมทั้งจัดเรือข้ามฟาก) จัดบริการน้ำดื่ม และบึงบ่อสระน้ำ ให้ที่พักอาศัย บุญของชนเหล่านั้น ย่อมเจริญงอกงาม ทั้งคืนทั้งวัน ตลอดทุกเวลา, ชนเหล่านั้น ผู้ตั้งอยู่ในธรรม ถึงพร้อมด้วยศีล เป็นผู้เดินทางสวรรค์"

    คัมภีร์ทั้งหลาย กล่าวถึงบุญกรรมที่ชาวบ้านควรร่วมกันทำไว้เป็นอ้นมาก เช่น (ชา.อ.1/299) การปรับปรุงซ่อมแซมถนนหนทาง สร้างสะพาน ขุดสระน้ำ สร้างศาลาที่พักและที่ประชุม ปลูกสวนปลูกป่า ให้ทาน รักษาศีล พระพุทธเจ้าตรัสประมวลหลักการทำบุญที่พึงศึกษาไว้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ(ขุ.อิติ.25/238/270) ซึ่งพระอรรถกถาจารย์ได้แจกแจงให้เห็นตัวอย่างในการขยายความออกไปเป็น บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (เช่น สงฺคณี.อ. 208) ตรงข้ามกับ บาป

    บาป ความชั่ว, ความร้าย, ความชั่วร้าย, กรรมชั่ว, กรรมลามก, อกุศลกรรมที่ส่งให้ถึงความเดือดร้อน, สภาพที่ทำให้ถึงคติอันชั่ว, สิ่งที่ทำจิตให้ตกสู่ที่ชั่ว คือ ทำให้เลวลง, ให้เสื่อมลง
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    สัญญาขันธ์

    สัญญาขันธ์ที่ว่า นี่มันอะไรหรือขอรับอาจารย์

    ไม่กินอะไร ..ไม่อาลัยอาวรณ์อะไร...จริงๆ

    ไม่กินอะไร แล้วร่างกายมันจะอยู่ได้ยังไงขอรับ อาจารย์ พระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรอดอาหาร สุดท้ายยังต้องกลับมากินอาหารเลยขอรับ

    แล้วทุกวันนี้กินอะไรครับ กินข้าวหรือขนมปัง
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็ตอนนั้น มันเหมือนคนตายไง ไม่มีวิญญาณ ไม่มีอยาก ..เหลือเพียงร่างกาย ที่ ผอมๆแห้งๆ ดำๆ...อิอิ เหมือนรถที่วิ่งไปถึงนอกโลก แล้ว น้ำมันหมด ค้างเติ่ง ไปไหนไม่ได้ เพราะ มันหมดที่ไปแล้วไง...เหมือนโดนกำหราบ จนสิ้นฤทธิ์หมดพิษสง

    แต่อาจารย์ท่าน ก็ ชี้ทาง (เพิ่มพลังปัญญา) สอนเรื่องกฏแห่งกรรม เรื่องคุณค่าของชีวิต คุณค่าของการเข้าถึง อนัตตาธรรม..คุณค่าของการหลุดพ้น
    อีกมากมายเลย...เพราะ...ระหว่างที่ผม ปล่อยวางทุกสิ่ง ปล่อยวางลูกเมีย ปล่อยวางทุกคน...มันจะมาถึงบทเรียน อีกด้าน ที่ เมื่อคนเหล่านั้น ไม่เข้าใจผม ไม่เอาผมบ้าง...ผมจะเหมือน ไม่มีตัวตน ไม่มีคุณค่าอะไรไง..ถูกคนอื่นปล่อยวาง..ซะบ้าง จะเป็นอย่างไร...ไง ก็บอกแล้วว่า บทเรียน มัน ซับซ้อน


    ผมจึง..มองเห็นคุณค่าของตัวเอง คุณค่าของคนอื่น คุณค่าของชีวิต คุณค่าของการได้เกิดมา.. ใจรู้ มันจึง หดกลับ หุบกลับ มาที่กายเดิมได้ไง

    แบบว่า เปรียบเหมือน เป็นการ หยั่งใจที่พ้นแล้วจาก จิตอวิชชา...ให้ ใจหยั่งลงมายังร่างกายเดิมในโลกมนุษย์ อีกครั้ง..เพื่อ พิสูจน์ว่า...

