ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

บารมีใจถึงก็คือถึงครับพูดง่ายๆแค่อดทนในทุกสิ่งทุกอย่างยอมรับในทุกสิ่งที่เข้ามาให้ได้เพราะถึงขั้นนี้ไม่เกี่ยวกับกายหรือจิตอันใด ใช้แค่ใจที่เข้มแข็งอดทนรองรับมันให้ได้ และภาชนะเราก็จะใหญ่ขึ้นเพียงพอที่จะรับธรรมของพระองค์ได้ และเมื่อภาชนะใหญ่มากพอก็สามารถรองรับธรรมได้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกอย่างมันก็อยู่ที่ตัวเราเองว่าคุณมีใจหรือเปล่า
พูดมันก็ง่ายจริงๆละครับ
สิ่งที่ยากหรือง่ายใครกำหนด
เกิดพานพบตัวตนไหนใช่แน่หรือ
ไม่สนใจบากบั่นมั่นฝึกปรือ
ผลลัพธ์หรือคืออะไรใครรู้ตัว..........

 

ความเป็น "กลาง" จะมีไม่ได้ถ้าเรายัง "ทำไม่เต็มที่"


หลายคนคิดว่า "ความพอดี" คือ ทำไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป ก็เลยไป "กำหนด" ไปคิด อุปทานกันเองว่าแค่นี้พอแล้ว ดีแล้ว เป็นกลางแล้ว ไม่ใช่นะ ความพอดี หรือความเป็นกลางก็ดี (สัมมาทิฏฐิ) มันจะเกิดขึ้นจากเราคิดเอาเอง อุปทานไปเอง ตั้งเจตนาไปเอง ไม่ได้ หน้าที่เราจะต้อง "ทำให้เต็มที่ในส่วนของเราก่อน" ครับ เรียกว่า Maximization แล้วบริบทหรือสิ่งแวดล้อมภายนอกมันบีบเรา ทำให้เราทำได้เต็มที่แค่ไหน ก็พอแค่นั้น แบบนี้ มันถึงจะพอดี ถึงจะกลางได้ ไม่ใช่พอดีหรือกลางได้ด้วยการที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว ไม่ใช่ฮะ เราไม่มีทางคิดได้หรอกว่าพอดีตรงไหน กลางอยู่ตรงไหน? เราทำได้คือ "ทำให้เต็มที่" ครับ เมื่อเราเต็มที่ในส่วนของเราแล้ว บริบทแวดล้อมบีบให้เราทำมากไปกว่านั้นไม่ได้อีก เราก็หยุด เราก็พอ เราก็ค่อยจบ นี่ละ มันถึงจะพอดี กลางได้ ส่วนการมีความคิดที่เป็นกลางนี้ ไม่ใช่ไปคิดหาว่า "กลางต้องเท่าไร" หมายถึงการมีความคิดเห็นที่เป็นกลางต่อธรรมทั้งหลาย แต่ไม่ใช่ไปคิด ไปกำหนดเอาเอง ว่านั่นกลาง นี่กลางนะ

