เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wanwi, 11 ตุลาคม 2016.

  1. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ขอบคุณคำชม ก็มีนักอ่านคุณภาพอย่างท่าน"เส้าหลิน"นี่ไง
    ที่ช่วยทำให้กระทู้นี้ พัฒนาและเพิ่มคุณภาพขึ้นมา...ขอบคุณ
    เรื่องสุขภาพ เท็คแคร์ เช่นกันครับ
     
  2. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ขอบคุณที่ติดตามจริงจัง และตั้งใจเดาทางเนื้อหา
    ไม่รู้จะแอนตี้ ไคลแม็กซ์ ได้สักกี่น้ำ เดี๋ยวคงเสร็จ
    ท่านวิชุจนได้แหละน่า
     
  3. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ภาพแนว"เรียลลิสติค"น่าเป็นแนวภาพวาดเสมือนจริง
    ส่วนใหญ่เป็นภาพคน...ผมก็ไม่ชำนาญนะ ผิดถูกอย่าว่ากัน
    เจ้าเพื่อนที่บ้าภาพเขียนคนนึง เคยว่าให้ฟัง...ขอบคุณจริงๆ
    ที่จะหาภาพมาประกอบ ไม่ให้กระทู้แห้งแล้ง
     
  4. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ครับ...มีโพสท์เยอะมาก ต้องพยายามไล่ตอบ
    เพราะทุกโพสท์ล้วนมีคุณค่าทางใจมิอาจละเลย
    เราเหล่าอาวุโส ใคร่จิบน้ำชากลางบ่ายยามแดดอุ่น
    พร้อมเรื่องเล่าหนหลังอันสุนทรีย์

    เรามิใช่เหล่าคนแก่ที่นั่งจิบชากลางสวน แล้วส่ง
    คนรุ่นหลัง ลูก-หลานไปตายในสนามรบ (สงคราม
    โลกหน2)

    ตอบซะยาวคงไม่รำคาญนะท่านศนิวาร เชิญตามต่อ
    เลยครับ
     
  5. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ค้นพบวิธีสู้หน้าคอมพ์โดยบังเอิญแล้วครับ
    หยิบแว่นกนัแดดสำหรับตีกอล์ฟมาใส่แล้วจิ้ม
    เออ..สู้ได้นาน ตาไม่เป็นนกกะปูด หยอดตา
    ห่างไปเรื่อยๆ ขอบคุณคำแนะนำครับ
     
  6. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    น่าหมดโพสท์ที่อบอุ่น งดงามจากทุกท่าน
    หากมีตกหล่น ต้องขออภัย...วันวานธุระเยอะ
    มาก ทำให้กลับดึก ไม่อาจจิ้มต่อสำเร็จ...วันนี้
    ต้องลุยกันยาว เชิญครับ กำลังมา
     
  7. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    (ต่อ)...ขุมทองตะนาวศรี-ปีศาจปู่โสม!!!
    ------------------------------------
    ------------------------------------


    โถงถ้ำใหญ่ที่จุคนได้เหมือนห้องประชุมขนาดย่อม สอบตัวเข้าหากันอีกครั้ง
    แต่คราาวนี้มีทางแยกออกไป3ด้าน กลายเป็นทางสามแพร่งในเถื่อนถ้ำ ผม
    เอาไฟส่องลวกๆแต่ละช่อง ไปช่องไหนดี?...เอ็งว่าทางไหนว่ะ สม? หันไปถาม
    เพื่อนร่วมทาง แบบหัวขบวนก็รวนเรไม่แน่ใจเป็นเหมือนกัน

    บักสมทำปากหมุบหมิบไร้เสียง มันยืนอยู่อีกช่องที่ผมมองไม่เห็น เพราะกำลังไล่ส่องไฟอีกทาง...สมกระตุกแขนเสื้อ "พี่..ทางนี้แน่" ไฟมันสาดไปที่ผนังถ้ำ ซากโครงกระดูกขาวหม่นๆ กระจายเกลื่อนตามผนังที่เจาะเป็นโพรง ทุกโพรงตั้งใจเจาะเพื่อเอาศพเข้าไปไว้ในท่านอน แต่พื้นที่ไม่อำนวยและผนังหินคงแข็งเกิน บางศพจึงถูกจับนั่งนอก
    โพรง มีศพในผนังน้อยกว่าที่พื่้น กลิ่นสาป กลิ่นสาง กลิ่นความตาย ลอยอวลทุกอณู!