    ว่า...ถ้าแน่จริง ถ้าแน่ใจได้ว่า ตนเองพ้นแล้วจากจิตอวิชชา พ้นจากความหลง พ้นจากความทุกข์ของความเป็น ชนชาวโลกได้จริง...ก็ลองเอาใจรู้นั้น หยั่งกลับมาที่กาย ที่โลกอีกครั้ง...เพื่อพิสูจน์ด้วยตนเองจริงๆว่า

    ตนเองพ้นแล้วจาก...ความทุกข์ทั่งปวง ได้จริงๆหรือ...นี่ไง

    แบบว่า มัน พิศดาร เกินไปไงครับ..ชีวิตผม
     
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เพราะ...ระหว่างที่ผม ปล่อยวางทุกสิ่ง ปล่อยวางลูกเมีย ปล่อยวางทุกคน...มันจะมาถึงบทเรียน อีกด้าน ที่ เมื่อคนเหล่านั้น ไม่เข้าใจผม ไม่เอาผมบ้าง...ผมจะเหมือน ไม่มีตัวตน ไม่มีคุณค่าอะไรไง..ถูกคนอื่นปล่อยวาง..ซะบ้าง จะเป็นอย่างไร

    แล้วทุกวันนี้ ลูกเมีย เรียกอาจารย์กลับบ้านแล้วใช่ไหมครับ หรือยังไม่เอาเหมือนเดิม
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เรื่องที่ผมเล่ามาเนี่ย...มันผ่านมาแล้ว หลายปีแล้วครับ
    ตอนนี้ ก็สุขสบาย สงบ ดี ...ยกเว้นว่า..ตัวผม มีโรค เพราะ

    หลังจากที่ กลับเข้าร่างเดิมมาได้..ผมไม่เหมือนเดิม กินเหล้าก็ไม่เมา เลยเล่น วอสก้า เป็นประจำ กินเกือบทุกวัน กาแฟเย็นก็วันละห้าแก้ว จนทำลายร่างกายตนเอง..ต่อต่อยก็ไม่เจ็บ ....ตอนนี้ เป็นเบาหวาน เลย สมน้ำหน้าตัวเอง

    เอาเป็นว่า...ผมคงต้อง ใช้ชีวิตให้เป็นมนุษย์ธรรมดาจริงๆ ซะที
    ก็เลยเอาประสบการณ์ มาถ่ายทอดเอาไว้ นี่แหล่ะ จะได้ ตาย โดยไม่ห่วงอะไร
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เบาหวานมันเล่นงานผม ตั้งแต่ เดือน พ.ค. ปีที่แล้ว
    ระดับ ขึ้นตาเลย...อิอิ
    ก็ สมน้ำหน้าตัวเองครับ ที่ มัวแต่ ทำร้ายร่างกายตนเอง
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    สรุปปัจจุบัน อาจารย์สุขสบายอยู่พร้อมหน้าลูกเมียแล้ว เพียงแต่มีเบาหวานเท่านั้น เครตอนหนึ่ง

    หลังจากที่ กลับเข้าร่างเดิมมาได้..ผมไม่เหมือนเดิม กินเหล้าก็ไม่เมา

    อาจารย์ออกจากร่างเดิมไปกี่วันครับ แล้วร่างกายไม่เปื่อยไม่เน่า ลูกเมียไม่เอาไปเผาหรือขอรับ หรือยังไง ตรงนี้ไม่ค่อยเข้าใจ
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เคยได้ยินแต่เขาปฏิบัติธรรมแล้ว เลิกเหล้าเลิกเบียร์ แต่ในรายของอาจารย์นี่แปลก กลับเข้าร่างเดิมแล้ว กินเหล้าเมาวอสก้า ตัวแตนตัวต่อต่อยไม่เจ็บ เหมือนเป็นมนุษย์หินก็ไม่ปาน
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ตย. ปฏิบัติแล้วเลิกเหล้าบุหรี่

    แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

    แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต

    ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

    ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟนก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้ พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

    เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็น เค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลา เดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

    เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไรดิฉันได้แต่นั่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

    กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
    เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

    เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

    ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีก ความรู้สึกแบบนี้จะหายไป

    เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

    ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

    มันน่าน้อยใจนัก!!
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่ผมเล่าคือ...ตั้งแต่สติหรือจิตผม มันลอยตัวออกไปเหนือโลก..มา
    วิกฤติจริงๆคือช่วง จิตผม ถึงอนัตตาธรรม เหมือนคนตายต่างหาก ที่เหมือน ไม่มีวิญญาณ...ตรงนี้ ดีที่ อาจารย์ท่าน...ช่วย ดึง ช่วยชี้ ทางกลับ มาที่ร่างเดิม ที่โลก ไง ตามที่ผมเล่ามานั่น...เอง

