ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ในโลกนี้ไม่มีอะไรนุ่มหรือบางกว่าน้ำ
แต่การที่น้ำสามารถกัดเซาะสิ่งที่แข็งอย่างไม่ยอมจำนนนั้น
ไม่มีอะไรจะเทียบได้...

 

มุมมองความรักของท่าน
ทำให้เกิดพลังบางอย่าง..
ปล.ขอบคุณที่สุด.. จากใจ...

 

ผมกด last ไม่ได้อาจไม่ได้เห็นผมตอบนะ มีแต่เรื่องเกมกดด้วย ใครจะอ่านมั้ยเนี่ย
ความจริงกด last ได้ แต่ขี้เกียจกด

 

ผมก็ทำเพื่อตัวเองน่ะละ
พอเห็นคุณโอเคกับงานผม

ผมก็รู้สึกว่างานที่ผมทำ มีค่าขึ้นน่ะคับ

 

ไปดูหนังโป๊เกย์มา แล้วผมรู้สึกแตกต่างฮะ


คือ อย่างนี้ ผมสังเกตุว่านักแสดงนั้นเขายอมรับกิเลสกามจากเพศชายด้วยกัน เหมือนเขาเสียสละตนเองรับกามแทนผู้หญิง แล้วเขาก็มีสตินะ เวลามีเซ็กส์เขาก็มีเทคนิกไม่ให้ของอีกฝ่ายเข้าไปในตัวเขา (หมายถึงน้ำกามนะครับ) คุณต้องเข้าใจอย่างนี้นะ คนเราเลือกเกิดไม่ได้ บางคนอาจต้องทำงานเป็นนักแสดงหนังเอวี เขาอาจไม่ใช่คนเลว แต่ทุกคนมีความจำเป็นในชีวิตที่ต้องทำครับ แล้วชายก็เห็นเขาพูดคุย ดูเขาแมนมาก ปกติเลย แต่เขาต้องเป็นฝ่ายรับครับ ผมเคยเห็นผู้ชายหลายคน เป็นชายปกติ แล้วมันชอบอวดความเป็นชาย ชอบตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก เพื่อให้คนยกย่องว่ามันแมน โอเค มันเป็นผู้ชายแท้ก็จริง แต่ผมไม่นับถือมันเลย คนเราจะเป็นชาย ต้องทำร้ายคนอื่น เหมือนเด็กช่างกลยกพวกตีกันเช่นนั้นหรือครับ? ผมไม่ชอบเลย ผมกลับรู้สึกชอบนักแสดงคนนี้มากกว่า อาชีพของเขาไม่มีเกียรติ์อะไรเลย นักแสดงเอวีญี่ปุ่นไม่ใช่ดาราหนังอะไรแบบนั้น แต่เขาก็ยอมรับความจริงของชีวิตและอยู่กับมันได้อย่างมีสติ เขาเหมือนดอกบัวที่เบิกบานอยู่ท่ามกลางโคลนตมแห่งกิเลส มาถึงตรงนี้ ผมรู้สึกละอายใจตัวเอง ที่ผมยังทำไม่ได้อย่างเขา ยังรังเกียจ ยังลังเล และไม่ยอมทำหน้าที่อะไรหลายๆ อย่าง บางครั้ง ผมถูกผู้ชายด้วยกันดึงไปจะมี sex ผมก็หนี ปฏิเสธบ้างอะไรบ้าง จริงๆ แล้วผมทำถูกหรือเปล่า? ที่เราไม่กล้าเดินลุยโคลนและเป็นดอกบัวที่เบิกบานอย่างบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ภายใต้กามกิเลสของผู้คน?

ผมจึงรู้สึกว่าต้องอย่างเขานี่สิ คือ "มหาบุรุษอวโลกิเตศวร" ที่แท้จริง!

 

เอผมว่ามันไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ เขาทำเพราะเป็นอาชีพถึงแม้วิธีการอาจจะเป็นที่รับได้ยากในสายตาของใครบางคน มันอยู่ที่เงินที่เขาได้มาใช้ทำอะไรมากกว่าครับ เอามาดูแลพ่อ แม่ น้อง ผมว่าไม่ได้ผิดอะไรเลยคนแบบนี้น่าคบหาซะด้วยซ้ำ
แต่การที่เราจะไป O X R กับคนโน้นคนนี้โดยความพอใจของเราเองโดยไม่สนลูกเมียใคร มันก็จะเกิดเหตุและผลที่ต้องชดใช้อยู่แล้ว
และผมว่ามันเป็นเรื่องของความเหมาะสมของกาลเวลาด้วยครับ เมื่อถึงจุดหนึ่งเรื่องแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีความแปลกอะไรเลย เพราะรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่ได้มีเพศมาเกี่ยวข้องด้วยเลยครับ และการมี O X R ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว ตอนมีก็ใช้มัน ตอนที่มันใช้ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้ มันก็วางของมันเองอยู่แล้ว

 

ผมคิดว่าเขากำลังบำเพ็ญธรรมบัวบานอยู่นะ

 

เขียน ๒๑.๓๗

แหม..