    ผมดึงแขนบักสมไว้..."อย่าเพิ่งเข้าไป อาจมีงูตามซาก" ใช่...ซากเหล่านี้อสรพิษ
    ชอบนัก เราส่องไฟไล่ไปเรื่อยๆตามแต่ไฟจะส่องถึงไหน ศพถูกวางเรียงรายยาว
    ไปจนสุดลำแสง ผมหันไปกะปลอบใจเจ้าหนุ่มอิสานที่ท่าทางกลัวเป็นกุ้งขี้ขึ้นขมอง
    เต็มแก่ ถ้าไม่มีผมอยู่ด้วย คงสติแตกวิ่งแหกออกจากถ้ำไปนอนจับไข้หัวโกร๋นแน่

    ไม่ทันเอ่ยปาก สมก็แหกปากลั่นคับโถงถ้ำ..."พี่ พี่ดูนั่น" ผมหันขวับตามมือมันชี้
    กลางแสงไฟ หัวกะโหลกขาวหม่นลอยขึ้นมากลางอากาศ ส่ายไป-มาดั่งเริงระบำ
    ล้อแสงไฟฉาย บักสมตาเหลือกแทบสิ้นสติตัวสั่นพับๆเหมือนตอนเจ้าโป่งค่างกัดคอ

    เอาละซี...! ผีหลอกกลางวันแสกๆ ผมจับองค์พระกลางอกมั่น อาราธนาขอพลังท่านช่วย ยกแก็ปคู่ชีพประทับบ่า เล็งหัวกะโหลกบอกบักสม
    "ฉายไฟไว้ เอ็งอย่ากลัว ผีก็ผีกูจะยิงให้กระจุย กระสุนกูลงอาคมไว้แล้ว"...

    ผมพูดให้กำลังใจบักสมไปงั้น คาถาอาคมปราบผีไม่เคยเรียน มีแค่บทเดียวที่หลวงปู่ฤาษีตาไฟท่านให้มา เมื่อตอนท่านอ่านโองการเสกฤทธิ์ แล้วสั่งทางจิตให้จำไว้ พระคาถาคุ้มครอง ครอบจักรวาล แต่ไม่ใช่คาถาไล่ผี เป็นคาถาป้อง มิใช่ปราบ...

    คาถาบทนั้นคือ..."มงกุฏพระพุทธเจ้า"!!!

    แต่ลีลาการอาราธนาพระจริงจังของผม ทำบักสมใจชื้น มือที่ฉายไฟไปยัง
    หัวกะโหลกนิ่งดีมาก ผมเล็งอย่างใจเย็นระยะไม่น่าเกินสิบกว่าก้าว
    แทบหลับตายิง ไม่ต้องเล็งยังไหว หมูมากๆ แต่ก่อนเหนี่ยวไก สายตาเหยี่ยว
    ก็เห็นบางอย่าง ผมลดปืนลง...

    "โธ่เว้ย..สม เอ็งดู งูมันดันหัวกะโหลกขึ้นมา"

    ฉากนี้หักมุมจนผมหัวร่อมิออก ร้องไห้มิได้ ส่วนบักสมก็ร้องอายๆแก้เขิน
    " ใครจะเคยเห็น หัวกะโหลกเต้นระบำได้เหมือนเรา...ฮ่วย" เออ จริงของมัน!

    ผ่านทั้งบทบู๊-บทฮาให้อะดรีนาลีนค่อยละลายออกจากเส้นเลือดและประสาท ผมบอกสมว่าเราควรลุยกองกะกระดูกนี้ไป แต่ลองดูว่าจัดการกับงูยังไงมันอาจมีหลายตัว ผมหยิบกระดูกท่อนขาค่อนข้างใหญ่ใกล้มือ เป็นขาใครก็ช่างขอขมาเจ้าของท่อนนี้ในใจ
    โยนโครมไปที่กะโหลกงูเต้นระบำ เสียงกระดูกกระทบกันโกร๊กกร๊าก แล้วฝูงงูก็คลานออกมาจากกองกระดูกยั้วเยี้ย เห็นดอกจันทร์ชัดแจ๋วอีตอนบางตัวแผ่แม่เบี้ย ลองเป็นแบบนี้ขืนลุยตายแน่..."ไม่ไหว สม ถอยมาช่องนี้เหอะว่ะ" ผมดึงเจ้าน้องคนละไส้ แต่ร่วมชะตากรรมโหดกันยิ่งกว่าพี่น้องร่วมอุทธรณ์ ถอยมาอีกทาง

    ช่องที่ผมเลือกหนีจากกองทัพงูเห่า เป็นช่องเล็กแคบที่สุดในกระบวนทุกช่อง แต่ผมคิดบ้าๆ ถ้าเป็นผมขนสมบัติมาซ่อน ผมต้องเอาไว้ในที่มุดยาก หาลำบากและปลอดภัยจากการขนสะดวก ประเภทที่่บอกว่าที่ซ่อนดีที่สุด คือที่เปิดเผยที่สุด แบบนั้นต้องใช้กับป่าคอนกรีต มาใช้กับป่าจริงๆไม่ได้

