ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

มนุษย์จะหลอกตัวเองว่า "ฉันเข้าใจธรรมะดีแล้ว"


แต่พวกเขาจะได้ธรรมะปลอมๆ ครับ เพราะธรรมะจริงๆ จะถูกแสดงโดย "พระพุทธเจ้าที่แท้จริง" ไม่ใช่ "มาจากเราคิดเอง" และท่านจะมาแสดงในวันปิดพุทธกาลให้เทพเทวดาฟัง "มนุษย์จะไม่ได้เห็น" ครับ ในวันนั้น จะมีเทพเทวดาบรรลุธรรมกันมากมายแบบของจริง ไอ้อย่างที่เรามานั่งเถียงๆ กันนี่ ปลอมหมด ไม่มีใครจริงสักคน แต่ ละคนตายไปเป็น "ฝีเฝ้าธรรมะ" อยู่กับโลก อยู่กับสมมุติ อยู่กับวิชา อยู่กับคัมภีร์ อยู่กับลัทธินิกายกันไป เฝ้าอยู่ตามวัดบ้าง สถานธรรมบ้าง เขาจะตั้งให้เป็น "เทพธรรมบาล" เฝ้าไปพันๆ ปี ไม่เกินสองพันห้าร้อยปี เขาก็จะปิดพุทธกาล ตอนนั้นแหละถึงจะได้รับการปล่อยออกมา คิดดู เฝ้าอยู่ที่เดิมอย่างนั้น ไปไหนไม่ได้นะ สองพันกว่าปี ตอนแรกๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก พอนานเข้า เป็นร้อยปีเริ่มทุกข์ละ เริ่มหา "ตัวตายตัวแทน" ละ หาคนมาเฝ้าแทนตัวเองละ ส่วนคนที่ไม่ยึดธรรมะ ไม่ยึดศาสนา ไม่ยึดห่าอะไรจริงๆ พวกนี้ ไปทางของตน ทำดีไปดี ทำไม่ดีไปไม่ดี แต่หลุดพ้นจากการเป็นผีเฝ้าธรรมะนะ

มนุษย์คนไหน "ถูกผีเฝ้าธรรมะจองตัวแล้ว" เราจะโปรดเขาไม่ได้ ก็เพราะเขาจะถูกเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน เป็นผีเฝ้าธรรมะแทนตนเก่า พวกนี้ จะมาดลจิตดลใจ สอนธรรมะคนๆ นั้น ให้ดูเหมือนเก่ง ดูมีความรู้เยอะแยะไปหมดเลย หากเราต้องการหลุดพ้น จะต้องใช้เคล็ดอาภรณ์วิวาห์ คือ ถักทอผ้าให้คนอื่นใส่ เราอย่าไปใส่เอง เราต้องให้ธรรมะแก่คนอื่นไป เราก็จะไม่ต้องแบกธรรมะ แม้แต่ธรรมะที่คลั่งใคล้ความว่างก็ไม่รอดนะ ตายไปเป็นผีเฝ้านิกายแห่งความว่าง ไม่หลุดพ้นได้ อย่ามาเชื่อผมเลยนะ เดี๋ยวผีเขามาว่าผม หาว่าไปยุ่งเรื่องของเขา เขาจะได้หลุดพ้นแล้ว อุตส่าห์หาตัวตายตัวแทนมาได้แล้ว เรายังไปทำเขาเสียงานอีก 555 ดังนั้น ก็ต้องปล่อยให้เขาหลงในธรรมะพวกนั้นกันต่อไป บอกไม่ได้ เตือนสติก็ไม่ได้ จะไม่มีใครเชื่อ ใครฟังเรา เขากำหนดตัวไว้แล้ว กำหนดตำแหน่งที่ไปให้แล้ว จัดสรรกันหมดแล้ว ว่าใครจะไปนั่งตรงไหน ตำแหน่งอะไร ในยุคหน้า ซึ่งจะมีการจัดสรรใหม่หมด พลังงานเก่าเทพเทวดาองค์เก่า เขาจะหลุดพ้นกันหมดแล้ว เขาก็ต้องมีมนุษย์มาแทนที่ มนุษย์ตายเมื่อไร ไม่ได้นิพพานไปไหน เป็นผีเฝ้าธรรมะกัน เพราะไม่มีใครได้ธรรมจากพระพุทธเจ้า คิดเอาเองกันทั้งนั้น

