ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    จะยกวาจาที่คนดีพูดไว้มาให้ดู
    แล้วจะบอกว่า พูดแบบนั้นไม่ดีอย่างไร
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ไหนนะ ว่าไงซิ
     
  3. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขี้เกียจ คุยละ มันแถไปเรื่อยๆ...ให้กรรม เป็นผู้ตัดสิน จบ.
     
  4. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คุยตรงไหน ด่ากันไปกันมาบอกคุย
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อย่าไปสนคำพูด สนใจว่าธรรมะนั้นทำให้เราเป็นคนดีขึ้นได้ไหม?


    ธรรมะประโลมโลกนี่ อาจเป็นธรรมะสวยหรู ดูดี ฟังแล้วดีไปหมด แต่มันไม่ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรใครได้นะ เราไปฟัง ไปอ่านมาแล้ว กลับมาก็เป็นเหมือนเดิม หรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงแค่ภายใน เช่น กินเจ อะไรกัน แต่จิตใจข้างในไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ธรรมะประโลมโลกพวกนี้มีมากมายนัก อย่าไปเสียเวลาเลย ธรรมะในพุทธศาสนานั้น ไม่ใช่ธรรมะประโลมโลก เพราะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเราให้ดีขึ้นได้จริง ยกระดับจิตสำนึกของเราให้สูงขึ้นได้จริง อย่าไปสนใจว่าธรรมะนั้นสวยงาม เลิศหรู ไพเราะแค่ไหน? เพราะความจริงที่เปลี่ยนเราได้ มันอาจเป็น "คำจริง คำตรง" เป็นของแสลงหูเราก็ได้ เพื่อให้เราเลิกความคิด, พฤติกรรมแบบเดิมๆ นั่นเอง เช่น บางคนจิตติดชินกับการยกยอปอปั้นด้วยคำสวยหรูไพเราะมามาก บางครั้ง อาจต้องเจอธรรมะแบบใสๆ ตรงๆ แต่ไม่สนใจในคำเหล่านั้น หรือพูดกูมึงในแบบของหลวงพ่อคูณก็เป็นได้ ทั้งนี้เพื่อให้คลายความลุ่มหลงมัวเมากับการยกยอปอปั้น และการเลียแข้งเลียขาด้วยคำสวยหรู ให้เปลี่ยนจิตใจมายอมรับความจริง อยู่กับความจริง ทว่า คำจริงและความจริงเหล่านี้ มักกระทบ "อีโก้หรืออัตตาของเรา" ทำให้เราไม่ชอบฟัง เราจึงอยากฟังแต่ธรรมะจอมปลอม ที่กล่อมประสาทเราให้เพลิน ให้ลุ่มหลงไปวันๆ เหมือนเสพติดยาฝิ่นฉะนั้น

    คนหลายคนหลอกลวงคนอื่นได้ด้วยอาศัย "คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน" นี่แหละ ยิ่งธรรมะที่ฟังแล้วดูดี เพลิดเพลินเจริญใจ ยิ่งโกยเงินจากกระเป๋าคนฟังได้มาก แต่สุดท้าย ถ้าเรามีสติกลับมาถามใจเราเองว่า "มันทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ไหม?" ถ้าได้ ได้เพราะอะไร? ถ้าเป็นเพราะธรรมะนั้นจริงๆ ก็ใช้ได้ บางครั้ง ไม่ใช่นะ ธรรมะบางอย่างไม่ได้ช่วยอะไร แต่เพราะเราเข้าสังคมใหม่ เห็นคนทำดีอะไรกันมากมาย เลยเกิดอาการเหมือนอยากทำดี ทำบุญกับเขาบ้าง อย่างนั้นก็มี อันนี้ก็ใช้ไม่ได้อีกเหมือนกัน สมัยนี้มีธรรมะกันเยอะ ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ตั้งตัวเป็นศาสดาใหม่กันเต็มไปหมด บ้างก็เอาธรรมะจากตำราจำมาทั้งท่อน ทั้งดุ้นเลยมาบอกเราต่อ จริงๆ เราไปอ่านเองก็ได้นะ ของแบบนี้ แต่มันก็ทำให้คนลุ่มหลงได้นะ คนเรามีกรรม มันจะต้องตาบอด มันจะต้องลุ่มหลง มันก็ลุ่มหลงกันไป คนไม่ได้มีธรรมจริง เอาธรรมะของพุทธศาสนา มาหากินเยอะแยะไป ธรรมในตนเองไม่มีหรอก คนมากมายก็ไปลุ่มหลง ยึดติดตรงนั้น ก็ปล่อยเขาไปนะ ใครอยากได้ใคร รักใครชอบใคร ก็ตามแต่ใจเขา เราก็ต้องมีสติดีๆ นึกถึงว่าคนเราไม่สามารถช่วยใครได้ทั้งจักรวาลหรอก สุดท้าย เราก็มีกำลังจำกัด ต้องประมาณตน เหมือนมีเรือลำหนึ่ง พาคนไปได้ เราจะเลือกใคร? เราจะรับใครไปบ้าง? พระศาสดายังเลือกบัวเหล่าบนไปโปรดก่อนเลย พวกที่จมใต้ตมก็ต้องปล่อยไป