    ผมหารู้ตัวไม่ว่า การมุดตามล่าสมบัติผีในถ้ำกลางไพรเถื่อนตะนาวศรีครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจสูงสุด ให้ผมกลายเป็นสุดยอดนักขุดกรุในกาลต่อมา...ผมเป็นมนุษย์ถูกโฉลก
    อาชีพนี้ เลือกถูกทิศ ไปไม่ค่อยผิดทางเสมอ...ไมเว้นแม้แต่ ทางที่มี3ช่อง ผมยัง
    ดันเสี่ยงทายใจคนโบราณถูก

    ผมนำบักสมเข้าไปพบขุมทรัพย์ กองทัพชนเผ่าใดไม่รู้เมื่ออดีตไม่ต่ำกว่า2-300ปีโดยสังหรณ์อันแม่นยำ เหนือกว่าแรงสาปแช่ง แรงต้านจากพลังลี้ลับแห่งมิติพิศวง ปีศาจเฝ้าขุมทรัพย์ผู้ไม่รู้จัก ไปผุด ไปเกิด น่าเวทนายิ่งนัก!!!
     
  8. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ด้วยส่วนสูงเกินพิกัดชายไทยทั่วไปทำให้ผมต้องย่อตัวเกือบคลานเข้าช่อง บักสมล่ำเตี้ยกว่าแค่ก้มๆเงยๆอย่าให้หัวชนเพดาน ช่องนี้กว้างขนาดเดินหน้ากระดานเรียงสองได้
    แต่เราใช้วิธีแถวเรียงหนึ่ง ผมคลานตามก้นเจ้าหนุ่มอิสาน ทำสมาธิกับการก้าวเข่าตัวเอง นับได้เกือบยี่สิบช่วงเข่า เกินยี่สิบหลาไม่มาก แล้วเราก็หลุดเข้าสู่ห้องโถงไม่ใหญ่นัก
    อีกห้องหนึ่ง

    กลางโถงที่ค่อนข้างแคบ ตรงกลางห้องเป็นแท่นยกพื้นขึ้นสูงเพียง3-4นิ้ว เห็นชัดว่า
    ก่อด้วยการเซาะพื้นหยาบๆ โครงกระดูกร่างหนึ่งนอนเหยียดยาวในสภาพสมบูรณ์
    ไม่มีกระดูกชิ้นใดหลุดหักบกพร่อง เสื้อผ้าอาภรณ์เปื่อยลุ่ยเป็นผุยผงไปตามกาลและอากาศอันแห้งผากในถ้ำ การนอนเหยียดยาวเกือบจะเป็นระนาบเดียวราบไปกับพื้นถ้ำ
    ทำให้เราต้องพิจารณาด้วยท่าคุกเข่า เสมือนหนึ่งกำลังทำความเคารพศพ ถ้าคิดว่าผมต้องหมอบเดินกึ่งๆคลานเข้ามาและบักสมต้องเดินย่อตัวอย่างสุภาพ หลังค้อมเหมือนคำนับ ก็เท่ากับว่าเราเคารพกระดูกศพนี้มาตั้งแต่ช่องทางเข้า

    ใครคิดเรื่องนี้ไว้เมื่อเอาศพนี้มาวาง ผมว่าไอเดียหมอนั่นเจ๋งมากๆ!!

    กระดูกคนโบราณโครงร่างใหญ่ได้สัดส่วน ผมคำนวณความยาวเรือนร่าง
    แล้วกะเล่นๆขำๆว่า น่าจะรูปร่างพอกะผมตอนตัวเป็นๆ ด้านข้างโครงฝั่งขวา
    มือ มีดาบฝักทองสัมฤทธิ์วางแนบลำตัว ต้นแขนด้านซ้ายกำไลแขนสีหมองคล้ำสวม
    อยู่แต่ไม่กระชับแล้วเพราะไร้เนื้อหนังมังสาให้หนีบจับ กลางช่วงลำตัวตรงเอว
    มีเข็มขัดสีดำคล้ำหมดสภาพ มองไม่ออกว่าเป็นเงินหรือทองผสมสัมฤทธิ์ ที่คอ
    ก็มีสร้อยยาวคล้อง หากหลุดลุ่ยเป็นทางเห็นชัดว่าวัสดุที่เอามาประกอบเป็นสร้อย
    คือลูกปัดโบราณที่พบเจอทั่วไป ตลอดย่านชายฝั่งตะนาวศรีที่พบหลุมศพโบราณ
    จากสงคราามไทย-พม่าอันต่อเนื่องมาเป็นร้อยปี

    ศพหรือโครงกระดูกร่างนี้มีความสำคัญพอตัวไม่ต้องสงสัย ผมเปิดไฟฉายตัวเองที่ปิดเพื่อประหยัดถ่านใช้แต่ของบักสมกระบอกเดียว ส่องทั่วห้องที่น่ากว้างสัก5คูณ7เมตรใหญ่กว่าห้องนอนหน่อย...ผมสาดไฟไปทั่ว ไม่มีสิ่งใดแปลกปลอมเหนือกว่าที่ตาเห็น