ดังนั้น จะต้องเข้าใจให้ชัดว่า "สัมมาทิฏฐิ" นั้นแค่มีความคิดเห็นที่เป็นกลางต่อธรรมทั้งหลาย แต่ไม่ได้ไปคิดเอาเอง อุปทานเอาเองว่าอะไรเป็นกลาง อะไรพอดี จะกลางตรงไหน จะพอดีตรงไหนได้นะฮะ ทำเช่นนั้นเราก็จะมีวิริยบารมี หรือวิริยะอินทรีย์ย่อหย่อน ไม่เต็มที่เอา เราต้องทำส่วนของเราให้ถึงที่สุด ให้เต็มที่ก่อน เรียกว่า Maximization ก่อน เมื่อเราเต็มที่ในส่วนของเราแล้ว บริบทมันบีบให้เราเหลือเท่าไร? ทำได้เท่าไร? เราก็ค่อย "พอ" ค่อย "จบ" ค่อย "หยุด" แบบนี้ มันจะลงตัว มันจะพอดี มันจะเป็นกลางได้เอง คำว่า "สัมมาทิฏฐิ" ไม่ได้หมายถึงว่าต้องมีความคิดเห็นเช่นนั้น เช่นนี้ หรืออย่างหนึ่งอย่างใดนะ หลายคนชอบไปตั้งเอา เช่น ตั้งเอาว่านี่คือ "ธรรมที่ถูกต้อง" ใครเห็นตามนี้ถือว่าความคิดเห็นเป็นกลาง? นี่ มันไม่กลางแล้วแบบนี้ มันเอนเอียงไปแล้ว เกิด "ฉันทาคติ" แล้ว พอเกิดฉันทาคติต่อธรรมเหล่าหนึ่ง ก็จะเกิด "อคติ" ต่อธรรมฝ่ายที่ตรงข้ามกัน มองว่าธรรมของตนถูก ของคนอื่นผิดไปหมด แบบนี้ ไม่มีความเป็นกลาง ไม่เห็นความเสมอภาคในธรรม หรือธรรมทั้งหลายล้วนเป็นอนัตตา เหมือนๆ กัน ไม่ต่างกัน

ไม่มีธรรมใดถูกหรือผิด ใครดีกว่าของใครหรอกครับ อนัตตาทั้งนั้น

 

ธรรมบัวบานจะเน้น "ความรักแท้" (เมตตาบารมี)
แต่จะไม่เน้นความอดทน (ขันติบารมี) นะครับ

 

กลุ่มอิทธิพลสำคัญในการสร้าง "โลกใหม่" (New world: One world)


ปัจจุบัน โลกมีปัญหาความขัดแย้งของระบอบการปกครองทั้งสองขั้ว และมีแนวโน้มว่าจะไปกันไม่ได้แล้ว สุดท้าย ก็จะมีปะทะกันครับ ผลคือ โลกเก่าอาจพังลงไป และต้องมีการสร้างโลกใหม่ขึ้นมาแทนที่ และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรง เราจึงต้องมาดูแลในทุกๆ ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงนี้ร่วมกัน โดยมีสามกลุ่มดังนี้

1 กลุ่มชำระล้างพลังงานเก่า
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มทำลายล้าง จะทำลายล้างสิ่งเก่าๆ สิ่งที่ผิด สิ่งที่ไม่ใช่ลงไป พวกเขาจะได้อำนาจไปก่อน ใครที่ใจร้อน อยากได้ไวๆ อยากมีอำนาจเร็วๆ จะถูกจัดสรรมาให้ทำงานกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มแรก ในช่วงนี้โลกหรือประเทศนั้นๆ จะเหมือนตกอยู่ในความมืดมิด เหมือนประเทศไทยตอนนี้ เรากำลังมืดมน มองไม่เห็นทาง ไม่มีทางไป ตันไปหมด นอกจากจะทำลายล้างหรือชำระสะสางสิ่งที่ผิดเท่านั้นจึงจะมี "ทางออก" ทางไปต่อได้ไงละครับ

2 กลุ่มรักษาโลกองค์รวมไว้
กลุ่มนี้จะทำหน้าที่รักษาองค์รวมเอาไว้ในขณะที่กลุ่มแรกกำลังลงมือทำลาย เพื่อให้ระบบองค์รวมคงอยู่ได้ ไม่พังลงไปทั้งหมดเสียก่อน ซึ่งพวกเขามัก "ทำงานเบื้องหลัง" ของคนกลุ่มแรกอีกที เพื่อคอยดูการกระทำของคนกลุ่มแรก หากแรงไป หรือกระทบมากไปเขาก็จะเข้าไปห้าม หรือหยุดครับ ในประเทศไทยคนกลุ่มนี้ก็มี เพราะประเทศไทยเป็น "หนูทดลอง" ตัวแรกของจักรวาลภายใต้การสร้างโลกใหม่ ซึ่งหากสำเร็จก็จะขยายผลต่อไป