มีแต่เทพเทวดาน่ะละ ที่จะได้ธรรมแท้จริงจากพระพุทธเจ้านะครับ

 

พ้นจากสมมุติ พ้นจากทุกข์ แต่ก็ยังอยู่กับสมมุติ อยู่กับธรรมชาติ...ธรรมชาติมันไม่ได้เป็นทุกข์อะไร เหนือจากเกิดแก่เจ็บตาย ก็ไม่น่าพูด เพราะคนที่พูด ก็ยังจะต้อง ตายอยู่..

 

ที่นี่ เขาไม่ได้คุยกันแบบวิเคราะห์ นะครับ อย่าแจงมาให้ผิดประเด็นสิครับ..เขาคุยกันแบบเพื่อนที่เอาประสบการณ์ของตนมา แชร์กันครับ...

 

ท่านดอกไม้ไง ถูกจองไว้ให้ หลายตำแหน่งเลย..เพราะยังแบกตำราวิชาการ มาเป็นตู้คอนเทนเนอร์เลย...เพศ ก็จะไม่เอา งั้นเหรอ...วิชาคำภีร์เทวดาน่ะ มันแค่ เกือบเหมือนพุทธะ เท่านั้น...พุทธะไม่มีคำว่า สละเพศ...ความเป็นกลางเป็นสัมมา ไม่ไช่ว่า เพศจะเป็นกลาง เป็นกระเทยซะเมื่อไรกัน...ความเป็นกลาง เป็นไปตามธรรมชาติ คือ...เรื่องเพศ มันจะมีไปตามเวลา ตามธรรมชาติของมัน..ตามฮอร์โมน..ไม่ไช่ไม่เป็นหญิงไม่เป็นชาย..อย่าหลงเพศตัวเองครับ เพราะ คำภีร์เทวดาน่ะ มันพวกมิจฉาทิฐิ

 

คำภีร์เทวดาท่าน..ฝึกจบแล้ว..ผลคืออะไรหรือท่าน...นี่มันเริ่มต้นด้วยมิจฉาทิฐิ
แต่พุทธะ เขาฝึกชำระความยึดมั่นถือมั่น ในสมมุติ แต่สุดท้าย ต้องกลับมาเป็นตัวเอง เพื่อยอมรับความจริงของตัวเอง...นี่จึงเป็นสัมมาทิฐิครับ

 

:d

 

เราคือดอกบัวบาน..
บัวบานกลางใจฉัน
เรารู้แล้ว เข้าใจแล้ว
ตามบุญบารมีของเรา
ทุกคนมีต้นทุนต่างกัน
ต่างที่มาต่างที่ไป
เหตุไฉนจึงไม่เข้าใจประเด็นนี้
ปล.เสด็จปู่พญายมราชสอนอะไร?
เคยรู้บ้างป่าว?

 

ชีวิตฉัน ฉันจัดการเอง
ชีวิตใครก็จัดการกันให้ดีๆ
ชีวิตใครชีวิตมัน
เรื่องนี้จริงแท้แน่นอนที่สุด
ปล.ปล่อยให้ลง ปลงให้จริง.เอวัง.

 

กล่าวว่ารู้ธรรมเราก็ไม่ได้รู้อะไรเลยเพราะธรรมมันเป็นของมันอย่างนั้น เรามี เราใช้ธรรมในสถานที่ที่ต้องใช้ หลังจากนี้เราไม่มีอะไรเลย

 

ท่านหนูมาดีลองเฉลยมาครับ
เพราะคนขยับเคลื่อนไหวดวงดาวไม่ให้ชนกัน คนที่คอยดูแลหลุมดำประตูทางเข้าทุกมิติระหว่างจักรวาลก็อยู่ในขอบเขตนี้

 