    ธรรมะเนี่ย มันเป็นยาเสพติดได้ เสพแล้วหลงไม่มีสติในธรรมกันก็มี!
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ทำไมรัฐควรจะมี "พรรคการเมืองของรัฐ" (National party)


    คำว่า พรรคการเมืองของรัฐ หมายถึง รัฐเป็นผู้ดูแล สนับสนุนพรรคการเมืองนั้นๆ ไม่ใช่พรรคของเอกชนที่จัดตั้งกันเอง เพราะอะไร? ก็เพราะเรื่องของชาติบ้านเมือง รัฐจะไม่รับผิดชอบได้อย่างไร? ดังนี้ รัฐจึงควรมีพรรคการเมืองของรัฐเอง ซึ่งผมมองว่าควรมีสองพรรคให้เลือก แตกต่างกันได้ เหมือน Democrat กับ Republican แล้วให้รัฐบาล ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย, งบประมาณ ตามความเหมาะสม เพราะถ้าปล่อยให้พรรคการเมืองถูกซื้อได้ด้วยเงิน เหมือนพรรคการเมืองของเอกชนแล้ว ชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร? ถามว่าถูกซื้อได้ มันหมายความว่าอย่างไร? เป็นไปได้หรือ?

    สมมุติ ผมเป็นเจ้าของธุรกิจเหมืองทอง ผมต้องการสัมปทานถูกๆ จากรัฐบาล ผมจะทำอย่างไร? ผมก็เอาเงินไปหนุนพรรคการเมืองที่ผมคิดว่ามีแนวโน้มจะชนะการเลือกตั้ง เพื่อขอให้เขาเปิดทางให้ผม ได้สัมปทานภูเขาทั้งลูกก็ยังได้ เป็นข้อแลกเปลี่ยนกัน แบบนี้ ใครคิดจะถลุงเอาอะไรจากประเทศ ก็ได้ ไม่ยากเลย แค่ใช้ "เงิน" เท่านั้น ก็ได้แล้ว พรรคการเมืองต้องใช้เงิน จริงไหมครับ? ไหนจะหาเสียง ไหนจะต้องใช้จ่ายในพรรคอีกมากมาย เลี้ยงคนตั้งเท่าไร? เขาก็จะต้องยอมผมละ นโยบายที่รัฐบาลออกมา ก็ไม่ได้ทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงแล้ว เพราะผมใช้เงินซื้อเอา ผมรวยซะอย่าง จะซื้อทั้งประเทศก็ยังได้ ที่แย่กว่านี้ ถ้าผมไม่ใช่คนไทยละ สมมุติผมเป็นคนจีน ผมให้นอมินี (ตัวแทน) ของผมที่เป็นคนไทย จัดการแทน ใครจะไปรู้ นโยบายออกมา ก็ถูกผมควบคุมไว้ ประเทศไทยทั้งหมดก็อยู่ในกำมือผมที่เป็นคนจีนได้ง่ายๆ แล้ว เห็นไหมครับ เล่นไม่ยาก