    ทีนี้ การกลับมา ของใจ นั้นมันก็ใช้ เวลา เหมือนกัน เมื่อกลับมาเข้าร่างแล้ว ก็ไช่ว่าจะจบลง แค่นั้น เพราะ มันต้องกลับเข้ามา โดยเข้าใจในกันและกันจริงๆ...เหมือนดั่งใจสะอาดเป็น พระอรหันต์ แต่กาย ยังไม่ไช่...ผมต้อง บวช เป็นพระ เพื่อให้ รูปกับนาม มันตรงกัน เข้ากัน เหมือนกัน เพื่อ ความสมดุลย์ของปัญญา ที่เกิดจาก รูปนามสมดุลย์กัน เพื่อ ออกจากธรรม น่ะ ก็เรื่องมันซับซ้อน..ไง
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือ...หลังจากที่ผมสึก ออกจากธรรม..ผมก็ไม่ได้กินเหล้าหรอก
    แต่ มันเริ่มเมื่อ ผม สมัครเข้าทำงาน ที่ทำงานมีแต่ พวกกินเหล้า
    ผมเลย ลองกินดู...ทีนี้ เหล้าไม่ทำให้ผมเมาได้น่ะสิ..ผมเลย เล่นซะ ยกใหญ่..โชว์พาวน่ะ...เล่นของแรง วอสก้า เลย เล่นกาแฟเย็นวันละห้าแก้ว....ร่างกายมัน ไม่ค่อย จะมีเวทนาอะไร ไง ...แต่หารู้ไม่ว่า เอาสารพิษเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป..จนร่างกายมันรับไม่ไหวไง...
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือ นิสัยส่วนตัว ของผมคือ...ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาน่ะ
    ผมเป็นคน หัวดื้อครับ ไม่เชื่อใครง่ายๆ แบบว่า ถ้าไม่เจอกับตัวเอง มักจะไม่เชื่อใคร...มันเลยต้อง เจอแบบนี้ ทุกทีครับ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือผมต้อง ขออกตัว ก่อนนะครับว่า..การเรียนรู้ของผม มันออกจะพิศดาร กว่าคนอื่น ทั่วๆไปมากสักหน่อย..แบบพิศดาร อาจเข้าใจยาก

    หลังจากทีาจิตผม อนัตตาไป...ส่วนมาก ผมจะถูกสอนทาง ความฝัน อีกมากมายหลายแบบ เพราะผมมีสติรู้ตัว ในความฝัน รู้ว่า ตนเองอยู่ในความฝัน ดังนั้น จิตครูอาจารย์ทั้งหลาย หลายภพภูมิ จึงจะมาสื่อสาร แนะนำ นำพา ผมไป ทำ ไปเรียน ไปรู้ ทางความฝันน่ะ
    ก็ดี..จะได้ไม่เหนื่อย กาย จริงๆ
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ครูอาจารย์มาสอนทางฝันอีกแล้วหรออาจารย์วรณ์นิ :) ท่านมาสอนว่ายังไงบ้างล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เยอะมาก เล่าไม่ไหวหรอก....อิอิ...ส่วนตั๊ว ส่วนตัวครับ
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    คนนอนหลับฝันนี่ ตำราว่า หลับไม่สนิท อาหารไม่ย่อย เป็นโรคร้าย ....ประมาณเนี่ย
     
  17. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    เหมือนเคยได้ยินว่า แถวๆอีสานเขาเรียกว่า "ธรรมแตก" นะครับ
    ถ้าเป็นฆราวาส ญาติๆจะรีบพาให้ไปบวช แต่ถ้าเป็นพระอยู่ ญาติๆจะรีบหาวิธีให้สึกออกมาก่อน เพื่อแก้อาการ
    ใครรู้เรื่องเกี่ยวกับธรรมแตก มาช่วยขยายความหน่อยก็ดีนะครับ
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    อิอิ น่าจะธรรมแตก จริงๆ นั่นแหล่ะ..เพราะ มัน แตกธรรม..รู้ไปทั่วเลย
     
  19. pitra

    pitra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2017
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +31
    สนใจคำว่าจิตส่งออกค่ะ ข่วยอธิยายเป็นธรรมทานหน่อยค่ะ ตะเอาไว้ดูตัวเง
     