เขียน ๑๐.๓๓

อันนี้ หมายถึงท่านนิวรณ์หรือเปล่าครับ จะกัด ก็กล้าๆ หน่อยดี๊ ๕๕๕
อาการหนักหนาสาหัสสุดๆ เลยล่ะครับ คิดว่า รพ.ยังไม่กล้ารับเลย
คงโดนไล่ให้ไปนอนรอความตายอยู่ที่บ้าน หมดสิทธิ์เยียวยา
มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ ถึงจะกล้ายุ่ง กล้าแนะ กล้าเขี่ย
แต่ก็นะ อาการปากหมาน ก็หายไปแล้วนี่นะ เนอะ
ยังเหลือแต่โรคแสนรู้ กับอาการโรคต้อภูเขา
ซึ่งดูแล้ว อาการก็สงบระงับได้บางครั้ง
ก็คงต้องเขย่ากันต่อไป ล่ะมั้ง นะ


หมอมือเปล่า / เห่าไม่เลิก โว้ย
.

 

ท่านกระต่าย นิวรณ์ นี่ ไม่ไช่ผมนะ

ผม วรณฺนิ....แสดงว่า ไม่ไช่ผมสินะ รึว่าเป็นผม แต่พิมพ์ผิด...อิอิ

 

เขียน ๑๑.๑๕

อืม..อย่ากินปูนสิ ไม่หร่อยหรอก หึหึหึ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

ผมชอบกิน กับแกล้ม....ด้วย แอนดริงค์

 

พริ้วไหวเหมือนสายลม เลื่อนไหลเหมือนสายน้ำ มั่นคงเหมือนแผ่นดิน ฯ ความเป็นเราล้วนว่างเปล่า ธรรมมารมณ์เป็นแบบนี้ธรรมชาติเป็นแบบนี้นะครับท่านวรณ์ เมื่อเข้าใจถึงการมีก็ทำให้มันเลื่อนไหลได้ทุกอย่างครับผม
อ้อส่วนที่เป็นปีกถ้าจะทำให้จินตนาการว่าออกจากกายหยาบนะครับไม่งั้นจะจ่ายแหล่งพลังงานไม่ได้คงสภาพไม่ได้

 

ยุคมืดแห่งการอุปโลกน์ตัวเอง

ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่งหรอกครับ
แต่จะเป็นทั่วไปหมด เพราะเขาต้องการ
คนจำนวนมากไปแทนที่พลังงานเก่าให้ครบ

ดังนั้น จึงมีคนประเภทคิดเองว่าได้ธรรมแล้ว โดยที่
ไม่มีพระพุทธเจ้ามาโปรดหรือใครมารับรองธรรมให้สักคน

 

การสั่นสะเทือนจิตสำนึกสูงสุดนี้ ถ้าคนใดได้สั่นสะเทือนพลังงานนี้จะรับรู้ได้ทั้งจักรวาล พระอรหันต์และพระพุทธเจ้าเข้านิพพานหมดแล้ว ท่านมาไม่ได้หรอกค่ะ แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าหรอกนะคะ ...ตัวเอง!

 

จะรองรับได้อย่างไรกันล่ะค่ะ อย่างท่าน lighter ท่านก็ยังเป็นแค่บุคคธรรมดาที่ปราถนาพุทธภูมิอยู่มั้ง ยังไม่ได้บรรลุพระอรหันต์สักกะหน่อยนะคะ

 

โกรธแทนใครหรือเปล่าค่ะ ตัวเอง เห็นว่าใครคนหนึ่งทำให้หัวใจแช่มชื่น แช่มชื่นอยู่ เป็นธรรมดานะ ธรรมก็ต้องมีเห็นต่าง เนาะ...ว่ามั้ย ฮึ ฮึ

 

สายอรหันตสาวก ท่านจะอยู่เป็นพันปี
อย่างในไทยเราก็คือสายหลวงปู่เทพโลกอุดร

ท่านเคยมาหาผม แล้วทดสอบเพื่อจะต่อสายธรรมให้ผม
แต่ผมไม่เอา ผมมุ่งทางโพธิ ไม่ใช่สาวกยาน ต่อมาไม่นานก็ละสังขาร

นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดรองค์สุดท้ายครับ (ท่านมีหลายองค์นะครับ)
ดังนั้น จึงไม่เหลือสายอรหันตสาวก มารับรองธรรมให้ใครอีกแล้ว