    สมบัติอยู่ไหนกัน?...เห็นชัดๆห้องนี้เก็บศพคนสำคัญ สมบัติต้องถูกขนมาพร้อมศพนี้ ไม่มีเป็นอื่น

    ผมแหงนมองเพดานถ้ำที่ไม่สูงมาก เลยหัวคนสูงยาวอย่างผมแค่เอื้อมแขนแตะถึง...ว่างเปล่าไร้วี่่แววซอกมุมไปต่อ หรือช่องที่จะขยักให้เห็นว่าซ่อนสมบัติได้ ผมบอกบักสมหยิบดาบข้างตัวขึ้นมาดู ระวังอย่าให้บาดมือเดี๋ยวบาดทะยักถามหา ไม่รู้สนิมกินมากี่ร้อยปีแล้ว ดาบเป็นทองสัมฤทธิ์ดึงออกจากฝักที่เป็นปลอกรัดยากเย็นเพราะสนิมกินสิ้น แต่เก่าก่อนดาบนี้คงงามเหมือนดาบอาญาสิทธิ์ แต่กาลเวลาก็ทำลายจนไร้ค่า ไม่มีท่าเอาเสียเลย เราสองเสี่ยงชีวิตกันแทบตาย ถุนนสายมั่งมี เศรษฐีตะนาวศรีหายวับไปกับตา ผมนั่งพิงผนังถ้ำ หมดอาลัยตายอยาก มองบักสมคุ้ยโน่น เขี่ยนี่ไปตามเรื่อง กำไลแขนอันนั้นก็หาได้เรื่องได้ราวไม่ มีค่าแค่วัตถุโบราณทางประวัติศาสตร์ ไร้ค่า ไร้ราคาสำหรับเรา!!!

    ช่วงที่บักสมพยายามดึงสร้อยหลุดลุ่ยจากคอโครงกระดูก คงดึงแรงไปหน่อยทำให้หัว
    กะโหลกหลุดจากกระดูกลำคอ หัวกะโหลกขาวกลิ้งลงจากแท่นเตี้ยๆมายิงฟันขาวแหง
    แก๋หน้าผม ...ผมชะโงกตัวก้มจะหยิบขึ้นวางบนแท่นไม่ให้อุจาดตา อย่างน้อยเราต้องเคารพผู้ตาย ไม่ว่าจะเป็นใคร หากผมตายไปก็คงไม่อยากให้มีใครมาเที่ยวงัดจนหัวกะโหลกผมกลิ้งไปตามพื้นเหมือนกัน...การชะโงกเพื่อเก็บกะโหลกแบบคิดดี ทำดี ส่งผลดี ผมเห็นบางอย่างตรงแท่นเมื่อก้มหน้าลงไปใกล้ๆ

    เป็นรอยต่อระหว่างแท่นกับพื้น...

    ผมกระโดดผลุงจากท่าสิ้นหวังหมดอาลัย ร้องบอกบักสมน้องรักเพื่อนยาก...
    "แท่นวางศพ ปิดทางเข้าโว๊ย สม"...เรารีบเขี่ยฝุ่นดินรอบแท่นออกจนสะอาด
    รอยต่อเป็นทางยาววิ่งรอบเป็นเส้นตรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า แนวมันล้อมแท่นศพ
    ตรงแหน๋วเห็นทุกมุมสี่ด้านเต็มตา

    อา...ในที่สุด ผมก็พบเส้นทางไปสู่ขุมทรัพย์ของจริง ที่่เจ้าของตัวจริงนอนทับอยู่
    หลายร้อยปี!!!

    เราต้องหาวิธีขยับเขยื้อนแท่นออกให้ได้ก่อน ผมลองเอาปลายมีดแซะร่องดู มันไม่มี
    ทีท่าเคลื่อนไหวเลย ไม่มีทางเอาอะไรงัดหรือขุดเจาะ ผมกับบักสมเอาตีนยันขอบแท่น ที่สูงจากพื้นสามสี่นิ้ว ยกมือขอขมาศพก่อน ปล่อยร่างไว้บนนั้นไม่ต้องไปยุ่ง เพราะน้ำหนักกระดูกไม่หนักหนากระไรขายาวเหมือนนกกระยางของผมยันได้น้ำหนักดีกว่าบักสม เพราะสามารถเอนหลังพิงผนังถ้ำแล้วเอาตีนยันได้ ไม่เหมือนบักสมที่ยักแย่ยักยัน พอตีนยัน หลังไม่มีที่พิงก็ไร้แรง เอาหลังพิงก็เหยียดตีนไม่ถึงแท่น