  20. ศิษย์โง๋

    ศิษย์โง๋ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +66
    จิตส่งออกคือการไม่สำรวมอินทรียสังวร การขาดอินทรียสังวร ทำให้ไม่สามารถทำสมาธิได้ เพราะจิตจะว้าวุ่นและฟุ้งซ่าน คือการขาดการฝึกจิต(ลิง) เมื่อผู้ไม่ชำนาญขาดทักษะในการจับลิงแต่อยากออกไปจับลิง ย่อมล้มเหลวฉันใด การขาดการสำรวมในอินทรียสังวรก็เหมือนเป็นการเรียนรู้ทักษะที่จะออกไปจับลิงฉันนั้น ดังนั้นนักจับลิงก็ชอบมาบ่นกันว่า"ทำสมาธิไม่ได้" , "ยาก" ฉันนั้นแล
    #ศิษย์โง่ quote#




    นิวรณ์เพราะขาดอินทรียสังวร
    อนึ่ง แม้ในการที่จะปฏิบัติในสมาธิ ก็จะต้องมีอินทรียสังวรช่วยด้วย จึงจะทำสมาธิได้ ถ้าหากว่าไม่มีอินทรียสังวร ก็ไม่สามารถจะทำสมาธิได้ เพราะว่าจะระงับนิวรณ์ไม่ได้ นิวรณ์ที่เป็นอันตรายของสมาธินั้น ก็เพราะขาดอินทรียสังวรนั้นเอง ก็คือว่าเห็นรูปอะไรทางตา ได้ยินเสียงอะไรทางหู ได้ทราบกลิ่นอะไรทางจมูก ได้ทราบรสอะไรทางลิ้น ได้ทราบสิ่งถูกต้องอะไรทางกาย ได้รู้เรื่องอะไรที่คิดทางใจ ก็ยึดถือเป็นอารมณ์ เกิดความยินดีเกิดความยินร้ายไหลเข้ามาท่วมจิตใจ เป็นอาสวะดองจิตใจ จึงได้เกิดเป็นนิวรณ์ต่างๆ ขึ้น เป็นกามฉันท์ความพอใจรักใคร่ในกามบ้าง เป็นพยาบาทความโกรธแค้นขัดเคืองมุ่งร้ายหมายล้างผลาญบ้าง

    ธรรมเทศนาของสมเด็จญาณสังวร อดีตพระสังฆราช อ่านเต็มๆได้ที่
    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-057.htm

    อีกเล่ม เป็นการรวบรวมหมวดอินทรีย์สังวรมาเอาไว้ให้อ่าน ถ้าสนใจก็ขอให้เริ่มอ่านตั้งแต่หน้าที่ 16 เป็นต้นไป เพราะช่วงหน้าแรกๆ มีการกล่าวพาดพิงสำนักดูจิตแห่งหนึ่ง ให้เริ่มอ่านธรรมมะของพระองค์ตั้งแต่หน้า 16 จะดีกว่าเพราะ"ปราศจากซึ่งทิฐิข้อคิดเห็นของผู้จัดทำหนังสือ" ตัวอย่างสารบัญที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสเอาไว้ในหมวดนี้คือ
    (เอามาลงที่นี่หมดไม่ไหว มันเยอะมาก) (หน้าแรกๆที่มีทิฐิของผู้จัดทำข้ามไป เดี๋ยวจะกลายเป็นว่ามีดราม่าข้ามสำนัก)