3 กลุ่มสร้างโลกอนาคตใหม่
กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่จะมาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ในอนาคต พวกเขาจะไม่ยอมให้คนรุ่นก่อนๆ มาครอบงำหรือชี้นำความคิดได้ พวกเขาจึงมีความเป็นกบฎในตัว ชอบแหกคอก ทำสิ่งผิด หรือลองผิดลองถูก ในประเทศไทยก็มี เช่น เด็กแว๊นซ์, เด็กแนว ทั้งหลาย ฯลฯ ทว่า ในพวกเขาเหล่านี้จะลองผิดลองถูกและถูก "คัดเลือกโดยธรรมชาติ" คนที่รอดจะได้สร้างโลกใหม่ แต่คนที่สอบไม่ผ่าน ก็จะถูกลงโทษไป จะกลายเป็นคนไม่มีอนาคตไปแทนครับ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องสร้าง "ตัวตน" แบบใหม่เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดให้ได้ในอนาคต

ซึ่งประเทศไทยเรามีคนเหล่านี้ ครบทั้งสามกลุ่มพร้อมอยู่แล้วครับ

 

จริงๆแล้วโลกนี้ไม่มีศาสานา...
มีความรักอย่างเดียวอย่างแท้จริง.. ศาสนาไม่ต้อง.
เคยอ่านจดหมายลับของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์
เขียนถึงบุตรสาว.ความว่า..

ความรักอย่างเดียวแก้ปัญหาได้ทุกสรรพสิ่ง
ที่มันมีปัญหาอยู่ทุกวันนี้เพราะสัตว์โลกขาดความเข้าใจที่แท้จริงของการดำรงอยู่
ขาดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง มีชีวิตอยู่ด้วยความหลง.ประมาณนั้น
ปล.ความรักคือทุกสรรพสิ่ง สรรพชีวิต สรรพวิญญาน.ยืนยัน ฟันธง

 

มีหลายคนหลงผิดคิดว่าชีวิตคนอื่นคือชีวิตตัวเอง
ใช้ความหลงผิดทำร้ายทำลายกันด้วยความหลง
โมหะตัวเดียวที่คุณต้องจัดการกับมัน
ไม่งั้นชีวิตจะหลงผิดจนตาย..ขอเตือน
เพราะปฎิบัติยังไงก็เท่านั้น...
ถ้าจิตไม่ตั้งตรงธรรม นั่นคือความรัก
(ธรรมบัวบานทำให้โลกยิ้มได้)
ปล.ความเห็นส่วนตัว...

 

ใช่ครับ เราควรเรียนรู้ให้ลึกซึ้งว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
สอนอะไร มากกว่าจะไปสนใจในตัวศาสนาพุทธเพราะ
มีการแทรกยาดำไว้เป็นอันมาก ผู้ฝักใฝ่จำนวนมากไป
ให้ควา สำคัญกับสิ่งที่แทรกไว้นั้นโดยเข้าว่าเป็นแก่น
เมื่อนำมาเผยแผ่ก็เลยผิดเพี้ยนไปคนละทิศละทาง
เป็นปัญหาบานปลายแก้ไม่ตกเพราะคำว่าศาสนาพุทธ
นี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นแห่งที่มาของการแบ่งแยกเป็นนิกาย
โน่นนี่นั่นกลายเป็นความแตกแยกภายในกลุ่มผู้นับถือศาสนา
ถึงขนาดจะต้องมีการใช้กำลังห้ำหั่นกัน

การไม่ติดศาสนาแต่มุ่งตรงไปศึกษาแก่นของอุดมการณ์
ของจอมศาสดาน่าจะเป็นหนทางนำไปสู่ความสุข และกำจัด
ทุกข์ทั้งปวงได้ถูกทางมากกว่ามางมงายศาสนาและพิธีกรรมที่ส่วนใหญ่
เป็นสิ่งปนปลอมแทรกเข้ามา

 

ลุงแมวพูดจาแบบนี้
ต้องมอบรางวัลค่ะ..
ปล.อยากให้มีคนแบบลุงแมวเยอะ ๆ
โลกจะได้น่าอยู่.
ไม่บิดเบี้ยวบ้าบออย่างทุกวันนี้...