    ดังนั้น การที่คุณจะแก้ไขและปิดจุดอ่อนตรงนี้ให้ได้ คุณจะต้องทำ "พรรคการเมืองของรัฐ" ขึ้นมา รัฐบาลจะต้องมีงบประมาณให้พรรคนี้ โดยไม่ต้องไปพึ่งพาเงินจากเอกชน อย่าเปิดช่อง อย่าเปิดโอกาสให้เอกชน เอาเงินมาซื้อพรรคการเมืองได้ อย่าเปิดช่องให้เกิดการคอรัปชั่นทางนโยบาย การซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่ว่าอะไรก็ได้ทั้งประเทศ อย่างนั้น มันจะไม่เหลืออะไรเลย เหตุนี้ จึงจำเป็นต้องมี "พรรคการเมืองของรัฐ" เกิดขึ้น ส่วนพรรคการเมืองของเอกชนนั้นมีได้ แต่เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว สส. ทุกคนจะต้องเข้ามาสมัครเข้าอยู่ในพรรคการเมืองของรัฐ พรรคใดพรรคหนึ่ง เลือกกันเองใน 2 พรรคนี้ โดยควบคุมให้จำนวน สส. ของทั้งสองพรรค "มีจำนวนเท่ากัน" ในการโหวต จะใช้หลัก "พวกมากลากไปหรือเสียงข้างมากครอบงำสภา" ไม่ได้อีก ใครจะไปรู้ คนเลวมีมาก อาจครอบงำสภาก็ได้ จึงจะต้องให้เท่ากัน แล้วตัดสินกันที่เหตุผล ดูที่เนื้อผ้าจริงๆ ไม่ใช่ดูที่ใครเป็นพวกใคร นี่คือ โหวตอย่างอิสระจริงๆ ไม่ใช่โหวตเสียงในสภาในฐานะ "หุ่นเชิดของพรรค" มันไม่ได้ทำหน้าที่มนุษย์หรือตัวแทนของประชาชนเลย (สส. คือ ปากเสียงของประชาชน ไม่ใช่หุ่นเชิดของพรรคการเมืองใด) เช่นนี้ สส. จึงทำหน้าที่อย่างอิสระ เป็นปากเสียงของ ปชช. ไม่ต้องเป็นหุ่นเชิดของพรรคการเมืองใดได้อย่างแท้จริง

    นี่คือ เหตุผลที่สำคัญที่ชายเสนอให้มี "พรรคการเมืองของรัฐ" ครับ
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คนร่าง รธน.ระดับปรมาจารย์ทางกฏหมายทั้งนั้น ไม่มีใครคิดออก รธน.ฉบับใหม่จึงไม่ได้กล่าวถึงแนวทางพรรคการเมืองของรัฐสักนิด
    คงต้องรอยุคพระศรีอารย์ฮะ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    กำหนดให้ ทุกพรรคการเมือง ห้ามมีเสียงมีสมาชิกพรรคเกินครึ่ง ของ สส ทั้งหมด...ในรัฐสภา
    เมื่อออกเสียงอะไร จึงจะไม่เป็นการ กินรวบเพราะ มีสมาชิกมากกว่า...แต่ ต้องเป็นการยอมรับ จากพรรคอื่น ว่าดีจริง จึงสนันสนุน และเข้มงวดเรื่อง การซื้อเสียง...ห้ามนักธุรกิจ พ่อค้า มาเป็น สส สว แต่ให้เอา นักวิชาการ คนธรรมดา เท่านั้น จึง จะไม่มีเงิน มีอำนาจ ในการ ซื้อเสียงซื้อพรรคพวก เวลารับสมัคร สส สว ต้อง แสกนคุณสมบัติ ความดี ความซื่อสัตย์ เป็นคนดี จึงผ่าน

    และ ผู้ที่ลง สมัคร สส สว ต้องลงต่อเนื่องได้เป็น 2 ปี พัก 2 ปี..จึงเป็นการเปืดโอกาส ให้ คนใหม่ เขาตรวจสอบได้

    ข้าราชการ ก็ควร มีการเปลี่ยน ที่ทำงาน ทุกๆ 5 ปี เพื่อมีการตรวจสอบ จากคนใหม่ได้..มันจึงจะ ลดการโกงกินได้

    อิอิ ท่านดอกไม้น้ำแข็ง ระวัง จะโดนเอาไปตั้งกระทู้ นินทาลับหลัง ได้นะครับ
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สถาบัน ทั้งสาม สถาบัน ต้อง มีส่วนร่วม ในทุก โครงการ ของรัฐบาล...เพื่อดูแล คานอำนาจกัน
    และทุกหน่วยงานของรัฐ ควรมี สามสถาบัน เข้าร่วม ดูแล...การโกงกิน จึงจะหมดไปได้จริงๆ

    นับแต่นี้ไป ต้องมีการคัดเลือก คุณสมบัติ ของผู้ที่จะมาเป็นข้าราชการ และระเบียบที่เข้มงวด เพื่อที่จะได้ คนดีดี มาบริหาร ชุมชน สังคม ประเทศชาติ....สถาบันศาสนา ก็ต้องคัดกรอง ดูแลคนดีดี เข้าเป็นพระ เพราะเหล่านี้ควรเป็นตัวอย่าง ของคนอื่นๆในสังคม