    ผมออกแรงถีบดันขอบแท่นจนหน้าเขียว เสียง ครืด ครืด เป็นสัญญาณการขยับ ความหนืดเหนียวก็ต้านความมุ่งมั่นถึงที่สุดเราไม่ได้ บักสมเข้ามายืนเอาตัวให้ผมพิงตอนที่
    แท่นเริ่มเขยื้อน...แท่นศพที่ไม่เคยขยับออกจากจุดเดิมไม่รู้กี่ร้อยปีก็ถูกผลักไปทางขวาพอเห็นช่องดำมืดข้างล่าง กว้างพอมุดลงได้ ผมเห็นบันไดหินสะกัดเตี้ยๆหยาบๆเป็นทางพอเดินลงสะดวก มองหน้าบักสม ถามมันง่ายๆ

    "ลุยมั้ยว่ะ...ไอ้น้อง"?...บักสมยิ้มเหี้ยมๆ เออ เพิ่งเคยเห็นมันทำหน้าโทนนี้หนแรก

    "แล้วแต่พี่"...มันว่า ทำนองเหมือนถามทำไมนะแหละ มากันถึงปานนี้แล้ว ต้องให้
    รู้เห็นเต็มตาว่าข้างล่างมีขุมทรัพย์หรือไม่ จะได้กลายเป็นมหาเศรษฐีวัยรุ่น ให้โลก
    งุนงงเล่นว่า หน้าตาเสร่ออย่างพวกเอ็ง ไปรับมรดกเจ้าคุณปู่ ท่านใดมา?

    พักเหนื่อยนิดเดียวให้กล้ามเนื้อขากับแผ่นหลังคลายเมื่อย เตรียมอาวุธพร้อม ผมเดินลงนำหน้าบอกบักสมระวังปากกระบอกปืน อย่าเอามาทิ่มหลัง แล้วเราก็มุดลงใต้แท่นศพลึกลับดำมืด เป็นปริศนา ความมืดขนาดมองไม่เห็นมือตัวเองที่ยื่นออกไป ไฟฉายสอง
    กระบอกเปิดใช้ไม่ต้องกลัวถ่านหมดพร้อมกัน ผมนับขั้นบันไดทุกก้าวที่เหยียบลง ส่องดูพื้นระวังงู

    มันมีเก้าขั้น เลขมงคล แต่จะก้าวหน้าหรือก้าวหลัง หมู่รึจ่า เดี๋ยวก็รู้?
     
  9. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    พักตา พักมือครับ พบกันอีกทีช่วงก่อนค่ำ หลังอาหาร
    ไปออกกำลังก่อนครับ นิ้วจะได้แข็งแรง จิ้มไม่ยอมแพ้...
    ขอบคุณการติดตามอย่างต่อเนื่องและทุกโพสท์กำลังใจ
     
  10. บานชื่น

    บานชื่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,538
    ค่าพลัง:
    +18,457
    ขอบคุณมากๆครับ
     
  11. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ขอบคุณมากๆกลับไปนะท่าน
     
  12. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    (ต่อ)...ขุมทองตะนาวศรี-ปีศาจปู่โสม!!!
    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    ผมเหยียบพื้นถ้ำ หันไปบอกบักสม ระวังอย่ารีบลงมาชนกัน ทันใด ท้ายทอยผมก็สัมผัสของแข็ง...พล็อค!...ร่างสูงโย่งผมถลาดังนกปีกหักสู่พื้นถ้ำเย็นเยียบ ความมืดตรงนี้ว่ามืดแล้ว แต่ผมจมจ่อมลงสู่ความมืดมน อนธการยิ่งกว่า มีเสียงคร่ำครวญหวนไห้น่าเวทนาพิลาปร่ำข้างหู ขณะที่โสตประสาทมีเสียงดัง วิ้ง วิ้ง ได้ยินครั้งสุดท้าย ก่อนจะไร้สรรพสำเนียงใดๆกระทบโสต เพราะสติสัมปชัญญะปลิดปลิวจากร่าง!

    เป็นนานเท่าใดไม่อาจหยั่งรู้ ในความดำมืดเหมือนวิญญาณผมออกจากร่างหลุดลอยสู่ความว่างเปล่า...มืดจนไม่เห็นสิ่งใดรอบตัว ผมคว้าคอที่แขวนปู่ฤาษี ไม่สัมผัสวัตถุใดนอกจากความว่าง...ผมไม่รู้สึกกลัวหรือใจหาย ด้วยภาวะไร้ร่างเป็นหนึ่งเดียวกับโลกวิญญาณ ก็ผมเป็นผีแล้วนี่ จะต้องกลัวผีหรือพึ่งพระทำไม?