 

ลุงแมวขอยืนยันตามความเห็นนั้นจริง
เพราะเห็นสภาพความเป็นจริงเรื่องศาสนา
ในปัจจุบันนี้ฝีแตกแล้วครับ เพราะความเข้าใจ
อุดมการของพระพุทธเจ้าผิดอย่างประนีประนอมไม่ได้จริงๆ

 

หลายๆคนร้องหาโลกใบใหม่
คุณร่ำร้องหาโลกใบใหม่
อยากจะถามพวกคุณๆทั้งหลายว่า
โลกใบใหม่ที่คุณร้องหาอยู่ที่ไหนหรอ?

หลายคนเขียนบทความจิตวิญญานได้ดีลึกซึ้ง.
แต่การกระทำสวนทางกับสิ่งที่เขียนออกมา.
ทำไปเพื่ออะไร?เสียเวลา เปลืองพลังงาน
ถามข้างในคุณสิ..ข้างในพวกคุณตอบอะไร?
ทองแท้ไม่กลัวไฟ(ลน)

 

ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้เจาะจงผู้ใด
พูดไปตามใจปรารถนา เท่านั้นเอง.:cool

 

ถ้า จขกท.ไม่เปิดความจริงขึ้นมาลุงแมวก็คงตีบตัน
กับคำว่าศาสนาพุทธ
และยังขึ้นตรงอยู่กับคำว่า ศาสนาพุทธ
โดยหาทางลงไม่ได้จนสิ้นใจครับ

 

สิ่งทั้งหลายไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
โลกของเราก็ไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลง

"และ เป็นโลกใหม่อยู่เสมอ"

ถ้าคุณก้าวตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลก
คุณก็จะกลายเป็นคนล้าหลัง หลงยุค ตกยุคสมัย

ถ้าคุณไม่สนใจต่อการกระทำของคุณที่กระทบต่อโลก
แล้วปฏิเสธว่าคุณไม่ได้เปลี่ยนแปลงโลก แต่ขอโทษนะ
แม้แต่คุณกินข้าว, ใส่เสื้อผ้า ฯลฯ คุณทำให้เกิดมลพิษ
ต่อโลกอยู่แล้วทั้งนั้น แล้วคุณจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนใน
การเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ได้ยังไง และถ้าคุณไม่รู้จัก
สร้างโลกใหม่ คุณก็จะทำลายโลกนี้อยู่แล้วด้วยมือคุณ
เอง ที่โลกร้อนเป็นปัญหาอยู่นี้ ก็เพราะเราไม่ใช่หรือ?

ดังนั้น คนที่มีความรับผิดชอบต่อโลก เขาต้องเปลี่ยนโลก
ไปในทางที่ดีขึ้น "ด้วยการเปลี่ยนตัวเอง" ยังไงละครับ

 

ลุงแมวอย่าเพิ่งสิ้นใจนะคะ
มีดิฉันคนนึงที่เข้าใจลุงแมว
เรามาเส้นทางเดียวกันค่ะ
ทางแห่งการตื่นรู้พลั่กๆ

ปล.ดอกไม้น้ำแข็งเป็นคนมีปัญญาน่าชื่นชมค่ะ
(ใครดีก็ต้องชมเชยค่ะ จะได้มีพลังใจในการทำงาน)

 

เข้าใจอยู่ค่ะ...
แต่ความหมายของดิฉันไม่ใช่แบบนี้นี่.[Embarrass

 