    ถ้า ครู ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร มัวแต่ เล่นหวย เล่นการพนัน กินเหล้า มันย่อม..ไม่มีวัน พัฒนาประเทศชาติได้หรอก
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    บางสิ่งบางอย่าง ต้องไม่ให้เอกชน เข้าสัมปทาน ผูกขาด...ทุกสัมปทานต้องมีหน่วยงาน ของสามสถาบัน ร่วมดูแล เพื่อ ความถูกต้อง เป็นธรรม แก่พี่น้องประชาชน และบ้านเมือง

    งานไหนที่ เป็นงานเพื่อประชาชน ดูแลประชาชน อย่าให้รัฐบริหารดูแล ฝ่ายเดียว ต้องให้ครบสามสถาบัน ร่วมดูแล....ไม่งั้น รัฐมัน พวกใครพวกมัน มันดูแลแต่พวกของตัวเอง ตอนมันได้มีอำนาจ
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เพราะเท่าที่เคยได้ยิน ได้ฟังมา โครงการที่ทำเพื่อประชาชน ส่วนมาก ข้าราชการ เอกชน สส สว จะไม่อยากทำเพราะ ไม่ได้กำไร ส่วนมากทำแค่ เอาหน้าปะจมูก...แค่นั้น...ส่วนมากอ้างว่า ทำฟรีๆ ขาดทุน...เนี่ย ข้าราชการไทย คนไทย....ยังต้องพัฒนาแบบ เข้มงวด..เอาจริง เอาจัง ไม่งั้น แก้ไข สันดานโกงกิน ขี้ฉ้อราชบังหลวง ไม่ได้

    ต้อง เฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติ ตั้งแต่ ผู้ใหญ่บ้าน...เป็นต้นไป ตำรวจ เอาแต่คนดีดีจริงๆ ไม่ไช่เอา คนที่หากินกับ กฏหมายบ้านเมือง ไม่งั้น ก็เป็นการเก็บส่วย เลี้ยงโจรผู้ร้าย เต็มบ้าน เต็มเมือง

    ปัญหาเหล่านี้ ถ้าไม่แก้...อย่าหวังจะพัฒนาอะไรเลย...มันก็ มือใครยาว สาวได้สาวเอา อยู่แบบนี้แหล่ะ..ทีใครทีมัน พวกใครพวกมัน....เจริญ ร่ำรวย แต่พวกมัน..เหล่าเดียว
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มันต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ เตรียม เด็กตั้งแต่วันนี้...เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติ ต้องดูแลเอาใจไส่ ตั้งแต่วันนี้ เพราะเขาเป็นอนาคตของชาติ..ทุกวันนี้ เด็กที่เกิดรุ่นใหม่ มันพึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้ เพราะ นิสัยมัน ไม่รับผิดชอบอะไร..ดูสังคมทั่วไป ก็พอ...มันไร้คุณธรรม ความสุข ชัดๆ..ระบบการศึกษา ก็ขาดความสนุก ความน่าสนใจ..อะไรๆ ก็แข่งขัน เอาแต่คนเก่งๆ โกงเก่งๆ แต่คนดีดี ไม่เน้นกัน....สังคมไม่มีระแบบวินัย มีแต่คนโกง คนพาล ใช้อำนาจเงิน เข้าควบคุม เป็นหัวหน้า
    พากันทำชั่ว ผิดศีลธรรม โดยไม่มีความ้กรงกลัวละอาบต่อบาปกรรม

    อย่าพึ่ง อ้างว่า จะพัฒนา ประเทศเลยครับ....เอาพัฒนาความรู้ จิตใจคน ทัศคติที่ดี มีศีลธรรม

    มาเน้น คนดี ดีกว่าครับ งดการสนัยสนุนส่งเสริม คนชั่ว คนไม่ดี อย่าให้ มัน มีที่แพร่เชื้อชั่ว ในสังคม จะดีกว่าครับ
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้า ไม่ร่งมมือกัน ทั้ง สามสถาบัน เอาจริงเอาจัง จัดการกับ คนไม่ดี ปรับเปลี่ยน นิสัยคนชั่วไม่ได้

    ก็อย่า พัฒนา อะไรเลยครับ...มันไม่ดีขึ้นมาหรอกครับ ถ้าจะปล่อยประให้ ความคิด ความเชื่อ แบบ ฝรั่งมักง่าย มันมา เป็นแบบอย่าง...ไร้สาระสิ้นดี