    ขยับเบาๆร่างผมก็ลอยขึ้นเหนือปากถ้ำ วิญญาณพบตัวเองอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แสงสว่างส่องลงเห็นผู้คนเหล่านั้นสาละวนวุ่นวาย กำลังขนของเข้าถ้ำ มีทั้งอาหาร ห่อผ้าใหญ่ ลังเหล็ก ลังไม้ใหญ่-เล็กที่ข้างในลังกับหีบทั้งหมด ผมเห็นทะลุโดยไม่ต้องเปิดหีบว่า มีอาภรณ์ อาวุธ เครื่องทรงของสูงระดับเจ้าชาย ทั้งดาบ มงกุฏ เครื่องเงิน เครื่องทอง ของใช้ชาวชั้นสูง เห็นสมบัติล้ำค่ายุคสมัยนั้น เบี้ยหอย ลูกปัดที่ใช้แลกเปลี่ยนแทนเงินตรา เงินแท่ง ทองแท่งโบราณอีกหลายลังไม้และหีบเหล็ก ไม่นับเสื้อเกราะชั้นยอดที่บางตัวถักทอด้วยทองคำหรือเงินละเอียดเป็นเครื่องสูงยอดฝีมือช่างชาววัง

    ชนเผ่าทั้งหมดอยู่ในเครื่องแต่งกายนักรบโบราณ ไม่ใช่ทหารไทย หาใช่พม่า มิใช่ทัพมอญ วิญญาณย่อมรู้แจ้งแทงตลอดโดยตัวตน เห็นว่าเป็น กองทัพไตใหญ่หรือไทใหญ่!!!

    ทัพนี้กำลังสะบักสะบอม ระส่ำแตกพ่าย หนีการเข่นฆ่าล้อมปราบของทัพพม่า เจ้าชายไตใหญ่พระองค์หนึ่ง ตัดสินใจนำทัพ 3,000คนเศษๆข้ามขุนเขาตะนาวศรีหวังพึ่งบารมีพระบรมโพธิสมภารสยาม แต่การข้ามเทือกหฤโหด ดิบเถื่อน ส่งผลให้กองทัพนับพันคนถูกไข้ป่าทำลายไปเกือบหนึ่งในสาม ที่เหลือหอบหิ้วกันมาปลงทัพตรงนี้ และพบถ้ำลับที่จะขนสมบัติบางส่วนเก็บ ก่อนเดินทัพต่อไปเข้าเขตแดนสยาม มเหสี พระสนม กำนัล นางใน ว่านวงศ์เครือเจ้าชายล้วนอยู่ในทัพนี้ด้วย

    ผมมา ผมรู้ ผมเห็น แต่ผมไม่เห็นเจ้าชาย จอมทัพไตใหญ่ ท่านคงพักตรงไหนสักแห่งที่กองบัญชาการชั่วคราวนอกถ้ำกับเจ้าหญิง นางใน ปล่อยเหล่าทัพทำงานง่วนกันไป

    ร่างโปร่งแสงผมล่องลอยต่อ ไปพบริมธารต้นน้ำตะนาวศรี ป่าต้นน้ำอันอุดมบัดนี้ถูกรุกล้ำโดยกองทัพที่สะบักสะบอมนับพันที่เหลืออยู่ ที่พักทหารชั่วคราวถูกปลูกเป็นเพิงง่ายๆ ช้างศึก ม้าศึก ม้าต่าง และสัตว์เสบียง ผูกเรียงรายเป็นทิวไปตามความยาวริมธาร ทุกตัวล้วนสดชื่นเพราะการพักในที่ทางน้ำท่าบริบูรณ์ มีแต่คนที่อิดโรยกว่า

    ตรงตระพักใหญ่ยังเป็นหินก้อนเดิม หากภาพบนหินมิใช่ภาพเดิมที่พวกเราสี่สหายพำนัก มันเปลี่ยนเป็นภาพกระโจมที่พักอัครฐานเอาการ ผมลอยร่างไม่เกินยอดหญ้า มองเข้าในกระโจม มีสาวไตใหญ่ ทุกนางล้วนร่างเล็ก ผิวเนื้อขาวเหลืองผ่องพรรณเนียนตาดังงาช้าง ตะละนางหน้าหวานสวยใส นุ่งซิ่นลวดลายมัดหมี่ สวมเสื้อป้ายข้างชาวไตแต่รัดให้ทะมัดทะแมงแข็งแรงกว่าอยู่เวียงวัง ทรงผมรวบมวย กดส่วนบนแบนลงคล้ายกล่องข้าว และกลางวงล้อมของเหล่านาง มีชายร่างเล็กปะปนอยู่ด้วย ใบหน้าส่อความกังวลทั้งหญิง-ชาย

    กลางวงนั้น เจ้าฟ้าไตใหญ่ จอมทัพแห่งรัฐฉาน รึ รัฐชาน นอนผ่อนกายาอยู่ตรงนี้เอง!!!
     