สังคมต้องการรับสมัครคนดีจำนวนมาก แต่คนดีส่วนหนึ่ง
ไม่กล้าสมัคร เพราะไม่เข้าใจว่าคุณสมบัติที่ตนเองมีอยู่นั้น
มันเข้าข่ายคนดีหรือไม่

เพราะการใช้ปัญญาแยกดีแยกชั่ว มันกลายเป็นจุดบกพร่องในสมองของคนไทยยุคปัจจุบัน

 

งั้นก็โอเคคับ

 

เจอกันใหม่นะคะ ลุงแมวว.:VO

 

น้ำท่วมกรุงเทพน่ะ เขาเจตนาไล่คนไปอยู่ดอยครับ


คุณรู้ไหม คราวก่อนเขาพบ "กระสอบทราย" อุดตามรูท่อเต็มไปหมด ออกข่าวด้วย คิดดูสิ กระสอบทรายมันจะไปอยู่ในรูท่อได้ไง? ถ้าไม่มีคนเอาไปใส่ แล้วคิดดูว่าใครจะเอาไปใส่ได้ถ้าไม่ใช่ผู้ว่าฯ กทม. แต่ที่เขาต้องทำแบบนั้น เพื่อให้คน "อพยพย้ายไปจากกรุงเทพ" เพราะอีกไม่นาน กรุงเทพฯ จะลุกเป็นไฟ จะแย่งอำนาจกัน ทหารและตำรวจจะถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายแล้วฆ่ากันเอง เพื่ออำนาจ เพื่อเลข 10 พวกเขาก็ทำแบบนั้น เพื่อ "ไล่ให้พ้นภัย" ให้ไปอยู่ต่างจังหวัดกันครับ ทั้งเรื่องที่ไล่พวกคลองถม, สีลม ฯลฯ ไม่ให้ขายของอะไรนั่น เขาก็ไล่เพื่อช่วย ช่วยให้คนพวกนี้ ออกไปอยู่ต่างจังหวัด จะได้พ้ยภัยกัน แต่เขาบอกตรงๆ ไม่ได้ คนจะแตกตื่นกัน ผู้ว่ากทมฯ รู้ว่าเขาต้องเล่นบทโหดเพื่อช่วยเหลือชีวิตคน ถึงขนาดไม่อยากทำงานต่อ เลยแกล้ง "ผลาญงบ" เอาเงินไปทำไฟแบบให้จับโกงได้ง่ายๆ เลย เรียกว่าล่อให้คนมาจับ ตัวเองจะได้ถูกไล่ออก จะได้ไม่ต้องทำงานนี้ แต่เชื่อไหม? "ไม่มีใครกล้าจับโกง" ครับ และมี "คำสั่ง" ใครจับทุจริตมีความผิด จนถึงขั้นไล่กลุ่ม นปช. ที่พยายามตั้งศูนย์ปราบโกงกัน อย่างที่เป็นข่าวไงละครับ ลองคิดดูดีๆ สิเพราะอะไร?

นี่แหละ ความผิดเพี้ยนที่มันเกิดขึ้นเพราะสาเหตุนี้ครับ

 

เข้าใจครับท่านดอกไม้ แต่ผมรวมความถึงธรรมอื่นๆด้วย ก็ใช้ใจเช่นกันครับ
มุมมองของผม อดทนก็ก่อให้เกิดความรักได้ครับ เมื่อมีคนใดเข้าใจเข้าใจถึงความอดทนที่เขาทำ มันก็กลายเป็นรักได้ครับ และเพราะความรักก็กลายเป็นความอดทนได้เช่นกัน ใช้เป็นทั้งเหตุและผลละครับอยู่ที่ว่าเรามีแล้วจะใช้ตัวไหนเดินธรรมบางครั้งก็ใช้หลายๆตัว
แต่โดยปรกติก็ไม่มีอะไรเลยครับท่านดอกไม้
แข็งอ่อนร่วมประสาน ก่อเกิดบูรณาการ
กล่าวผิดอันใดขออภัยทุกท่านด้วยนะครับ