    ถ้าบ้านเมือง ฝรั่งมันดีจริง..มันก็ไม่มาเที่ยว บ้านเราหรอกครับ...ก็มีแต่คนไทยที่เห็นแก่ประโยชน์ กำไร เท่านั้นแหล่ะครับ ที่..เห็นว่า ฝรั่งดี...พวกจบเมืองนอก แต่เห็นแก่ตัว...เห็นฝรั่งดี ก็ไปอยู่กับฝรั่งสิครับ
     
  14. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722


    ผมเขียนจากใจนะ รู้สึกอย่างไรเขียนอย่างนั้น
    ไม่ได้จบกฏหมายหรือรัดสาดอะไรกับเขาเลย


    แต่เห็นเขาแก้เรื่องหยุมหยิม เรื่องไม่เป็นเรื่อง
    เรื่องสำคัญ เรื่องหลักๆ ไม่เห็นจะแก้อะไร
    สุดท้าย พอเลือกตั้งใหม่ ปัญหาเก่าๆ
    มันก็จะวนกลับมาเหมือนเดิมนี่ละ
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าสมมุติ ผมรวย ผมจะสร้าง กำแพงล้อมประเทศไทย เหมือนกำแพงเมืองจีนเลยครับ
    เบื่อมาก..ที่ อยากพัฒนาประเทศ แต่เอาแรงงานต่างประเทศขนเข้าเต็มบ้าน เต็มเมือง
    พอแรงงานคนไทยจริงๆ ก็ไปทำงานหาเงิน ที่ต่างประเทศ มันตลกมั้ยครับ...เพราะแม้แต่คนไทยเอง ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้รับการดูแล จากรัฐบาล เลย....แล้วยังอ้างว่า ประเทศเรา ดีกว่าประเทศอื่นอยู่....แรงงานไทย ชาวนาไทย เกษตรกรไทย เขารู้ดี ว่า ...ทำงานที่เมืองไทย มีแต่จนลงๆ มีแต่หนี้สิน ที่เพิ่มขึ้นๆ..นั่นเพราะ..รัฐบาลดูแลแต่พ่อค้านายทุน พรรคพวกของตน เอากำไร สูบเลือดกับคนไทยกันเอง...แก้ดิ
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    คุณสามารถ "แต่งตั้ง" คนดีมีความสามารถเข้าไปใน "พรรคของรัฐ" ได้


    ได้ยังไง? ก็ได้ผ่าน "ระบบปาร์ตี้ลิสต์" ไงครับ สมมุติ พรรคของรัฐพรรคไหนก็แล้วแต่
    ได้รับการเลือกจากประชาชนมาก ก็จะได้จำนวนปาร์ตี้ลิสต์มาก พวกนี้ไม่ต้องลงแข่งขัน
    ในสนามเลือกตั้งก็ได้ อยู่ๆ ไปเลือกเอาคนนอกเข้ามานั่งเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ก็ยังได้เลยครับ
    โดยทั้งหมดนี้ "ยังคงมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย" เช่นเดิม ต่างชาติไม่ต้อง
    กังวล แต่เราก็ยังมีระบบนี้ เพื่อให้เลือกคนดีมีความสามารถเข้ามารับใช้ชาติบ้านเมืองได้


    เห็นไหม เรียบๆ ง่ายๆ แบบนี้ แต่คุณต้องคุมพวกนักการเมืองให้อยู่ในระบบนี้แค่นั้นเอง
     
  17. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ถ้าจะเอาแบบที่ท่านดอกไม้น้ำแข็งเสนอมา ควรให้มีพรรคการเมือง จากทั้งสามสถาบันโดยมีเสียงเท่ากัน คือจำนวน สส สว แบบนี้ จะได้ เกรงอกเกรงใจ คนดีดี กันบ้าง..ส่วนนักการเมืองขี้โกง ชั่วๆ จะได้ล้างบางไปเลย....แบบนี้ เขาถึงเรียกประชาธิปไตย...เอาว่า เพิ่ม พรรคการเมือง จากประชาชน เข้ามาอีก ก็ได้....เอาเฉพาะบัณฑิตมีปัญญาจริงๆ...พวกโจร คนพาล ที่ด่ากันในรัฐสภา อย่าเอาเข้ามา ให้ รกเปล่า...เป็นว่า..ทั้งประเทศ มีพรรคการเมือง แค่ 4 พรรค คือ จากสามสถาบัน 3 พรรค พรรคประชาชน อีก 1.พรรค....แบบนี้ ประเทศชาติ จะได้ ไม่เป็นของ กลุ่มใด กลุ่มนึง และจำนวน สส สว ต้องแบ่งเก้าอี้ ให้เท่ากัน เช่น..ทุกเขต ต้องมี สส แค่ 4 คน มาจาก 4 พรรคนี้เท่านั้น ให้ประชาชน เลือกมา ให้ครบจาก 4 พรรค เอา พรรคละคน..นี่จึงเรียก ปรัชาธิปไตย...สส พรรค ต้องแข่งกันในพรรคเอง ไม่ต้องแข่งกับพรรคอื่น เพราะ พรรคอื่น ต้องได้ พรรคละคน เหมือนกัน เท่ากัน 77 จังหวัด มีสส มาเลย จังหวัดละ 4 คน หรือเขตละ 4 คน แบบนี้...จึง จะไม่เอาเปรียบกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2016
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สส ก็พรรคละ 4 คน เท่ากัน
    สว ก็พรรคละ 4 คนเท่ากัน
    แบบนี้รับรอง ดีแน่