    ผลเสียของการปล่อยจิตให้เพลินกับอารมณ์  ๑๕
    ๑. ก่อให้เกิดอนุสัยทั้ง ๓ ๑๖
    ๒. ไม่อาจที่จะหลุดพ้นไปจากทุกข์ ๒๐
    ๓. เพลินอยู่กับอายตนะ เท่ากับ เพลินอยู่ในทุกข์ ๒๒
    ๔. ลักษณะของการอยู่อย่างมีตัณหาเป็นเพื่อน ๒๔
    ๕. ไม่อาจถึงซึ่ง ความเจริญงอกงาม ไพบูลย์
    ในธรรมวินัย ๒๙
    ตัวอย่างพุทธวจน ที่ทรงตรัสไม่ให้ปล่อยจิต  ๓๑
    ให้เพลินกับอารมณ์ 
    ๖. ละความเพลิน จิตหลุดพ้น ๓๒
    ๗. ความพอใจ เป็นเหตุแห่งทุกข์ ๓๓
    ๘. เมื่อคิดถึงสิ่งใด แสดงว่าพอใจในสิ่งนั้น ๓๔
    ๙. ภพแม้ชั่วขณะดีดนิ้วมือก็ยังน่ารังเกียจ ๓๕
    ๑๐. ตัณหา คือ “เชื้อแห่งการเกิด” ๓๗๑๑. เมื่อมีความพอใจ ย่อมมีตัณหา ๓๙
    ๑๒. ตัณหา คือเครื่องนำาไปสู่ภพใหม่ ๔๑
    อันเป็นเหตุเกิดทุกข์
    ๑๓. สิ้นความอยาก ก็สิ้นทุกข์ ๔๓
    ๑๔. มีความเพลิน คือมีอุปาทาน ๔๕
    ผู้มีอุปาทานย่อมไม่ปรินิพพาน
    ๑๕. ในอริยมรรคมีองค์ ๘ ๔๙
    ๑๖. ทรงตรัสว่า “เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งกระทำา” ๕๑
    ๑๗. ต้องเพียรละความเพลินในทุกๆ อิริยาบถ ๕๔
    ๑๘. ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๑) ๕๖
    ๑๙. ความเพียร ๔ ประเภท (นัยที่ ๒) ๕๘
    จิตที่เพลินกับอารมณ์ ละได้ด้วยการมีอินทรียสังวร  ๖๑ 
    (การสำารวมอินทรีย์) 
    ๒๐. เมื่อมีสติ ความเพลินย่อมดับ ๖๒
    ๒๑. กายคตาสติ มีความสำาคัญต่ออินทรียสังวร ๖๕
    - ลักษณะของผู้ไม่ตั้งจิตในกายคตาสติ ๖๕
    - ลักษณะของผู้ตั้งจิตในกายคตาสติ ๖๗
    ๒๒. อินทรียสังวร ปิดกั้นการเกิดขึ้นแห่งบาปอกุศล ๗๐ความสำาคัญแห่งอินทรียสังวร  ๗๓
    ๒๓. อินทรียสังวร ๗๔
    เป็นเหตุให้ได้มาซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ
    ๒๔. ผู้ไม่สำารวมอินทรีย์คือผู้ประมาท ๗๕
    ผู้สำารวมอินทรีย์คือผู้ไม่ประมาท
    ๒๕. ความไม่ประมาท เป็นยอดแห่งกุศลธรรม ๗๗
    ๒๖. ผู้มีอินทรียสังวร ๗๙
    จึงสามารถเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ ได้

    ๒๗. อาสวะบางส่วนสามารถละได้ด้วยการสำรวม ๘๐
    ๒๘. อาสวะบางส่วนสามารถละได้ด้วยการบรรเทา ๘๑
    ๒๙. ผลที่ได้เพราะเหตุแห่งการปิดกั้นอาสวะ ๘๒
    ความหมายและลักษณะของการมีอินทรียสังวร  ๘๓
    ๓๐. ความหมายแห่งอินทรีย์ ๘๔
    ๓๑. ลักษณะของผู้สำารวมอินทรีย์ ๘๕
    ๓๒. ผู้ที่ถึงซึ่ง ความเจริญงอกงาม ไพบูลย์ ๘๖
    ในธรรมวินัยรูปแบบการละความเพลินในอารมณ์โดยวิธีอื่น  ๘๙
    ๓๓. กระจายซึ่งผัสสะ ๙๐
    ๓๔. ตามแนวแห่งสัมมาสังกัปปะ ๙๔
    ๓๕. ย่อมยุบ ย่อมไม่ก่อ ย่อมขว้างทิ้ง ๙๙
    ย่อมไม่ถือเอา ซึ่ง... ขันธ์ ๕
    ๓๖. เห็นประจักษ์ตามความเป็นจริง ๑๐๖
    ๓๗. พึงเห็นว่า ชีวิตนั้นแสนสั้น ๑๐๘
    ผลที่สุดของการละความเพลินในอารมณ์  ๑๑๑
    ๓๘. ผู้ได้ชื่อว่า อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ ๑๑๒
    ๓๙. ผู้เข้าไปหาเป็นผู้ไม่หลุดพ้น ๑๑๔
    ผู้ไม่เข้าไปหาย่อมหลุดพ้น
    ๔๐. เพราะไม่เพลิน จึงละอนุสัยทั้ง ๓ ได้ ๑๑๖
    ๔๑. ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์ ๑๒๐

    http://watnapp.com/book ดาวโหลดเล่มที่ชื่อ อินทรีย์สังวร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...