  13. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    เจ้าฟ้าน่าจะอายุเลยวัยหนุ่มพอควร แต่ยังมีเค้าหน้าผ่องสมวัย รังสีชนชั้นสูงเปล่ง ทั้งที่อยู่กลางขุนเขาพงไพรเถื่อนไร้ความสบายทุกอย่างจากเวียงวัง หากใบหน้านั้นซูบซีดอิดโรย ชัดเจนว่าป่วย หมอหลวงกองทัพกำลังจัดยา นางหนึ่งรับถ้วยยาจากหมอ แล้วกราบก่อนประคองศีรษะเจ้าฟ้าส่งถ้วยยาให้ดื่ม อีกนางนำผ้าซับเหงื่อหรือพระเสโทที่หลั่งไหลดังน้ำตามใบหน้า

    ผมมองเหตุการณ์และความเป็นไปตรงหน้าเงียบๆ ไม่มีผู้ใดสัมผัสรับรู้การมีอยู่ของผม ภาพตรงหน้าราวกับภาพยนตร์เงียบ ชาลี แชปลิน คำพูดกระซิบซาบบางเบาเป็นภาษาที่ไม่รู้จัก แต่ผมประจักษ์แจ้งว่า พูดจาเรื่องราวอันใดกัน

    หนังเงียบฉายภาพย้อนไปอีก ผมเห็นภาพทหารพม่าบุกตะลุยสู่แคว้นฉาน กองทัพโหดฆ่าฟันตามใจชอบ ฉุดคร่าผู้หญิงข่มขืนอนาจาร ฆ่าผู่ชายทุกคนที่เดินได้ วิ่งได้ เผาบ้านเรือนวอดวายเป็นรายทางทุกหมู่บ้าน กลุ่มควันจากกองเพลิงพวยพุ่งจับฟ้าสีแดงฉาน เลือดชาวรัฐฉานหลั่งรินท่วมท้องช้าง...ทหารพม่าริบทุกอย่างที่ทำเป็นอาวุธหมดสิ้น ชาวไตใหญ่ส่วนใหญ่หนีซ่าน แตกพ่ายเข้าป่าเขา ลุยไปตามดงเทือกภูสูง ปีนขึ้นเป็นชาวป่าดงดอยลึกเข้าสู่่ป่าโหดร้าย ชีวิตลำบากต่ำช้ากว่าสัตว์เดรัจฉานบางเผ่าพันธุ์ อดอยากเยี่ยงสัตว์ป่วยหมดทางหาอาหารกินเอง ข้าวหยิบมือเดียวมีค่ากว่าทองคำทั้งก้อน...!

    พวกเขาจึงรวบรวมคนกลุ่มก้อนสุดท้าย กำลังรบที่รบเป็นที่พอเหลืออยู่เดินทัพพึ่งบารมีสยาม นำสมบัติที่พอหอบมาได้ทั้งหมดข้ามเทือกเขา เข้ามาขอพึ่งเพื่อนบ้านชาวไตอีกเผ่า ที่เป็นน้ำมาจากต้นธารด้วยเลือดบรรพบุรุษนับหมื่นปีเผ่าเดียวกัน แต่แยกสายลำธารออกไปเป็น ไทน้อย ไทใหญ่ ไทอาหม ไทลื้อ ไทขาว ไทแดง ไทยวน ไทเพี้ย ไทคำตี่ แลอีกหลายเผ่าไท

    ไทน้อย...คือชนชาวสยามที่แตกกอมาอีกหนึ่งสายธาร
    รัฐเจ้าฟ้า...เป็นระบอบที่กลุ่มคนรัฐฉานใช้ในการปกครองมายาวนาน ตั้งแต่ "เจ้าเสือข่านฟ้า"สุดยอดวีรบุรุษนักรบนำทัพเคลื่อนมาจากทุ่งหญ้ามองโกล นำชาวไตใหญ่ตีฝ่าการปิดล้อมสุดเหี้ยมโหดของทัพจักรพรรดิจีนทางตอนใต้อันเป็นแคว้นแดนยูนนานวันนี้...พวกทัพไตยังเคยมีแม่ทัพคนสำคัญซึ่งเคยพิชิตทัพพม่าราบคาบในเมืองเมืองเกา เมืองต้อ และ แสนหวี นักรบนั้นคือ "ขุนส้าต้นฮุง"...กองทัพชนเผ่าไตใหญ่ยังผูกพันแน่นเหนียวกับทัพชาวสยาม พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งที่หลั่งเลือดมากมายในสงครามกู้อิสรภาพไทย-พม่า ยุคจอมทัพไร้เทียมทาน สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา!!!