    ต่อมาต้องมาแก้ที่ระบบราชการไทย แก้ระบบการศึกษา แก้ไขพัฒนาจิตใจ คนในสังคม ไปพร้อมๆกัน..กวาดล้าง คนชั่ว คนโกงกิน คนไร้ศีลธรรม คนไม่ดี....คนไม่ดีไม่ต้อง สนันสนุน ไม่ต้องเอามาเป็นผู้นำ ต้องเอาคนดีมาเป็นตัวอย่างแก่คนในสังคมให้ได้ ตั้งแต่ หัวหน้าครอบครัว(พ่อแม่ปู่ย่าตายาย) มาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่า ..พระ นักบวช สท อบต ครู ตำรวจ ทหาร ทุกข้าราชการ...ต้องกำจัดคนชั่ว ออกจากหน่วยงาน ออกจากสังคมให้ได้..คนชั่ว นักโทษ เอาเข้าคุก บวชพระ เรียนพระธรรม..บวชทุกคน เรียนเรื่องดีชั่ว บาปบุญคุณโทษ ไม่ไช่ ..เอาไปเลี้ยงให้มันอิ่มหมีพีมัน ในคุก...จับบวช ตลอดชีวิต ในคุกวัด...

    ถ้าใครทำผิด ฉกรรจ์ ถ้ามันจะปล่อยออกมา ให้ ตีตราที่หน้าฝาก ให้ทุกคนรู้เห็น
    แบบว่า ใครกล้าทำชั่ว ต้อง โดนตีตราที่กลางหน้าฝาก..ประจาน..แน่นอน..มันจะได้กลัวๆกันบ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2016
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ไอ้เรื่อง สิทธิ เสรีภาพ เหมือนเมืองนอก ไม่ต้องสนใจ...เพราะเมืองไทย มันเมืองศรีธนญชัย อย่าเลียนแบบเมืองนอกเขา...คนไทยมัน ฉลาดแกมโกง...กฏหมาย ระเบียบทางสังคม ไม่เข้ม เอาไม่อยู่หรอก..มันพากัน ตีความกฏหมายมาสู้กัน ก็มีแต่เมืองไทย นี่แหล่ะ..ผิดแต่อ้างว่า ทนายตัวเอง สู้ทนายคนอื่นไม่ได้..ก็ในเมื่อทำผิด.จะเอาทนายมาช่วยทำไม

    ทำผิด ไม่ต้องช่วยมัน ลงโทษให้มันหลาบจำ....ไม่ส่งเสริมคนผิด ไม่ส่งเสริมความชั่วทั้งปวง
     
  20. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ขอร้องว่า อย่าบ้าบอ ตามเมืองนอกมัน
    คนไทยมัน..ไม่เหมือนคนชาติอื่น คนเอเชีย ตัวเล็ก แต่สมองพลิกแพลง...เป็นแบบนี้
    ดังนั้น คนเอเชียกันเอง จึง ไม่ทำอะไร มีแต่เถียงกัน ...เพราะยอมแพ้ ยอมรับความจริงกันได้ยาก....จึงต้องให้สัมคน เข้มแข็ง...ไม่ไช่ยืดหยุ่น ให้อภัยกันเรื่อยไป....อะไรๆก็ญาติพี่น้อง อะไรก็พรรคพวก เพื่อนฝูง...แบบนี้ อยู่ที่ไหน ระบบการทำงานเสียหมด.
     

แชร์หน้านี้

Loading...