...มันจะเว่อร์ ไปไหมนั่น ฉันสงสัย
จะโดนใจ ขไหนหนาด คาดไม่ถึง
อ่านไปมา ยิ่งสงกา น่าตะลึง
อึ้งปนทึ่ง พูดเรื่องไร ใครกันหว่า


สุนทรทู่ / แสงสว่างตราค้างคาว
.

 

แสดงว่าคุณแยกแยะการบำเพ็ญของเทพกับโพธิสัตว์ไม่ออกนะครับ
เทพจะมีฤทธิ์เดชเยอะ ทำอะไรได้มาก แต่โพธิสัตว์จะเหมือนคนต่ำต้อย
ทำอะไรก็ยากเย็น แต่อยากจะทำอะไรเกินกว่าปุถุชนจะสามารถทำได้ครับ

 

เขียน ๒๒.๑๒

ก็แล้วจะต้องไปแยกแยะทำไรล่ะครับ ไม่ใช่หน้าที่
เราก็แค่ทำไป อะไรอยู่ข้างหน้า ก็ทำมันไป
ตามใจ อารมณ์ คำขอ คำร้อง คำสั่ง
แค่ไหลตามสภาพแวดล้อมไป
เหมือนพวกบ้าปีนภูเขาไง
ก็ภูเขามันอยู่ตรงหน้า
คิดมากปวดหัวนะ


กระต่ายป่า ข้างวัด / แถไปได้ ตลอดตลอด
.

 

ฤาเป็นธรรม ประตู(หลัง)บาน กันแน่นี่
อ่านอีกที ก้อยิ่งอึ้ง ทึ่งปนเสียว
การบำเพ็ญ บารมี นี่นั่นเทียว
จักไปเกี่ยว กันอะไร ในกิจกาม
...ถ้าล่วงเกินขออำไพ..อิอิ

 

ผมไม่ทราบครับว่าใช่แนวทางของธรรมบัวบานหรือเปล่า เพราะเงินไม่ได้ผิดอะไรใช้ทำประโยชน์ได้ เพราะการบำเพ็ญนั้นก็คือใจ ผมมองว่าธรรมบัวบานเป็นธรรมที่ใช้ใจที่มีรักในการบำเพ็ญ ย่อมมีความบริสุทธิ์ในตัวของมันเอง ให้ด้วยความรักคือการทำให้เจริญขึ้นงอกงามขึ้นด้วยความรัก เพื่อทำให้ใจนี้มีรัก และแบ่งปันความรัก เมื่อเข้าใจในคำว่ารัก ก็ไม่ต้องหาเหตุและผลในการให้ เพราะมันอยู่เต็มใจของคนที่มีรักอยู่แล้ว คงไม่ใช่การมีความสุขเพียงชั่วคราวแล้วดับไป แต่ในขั้นตอนการบำเพ็ญบารมีใจให้มีรัก มันก็คงต้องมีลองผิดลองถูกกันไป เอาง่ายๆกับคนใกล้ตัว คนรอบข้างคนรู้จักก่อนก็พอครับผมคิดแบบนั้นครับ

 

ที่คุณกำลังบำเพ็ญอยู่น่าจะเป็นขั้นเทพ ไม่ใช่ขั้นโพธิสัตว์นะครับ

 

พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีปณิธานทำให้โลกเจริญอยู่แล้ว


เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมคู่กันนะครับ เพราะธรรมระดับสูงเขาไม่แยกทางโลกกับทางธรรม ถ้าทางธรรมเจริญ ทางโลกก็จะเจริญด้วย แต่ปัจจุบัน เจริญทางโลกกันมาก แต่ทางธรรมยังไม่ก้าวหน้าครับ ดังนั้น ภารกิจที่ผมจะทำในโลกนี้จึงกลายเป็นการช่วยให้ทางธรรมเจริญก้าวหน้าไปให้ทันทางโลกที่เจริญอยู่แล้ว เหตุนี้ ท่านจึงเห็นความเจริญทางโลกของประเทศไทย ชะลอตัวลง ล้าหลังมากขึ้น นั่นคือ การรอ รอให้คนมีความเจริญทางธรรม ก้าวไปให้ทันกับทางโลกไงครับ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การจะเจริญทางธรรมได้ ต้องตัดทางโลก ต้องทิ้งทุกอย่างทางโลก ไปบวชพระ ไปเป็นฤษี แล้วต้องอยู่อย่างสมถะ อดๆ อยากๆ อะไรแบบนั้น อันนั้นมันเหมาะกับคนที่หลงโลกนะครับ เขาทำแบบนั้นเพื่อแก้นิสัยความเคยชินให้ตัวเอง แต่ไม่ใช่มาตรฐานสากลสำหรับทุกคน ดังนั้น เราจึงไม่ต้องออกจากทางโลก เพื่อไปปฏิบัติธรรมก็ได้ หากเราเข้าใจการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็อาจปลีกวิเวกออกจากทางโลกไปก่อนครับแล้วค่อยกลับเข้ามาปฏิบัติให้กลมกลืนกับทางโลกใหม่ อย่างผมเองก็ทำแบบนี้ครับ

พระศากยมุนีพุทธเจ้าเองก็ทรงมีปณิธานจะให้เรามีเงินใช้ ร่ำรวย มีสิ่งต่างๆ ไม่ต่างจากพระพุทธเจ้าองค์อื่นนะครับเมื่อเราปฏิบัติธรรมบัวบานตามสัทธรรมปุณฑริกสูตร เราจะไม่จน เพราะไม่ใช่ ธรรมะ ธรรมชาติของการเป็นฤษี เราเป็นได้ทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะเป็นอะไร ขอเพียงมีความเป็นมนุษย์ ก็รับธรรมะไปปฏิบัติได้ อย่างผมเองได้ปฏิบัติธรรมบัวบานมาถึงวันนี้ ผมปฏิบัติมาได้จริงๆ จังๆ ก็ประมาณเจ็ดแปดปี แต่ก่อนหน้านั้นก็ปฏิบัติธรรมอื่นมาก่อนครับ ตอนนี้ ผมก็มีชีวิตที่ดีขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม โดยที่ผมไม่ได้ไปก่อกรรม ไปทำงาน ไปมีอาชีพ มีรายได้อะไรกับใครเลย เรียกได้ว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ทุกวันนี้ ได้มาเพราะการปฏิบัติธรรมจริงๆ สมาชิกในครอบครัวก็ดีขึ้น น้องสาวกลายเป็นโยมอุปถัมภ์ ทำให้ครอบครัวเปลี่ยนจากจุดต่ำสุด จุดติดลบ ไปสู่จุดที่เป็นศูนย์ และปัจจุบันก็เริ่มเป็นบวก แต่ก็ต้องดูพฤติกรรมตลอดครับ เช่น น้องสาวอยากเอารถยนต์มาให้แต่พ่อนิสัยไม่ดี เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ชอบอวดโชว์คนอื่น สร้างแต่ปัญหา เราจึงตัดสินใจร่วมกันในครอบครัวว่าไม่เอา น้องสาวจึงได้ขายรถไป นี่เห็นไหม ไม่ใช่เราไม่มีบุญจะได้ เรามีอยู่ แต่เราก็ต้องคิดว่าถึงเวลาจะรับหรือยัง? ถ้ายัง ก็ต้องอดทนรอจนถึงเวลาที่ใช่ ใช้ขันติบารมีไปก่อน อย่าใจร้อนรีบอยากได้ครับ

ธรรมบัวบานได้ผลปัจจุบัน เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมครับ

 

ธรรมบัวบาน ทำให้เราเกิดไอเดียบางอย่าง.
ปล.ธรรมบัวบาน ธรรมแห่งความรัก เรื่องจริงเลยนะเรื่องนี้

 

ผมก็มองว่ามันก็คือสิ่งเดี่ยวกันละครับไม่ได้แยกทางโลก ทางธรรม ยิ่งเข้าใจมันก็เจริญขึ้นของมันเองแต่ก่อนจะถึงตอนนั้นมันก็ต้องมีการทดสอบบ้างอะไรบ้างเป็นเรื่องธรรมดา จะเอาโดยไม่รู้จักให้อะไรเลยคงยากนะครับ และจะให้โดยไม่รู้จักเก็บ ก็คงไม่มีใครให้เหมือนกัน

 