    เจ้าฟ้าพระองค์ที่นอนเบื้องหน้าผมนี้มีนามใด ไม่มีใครเอ่ยขานนามพระองค์ออกมา แต่ต้องมีความเชื่อมโยงกับสยามมาเก่าก่อนแน่แท้...ผมมองสภาพเจ้าฟ้าแล้ว รู้ทันทีโดยมิต้องมีญาณหยั่งรู้ว่า

    ท่านกำลังจะสิ้นพระชนม์ชีพในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า!!!

    นี่เป็นที่มาของเสียงพิลาปคร่ำครวญหวนไห้ริมโสตประสาทผมก่อนดับวูบหรือไร?เพราะเสียงนั้นเห็นชัดปรากฏการณ์ตรงหน้านี้เอง เจ้าฟ้ากระตุกเฮือก2-3ครั้ง แล้วผ่อนลมหายใจออกช้าๆจนสุดลม เหงื่อกาฬทะลักพรั่งพรูเต็มหน้าทุกรูขุมขน หมอกองทัพจับชีพจรเจ้าฟ้าแมะแบบหมอทั่วไป แล้วส่ายหน้าน้ำตาหยดแหมะ พร้อมกับเหล่านวลนางเวียงวังรอบตัว

    เสียง โฮ โฮ ระงมไปทั้งตระพักหิน
     
  14. wanwi

    wanwi ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    41,846
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,060,041
    ครับ...ลุยกันได้น้ำ-เนื้อ-หนังพอควร
    ก็ต้องพักกล่าวราตรีสวัสดิ์
    พบกันพรุ่งนี้ ยังมีความมันส์
    รอท่าท่านอยู่เช่นเดิม...
    ขอบพระคุณการติดตามไม่หนีหาย
    โพสท์กันได้ ทักทายกันตามสบายครับ
     
  15. split

    split เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +582
    รอติดตามตอนต่อไปครับ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับท่าน
     
  16. บานชื่น

    บานชื่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,538
    ค่าพลัง:
    +18,457
    โอ้เรื่องราวซับซ้อน ซ่อนภพ
    เพิ่มเติมอารมณ์และรู้ว่า ความมันส์
    กำลังจะมา !!!
    ขอบคุณมากๆครับคุณอา
     
  17. ครุฑา

    ครุฑา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    604
    ค่าพลัง:
    +3,089
    มันจริงๆ อารมณ์ที่พี่ท่านเล่ามา ไม่ต่างจากอาการรับรู้ที่จิตได้หยั่งรู้จากการเปิดให้เห็นของครูบาอาจารย์แต่อดีตกาล
     
  18. soidao2559

    soidao2559 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2016
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +3,753
    ขอบพระคุณมากครับ สนุกตื่นเต้น ได้สารนิยาย มากมายเลยครับ :cool::cool:
     
  19. หมื่นยิ่ง

    หมื่นยิ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    323
    ค่าพลัง:
    +5,818
    ตื่นมารับอรุณในเช้าวันใหม่ด้วยความสดชื่น มือซ้ายประจงถือแก้วที่กรุ่นอวลจากกาแฟดำของโปรด ส่วนมือขวากุมเม้าท์โน๊ตบุคไว้มั่น พลางเลื่อนแถบหาตอนที่ยังค้างคา แห่ง "..ขุมทองตะนาวศรี.."
    ...อา ชีวิตชราชนยามเกษียณ ช่างมีสุขเสียนี่กระไร ลิ้นรับรู้รสกาแฟเลิศ ตาไซร้ รับรู้อารมณ์อักขราศิลป์ ความกลมกล่อมเยี่ยงนี้ ประเสริฐยิ่ง
    ต้องขอบคุณ "ผบ." ของท่านพี่wanwi ที่เป็นแรงผลักดัน (โดยมิทันตั้งใจ)ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ ทำให้ "บันทึก X" ปรากฎขึ้น กระทั่งเป็นที่มาแห่ง สาระเสพติด ประจำวันของพวกเราทั้งหลายไปเสียแล้ว
    ...สวัสดียามเช้าครับท่านพี่
     
  20. ประสงค์ 1994

    ประสงค์ 1994 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +453
    ติดตามและเข้ามาให้กำลังใจท่านเจ้าของกระทู้ครับ รออ่านประสบการณ์ทีั่ล้ำค่า ถ่ายทอดมาสู่อนุชนรุ่นหลังเปิดเผยความลับให้รู้ว่าเมืองไทยเรามีอะไรดีๆที่เก็บซ่อนไว้อีกเยอะ ที่เรายังไม่รู้ ทั้งตื่นเต้น และได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มขึ้น ขอบคุณมากครับ ที่เสียสละเวลามาพิมพ์เรียบเรียงบันทึกให้พวกเราได้ซึมซับกลิ่นอายของป่้าอาถรรพ์ต่างๆในพงไพร ขอคารวะ ด้วยหัวใจครับผม
     

แชร์หน้านี้

Loading...