อย่าไปยึดติดกับพุทธศาสนา แต่ไปให้ถึงพระพุทธเจ้าที่แท้จริง


เรายังไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้าที่จะมาตรัสรู้ได้เองนะครับ ดังนั้น เรายังต้อง "ต่อสายธรรมจากพระพุทธเจ้าที่แท้จริง" ให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปนั่งคิดเอาเอง เดาเอาเอง ตรัสรู้เอาเอง เพราะแบบนั้น มันคือ พระปัจเจกพุทธเจ้า ไปซะเอง ไม่ใช่นะ ยังไม่ถึงยุคสมัยของเขา ยุคสมัยนี้ มีธรรมกาล 5,000 ปี พระพุทธเจ้ายังโปรดสัตว์อยู่ตลอดนะ คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า ซึ่งมีองค์สมณโคดมเป็น "นิรมาณกายภาคมนุษย์" แสดงธรรมสร้างพระศาสนาเอาไว้ เมื่อพระสมณโคดมนิพพานแล้ว พระธรรมกายคือ พระศากยมุนีก็คือ วิมุติธรรม วิมุติพุทธเจ้า ไม่ใช่ความว่างเปล่า หายสูญนะ ส่วนที่นิพพานไปมันเป็นแค่ "สมมุติธรรม" แต่ส่วนวิมุติธรรมไม่ได้มาเกิด มาดับ มาหายไปไหน มีธรรมะ ธรรมชาติอย่างไร ก็ "เป็นเช่นนั้นเอง" นั่นแหละ ทีนี้ ต้องเข้าใจว่า "วิมุติพุทธเจ้า" ท่านก็ทำหน้าที่แสดงธรรม โปรดสัตว์อยู่ตลอด 5,000 ปี แต่มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ มองไม่เห็น นึกว่ากลายเป็นความว่างหายสูญไป ก็เลยพากันเป็นศาสดากันซะเอง

ดังนั้น อยากบอกแค่ว่าวิมุติพระพุทธเจ้านั้นยังเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ใช่ความว่างเปล่าหายสูญ ทรงยังโปรดสัตว์ได้อยู่ และปกครองธรรมกาลครบ 5,000 ปีแน่นอน พระพุทธเจ้ามีสัจบารมีนะ กล่าวไว้ว่าจะโปรดสัตว์ห้าพันปี อย่างไรก็อย่างนั้น ส่วนที่นิพพานไปก็แค่สมมุติพุทธเจ้า อย่าไปยึดถือ ส่วนพระพุทธศาสนา ก็เป็นสมมุติเหมือนกัน อย่าไปยึดติดไปให้ถึง "วิมุติพุทธเจ้า" ให้ได้แล้วเราจะต่อสายธรรมจากท่านได้ถูกต้อง ไม่ใช่ศาสดาแบบอุปโลกน์กันไปเอง ตั้งตัวเป็นพระพุทธเจ้ากันซะเอง สอนธรรมะแทนพระพุทธเจ้ากันเสียเอง นั้นไม่ได้ความ ไปถึงวิมุติพุทธเจ้าให้ได้ ไม่ได้เดินทางไปไหนหรอก ก็ท่านมาโปรดเองเลย อย่างผม ปฏิบัติยิ่งยวด จนสะเทือนถึงท่านๆ ก็มาโปรด ให้ปริศนาธรรมด้วยการแสดงปาฏิหาริย์ เป็นเหมือนดวงจันทร์ไร้มลทินไร้กระต่าย อยู่ตรงข้ามกับพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น (ไม่ใช่ดวงจันทร์ดวงที่เราเห็นแน่นอน) เห็นจะๆ กับตาตัวเองเลยนะ มีพยานรู้เห็นกันสามคนยังมีชีวิตอยู่ด้วย ท่านมาให้ปริศนาธรรมเราแบบนั้น เห็นไหม วิมุติพุทธเจ้ายังมีอยู่ ไม่ต้องทำตัวเป็นศาสดากันซะเองหรอก ไม่ต้อง ไม่ต้องกลัวพุทธศาสนาจะไม่มีหรอก ไม่ต้อง

ปฏิบัติของเราไปให้สะเทือนถึงท่านให้ได้ ท่านก็มาโปรดเราเอง!

 

แท้แล้วนิรมาณกายของพระพุทธเจ้ามีได้ตลอด 5,000 ปีฮะ
แต่มนุษย์มีใจเสื่อมต่ำ จึงไม่อาจมองเห็น จะเห็นได้ก็แค่ ...
"พระสมณโคดม" เพียงหนึ่งนิรมาณกายเดียว เท่านั้น!

 

It is a new self-understanding.
thanks to the good people.
From now on.It will move with the heart.
Do not stray again.Okay?

 

ความจริงที่ไม่ยอมรับ ไม่อยากรับ หรือด้วยเหตุอะไรก็ตามแต่..
ก็คือ ไม่รับ.ความมืดก็ยังคงมืดต่อไป...
แต่ถ้าคิดและเข้าใจเมื่อใด..เมื่อนั้นความสว่างก็คือความสว่างนั่นเอง